วันเวลาปัจจุบัน 19 มี.ค. 2024, 12:39  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 805 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 41, 42, 43, 44, 45, 46, 47 ... 54  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ม.ค. 2020, 07:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

คงรักชาติกันจนน้ำลายไหลหยดกระมัง :b32:

https://www.facebook.com/PoliticsKalala ... =3&theater

รูปภาพ

เอาเข้าก็เสียเงิน เอาออกก็เสียเงิน เป็นพันๆล้าน ทั้งเอาเข้าเอาออกหมดงบเฉียดหมื่นล้าน :b14:

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ม.ค. 2020, 09:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
รูปภาพ

คงรักชาติกันจนน้ำลายไหลหยดกระมัง :b32:

https://www.facebook.com/PoliticsKalala ... =3&theater

รูปภาพ

เอาเข้าก็เสียเงิน เอาออกก็เสียเงิน เป็นพันๆล้าน ทั้งเอาเข้าเอาออกหมดงบเฉียดหมื่นล้าน :b14:

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

จริงๆสว.น่าจะรับสมัครทั่วไปให้ทำงานแบบจิตอาสาแต่ให้เบิกเบยเลี้ยงค่าที่พักค่าเดินทางเป็นครั้งๆไป
ทำแบบนี้กับทุกตำแหน่งทางการเมืองแม้แต่สส.นายกรัฐมนตรีก็ต้องไม่มีเงินเดือนจะได้รู้งัยว่าใครดีจริง
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2020, 11:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes
ชื่อหัวข้อเนี่ยตั้งด้วยความเข้าใจรึเปล่า
:b12:
ความรู้(ปัญญา)เป็นธัมมะประเภทเจตสิกที่เป็นสังขารขันธ์ที่เมื่อเกิดปัญญาจะไม่ขาดสติคือระลึกได้ตรงจริง
ปัญญาคือเจตสิกฝั่งกุศลธรรมเกิดร่วมกับโสภณเจตสิก(ตัวปรุงแต่งกรรมดีเท่านั้น)
เจตสิกมี50ชนิดควรศึกษาแต่ละชนิดว่าเกิดเมื่อไหร่ตอนไหนอะไรที่เกิดร่วมกันได้บ้างคิดเองไม่ได้เลยค่ะ
เพราะธัมมะฝ่ายอกุศลแยกขาดจากฝ่ายกุศลเด็ดขาดไม่เกิดร่วมกันและไม่สามารถเกิดปนกันได้นะคะ
:b1:
ความรู้สึก(เวทนา)เป็นธัมมะประเภทเจตสิกที่เป็นเวทนาขันธ์(คนละประเภทกับปัญญา)ไม่ใช่ตัวบุญหรือตัวบาป
:b1:
มีอีก1เจตสิกคือความจำ(สัญญา)เป็นธัมมะประเภทเจตสิกที่เป็นสัญญาขันธ์เกิดกับจิตทุกขณะไม่ขาดเลยค่ะ
:b20:
ทุกขณะจิตจึงมีจิตเป็นประธานในการรู้แจ้งธัมมะทุกอย่างที่ปรากฏจึงเกิดจิตไปรู้เจตสิกหรือรูปหรือนิพพาน
:b1:
หมายเหตุจิตที่เกิดร่วมกับโสภณเจตสิกที่ประกอบปัญญาเท่านั้นจึงจะสามารถรู้ความจริงจนเข้าถึงนิพพานได้
:b12:
:b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2020, 13:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
rolleyes
ชื่อหัวข้อเนี่ยตั้งด้วยความเข้าใจรึเปล่า
:b12:
ความรู้(ปัญญา)เป็นธัมมะประเภทเจตสิกที่เป็นสังขารขันธ์ที่เมื่อเกิดปัญญาจะไม่ขาดสติคือระลึกได้ตรงจริง
ปัญญาคือเจตสิกฝั่งกุศลธรรมเกิดร่วมกับโสภณเจตสิก(ตัวปรุงแต่งกรรมดีเท่านั้น)
เจตสิกมี50ชนิดควรศึกษาแต่ละชนิดว่าเกิดเมื่อไหร่ตอนไหนอะไรที่เกิดร่วมกันได้บ้างคิดเองไม่ได้เลยค่ะ
เพราะธัมมะฝ่ายอกุศลแยกขาดจากฝ่ายกุศลเด็ดขาดไม่เกิดร่วมกันและไม่สามารถเกิดปนกันได้นะคะ
:b1:
ความรู้สึก(เวทนา)เป็นธัมมะประเภทเจตสิกที่เป็นเวทนาขันธ์(คนละประเภทกับปัญญา)ไม่ใช่ตัวบุญหรือตัวบาป
:b1:
มีอีก1เจตสิกคือความจำ(สัญญา)เป็นธัมมะประเภทเจตสิกที่เป็นสัญญาขันธ์เกิดกับจิตทุกขณะไม่ขาดเลยค่ะ
:b20:
ทุกขณะจิตจึงมีจิตเป็นประธานในการรู้แจ้งธัมมะทุกอย่างที่ปรากฏจึงเกิดจิตไปรู้เจตสิกหรือรูปหรือนิพพาน
:b1:
หมายเหตุจิตที่เกิดร่วมกับโสภณเจตสิกที่ประกอบปัญญาเท่านั้นจึงจะสามารถรู้ความจริงจนเข้าถึงนิพพานได้
:b12:
:b16: :b16:

ทุกขณะจิตต้องมีเจตนา
เพราะเจตนาคือตัวกรรม
เจตนาคือธาตุรู้ที่เกิดพร้อมจิต
ตัวกรรมอยู่ที่สังขารขันธ์50ประเภท(ยกเว้นจิตรู้นิพพานที่ไม่มีการเกิดดับ)
ดังนั้นจิตจึงมีความรู้สึกนึกคิดจำและปรุงแต่งกุศลหรืออกุศล
จิตทุกดวงไม่มีเจตนาไม่ได้เลยเพราะมีทั้งจำทั้งรู้สึกคิดนึกปรุงแต่งไปตามอารมณ์ที่รับรู้นะคะ
เช่นเวลาไปรับของแจกฟรีหยิบไปฝากคนที่เราชอบอีกขอหลายๆชิ้นหน่อยงัยคะหรือรสดีขอห่อเพิ่มนะคะ
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2020, 21:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พลโทหญิง...กองทัพ สหรัฐ มีทหารใต้บังคับ. บัญชา. กว่า 700,000 คน. กล่าวว่า. "ทรัมป์" จะแย่แค่ไหน.....
ทหาร. ก็ไม่คิด. จะปฏิวัติ. เพราะ. ทหารเคารพ. สิทธิของ. ปชช.

รูปภาพ

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2020, 23:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
rolleyes
ชื่อหัวข้อเนี่ยตั้งด้วยความเข้าใจรึเปล่า
:b12:
ความรู้(ปัญญา)เป็นธัมมะประเภทเจตสิกที่เป็นสังขารขันธ์ที่เมื่อเกิดปัญญาจะไม่ขาดสติคือระลึกได้ตรงจริง
ปัญญาคือเจตสิกฝั่งกุศลธรรมเกิดร่วมกับโสภณเจตสิก(ตัวปรุงแต่งกรรมดีเท่านั้น)
เจตสิกมี50ชนิดควรศึกษาแต่ละชนิดว่าเกิดเมื่อไหร่ตอนไหนอะไรที่เกิดร่วมกันได้บ้างคิดเองไม่ได้เลยค่ะ
เพราะธัมมะฝ่ายอกุศลแยกขาดจากฝ่ายกุศลเด็ดขาดไม่เกิดร่วมกันและไม่สามารถเกิดปนกันได้นะคะ
:b1:
ความรู้สึก(เวทนา)เป็นธัมมะประเภทเจตสิกที่เป็นเวทนาขันธ์(คนละประเภทกับปัญญา)ไม่ใช่ตัวบุญหรือตัวบาป
:b1:
มีอีก1เจตสิกคือความจำ(สัญญา)เป็นธัมมะประเภทเจตสิกที่เป็นสัญญาขันธ์เกิดกับจิตทุกขณะไม่ขาดเลยค่ะ
:b20:
ทุกขณะจิตจึงมีจิตเป็นประธานในการรู้แจ้งธัมมะทุกอย่างที่ปรากฏจึงเกิดจิตไปรู้เจตสิกหรือรูปหรือนิพพาน
:b1:
หมายเหตุจิตที่เกิดร่วมกับโสภณเจตสิกที่ประกอบปัญญาเท่านั้นจึงจะสามารถรู้ความจริงจนเข้าถึงนิพพานได้
:b12:
:b16: :b16:

ทุกขณะจิตต้องมีเจตนา
เพราะเจตนาคือตัวกรรม
เจตนาคือธาตุรู้ที่เกิดพร้อมจิต
ตัวกรรมอยู่ที่สังขารขันธ์50ประเภท(ยกเว้นจิตรู้นิพพานที่ไม่มีการเกิดดับ)
ดังนั้นจิตจึงมีความรู้สึกนึกคิดจำและปรุงแต่งกุศลหรืออกุศล
จิตทุกดวงไม่มีเจตนาไม่ได้เลยเพราะมีทั้งจำทั้งรู้สึกคิดนึกปรุงแต่งไปตามอารมณ์ที่รับรู้นะคะ
เช่นเวลาไปรับของแจกฟรีหยิบไปฝากคนที่เราชอบอีกขอหลายๆชิ้นหน่อยงัยคะหรือรสดีขอห่อเพิ่มนะคะ
:b12:
:b4: :b4:

cool
พระพุทธเจ้าสอนให้เกิดความรู้ชัดตรงที่กายใจทุกคนกำลังมีละเอียดแบบไม่มีตัวตน
เคยฟังไหมก็บอกอยู่ว่าทุกขณะทุกวินาทีตามปกติในชีวิตประจำวันไม่มีคนสัตว์วัตถุ
มีแต่อุปาทานว่ามีคนมีสัตว์มีวัตถุโดยเฉพาะทุกอย่างที่มีล้วนมาจากใจส่งไปตามเห็น
เพราะเห็นผิดว่ามีตัวตนจึงหลงผิดไปว่าตนเองเห็นอันนั้นอันนี้เรามีเราทำอันนั้นอันนี้
บอกว่าให้เริ่มต้นฟังเพื่อเข้าใจความจริงของทุกสิ่งที่กำลังมีกำลังปรากฏว่าคืออะไร
ไม่ใช่ปลีกตัวตนไปไหนต่อไหนเพื่อทำตามคนอื่นสั่งหรือบอกให้ทำเพราะไม่ต้องทำ
สภาพธรรมมีตรงตามที่ตถาคตตรัสรู้ตรงเดี๋ยวนี้ทุกคำที่มีตัวตนไปทำคือไม่รู้ถึงไป
ถ้าฟังเข้าใจถูกตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้ามีหมดแล้วไม่ไปไหนก็ไม่มีตัวตนค่ะ
บอกไม่ฟัง...มัวแต่เสียเวลาไปแสวงหานายช่างผู้สร้างเรือนบอกว่าไม่ต้องสร้างเพิ่ม
เรือนกายนี้แหละที่ว่างจากตัวตนอยู่แล้วถ้าฟังคำสอนเข้าใจ/ที่ไปน่ะคือไม่รู้สิ่งที่มี
https://youtu.be/XnDjkDRnFgk
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2020, 09:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เอาแผนที่โลกให้สังเกตก่อน

รูปภาพ

รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2020, 09:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านฑูตประเทศแถบสแกนดิเนเวีย
นอร์เวย์,สวีเดน, ฟินแลนด์,เดนมาร์ก
วิเคราะห์ให้ฟังว่า
จุดแข็ง - จุดอ่อน ของประเทศไทย และบทสรุปที่น่าคิด

-จุดแข็งของประเทศไทย
ประเทศไทยตั้งอยู่ในพื้นที่ๆดีที่สุดในทุกๆ ด้าน คือ

1.ที่ตั้ง: จะว่าอยู่ใจกลางโลกก็ว่าได้ เพราะรอบข้างมีแต่ประเทศที่มีประชากรมาก เช่น อินเดีย 1,200 ล้านคน จีน 1,400 ล้านคน ญี่ปุ่น 100 ล้าน อินโดนีเซีย 400 ล้านคน ฟิลิปินส์ เวียดนาม เกาหลี ล้วนแต่ 100 ล้านคน >> ซึ่งหมายถึงตลาดการค้า ตลาดอาหารและยาสมุนไพร ที่ใหญ่มหาศาลยิ่ง


2.มีสภาพพื้นที่เป็นแหลมยื่นลงไปในทะเลระหว่างสองมหาสมุทร คือมหาสมุทรอินเดียและแปซิฟิก เป็นทั้งแหล่งอาหาร ออกเรือหาปลาได้ถึงสองมหาสมุทร ทั้งจะติดต่อค้าขายกับทุกประเทศก็สะดวกยิ่งนัก


3.บนผืนแผ่นดินก็อุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธ์ุธัญญาหาร มีทรัพยากรธรรมชาติที่หลากหลาย มีป่าไม้ แหล่งน้ำ กุ้งหอย ปู ปลา ทั้งในน้ำจืดและในทะเล ทุกพื้นที่ในป่า ในบ้าน ในสวน เต็มไปด้วยพืชอาหาร และพืชสมุนไพรมากมายเหลือเกิน เป็นทั้งครัว และคลังยาสมุนไพรของโลกไปพร้อมกันได้เลยทีเดียว


4.ใต้ผืนดินก็มีแร่ธาตุนานาชนิด มีแหล่งน้ำมันดิบและแก๊สธรรมชาติ มากมายมหาศาลยิ่งนัก มากกว่าประเทศกลุ่มโอเป็กหลายประเทศเสียด้วยซ้ำไป


5.เรามีภูมิปัญญาในการใช้สมุนไพรที่สืบทอดจากบรรพชนมากมายเหลือเกิน ที่สามารถนำมาวิจัยพัฒนาต่อยอดให้มีประสิทธิภาพเป็นยาสมุนไพรที่มีมาตรฐานในการรักษาโรคได้ไม่แพ้ยาเคมีจากต่างประเทศ สามารถส่งเป็นสินค้าออกไปขายทั่วโลกได้ สร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ เสริมความมั่นคงของชาติได้อย่างดี


6.เรามีธรรมชาติที่สวยงาม มีหาดทรายยาวสองฝั่งทะเล มีน้ำตก มีถ้ำ เพิงผา ป่าไม้ ภูเขา อ่าว แหลม ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดีมากมาย


7.ตั้งอยู่ในเขตร้อนที่แดดจัด สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ใช้อย่างไม่ต้องกลัวหมด มีลมบก ลมทะเล ที่สามารถแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าได้ไม่รู้สิ้น


8.ตั้งอยู่ในเขตที่ไม่เสี่ยงต่อภัยธรรมชาติที่รุนแรง ห่างจากศูนย์กลางแผ่นดินไหว ไม่มีภูเขาไฟที่คุกรุ่น ไม่มีลมพายุที่รุนแรง เช่น ทอนาโด หรือใต้ฝุ่น


9.เท่านั้นยังไม่พอ เรายังมีพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาที่มีคำสอนที่สมบูรณ์ ที่เป็นวิทยาศาสตร์มากที่สุดอีกด้วย


10.เรามีคนไทยที่จิตใจดี ยิ้มแย้ม มีน้ำใจ มีความฉลาด เรียนรู้เร็ว สามารถพัฒนาได้ง่าย

ด้วยจุดแข็งทั้ง 10 ข้อ ดังที่กล่าวมา ดินแดนไทยถือเป็นดินแดนสวรรค์บนดินก็ว่าได้ ใครก็ตามที่ได้เกิดในประเทศนี้ ถือได้ว่าโชคดีไม่ต่างจากได้เกิดบนสววรค์
คนไทยส่วนใหญ่ควรจะมีความสุขที่สุดในโลก มีสุขภาพดี ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย มีฐานะมั่งคั่ง ร่ำรวย กันถ้วนหน้า
แต่ในความเป็นจริง กลับตรงกันข้าม

(นั่นจุดแข็ง ส่วนจุดอ่อนดูที่นี่)

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... ater&ifg=1

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2020, 09:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่ออ่านจุดอ่อน หนึ่ง สอง สามแล้ว ดูต่อเนื่องลงมาจบที่นี่ :b1:

อ้างคำพูด:
รอง ผบ.ทบ. ห่วง “วิ่งไล่ลุง” หวั่นเป็นชนวนสร้างความวุ่นวาย ชี้ตอนนี้บ้านเมืองสงบแล้ว


https://www.khaosod.co.th/politics/news_3368492

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2020, 08:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เปิดจุดอ่อนของ ปทท. มองบทความนั่นจากจุดอ่อนนี่

อ้างคำพูด:
จุดอ่อน ของประเทศไทย
มีคนไทยเพียงไม่กี่ตระกูล ที่เป็น
1.ขุนทหาร
2.ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่
3.นักการเมืองใหญ่
4.นายทุนระดับชาติเท่านั้นที่ร่ำรวย ที่เสพสุขอยู่บนกองทุกข์ของประชาชน อย่างล้นเหลือ ราวกับเทพยดาเดินดินก็ไม่ปาน


https://www.facebook.com/baitongpost?__ ... GE&fref=nf

ว่าด้วยคดีซีพี ประมูลโครงการอู่ตะเภา 2.9 แสนล้าน ยื่นซองช้า 9 นาที อ้างว่ารถติด คณะกรรมการกองทัพเรือไม่รับซอง วิ่งโร่มาฟ้องศาลปกครอง
ศาลปกครองกลาง (ชั้นต้น) ไม่คุ้มครองชั่วคราว และตัดสินให้แพ้ แต่ศาลปกครองสูงสุด สั่งคุ้มครองชั่วคราว แล้วตุลาการผู้แถลงคดี (แถลงก่อนคำตัดสินไม่เกี่ยวกับองค์คณะ) ก็มีความเห็นให้กองทัพเรือต้องรับซอง
ผู้แทนทัพเรือเห็นท่าไม่ดี ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ก็แถลงปิดคดี แย้งว่า เคยมีคำพิพากษาเดิม คดีประมูลงานราชการนี่แหละ ยื่นซองช้า 39 วินาที ศาลก็สั่งไม่ให้รับ ศาลจะกลับคำพิพากษาเดิมได้อย่างไร จะทำให้ระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเสียไปหมด ถ้าอ้างว่าให้ประโยชน์รัฐมากกว่า
ก็เลยยื่นคำร้อง ให้นำเข้าที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุดเป็นผู้ตัดสิน
(คือผลการเปิดซอง ซีพีให้มากกว่าชิโนไทยร่วม 2 หมื่นล้าน แต่กองทัพเรือค้านว่าจะไปเห็นแก่ตรงนั้นไม่ได้ ต้องมีบรรทัดฐาน ยื่นช้าก็ต้องตัดสิทธิ
แล้วว่าในทางธุรกิจ โครงการนี้มันต่อเนื่องรถไฟ 3 สนามบิน ซึ่งซีพีประมูลได้แล้ว ถ้าไม่ได้อู่ตะเภาด้วย ขาดทุนกำไรมหาศาล..ซีพีก็เลยเต้นเร่าๆ)


ผลปรากฎว่า ประธานศาลปกครองสูงสุด ไม่เอาเข้าที่ประชุมใหญ่ คงให้องค์คณะตัดสิน ซึ่งก็เป็นไปตามที่กองทัพเรือวิตก คือ ศาลเห็นว่า ช้า 9 นาที ไม่ใช่สาระสำคัญ ไม่น่ามีน้ำหนักหรือข้อสงสัยว่าส่งช้าเป็นการเอาเปรียบ หรือล่วงรู้ข้อเสนอกลุ่มอื่น
เป็นอันเรียบร้อย ซีพีได้กลับเข้าประมูล และน่าจะชนะ

แต่เรื่องนี้ก็เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก มีผู้ตั้งปุจฉา ทำไมประธานศาลปกครองสูงสุด ปิยะ ปะตังทา (ชื่อเดิม เกษม คมสัตย์ธรรม) จึงไม่นำเข้าที่ประชุมใหญ่ ซึ่งมีตุลาการ 51 คน
โอ๊ย ไม่ใช่ผมตั้งปุจฉาหรอก มิบังอาจ ต้องระดับ ผอ.อิศรา ประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ นี่ไง เขียนบทความเรื่องคำถามถึงปธ.ศาลปกครองสูงสุด ทำไม? ไม่นำคดี ‘อู่ตะเภา’ เข้าที่ประชุมใหญ่

https://www.isranews.org/isranews/84415 ... 84415.html

คือระดับอิศราขุดคุ้ย ทำให้ธนาธรไม่ได้เป็น ส.ส.มาแล้ว เราก็ต้องสงสัยสิว่า อิศราตั้งคำถามประธานศาลปกครองสูงสุด จะกระเทือนไหม
ไม่ใช่แค่ประสงค์ มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์การต่อต้านคอร์รัปชั่น ก็อยากรู้ อย่างโพสต์ที่แชร์เมื่อวาน

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

คือระเบียบศาลข้อ 94 กำหนดไว้ว่า ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ และอาจมีผลเป็นการกลับหรือแก้ไขแนวคำพิพากษาเดิม (ยื่นซองช้า 39 วินาทีก็ถูกตัดสิทธิ) ให้เอาเข้าที่ประชุมใหญ่
แล้วทำไม ประธานไม่เอาเข้า ทั้งที่กองทัพเรือยื่นคำร้อง
อย่างน้อย ประธานก็ต้องวินิจฉัยคำร้อง ว่าให้เอาเข้าหรือไม่เอาเข้า ด้วยเหตุผลใด แต่นี่ไม่มีเลย
ยิ่งกว่านั้น คดีจัดซื้อจัดจ้างอยู่ในสายงานรองประธานคนที่ 4 แต่ประธานกลับไม่มอบหมายให้ ประธานสั่งเอง

ก็เตือนทิ้งท้ายไว้ว่า ระวังเน้อ แม้คดีสิ้นสุดแล้ว แต่คนที่ข้องใจสามารถไปร้องกรรมการตุลาการศาลปกครองให้ตรวจสอบได้นะ ว่าทำอย่างนี้ถูกต้องหรือเปล่า

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2020, 06:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พลิกล็อก ไม่รู้ใครหลอกซีพีให้วิ่งโร่ไปฟ้องศาลปกครอง จนเดือดร้อนไปทั้งศาล ถูกตั้งคำถาม ยื่นซองช้า 9 นาที ไหงยังกลับเข้าประมูลได้ ถูกกังขาว่าทำไม ไม่เอาเข้าที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ตามที่ทัพเรือร้อง
คนก็นึกว่าซีพีชนะแหง เพราะมีข่าวยื่นซองสูงกว่าคู่แข่ง เป็นโครงการต่อเนื่องกับรถไฟ 3 สนามบินยังไงต้องเอาให้ได้ ที่ไหนได้ใจมดนี่หว่า ยื่นแค่ 1.02 แสนล้าน BBS ยื่น 3.05 ล้าน
อย่างไรก็ดี ถึงซีพีจะแพ้ แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่องมาตรฐานคำพิพากษา เพราะจากที่เคยตัดสินว่า ยื่นซองช้า 39 วินาทีไม่ให้รับ ครั้งนี้ 9 นาทีให้รับ ต่อไปจะยึดมาตรฐานไหนแน่
ในแง่นี้ กองทัพเรือยังสู้อยู่นะ จะให้อัยการยื่นคำร้องขอศาลพิพากษาใหม่

https://www.facebook.com/baitongpost?__ ... RM&fref=nf

อ้างคำพูด:
เปิดซองราคาประมูลอู่ตะเภา ‘หมอเสริฐ-บีทีเอส-ซิโน ไทย’ ชนะซีพี เสนอสูงสุด 3 แสนล้าน


https://www.matichon.co.th/economy/news_1898160


ทร.สู้คดี 'ซีพี' ชิงอู่ตะเภา ส่งอัยการยื่นศาลพิพากษาคดีใหม่

https://www.bangkokbiznews.com/news/det ... VXnkGwk-Gw

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2020, 06:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าพูดในแง่ธรรมะก็ว่า รูป กับ นามนี่ยุ่งเหยิงซับซ้อนยิ่งกว่าฝอยขัดหม้อลึกซึ้งยิ่งกว่าสะดือมหาสมุทร :b32:

รูปภาพ

https://www.facebook.com/Windingideas/p ... =3&theater

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ม.ค. 2020, 09:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: :b2: :b32: :b2:

รูปภาพ

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

:b13: เสียบบัตรแทนกัน ศาล รธน.เคยวินิจฉัย ว่า เป็นโมฆะครั้งรัฐบาลยิ่งลักษณ์ รัฐบาลปัจจุบันเสียบแทนกันมั่ง ถูกจับได้ ก็ออกมาพูดประสานเสียงกันว่า สองเหตุการณ์ใช้เทียบกันไม่ได้ เป็นต้นเป็นใบ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ม.ค. 2020, 10:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เอาแผนที่โลกให้สังเกตก่อน

รูปภาพ

รูปภาพ

:b12:
ถ้าไม่มีจิตคือตายจะมองเห็นอะไรๆได้ไหมคะ
แต่ที่มองเห็นอยู่เนี่ยเห็นอะไรก็ไม่รู้ตามคำสอน
คือไม่ได้กำลังระลึกตรงตามคำสอนที่ตถาคตกล่าว
แสดงว่ากำลังคิดเห็นผิดตรงตามเหตุตามปัจจัยของกิเลส
จะเกิดปัญญาเข้าใจถูกและตรงตามได้ตอนกำลังฟังเข้าใจไหมคะ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ม.ค. 2020, 08:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เอาแผนที่โลกให้สังเกตก่อน

https://scontent.fbkk5-3.fna.fbcdn.net/ ... e=5EA42D0E

https://scontent.fbkk5-7.fna.fbcdn.net/ ... e=5E9A174E

:b12:
ถ้าไม่มีจิตคือตายจะมองเห็นอะไรๆได้ไหมคะ
แต่ที่มองเห็นอยู่เนี่ยเห็นอะไรก็ไม่รู้ตามคำสอน
คือไม่ได้กำลังระลึกตรงตามคำสอนที่ตถาคตกล่าว
แสดงว่ากำลังคิดเห็นผิดตรงตามเหตุตามปัจจัยของกิเลส
จะเกิดปัญญาเข้าใจถูกและตรงตามได้ตอนกำลังฟังเข้าใจไหมคะ
:b32: :b32:


ดูคุณโรสคิดพูดเขียนดิ ไม่ต้องถึงกับตายหรอก ยังมีชีวิตอยู่มีจิตอยู่ แต่ตาบอดนี่ก็มองไม่เห็นแล้ว :b32: บอกเท่าไหร่ก็ไม่เชื่อว่าเสียเวลาเปล่า :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 805 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 41, 42, 43, 44, 45, 46, 47 ... 54  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 24 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร