ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ความรู้ (ปัญญา) VS ความรู้สึก (ชอบ,ไม่ชอบ) http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=57195 |
หน้า 53 จากทั้งหมด 54 |
เจ้าของ: | Rosarin [ 01 ก.ย. 2020, 23:03 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความรู้ (ปัญญา) VS ความรู้สึก (ชอบ,ไม่ชอบ) |
โรสจะเทียบแบบทดลองให้คุณเข้าใจการทำงานของจิต สมมุติว่าตัวคุณเป็นจิตมีหน้าที่เปิดและปิดไฟทีละดวงก่อนเดินไปต่อ ตั้งหลอดไฟ6สีสลับกันให้ครบ17หลอดเทียบได้กับจิต17ดวง จิตเกิดดับแทนด้วยการเปิดปิดก่อนเดินไปหลอดไฟดวงใหม่ ทดลองเปิดปิดไฟได้ทีละ1ดวงสลับกันไปเรื่อยๆในความมืด คือแทนด้วยสีต่างกันเป็นจิตเกิดดับสลับกันอันนี้ต้องทดลองในห้องมืด ต่อหลอดไฟ17ดวงให้วางเรียงระยะห่างเท่ากันเป็นวงกลมทีนี้ยืนจุดที่1ปิดไฟทุกดวงก่อน คุณยืนจุดที่1เริ่มเปิดไฟแล้วปิดก่อนเดินต่อไปจุดหลอดที่2เปิดแล้วปิดทีละหลอดทำต่อไปเรื่อยๆ แล้วหยุดที่หลอดไฟดวงที่17ตรงนี้คือแสงไฟทุกดวงดับหมดมืดสนิท แปลว่าไฟดวงที่หนึ่งแทนสีที่เห็นขณะแรกมีอายุยีนกว่าจิต17ขณะ จิตที่เห็นขณะแรกดับคือไม่มีแสงจากหลอดไฟดวงแรกแล้วค่ะเพราะคุณปิดไฟแล้วและไปอยู่ที่จิตขณะที่17 แต่สีหลอดที่1ยังคงมีแต่แสงไม่มีเวลาปิดแสงดับแต่แสงไม่มีแล้วแต่คุณเห็นแสงหลอดใหม่ คือเปิดปิดหลอดค่อไปไม่ใช่จิตอันเดิมหลงเหลือแล้วก็มองเห็นแค่เงาสีจิตรู้สีหลอดที่1ไม่มีเหลือดับนานแล้ว แสงแรกดับแต่สีแรกคงมีที่หลอดแตกดับหมดตอนที่ปิดไฟหลอดดวงที่17ทำให้คุณเห็นสีค้างที่ตัวหลอดไฟ แต่พอคุณปิดหลอดไฟทุกดวงแล้วอยู่ในความมืดนั้นคือความหมายของรูปสีดับหมดหลังจิตเกิดดับ17ขณะ งงไหมคะ...อยากทดลองอธิบายพอจะนึกออกไหมคะ...แค่สีที่เห็นสีเดียวนะเนี่ย |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 02 ก.ย. 2020, 10:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความรู้ (ปัญญา) VS ความรู้สึก (ชอบ,ไม่ชอบ) |
Rosarin เขียน: Kiss โรสจะเทียบแบบทดลองให้คุณเข้าใจการทำงานของจิต สมมุติว่าตัวคุณเป็นจิตมีหน้าที่เปิดและปิดไฟทีละดวงก่อนเดินไปต่อ ตั้งหลอดไฟ6สีสลับกันให้ครบ17หลอดเทียบได้กับจิต17ดวง จิตเกิดดับแทนด้วยการเปิดปิดก่อนเดินไปหลอดไฟดวงใหม่ ทดลองเปิดปิดไฟได้ทีละ1ดวงสลับกันไปเรื่อยๆในความมืด คือแทนด้วยสีต่างกันเป็นจิตเกิดดับสลับกันอันนี้ต้องทดลองในห้องมืด ต่อหลอดไฟ17ดวงให้วางเรียงระยะห่างเท่ากันเป็นวงกลมทีนี้ยืนจุดที่1ปิดไฟทุกดวงก่อน คุณยืนจุดที่1เริ่มเปิดไฟแล้วปิดก่อนเดินต่อไปจุดหลอดที่2เปิดแล้วปิดทีละหลอดทำต่อไปเรื่อยๆ แล้วหยุดที่หลอดไฟดวงที่17ตรงนี้คือแสงไฟทุกดวงดับหมดมืดสนิท แปลว่าไฟดวงที่หนึ่งแทนสีที่เห็นขณะแรกมีอายุยีนกว่าจิต17ขณะ จิตที่เห็นขณะแรกดับคือไม่มีแสงจากหลอดไฟดวงแรกแล้วค่ะเพราะคุณปิดไฟแล้วและไปอยู่ที่จิตขณะที่17 แต่สีหลอดที่1ยังคงมีแต่แสงไม่มีเวลาปิดแสงดับแต่แสงไม่มีแล้วแต่คุณเห็นแสงหลอดใหม่ คือเปิดปิดหลอดค่อไปไม่ใช่จิตอันเดิมหลงเหลือแล้วก็มองเห็นแค่เงาสีจิตรู้สีหลอดที่1ไม่มีเหลือดับนานแล้ว แสงแรกดับแต่สีแรกคงมีที่หลอดแตกดับหมดตอนที่ปิดไฟหลอดดวงที่17ทำให้คุณเห็นสีค้างที่ตัวหลอดไฟ แต่พอคุณปิดหลอดไฟทุกดวงแล้วอยู่ในความมืดนั้นคือความหมายของรูปสีดับหมดหลังจิตเกิดดับ17ขณะ งงไหมคะ...อยากทดลองอธิบายพอจะนึกออกไหมคะ...แค่สีที่เห็นสีเดียวนะเนี่ย คิกๆๆ ก็ใช้จิตอยู่ทุกวี่ทุกวัน ลงนั่งก็ใช้จิต + กาย ลุกขึ้นยืนก็ใช้จิต + กาย เตะคนก็ใช้จิต + กาย ไปวัดทำบุญตักบาตรก็ใช้จิต + กาย ฯลฯ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 02 ก.ย. 2020, 12:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความรู้ (ปัญญา) VS ความรู้สึก (ชอบ,ไม่ชอบ) |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: Kiss โรสจะเทียบแบบทดลองให้คุณเข้าใจการทำงานของจิต สมมุติว่าตัวคุณเป็นจิตมีหน้าที่เปิดและปิดไฟทีละดวงก่อนเดินไปต่อ ตั้งหลอดไฟ6สีสลับกันให้ครบ17หลอดเทียบได้กับจิต17ดวง จิตเกิดดับแทนด้วยการเปิดปิดก่อนเดินไปหลอดไฟดวงใหม่ ทดลองเปิดปิดไฟได้ทีละ1ดวงสลับกันไปเรื่อยๆในความมืด คือแทนด้วยสีต่างกันเป็นจิตเกิดดับสลับกันอันนี้ต้องทดลองในห้องมืด ต่อหลอดไฟ17ดวงให้วางเรียงระยะห่างเท่ากันเป็นวงกลมทีนี้ยืนจุดที่1ปิดไฟทุกดวงก่อน คุณยืนจุดที่1เริ่มเปิดไฟแล้วปิดก่อนเดินต่อไปจุดหลอดที่2เปิดแล้วปิดทีละหลอดทำต่อไปเรื่อยๆ แล้วหยุดที่หลอดไฟดวงที่17ตรงนี้คือแสงไฟทุกดวงดับหมดมืดสนิท แปลว่าไฟดวงที่หนึ่งแทนสีที่เห็นขณะแรกมีอายุยีนกว่าจิต17ขณะ จิตที่เห็นขณะแรกดับคือไม่มีแสงจากหลอดไฟดวงแรกแล้วค่ะเพราะคุณปิดไฟแล้วและไปอยู่ที่จิตขณะที่17 แต่สีหลอดที่1ยังคงมีแต่แสงไม่มีเวลาปิดแสงดับแต่แสงไม่มีแล้วแต่คุณเห็นแสงหลอดใหม่ คือเปิดปิดหลอดค่อไปไม่ใช่จิตอันเดิมหลงเหลือแล้วก็มองเห็นแค่เงาสีจิตรู้สีหลอดที่1ไม่มีเหลือดับนานแล้ว แสงแรกดับแต่สีแรกคงมีที่หลอดแตกดับหมดตอนที่ปิดไฟหลอดดวงที่17ทำให้คุณเห็นสีค้างที่ตัวหลอดไฟ แต่พอคุณปิดหลอดไฟทุกดวงแล้วอยู่ในความมืดนั้นคือความหมายของรูปสีดับหมดหลังจิตเกิดดับ17ขณะ งงไหมคะ...อยากทดลองอธิบายพอจะนึกออกไหมคะ...แค่สีที่เห็นสีเดียวนะเนี่ย คิกๆๆ ก็ใช้จิตอยู่ทุกวี่ทุกวัน ลงนั่งก็ใช้จิต + กาย ลุกขึ้นยืนก็ใช้จิต + กาย เตะคนก็ใช้จิต + กาย ไปวัดทำบุญตักบาตรก็ใช้จิต + กาย ฯลฯ อยู่ที่บ้านไม่รู้ก็นั่งรู้เปล่าว่าเป็นจิตอะไรตอนนั่งนั่นน่า หรือคิดแต่ว่านั่งก็นั่งไม่ต้องระวังตัวเพราะปล่อยตัวได้เต็มที่555 พอไปวัดอยากทำให้คนอื่นเห็นว่าดีสุภาพเรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้นั่นน่ะรู้ตัวไหมว่านั่งคืออะไร ไม่ว่าจะไปไหนจะไปทำอะไรก็ไม่รู้สึกตัวว่าตัวตนไม่มีเพราะไม่เคยคิดถูกตรงสัจจะตามคำสอนได้แม้1คำ จะเอาอะไรไปเชื่อมต่อปัญญาในชาติต่อๆไปคิดไหมถ้าตายไปตกนรกนานมากลืมหมดเลยที่ทำไว้ชาตินี้น๊า สัญญาที่เคยจำว่าเป็นตัวตนคือความคิดหลงผิดยึดมั่นว่ามีตัวตนถอนตัวตนออกไม่ได้ทำแบบไม่รู้อยู่นั่นแหละ ปัญญารู้น่ะต้องรอบรู้ทุกคำที่ตัวเองคิดถูกตรงตามคำสอนคือรู้ตัวว่ามันผิดตั้งแต่คิดเอาตัวตนไปทำแล้วนั่งน่ะ ก็ตัวตนมันไม่มีอยู่แล้ว...จะยืนจะเดินจะนั่งจะนอนก็เป็นปกติของตัวตน...ที่ไม่รู้คือไม่รู้ว่าปกติไม่รู้สึกว่าตัวไม่มี |
เจ้าของ: | Rosarin [ 03 ก.ย. 2020, 07:02 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความรู้ (ปัญญา) VS ความรู้สึก (ชอบ,ไม่ชอบ) |
โลกสวย เขียน: กรัชกาย เขียน: โลกสวย เขียน: กรัชกาย เขียน: โลกสวย เขียน: คริคริ หัดล้างใจเพียงครู่เดียวจะพบความสะอาด มากกว่าล้างจานตลอดชีวิต ใจใช้น้ำยาล้างจานล้างออกหรอ พูดเป็นกาตูนไปได้ คริคริ ลุงกรัชกายแสดงความรู้ผิดๆออกมาอีกแระค่ะ เพราะมัวแต่ดูกาตูนเฮนไต๋ เรยไม่รู้ว่า พระพุทธองค์สอนให้ ใช้ธรรมะใช้ล้างใจ ธรรมะ มีสองอย่าง โลกียธรรม ๑ โลกุตรธรรม ๑ ใช้ธรรมะไหนล้างล่ะ คริคริ ช่างไม่รู้อาไรซะเรย วิมุติธรรมไงคะ เจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อวิชชาพาให้เกิด จิตเกิดดับทุก1ขณะ คำว่าดับมันว่างจากตัวตน มีแต่ความเข้าใจผิดของตัวเอง ไม่รู้ว่าตัวตนที่คิดว่ามีคืออุปาทาน หลงยึดถือขันธ์ที่กำลังเกิดดับว่ามีตัว ที่ปรากฏว่ามีมันมีแสงสะท้อนสี1สีเข้าตา มันไม่มีรูปร่างอะไรเลยพอใจมากไหมที่คิดว่า หลับตานั่งสมาธิแล้วถอดจิตออกไปดูภพภูมิอื่นได้ เออ...ก็บอกว่าให้เข้าใจภพปัจจุบันว่าหลงเข้าใจผิดไง ลืมตาดูโลกตามปกติฟังพระธรรมตามปกติให้เข้าใจอวิชชา พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่มีที่กำลังปรากฏว่าเป็นสุญญตา ที่นั่งสมาธิถอดจิตออกไปเที่ยวนรกสวรรค์ได้ก็คือยังเห็นผิดคิดยึดติดว่ามีภพจึงยังเกิดอยู่555 บอกไม่ฟังเลย...ก็บอกว่าจะไปเห็นภพไหนใน31ภพภูมิก็ไม่รู้ว่ามันไม่มีหลงของไม่มีถึงอยากไปทำให้มี ก็มาบอกว่าหยุดทำกิเลสใหม่เพิ่มให้เริ่มต้นฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าจะได้เลือกสร้างกรรมใหม่ที่เกิดปัญญา http://www.dhammahome.com |
เจ้าของ: | โลกสวย [ 04 ก.ย. 2020, 23:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความรู้ (ปัญญา) VS ความรู้สึก (ชอบ,ไม่ชอบ) |
Rosarin เขียน: โลกสวย เขียน: กรัชกาย เขียน: โลกสวย เขียน: กรัชกาย เขียน: โลกสวย เขียน: คริคริ หัดล้างใจเพียงครู่เดียวจะพบความสะอาด มากกว่าล้างจานตลอดชีวิต ใจใช้น้ำยาล้างจานล้างออกหรอ พูดเป็นกาตูนไปได้ คริคริ ลุงกรัชกายแสดงความรู้ผิดๆออกมาอีกแระค่ะ เพราะมัวแต่ดูกาตูนเฮนไต๋ เรยไม่รู้ว่า พระพุทธองค์สอนให้ ใช้ธรรมะใช้ล้างใจ ธรรมะ มีสองอย่าง โลกียธรรม ๑ โลกุตรธรรม ๑ ใช้ธรรมะไหนล้างล่ะ คริคริ ช่างไม่รู้อาไรซะเรย วิมุติธรรมไงคะ เจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อวิชชาพาให้เกิด จิตเกิดดับทุก1ขณะ คำว่าดับมันว่างจากตัวตน มีแต่ความเข้าใจผิดของตัวเอง ไม่รู้ว่าตัวตนที่คิดว่ามีคืออุปาทาน หลงยึดถือขันธ์ที่กำลังเกิดดับว่ามีตัว ที่ปรากฏว่ามีมันมีแสงสะท้อนสี1สีเข้าตา มันไม่มีรูปร่างอะไรเลยพอใจมากไหมที่คิดว่า หลับตานั่งสมาธิแล้วถอดจิตออกไปดูภพภูมิอื่นได้ เออ...ก็บอกว่าให้เข้าใจภพปัจจุบันว่าหลงเข้าใจผิดไง ลืมตาดูโลกตามปกติฟังพระธรรมตามปกติให้เข้าใจอวิชชา พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่มีที่กำลังปรากฏว่าเป็นสุญญตา ที่นั่งสมาธิถอดจิตออกไปเที่ยวนรกสวรรค์ได้ก็คือยังเห็นผิดคิดยึดติดว่ามีภพจึงยังเกิดอยู่555 บอกไม่ฟังเลย...ก็บอกว่าจะไปเห็นภพไหนใน31ภพภูมิก็ไม่รู้ว่ามันไม่มีหลงของไม่มีถึงอยากไปทำให้มี ก็มาบอกว่าหยุดทำกิเลสใหม่เพิ่มให้เริ่มต้นฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าจะได้เลือกสร้างกรรมใหม่ที่เกิดปัญญา http://www.dhammahome.com คริคริ คุณยายไม่ฉลาดในธรรม อีกแระ มั่วตลอดค่ะ คำว่าดับน่ะ ไม่ได้ว่างจากตัวตนหรอกจร้าคุณยาย จิตยายเกิดดับแสนโกฎขณะ ว่างยังไม่เคยว่างจากตัวตนสักกะติ๊ด จนณ.บัดนาว สักกายะทิฎฐิตะหากจร้า ที่ไปหลงเอา นาม รูป เวทนา สังขาร วิญญาน เป็นตน ไม่ใช่อุปทานจร้า หนังสือก็ไม่เรียน นะยายนะ เพ้อเจ้อผิดจากพระธรรมคำสอนพระพุทธเจ้า นะคุณยาย |
เจ้าของ: | โลกสวย [ 04 ก.ย. 2020, 23:28 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความรู้ (ปัญญา) VS ความรู้สึก (ชอบ,ไม่ชอบ) |
”ภิกษุ ! ในกรณีนี้ ปุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ไม่ได้เห็นพระอริยเจ้าไม่ฉลาดในธรรมของพระอริยเจ้า ไม่ได้รับการแนะนำในธรรมของพระอริยเจ้าไม่ได้เห็นสัตบุรุษ ไม่ฉลาดในธรรมของสัตบุรุษ ไม่ได้รับการแนะนำในธรรมของสัตบุรุษเขาย่อมตามเห็นรูปโดยความเป็นตนบ้าง ตามเห็นตนว่ามีรูปบ้างตามเห็นรูปว่ามีอยู่ในตนบ้าง หรือตามเห็นตนว่ามีอยู่ในรูปบ้าง ;ย่อมตามเห็นเวทนาโดยความเป็นตนบ้าง ตามเห็นตนว่ามีเวทนาบ้าง ตามเห็นเวทนาว่ามีอยู่ในตนบ้าง หรือตามเห็นตนว่ามีอยู่ในเวทนาบ้าง ;ย่อมตามเห็นสัญญาโดยความเป็นตนบ้าง ตามเห็นตนว่ามีสัญญาบ้าง ตามเห็นสัญญาว่ามีอยู่ในตนบ้างหรือตามเห็นตนว่ามีอยู่ในสัญญาบ้าง ;ย่อมตามเห็นสังขารโดยความเป็นตนบ้าง ตามเห็นตนว่ามีสังขารบ้าง ตามเห็นสังขารว่ามีอยู่ในตนบ้าง หรือตามเห็นตนว่ามีอยู่ในสังขารบ้าง ;ย่อมตามเห็นวิญญาณโดยความเป็นตนบ้าง ตามเห็นตนว่ามีวิญญาณบ้าง ตามเห็นวิญญาณว่ามีอยู่ในตนบ้าง หรือตามเห็นตนว่ามีอยู่ในวิญญาณบ้าง.ภิกษุ ! สักกายทิฏฐิ ย่อมมีได้ด้วยอาการอย่างนี้ แล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๒๔/๑๘๘-๑๘๙. |
เจ้าของ: | โลกสวย [ 04 ก.ย. 2020, 23:35 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความรู้ (ปัญญา) VS ความรู้สึก (ชอบ,ไม่ชอบ) |
ส่วนอุปทานนะจ๊ะคุณยาย พระพุทธองค์ทรงสอนดังนี้ พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรคเล่ม ๒ ภาค ๑ หน้า ๑๖๗-๑๖๘ "ดูกรอานนท์ ก็ถ้า อุปาทาน มิได้มีแก่ใครๆ ในภพไหนๆ ทั่วไป ทุกแห่งหนคือ กามุปาทาน ทิฏฐุปาทาน สีลลัพตุปาทาน อัตตวานุปาทาน เมื่อ อุปาทาน ไม่มี โดยประการทั้งปวง เมื่อ อุปาทาน ดับไปภพ จะพึงปรากฏได้บ้างไหม.? ไม่ได้เลย พระเจ้าข้า." ฉลาดๆในธรรม สดับในธรรม หน่อยนะจ๊ะคุณยาย |
เจ้าของ: | Rosarin [ 06 ก.ย. 2020, 11:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความรู้ (ปัญญา) VS ความรู้สึก (ชอบ,ไม่ชอบ) |
โลกสวย เขียน: ส่วนอุปทานนะจ๊ะคุณยาย พระพุทธองค์ทรงสอนดังนี้ พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรคเล่ม ๒ ภาค ๑ หน้า ๑๖๗-๑๖๘ "ดูกรอานนท์ ก็ถ้า อุปาทาน มิได้มีแก่ใครๆ ในภพไหนๆ ทั่วไป ทุกแห่งหนคือ กามุปาทาน ทิฏฐุปาทาน สีลลัพตุปาทาน อัตตวานุปาทาน เมื่อ อุปาทาน ไม่มี โดยประการทั้งปวง เมื่อ อุปาทาน ดับไปภพ จะพึงปรากฏได้บ้างไหม.? ไม่ได้เลย พระเจ้าข้า." ฉลาดๆในธรรม สดับในธรรม หน่อยนะจ๊ะคุณยาย จ้ะแม่คนอวดฉลาด เห็นสีตามที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ เป็นเหมือนกันทุกภพภูมิเลยนะคิดให้ตรง มีแค่แสงวาบ1สีเข้าตรงกลางตาแล้วดับมืดเลยนะ ดับมืด=ไม่มีได้ยินไม่มีสีเสียงกลิ่นรสไม่รู้สึกอะไรเลยไม่มีอะไรปรากฏนอกตาด้วย อันที่เรียกว่ามีอุปาทานน่ะทั่งหมดเลยที่คิดว่ามีตัวและมีอะไรให้เห็นนอกตาทั้งหมดนั่นน่ะโง่มากมั๊ยคะ555 |
เจ้าของ: | Rosarin [ 06 ก.ย. 2020, 13:32 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความรู้ (ปัญญา) VS ความรู้สึก (ชอบ,ไม่ชอบ) |
Rosarin เขียน: โลกสวย เขียน: ส่วนอุปทานนะจ๊ะคุณยาย พระพุทธองค์ทรงสอนดังนี้ พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรคเล่ม ๒ ภาค ๑ หน้า ๑๖๗-๑๖๘ "ดูกรอานนท์ ก็ถ้า อุปาทาน มิได้มีแก่ใครๆ ในภพไหนๆ ทั่วไป ทุกแห่งหนคือ กามุปาทาน ทิฏฐุปาทาน สีลลัพตุปาทาน อัตตวานุปาทาน เมื่อ อุปาทาน ไม่มี โดยประการทั้งปวง เมื่อ อุปาทาน ดับไปภพ จะพึงปรากฏได้บ้างไหม.? ไม่ได้เลย พระเจ้าข้า." ฉลาดๆในธรรม สดับในธรรม หน่อยนะจ๊ะคุณยาย จ้ะแม่คนอวดฉลาด เห็นสีตามที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ เป็นเหมือนกันทุกภพภูมิเลยนะคิดให้ตรง มีแค่แสงวาบ1สีเข้าตรงกลางตาแล้วดับมืดเลยนะ ดับมืด=ไม่มีได้ยินไม่มีสีเสียงกลิ่นรสไม่รู้สึกอะไรเลยไม่มีอะไรปรากฏนอกตาด้วย อันที่เรียกว่ามีอุปาทานน่ะทั่งหมดเลยที่คิดว่ามีตัวและมีอะไรให้เห็นนอกตาทั้งหมดนั่นน่ะโง่มากมั๊ยคะ555 พอไปเกิดเป็นเทวดาเป็นพรหมก็อยากมาเกิดเป็นมนุษย์ เพราะว่าอยากพบพระพุทธศาสนาได้ฟังคำสอนให้เกิดปัญญา พอมาเกิดเป็นมนุษย์ก็มาหลงเพลินตามอัตตาที่มีอยากหาเงินได้มากๆ จะได้เอาเงินมาทำบุญมากๆมันทำตามที่พูดไหมว่าอยากมาฟังคำสอนนั่นน่ะ ทำอะไรอยู่ทุกๆวันเอาแต่อัตตาที่ไม่มีอยู่จริงไปทำยึดอัตตาแล้วก็ไม่ฟังคำสอนเลย จะไปเกิดภพภูมิไหนมันก็หลงผิดเห็นอะไรเป็นฝูงๆเยอะๆมีเงินทองกองจนเป็นเงินทอนวัด มันรู้สึกตัวไหมว่าตัวตนก็ไม่มีสะสมแต่วัตถุเต็มโลกเอ้อแล้วมันฟังเข้าใจไหมว่าโลกคือสิ่งที่เกิดดับมันไม่มีจริง บอกไม่รู้จัก...เชื่อฟัง...เข้าใจไหมว่า...เชื่อฟังหูตัวเอง... ไม่เชื่อแบบไปทำตามคนอื่นบอก...ฟังจนรู้สึกตัวว่าไม่รู้ ไม่ใช่เอาตาเนื้อไปอ่านไปท่องจำได้ก็คิดว่ารู้ไปหมดเลย อ้อแล้วก็ไม่ต้องไปคิดอยากจะไปทำตาที่3ให้เห็นโลกอื่นที่ยังไม่ได้ไป กรรมที่เคยทำมานับภพชาติไม่ถ้วนตายปุ๊บเกิดเหมือนกะพริบตาแล้วไม่รู้ว่าไม่มีตัวเลย เพราะแค่โลกเดียวที่เป็นมนุษย์อยู่เนี่ยลืมตาเห็นยังไม่รู้เลยว่าตัวตนมันไม่มีอยู่จริงฟังเพื่อให้เข้าใจอะไรมีจริง https://youtu.be/8lPeyR27r-4 |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 07 ก.ย. 2020, 07:44 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความรู้ (ปัญญา) VS ความรู้สึก (ชอบ,ไม่ชอบ) |
Rosarin เขียน: Rosarin เขียน: โลกสวย เขียน: ส่วนอุปทานนะจ๊ะคุณยาย พระพุทธองค์ทรงสอนดังนี้ พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรคเล่ม ๒ ภาค ๑ หน้า ๑๖๗-๑๖๘ "ดูกรอานนท์ ก็ถ้า อุปาทาน มิได้มีแก่ใครๆ ในภพไหนๆ ทั่วไป ทุกแห่งหนคือ กามุปาทาน ทิฏฐุปาทาน สีลลัพตุปาทาน อัตตวานุปาทาน เมื่อ อุปาทาน ไม่มี โดยประการทั้งปวง เมื่อ อุปาทาน ดับไปภพ จะพึงปรากฏได้บ้างไหม.? ไม่ได้เลย พระเจ้าข้า." ฉลาดๆในธรรม สดับในธรรม หน่อยนะจ๊ะคุณยาย จ้ะแม่คนอวดฉลาด เห็นสีตามที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ เป็นเหมือนกันทุกภพภูมิเลยนะคิดให้ตรง มีแค่แสงวาบ1สีเข้าตรงกลางตาแล้วดับมืดเลยนะ ดับมืด=ไม่มีได้ยินไม่มีสีเสียงกลิ่นรสไม่รู้สึกอะไรเลยไม่มีอะไรปรากฏนอกตาด้วย อันที่เรียกว่ามีอุปาทานน่ะทั่งหมดเลยที่คิดว่ามีตัวและมีอะไรให้เห็นนอกตาทั้งหมดนั่นน่ะโง่มากมั๊ยคะ555 พอไปเกิดเป็นเทวดาเป็นพรหมก็อยากมาเกิดเป็นมนุษย์ เพราะว่าอยากพบพระพุทธศาสนาได้ฟังคำสอนให้เกิดปัญญา พอมาเกิดเป็นมนุษย์ก็มาหลงเพลินตามอัตตาที่มีอยากหาเงินได้มากๆ จะได้เอาเงินมาทำบุญมากๆมันทำตามที่พูดไหมว่าอยากมาฟังคำสอนนั่นน่ะ ทำอะไรอยู่ทุกๆวันเอาแต่อัตตาที่ไม่มีอยู่จริงไปทำยึดอัตตาแล้วก็ไม่ฟังคำสอนเลย จะไปเกิดภพภูมิไหนมันก็หลงผิดเห็นอะไรเป็นฝูงๆเยอะๆมีเงินทองกองจนเป็นเงินทอนวัด มันรู้สึกตัวไหมว่าตัวตนก็ไม่มีสะสมแต่วัตถุเต็มโลกเอ้อแล้วมันฟังเข้าใจไหมว่าโลกคือสิ่งที่เกิดดับมันไม่มีจริง บอกไม่รู้จัก...เชื่อฟัง...เข้าใจไหมว่า...เชื่อฟังหูตัวเอง... ไม่เชื่อแบบไปทำตามคนอื่นบอก...ฟังจนรู้สึกตัวว่าไม่รู้ ไม่ใช่เอาตาเนื้อไปอ่านไปท่องจำได้ก็คิดว่ารู้ไปหมดเลย อ้อแล้วก็ไม่ต้องไปคิดอยากจะไปทำตาที่3ให้เห็นโลกอื่นที่ยังไม่ได้ไป กรรมที่เคยทำมานับภพชาติไม่ถ้วนตายปุ๊บเกิดเหมือนกะพริบตาแล้วไม่รู้ว่าไม่มีตัวเลย เพราะแค่โลกเดียวที่เป็นมนุษย์อยู่เนี่ยลืมตาเห็นยังไม่รู้เลยว่าตัวตนมันไม่มีอยู่จริงฟังเพื่อให้เข้าใจอะไรมีจริง https://youtu.be/8lPeyR27r-4 นั่นก็เพ้อเจ้อ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 07 ก.ย. 2020, 13:37 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความรู้ (ปัญญา) VS ความรู้สึก (ชอบ,ไม่ชอบ) |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: Rosarin เขียน: โลกสวย เขียน: ส่วนอุปทานนะจ๊ะคุณยาย พระพุทธองค์ทรงสอนดังนี้ พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรคเล่ม ๒ ภาค ๑ หน้า ๑๖๗-๑๖๘ "ดูกรอานนท์ ก็ถ้า อุปาทาน มิได้มีแก่ใครๆ ในภพไหนๆ ทั่วไป ทุกแห่งหนคือ กามุปาทาน ทิฏฐุปาทาน สีลลัพตุปาทาน อัตตวานุปาทาน เมื่อ อุปาทาน ไม่มี โดยประการทั้งปวง เมื่อ อุปาทาน ดับไปภพ จะพึงปรากฏได้บ้างไหม.? ไม่ได้เลย พระเจ้าข้า." ฉลาดๆในธรรม สดับในธรรม หน่อยนะจ๊ะคุณยาย จ้ะแม่คนอวดฉลาด เห็นสีตามที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ เป็นเหมือนกันทุกภพภูมิเลยนะคิดให้ตรง มีแค่แสงวาบ1สีเข้าตรงกลางตาแล้วดับมืดเลยนะ ดับมืด=ไม่มีได้ยินไม่มีสีเสียงกลิ่นรสไม่รู้สึกอะไรเลยไม่มีอะไรปรากฏนอกตาด้วย อันที่เรียกว่ามีอุปาทานน่ะทั่งหมดเลยที่คิดว่ามีตัวและมีอะไรให้เห็นนอกตาทั้งหมดนั่นน่ะโง่มากมั๊ยคะ555 พอไปเกิดเป็นเทวดาเป็นพรหมก็อยากมาเกิดเป็นมนุษย์ เพราะว่าอยากพบพระพุทธศาสนาได้ฟังคำสอนให้เกิดปัญญา พอมาเกิดเป็นมนุษย์ก็มาหลงเพลินตามอัตตาที่มีอยากหาเงินได้มากๆ จะได้เอาเงินมาทำบุญมากๆมันทำตามที่พูดไหมว่าอยากมาฟังคำสอนนั่นน่ะ ทำอะไรอยู่ทุกๆวันเอาแต่อัตตาที่ไม่มีอยู่จริงไปทำยึดอัตตาแล้วก็ไม่ฟังคำสอนเลย จะไปเกิดภพภูมิไหนมันก็หลงผิดเห็นอะไรเป็นฝูงๆเยอะๆมีเงินทองกองจนเป็นเงินทอนวัด มันรู้สึกตัวไหมว่าตัวตนก็ไม่มีสะสมแต่วัตถุเต็มโลกเอ้อแล้วมันฟังเข้าใจไหมว่าโลกคือสิ่งที่เกิดดับมันไม่มีจริง บอกไม่รู้จัก...เชื่อฟัง...เข้าใจไหมว่า...เชื่อฟังหูตัวเอง... ไม่เชื่อแบบไปทำตามคนอื่นบอก...ฟังจนรู้สึกตัวว่าไม่รู้ ไม่ใช่เอาตาเนื้อไปอ่านไปท่องจำได้ก็คิดว่ารู้ไปหมดเลย อ้อแล้วก็ไม่ต้องไปคิดอยากจะไปทำตาที่3ให้เห็นโลกอื่นที่ยังไม่ได้ไป กรรมที่เคยทำมานับภพชาติไม่ถ้วนตายปุ๊บเกิดเหมือนกะพริบตาแล้วไม่รู้ว่าไม่มีตัวเลย เพราะแค่โลกเดียวที่เป็นมนุษย์อยู่เนี่ยลืมตาเห็นยังไม่รู้เลยว่าตัวตนมันไม่มีอยู่จริงฟังเพื่อให้เข้าใจอะไรมีจริง https://youtu.be/8lPeyR27r-4 นั่นก็เพ้อเจ้อ คิดตรงตามปกติมันยากตรงไหนเหรอคะ ไม่มีเรา/ตถาคตบอกถึงสัจจะที่ทรงตรัสรู้นะคะ เราน่ะคิดให้เข้าใจตรงคำว่า ไม่มีเราคือสัจจะ/มีเราเป็นเท็จ มีคนที่เลื่อมใสในการฟังคำสอนอยู่เพราะเขารู้ตัวว่ามีกิเลสมาก เดี๋ยวนี้ตัวตนเราไม่มีแต่มีความคิดว่ามีตัวเราคิดพูดทำอะไรได้อยู่ ก็คือหลงเข้าใจผิดในอัตตาว่ามีตัวตนของกู...เอ้าก็บอกว่าให้คิดตามไงเดี๋ยวนี้ตัวกูมันไม่มี เพราะจิตเกิดดับทีละ1ขณะจิตตรงทางนั้นแค่ทางเดียวไม่ปนกันแต่ที่ประชมครบ6ทางมีที่กายใจตนที่มีอยู่นี้ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 08 ก.ย. 2020, 18:34 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความรู้ (ปัญญา) VS ความรู้สึก (ชอบ,ไม่ชอบ) |
Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: Rosarin เขียน: โลกสวย เขียน: ส่วนอุปทานนะจ๊ะคุณยาย พระพุทธองค์ทรงสอนดังนี้ พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรคเล่ม ๒ ภาค ๑ หน้า ๑๖๗-๑๖๘ "ดูกรอานนท์ ก็ถ้า อุปาทาน มิได้มีแก่ใครๆ ในภพไหนๆ ทั่วไป ทุกแห่งหนคือ กามุปาทาน ทิฏฐุปาทาน สีลลัพตุปาทาน อัตตวานุปาทาน เมื่อ อุปาทาน ไม่มี โดยประการทั้งปวง เมื่อ อุปาทาน ดับไปภพ จะพึงปรากฏได้บ้างไหม.? ไม่ได้เลย พระเจ้าข้า." ฉลาดๆในธรรม สดับในธรรม หน่อยนะจ๊ะคุณยาย จ้ะแม่คนอวดฉลาด เห็นสีตามที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ เป็นเหมือนกันทุกภพภูมิเลยนะคิดให้ตรง มีแค่แสงวาบ1สีเข้าตรงกลางตาแล้วดับมืดเลยนะ ดับมืด=ไม่มีได้ยินไม่มีสีเสียงกลิ่นรสไม่รู้สึกอะไรเลยไม่มีอะไรปรากฏนอกตาด้วย อันที่เรียกว่ามีอุปาทานน่ะทั่งหมดเลยที่คิดว่ามีตัวและมีอะไรให้เห็นนอกตาทั้งหมดนั่นน่ะโง่มากมั๊ยคะ555 พอไปเกิดเป็นเทวดาเป็นพรหมก็อยากมาเกิดเป็นมนุษย์ เพราะว่าอยากพบพระพุทธศาสนาได้ฟังคำสอนให้เกิดปัญญา พอมาเกิดเป็นมนุษย์ก็มาหลงเพลินตามอัตตาที่มีอยากหาเงินได้มากๆ จะได้เอาเงินมาทำบุญมากๆมันทำตามที่พูดไหมว่าอยากมาฟังคำสอนนั่นน่ะ ทำอะไรอยู่ทุกๆวันเอาแต่อัตตาที่ไม่มีอยู่จริงไปทำยึดอัตตาแล้วก็ไม่ฟังคำสอนเลย จะไปเกิดภพภูมิไหนมันก็หลงผิดเห็นอะไรเป็นฝูงๆเยอะๆมีเงินทองกองจนเป็นเงินทอนวัด มันรู้สึกตัวไหมว่าตัวตนก็ไม่มีสะสมแต่วัตถุเต็มโลกเอ้อแล้วมันฟังเข้าใจไหมว่าโลกคือสิ่งที่เกิดดับมันไม่มีจริง บอกไม่รู้จัก...เชื่อฟัง...เข้าใจไหมว่า...เชื่อฟังหูตัวเอง... ไม่เชื่อแบบไปทำตามคนอื่นบอก...ฟังจนรู้สึกตัวว่าไม่รู้ ไม่ใช่เอาตาเนื้อไปอ่านไปท่องจำได้ก็คิดว่ารู้ไปหมดเลย อ้อแล้วก็ไม่ต้องไปคิดอยากจะไปทำตาที่3ให้เห็นโลกอื่นที่ยังไม่ได้ไป กรรมที่เคยทำมานับภพชาติไม่ถ้วนตายปุ๊บเกิดเหมือนกะพริบตาแล้วไม่รู้ว่าไม่มีตัวเลย เพราะแค่โลกเดียวที่เป็นมนุษย์อยู่เนี่ยลืมตาเห็นยังไม่รู้เลยว่าตัวตนมันไม่มีอยู่จริงฟังเพื่อให้เข้าใจอะไรมีจริง https://youtu.be/8lPeyR27r-4 นั่นก็เพ้อเจ้อ คิดตรงตามปกติมันยากตรงไหนเหรอคะ ไม่มีเรา/ตถาคตบอกถึงสัจจะที่ทรงตรัสรู้นะคะ เราน่ะคิดให้เข้าใจตรงคำว่า ไม่มีเราคือสัจจะ/มีเราเป็นเท็จ มีคนที่เลื่อมใสในการฟังคำสอนอยู่เพราะเขารู้ตัวว่ามีกิเลสมาก เดี๋ยวนี้ตัวตนเราไม่มีแต่มีความคิดว่ามีตัวเราคิดพูดทำอะไรได้อยู่ ก็คือหลงเข้าใจผิดในอัตตาว่ามีตัวตนของกู...เอ้าก็บอกว่าให้คิดตามไงเดี๋ยวนี้ตัวกูมันไม่มี เพราะจิตเกิดดับทีละ1ขณะจิตตรงทางนั้นแค่ทางเดียวไม่ปนกันแต่ที่ประชมครบ6ทางมีที่กายใจตนที่มีอยู่นี้ ไม่มีเรา แล้วใครเขียนโพสต์อยู่เนี่ย เอ้าๆๆ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 08 ก.ย. 2020, 21:12 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความรู้ (ปัญญา) VS ความรู้สึก (ชอบ,ไม่ชอบ) |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: Rosarin เขียน: โลกสวย เขียน: ส่วนอุปทานนะจ๊ะคุณยาย พระพุทธองค์ทรงสอนดังนี้ พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรคเล่ม ๒ ภาค ๑ หน้า ๑๖๗-๑๖๘ "ดูกรอานนท์ ก็ถ้า อุปาทาน มิได้มีแก่ใครๆ ในภพไหนๆ ทั่วไป ทุกแห่งหนคือ กามุปาทาน ทิฏฐุปาทาน สีลลัพตุปาทาน อัตตวานุปาทาน เมื่อ อุปาทาน ไม่มี โดยประการทั้งปวง เมื่อ อุปาทาน ดับไปภพ จะพึงปรากฏได้บ้างไหม.? ไม่ได้เลย พระเจ้าข้า." ฉลาดๆในธรรม สดับในธรรม หน่อยนะจ๊ะคุณยาย จ้ะแม่คนอวดฉลาด เห็นสีตามที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ เป็นเหมือนกันทุกภพภูมิเลยนะคิดให้ตรง มีแค่แสงวาบ1สีเข้าตรงกลางตาแล้วดับมืดเลยนะ ดับมืด=ไม่มีได้ยินไม่มีสีเสียงกลิ่นรสไม่รู้สึกอะไรเลยไม่มีอะไรปรากฏนอกตาด้วย อันที่เรียกว่ามีอุปาทานน่ะทั่งหมดเลยที่คิดว่ามีตัวและมีอะไรให้เห็นนอกตาทั้งหมดนั่นน่ะโง่มากมั๊ยคะ555 พอไปเกิดเป็นเทวดาเป็นพรหมก็อยากมาเกิดเป็นมนุษย์ เพราะว่าอยากพบพระพุทธศาสนาได้ฟังคำสอนให้เกิดปัญญา พอมาเกิดเป็นมนุษย์ก็มาหลงเพลินตามอัตตาที่มีอยากหาเงินได้มากๆ จะได้เอาเงินมาทำบุญมากๆมันทำตามที่พูดไหมว่าอยากมาฟังคำสอนนั่นน่ะ ทำอะไรอยู่ทุกๆวันเอาแต่อัตตาที่ไม่มีอยู่จริงไปทำยึดอัตตาแล้วก็ไม่ฟังคำสอนเลย จะไปเกิดภพภูมิไหนมันก็หลงผิดเห็นอะไรเป็นฝูงๆเยอะๆมีเงินทองกองจนเป็นเงินทอนวัด มันรู้สึกตัวไหมว่าตัวตนก็ไม่มีสะสมแต่วัตถุเต็มโลกเอ้อแล้วมันฟังเข้าใจไหมว่าโลกคือสิ่งที่เกิดดับมันไม่มีจริง บอกไม่รู้จัก...เชื่อฟัง...เข้าใจไหมว่า...เชื่อฟังหูตัวเอง... ไม่เชื่อแบบไปทำตามคนอื่นบอก...ฟังจนรู้สึกตัวว่าไม่รู้ ไม่ใช่เอาตาเนื้อไปอ่านไปท่องจำได้ก็คิดว่ารู้ไปหมดเลย อ้อแล้วก็ไม่ต้องไปคิดอยากจะไปทำตาที่3ให้เห็นโลกอื่นที่ยังไม่ได้ไป กรรมที่เคยทำมานับภพชาติไม่ถ้วนตายปุ๊บเกิดเหมือนกะพริบตาแล้วไม่รู้ว่าไม่มีตัวเลย เพราะแค่โลกเดียวที่เป็นมนุษย์อยู่เนี่ยลืมตาเห็นยังไม่รู้เลยว่าตัวตนมันไม่มีอยู่จริงฟังเพื่อให้เข้าใจอะไรมีจริง https://youtu.be/8lPeyR27r-4 นั่นก็เพ้อเจ้อ คิดตรงตามปกติมันยากตรงไหนเหรอคะ ไม่มีเรา/ตถาคตบอกถึงสัจจะที่ทรงตรัสรู้นะคะ เราน่ะคิดให้เข้าใจตรงคำว่า ไม่มีเราคือสัจจะ/มีเราเป็นเท็จ มีคนที่เลื่อมใสในการฟังคำสอนอยู่เพราะเขารู้ตัวว่ามีกิเลสมาก เดี๋ยวนี้ตัวตนเราไม่มีแต่มีความคิดว่ามีตัวเราคิดพูดทำอะไรได้อยู่ ก็คือหลงเข้าใจผิดในอัตตาว่ามีตัวตนของกู...เอ้าก็บอกว่าให้คิดตามไงเดี๋ยวนี้ตัวกูมันไม่มี เพราะจิตเกิดดับทีละ1ขณะจิตตรงทางนั้นแค่ทางเดียวไม่ปนกันแต่ที่ประชมครบ6ทางมีที่กายใจตนที่มีอยู่นี้ ไม่มีเรา แล้วใครเขียนโพสต์อยู่เนี่ย เอ้าๆๆ การทำงานของขันธ์5 ถ้าอ่านแล้วมันไม่เข้าใจ แสดงว่าปัญญามันน้อย จะต้องเริ่มต้นฟังให้เข้าใจ สังขารขันธ์จึงจะปรุงแต่งจิตถูก ตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า คือปัญญาที่เกิดจากการฟังคือปริยัติ มันมีไม่เท่ากันในแต่ละบุคคลนะคะคุณ เหมือนบางคนตกภาษาไทยเก่งภาษาญี่ปุ่นงี้นะ จะให้รู้เท่าอัครสาวกคือพระสารีบุตรก็เป็นไปไม่ได้ แล้วคนที่เกิดตอนพ.ศ.ที่มากขึ้นก็จะมีปัญญาด้อยลงไปเรื่อยๆ เพราะไร้การศึกษาที่ถูกตรงตามลำดับข้ามสุตมยปัญญาไม่ได้เลยค่ะ เป็นอนุสาสนียปาฏิหาริย์คือฤทธิ์ของพระพุทธพจน์ที่ดับอวิชชาทันทีตอนที่กำลังฟังเข้าใจถูกตามได้ทันทีค่ะ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 13 ต.ค. 2020, 11:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความรู้ (ปัญญา) VS ความรู้สึก (ชอบ,ไม่ชอบ) |
อ้างคำพูด: “คิม จองอึน” หลั่งน้ำตาขอโทษประชาชน สถานีโทรทัศน์ทางการเกาหลีเหนือแพร่ภาพขณะที่นายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุด กล่าวสุนทรพจน์ต่อกองทัพและประชาชนในพิธีสวนสนาม เนื่องในโอกาสครบรอบ 75 ปี การก่อตั้งพรรคคนงานของเกาหลีเหนือ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นายคิม จองอึน มีน้ำเสียงสะอื้น และหลั่งน้ำตาระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ตลอด 30 นาที ด้วยอารมณ์บีบคั้นในบางช่วง ผู้นำเกาหลีเหนือได้ขอโทษประชาชนที่ไม่อาจพัฒนาเศรษฐกิจให้ประชาชนอยู่ดีกินดีมากขึ้นกว่าเดิมได้ และเขารู้สึกอับอายมาก ทั้งหมดเป็นเพราะพายุไต้ฝุ่นที่พัดถล่มประเทศเมื่อไม่กี่เดือนก่อน รวมถึงการระบาดของโรคโควิด-19 และมาตรการคว่ำบาตรของต่างชาติ ที่ทำให้ประเทศและผู้คนชาวเกาหลีเหนือเผชิญความยากลำบาก ขณะที่ทหารและประชาชน ที่เข้าร่วมพิธี ต่างร้องไห้ระหว่างฟังคำปราศรัยจาก นายคิม จองอึนเช่นกัน ทั้งนี้ ผู้นำเกาหลีเหนือก็ยังขอบคุณทหาร และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ทุ่มเทสรรพกำลังช่วยเหลือประชาชนชาวเกาหลีเหนือเป็นอย่างดี สำหรับสภาวะเศรษฐกิจของเกาหลีเหนือ ที่ปกติได้รับผลกระทบจากจากมาตรการคว่ำบาตรมาโดยตลอด แต่ปีนี้ถูกซ้ำเติมให้เลวร้ายยลงอีก เนื่องจากรัฐบาลตัดสินใจปิดพรมแดนทุกช่องทางเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่ สหประชาชาติประเมินว่าประชากรเกาหลีเหนือมากถึง 40 เปอร์เซนต์กำลังเผชิญกับสภาวะขาดแคลนอาหาร ซึ่งสถานการณ์อาจเลวร้ายลงอีกจากปัญหาน้ำท่วมและผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่น. https://www.one31.net/news/detail/25263 ... 0.facebook น้ำตาหรือจะแก้ปัญหาใจ - ศรวณี โพธิเทศ https://www.youtube.com/watch?v=N9jB_nSnTJQ ยังดีที่ยังรู้สึกละอาย แต่ก็ไม่ลงจากอำนาจ |
เจ้าของ: | eragon_joe [ 14 ต.ค. 2020, 10:59 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความรู้ (ปัญญา) VS ความรู้สึก (ชอบ,ไม่ชอบ) |
โลกสวย เขียน: ”ภิกษุ ! ในกรณีนี้ ปุถุชนผู้ไม่มีการสดับ ไม่ได้เห็นพระอริยเจ้าไม่ฉลาดในธรรมของพระอริยเจ้า ไม่ได้รับการแนะนำในธรรมของพระอริยเจ้าไม่ได้เห็นสัตบุรุษ ไม่ฉลาดในธรรมของสัตบุรุษ ไม่ได้รับการแนะนำในธรรมของสัตบุรุษเขาย่อมตามเห็นรูปโดยความเป็นตนบ้าง ตามเห็นตนว่ามีรูปบ้างตามเห็นรูปว่ามีอยู่ในตนบ้าง หรือตามเห็นตนว่ามีอยู่ในรูปบ้าง ;ย่อมตามเห็นเวทนาโดยความเป็นตนบ้าง ตามเห็นตนว่ามีเวทนาบ้าง ตามเห็นเวทนาว่ามีอยู่ในตนบ้าง หรือตามเห็นตนว่ามีอยู่ในเวทนาบ้าง ;ย่อมตามเห็นสัญญาโดยความเป็นตนบ้าง ตามเห็นตนว่ามีสัญญาบ้าง ตามเห็นสัญญาว่ามีอยู่ในตนบ้างหรือตามเห็นตนว่ามีอยู่ในสัญญาบ้าง ;ย่อมตามเห็นสังขารโดยความเป็นตนบ้าง ตามเห็นตนว่ามีสังขารบ้าง ตามเห็นสังขารว่ามีอยู่ในตนบ้าง หรือตามเห็นตนว่ามีอยู่ในสังขารบ้าง ;ย่อมตามเห็นวิญญาณโดยความเป็นตนบ้าง ตามเห็นตนว่ามีวิญญาณบ้าง ตามเห็นวิญญาณว่ามีอยู่ในตนบ้าง หรือตามเห็นตนว่ามีอยู่ในวิญญาณบ้าง.ภิกษุ ! สักกายทิฏฐิ ย่อมมีได้ด้วยอาการอย่างนี้ แล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๒๔/๑๘๘-๑๘๙. |
หน้า 53 จากทั้งหมด 54 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |