วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 14:16  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 51 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2019, 06:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เมตตา...

ท่านเจ้าของกระทู้..เมตตา..ยังไม่ถูก

เมตตา...ของโลก...ต่างก็เพื่อตัวเพื่อตน..เพื่อสุขของตน.....เมตตาจึงมีอาการแปรปรวนไปมา..ไม่เที่ยง..ตามแต่จะเห็นว่าช่องทางไหน..จะทำให้ตนเป็นสุข..เช่น..ได้ช่วยเขาเป็นสุข...เขาไม่เห็นความดีเรา..ก็เป็นทุกข์แล้ว...เป็นต้น

พอความคิดที่จะจัดการสิ่งต่างๆเพื่อให้ตนสุข..ไปขัดแย้งกับคุณธรรมลึกๆภายใน..จึงเกิดอาการลังเล..คัดค้าน..ขัดแย้ง...ไม่เป็นสุข..

ทางแก้...

ท่านเจ้าของกระทู้...ควรศึกษา..เรื่องของบูญ..ผลของบุญ..เรื่องกรรม..ผลของกรรม.ต่างๆที่มีในพระไตรปิกฏ..แล้วนำมาโยนิโสเข้าสู่เรื่องของชีวิตตน..เรื่องที่ตนเจอ .ทำซ้ำๆ...จนใจยอมรับว่าบุญกรรมเป็นเรื่องจริง...
หากท่านเจ้าของกระทู้..ยังไม่เข้าใจเรื่องของการทำงานของขันธ์มากนัก...ก็ให้คิดอย่างนี้ก่อนเลยนะว่า..
"สิ่งใดที่มากระทบจนทำให้ใจเราเป็นทุกข์..สิ่งทั้งหมดนั้นเป็นผลของกรรมชั่วของเราเอง..ทั้งสิ้น"

ตอนนี้อาจจะยังไม่เข้าใจ..แต่ก็ท่องไปก่อน..
จำใว้..ว่า..คนมีบุญ..ใช่ว่าจะเจอแต่เรื่องที่เป็นสุข..เสมอไปเท่านั้น..เพราะคนมีกิเลสตัญหาจะไม่เคยทำความชั่ว...นั้น...ไม่มี....

จากเรื่องบุญเรื่องกรรม..ท่านของกระทู้..ก็ควรศึกษาเรื่องของกิเลสตัญหาอวิชชาของทุกชีวิต...ก็โดยดูเรื่องจากพระไตรปิฏกนั้นแหละจึงจะดีมีพลัง...พิจารณาให้เห็นความเสี่ยงของคนมีอวิชชา...ตัวอย่าง..ก็ดูอย่างอดีตของพระโมคคัลลานะ..แม้จะมีบุญมาก..ถึงขนาดว่าจะได้เป็นอัครสาวก...บางชาติก็ยังหลงฆ่าบิดามารดาจากการเป่าหูของภรรยา..ไปได้เลย..เรื่องนี้...พิจารณาให้เห็นโทษ..ของอวิชชาที่ต่างก็คิดทำสิ่งต่างๆเพื่อให้ตนสุข..แม้แต่เรื่องที่คาดไม่ถึง..ก็อาจพลั้งมือทำลงไปได้เหมือนกันนะ..
นี้แหละ...เรื่องของคนมีกรรมมาเจอกับคนมีกิเลสหนา...เหตุการณ์กรรมชั่วจึงอุบัติ

เมื่อเข้าใจ..เรื่องของบุญกรรมดีขึ้น...เข้าใจธรรมชาติของคนมีกิเลสตัญหามากขึ้น...เมตตาแบบโลก..จะค่อยๆเปลี่ยนไป..มีสุขมากขึ้นแม้จะไม่ได้รับอะไรอะไรจากคนอื่น..เกิดอะไรขึ้นก็มองเห็นแต่เรื่องของบุญของกรรม..มองเห็นแต่การกระทำของกิเลส..ของตัญหา..ของความไม่รู้ของคน...ไม่รู้ว่าทำชั่วแล้วตนผู้ทำนั้นแหละจะได้รับ...เห็นแล้ว..มันจะเมตตาไปอีกแบบ...

เป็นต้น..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2019, 09:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ตอนนี้อาจจะยังไม่เข้าใจ..แต่ก็ท่องไปก่อน..
จำใว้..ว่า..คนมีบุญ..ใช่ว่าจะเจอแต่เรื่องที่เป็นสุข..เสมอไปเท่านั้น..เพราะคนมีกิเลสตัญหาจะไม่เคยทำความชั่ว...นั้น...ไม่มี....


อนุโมทนา สาธุ เห็นด้วยอย่างยิ่ง แม้แผ่นดินยังมีที่ต่ำที่สูง
ไม่เสมอกันเลย

แรงใดเล้าจะสู้แรงของกรรม

เรียนเชิญ คุณ กบ กระทู้นี้ด้วยนะครับ อย่าบอกนะครับว่า
ขี้เกียจเหมือนเดิมอยู่ หรือไม่กล้า ผลจากการปฏิบัติ มีอะไรบ้างที่เห็น
จะเป็นของเก่าที่เคยลงไว้ก็ได้ครับ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=57174 หวังว่ายังไหวนะครับ ขอให้แข็งแรงๆ

:b45:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2019, 12:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
pwit9 เขียน:
กลุ่มใจมาหลายปีแล้ว ขอเล่าตั้งแต่ต้นสายปลายเหตุครับ
สมัยเด็ก ผมเป็นลูกคนเดียว เกิดมามีแม่คนเดียว ฐานะยากจนค่อนข้างมาก พ่อทิ้ง ปู่ยาตายาย ตายหมดก่อนเกิด แม่เป็นลูกคนสุดท้องของตายาย ตาเกลียดแม่ ว่าเป็นกาลกินี จึงทำให้แม่ถูกพี่น้องเอาเปรียบมาตลอด ตามีลูก 5 คน แม่ทำงานไม่ได้เรียน อ่านหนังสือไม่ออก ทำงานหนัก แต่ไม่มีเงิน เพราะพี่น้องแม่ จะเอาไปหมด จากการขอจากตา สุดท้าย แม่ดูแลตายาย ก่อนสิ้นใจทั้งสองคน และมีหนี้สินที่พี่น้องแม่ก่อไว้ อีกจำนวนหนึ่ง สมัยก่อน ท้องบาทละ 400 แม่มีหนี้มา 25000 บาท แม่ทำงานรับจ้างทั่วไป ทั่งก่อสร้าง อะไรก็ได้ที่ทำแล้วมีเงินมาซื้อข้าว แม่จึงเป็นคนอารมแปรปรวนบ่อยๆ คงเพราะอาการเหนื่อย และบาดแผลที่แม่ได้รับมาแต่เด็กๆ ผมเกิดมาจึงถูกแม่ด่าว่าบ่อยๆ ทั้งเป็นมารหัวขน ทั้งด่าหยาบคาย และสาปแช่งต่างๆนาๆ จิงๆ บางครั้งผมดื้อด้วย จับอะไรไกล้มือได้ก็ขว้างปาใส่ผม แต่แม่ก็เลี้ยงดูผมมา บางครั้งก็หายแกก็จะมาบอกผมว่าแกเครียด ผมรู้ว่าแกรักผมในแบบของแก แม่อาศัยญาติพี่น้อง อยู่บนที่ดินเขา แต่บ้านของเรา ทุกคนจึงพากันรังเกียดผม ว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ แม่ยากจน เขาจะเรียกผมไอ้หัวโจก อะไรหาย หรือ ทำผิดนิดหน่อย ก็จะเป็นเรื่องใหญ่ และโยนความผิดทุกอย่างมาให้ผม ผมจะเป็นเหมือนกระโถนท้องพระโรง
บาดแผลสะสมอยู่ในใจผมมาเป็นสิบปี แม่แต่เรื่อง รีดเสื้อผ้าไปเรียน เพราะผมดันทุรังเรียน ม.ปลาย เพราะอยากหลุดจากขุมนรกนี้ไป ทุกคนก็จะด่าผมว่าใช้ไฟฟ้าเขาเปลือง เรียนไปก็ไปไม่ถึงดวงดาว ผมต้องใช้เตาถ่านรีดเสื้อ จุดตะเกียงน้ำมันอ่านหนังสือ 18 ปีเต็มๆในขุมนรก เคยพยายามฆ่าตัวตาย 1 ครั้ง แต่ไม่ตาย กินยานอนหลับไปสิบกว่าเม็ด ไม่กล้ากินยาฆ่าแมลง กลัวเจ็บ(คิดแบบเด็กๆ) ผมลำบาก มากๆ มาแต่เด็กๆ ทำทุกอย่าง รับจ้างทุกชนิด ทำสวน ล้างจาน ขายหนังสือพิมพ์ ทั้งฆ่าสัตย์ ตกปลายิงนก ตีรังผึ้งไปขายให้ได้เงิน จนผมเรียนจบ ป.ตรีทางด้าน วิทยาการคอมฯ ได้ทำงาน และมีเงินเดือน และสุดท้าย เปิด บ. เล็กๆ เพื่อทำเอง ผมดิ้นรนมาตั้งแต่เด็กๆ ความลำบาก ต่างๆในการทำงาน จึงเป็นเรื่องปกติ ที่ผมผ่านมาแล้ว ท้อบ้างอะไรบ้าง แต่ก็ไม่สู้เท่าตอนเด็กๆ จนสามารถสร้างฐานะ พออยู่ได้มีบ้านมีรถ ผมไม่เคยโกรธแม่เลย แม่ไม่สบายหลายครั้ง เข้า รพ. (แก่ดื้อไปหาหมอผี โดนหมอผีตีจนเข้า รพ 1 เดือน จนเดินได้ไม่ปกติ) ผมดูแลล้างขี้เข็ดเยี้ยวโดยไม่รังเกียด เพราะรักแกมาก เห็นใจที่แกลำบากมากในช่วงผมเด็กๆ จนวันหนึ่งผม ซื้อบ้าน ซื้อรถ และไปรับแกมาอยู่ด้วย ผมมีครอบครัวและลูกแล้ว แกอายุมาก 80 กว่าแล้ว(ผม 40) แต่ความจำดีปกติ และมีหลานสาวแกอายุ 68 ซึ่งเป็นญาติผม ที่เคยอยู่ในก้วน ก่อกรรมทำเข็ญผมมาแต่เด็กๆ แต่หลานแม่คนนี้ แกจะถูกพี่น้องแก่ 5 คนรังเกียด ด้วยเพราะสมัยสาวๆ แกชอบปะจบป้า ซึ่งเป็นแม่ของแก ทำให้ป้าเข้าข้างแก และด่าว่าพี่น้องคนอื่น แกเป็นสาวแก่ ทรัพย์สมบัติที่ดินที่แกมีญาติพี่น้องแกนำไปหมดแล้ว และแก ค่อนข้างไม่ปกติ ดื้อเงียบ ผมดูแลแม่และแก่ มาอยู่ด้วยกันได้ 8 ปีแล้ว ที่ให้แกมาอยู่ด้วย เพราะเห็นว่า แกกับแม่อายุไกล้กัน พูดคุยกันจะได้ไม่เหงา และแม่ขอร้องว่า ป้าเขาฝากฝังไว้ ช่วงแรกๆก็ให้เงินแกด้วย เพราะสงสารช่วงหลังๆ ฐานะการเงินไม่ดีก็ให้แกกินอยู่ดูแลหาหมอหายาให้
ตั้งแต่แก่มาอยู่ ชีวิตผมก็เข้าสู่โหมด ขุมนรกอีกครั้ง เพราะแกเป็นคนดื้อมาก และไม่เข้าใจเวลาเราบอก
แกจะทำผิดพลาด จนเป็นเหตุให้แกเกิดอันตรายเอง เช่นห้ามไม่ให้ไปที่ถนนรถ รถจะชนบอก 3 รอบ รอบที่ 4 ไปโดนหมารุมกัดมารักษาเป็นเดือนและชอบเอาเรื่องส่วนตัวบางเรื่องไปคุยนอกบ้าน ห้ามก็ไม่ฟัง แก่ชอบใส่บาตรตอนเช้า ผมไม่ว่า ผมก็ทำบุญ แต่แก่ทำเกินพอดีจนผมเป็นคนบาปว่าพอ ต่อไปนี้ทำให้น้อยลง แก่จะเตียมของทำบุญเป็นอย่างแรก โดยไม่นึงถึงผม หรือแม่ผมที่ดูแลแกเลย ผมเคยบอกแกว่า แกกำลังเห็นแก่ตัวนะ ที่พี่น้องเขาทิ้ง นี่คือสาเหตุหนึ่ง ผมบอกจะดูแลแกจนตายกันไปข้างนึงได้ หากแก ทำตามผมบอก แก่ก็ไม่ฟัง บอกไปก็แสดงอาการไม่พอใจ ผมถามแกว่าผมไม่ใช่ลูกนะ น้องก็ไม่ใช่ อย่าเอาแต่ใจไม่ได้
แปดปีมานี้ ผมพูดให้แม่ร้องไห้เสียใจเพราะแกบ่อยมาก เพราะถือว่าแม่รับสมอ้างให้ผมเลี้ยงดูแก แม่ต้องสังสอนแก ไม่ใช่ผม ภาระหน้าทีผมก็มากแล้ว ทุกครั้งที่แกทำผิด มันจะไปสกิดบาดแผลในใจสมัยเด็กๆผมขึ้นมาทันที ทำให้ผมลืมตัวทั้งว่าแม่และแก ผมเคยถามแม่ว่าแม่รักผมไหม ผมลำบาก ทุกร์ทรมานใจมาขนาดไหนในช่วงวัยเด็ก ผมใช้ให้ชาตินี้จบกันนะ ผมไม่เคยอยากคิดถึงมันอีกแล้ว วันนี้ทำไม ถึงนำคนๆนี้มาทำเรื่องเดิมๆกับผมอีก ผมไม่ถือโกรธเขาให้อภัยไปแล้ว แต่หากวันนี้จะให้ผมดูแล ต้องเชื่อฟังผม ผมต้องดูแลคนแก่ 2 คน ลูกเล็กๆ 2 คน ส่งบ้านรถ แกกับแม่ผมเป็นโรคความดันหัวใจไขมันต้องรักษาดูแลกันเป็นรายเดือน
แม่ผมร้องให้ทุกครั้ง ผมจะตกนรกใช่ไหม ผมจำเป็นไหมต้องตกในภาวะเช่นนี้ จนอายุปูนนี้ ยังหนีไม่พ้น ญาติพี่น้องพวกนี้อีกหรือ ผมควรนำเขาไปคืน ไปไว้ที่ที่เขาอยู่โดยไม่ต้องสนใจว่าจะเป็นจะตาย ตามยะฐากกรมเขาดีไหม หรือ ผมต้องทำใจ ครับ ทำดีจะได้ดีหรือครับ ผมกำลังตกนรก เพราะทำแม่เสียใจ เพราะดูแลคนอื่นเพิ่ม ???????



ป่านนี้คุณคงหาทางออกแก้ไขปัญหาได้แล้ว วันนี้วันมาฆะบูชา ปี ๖๒ ผมขออนุญาตตอบกระทู้นี้ไว้เป็นแนวทางแก่คนที่พบเจอแบบคุณต่อไปนะครับ

วันนี้ ๑๙/๒/๖๒ วันมาฆะบูชาสวดมนต์ไหว้พระทำใจให้เปิดกว้างปรอดโปร่งสบายๆ ทิ้งรักลงแม่น้ำไป เอ๊ยทิ้งความับแค้นใจลงแม่น้ำไปก่อนนะครับ มุกนี้น่าจะฮาตครายเครียดแก่ท่าน pwit9 ได้บ้างนะครับ พอดีคนหล่อคิดได้แค่นี้ครับ อิอิ(แต่ท่านคงไม่มาอ่านแล้วเพราะกระทู้นี้ผ่านมาหลายปีแล้ว อิอิ) :b32: :b32: :b32:

ทีนี้พอขำๆสบายๆ แล้วลองหลับตาสงบนิ่งสัก 1 นาที นะครับ แล้วมาอ่านต่อ :b8: :b8: :b8:

.........................................................................


หลับตาสงบนิ่ง 1 นาทีแล้ว ให้ปรอดโปร่งดีแล้ว ลองมาอ่านสิ่งที่ผมจะกล่าวต่อไปนี้นะครับ

ก. คุณมองในมุมกลับกันก่อน ที่ไม่ใช่ว่าคุณยากจน ลำบากกายใจ พ่อแม่ทุกข์ทรมาน ชะตาชีวิตไม่ดี เอาเรื่องตัวคุณก่อนนะครับ

1. หากคุณมีทุกสิ่งตั้งแต่เกิด คุณคิดว่าคุณจะมีวันนี้ไหม
2. หากพ่อแม่คอยเอาใจเลี้ยงดูแบบเจ้าชาย ทุกวันนี้คิดว่าคุณจะทำอะไรเป็นไหมครับ
3. หากเมื่อมีทุกอย่างแล้ว คุณจะมีทั้งปัญญา ทั้งความเพียร ดิ้นรนเอาตัวรอดสร้างเนื้อสร้างตัวอย่างทุกวันนี้ไหมครับ
4. บางคนยากจนแบบคุณเคยเป็น ทำไมทุกวันนี้ก็ยังยากจนอยู่ หรือกลายเป็นขอทานด้วยซ้ำ หรือ..บางคนที่มีชีวิตดีกว่าที่คุณเคยเป็นมากโข เมื่อชีวิตพลิกผันทำไมเขากลับทำอะไรไม่ได้เลย แก้ปัญหาไม่ได้ ฟันฝ่าไม่ได้ ไม่มีปัญญาไม่มีความเพียร แค่คิดจะสู้ก็ท้อแล้ว นั่นเพราะอะไร ..เพราะเขาทิ้งโอกาสการต่อสู้ดิ้นรนฝึกฝนสติปัญญา ทำบารมีความเพียร อย่างที่คุณทำและฟันฝ่ามาใช่มั้ยครับ

ลองมองว่า..ถ้าคุณเกิดมาสบายจนไม่ทำอะไรเลย ไม่มีหน้าทีการงานที่ดี เหลาะแหละทำอะไรไม่เป็น เพราะมีทุกอย่างแล้ว หาง่าย ไม่ทำงาน อยู่ลำบากไม่ได้ ดูนะครับ

แล้วทีนี้ลองมองตีกรอบความจนให้แตกออกนะครับ..เพราะความจน ความไม่มี จึงทำให้คุณและแม่ต้องดิ้นรนสู้ชีวิตใช่ไหมครับ
- ตั้งแต่เด็กเล็กๆก็ต้องช่วยเหลือทำงาน ยากลำบาก หากินเองอยู่เอง ใฝ่เรียนศึกษาเพื่อให้ได้ดีมีความรู้ได้ทำงานที่ดีค่าตอบแทนสูง ในขณะที่คนอื่นหรือลูกคนรวยบางคนยังตักข้าวเข้าปากกินเองไม่เป็นเลย เดินไปนั่นไปนี่ไม่ได้ ดูแลตัวเองไม่ได้ ตรงนี้คุณเห็นความต่างไหมครับ นั่นเพราะความจนหล่อหลอมคุณให้สามารถเอาตัวเองรอดได้ตั้งแต่เด็ก ทำให้ขยัน ใฝ่เรียนรู้ นี่คือสิ่งที่หาไม่ได้จากคนทั่วไป เป็นทักษะที่คุณได้มาเพราะความจน
- เมื่อโตขึ้น คุณลำบาก ถูกด่าว่าตราหน้า นั่นมันทำให้คุณเกิดกำลังภายในต่อสู้อาจจะเพื่อลบคำสบประมาท หรือมีเป้าหมายว่าเราต้องมีชีวิตที่ดีกว่านี้ให้ได้ ทำให้คุณฝนลับปัญญาให้แหลมคม ในการเอาตัวรอด ในการเรียนรู้ ในการอยู่กับสังคมแบบนั้น จนเมื่อเรียนจบ ป.ตรีทำงานได้ ด้วยความรู้ทักษะความสามารถที่คุณมี ความมานะบากบั่น ทำให้คุณสร้างเนื้อสร้างตัวได้ เลี้ยงดูแม่คุณได้จนถึงทุกวันนี้
** เหตุที่ผมกล่าวนี้เพราะอะไรครับ เพราะความยากจนลำบากนั่นแหละที่เป็นตัวลับสติปัญญา ความเพียร ความตั้งใจของคุณให้มีกำลังยิ่งๆขึ้น
ลองคิดนะครับ สมัยก่อนนี้ พระมหาจักรพรรษดิ์หลายๆพระองค์ที่มาจากคนยากจนลำบากข้นแค้นแล้วกลายมาเป็นพระมหาจักรพรรษดิ์คือยิ่งใหญ่ไปทั่วโลก นั่นเพราะท่านต้องฝึกฝนตนบ่มสติปัญญาของตนให้ยิ่งใหญ่ เพื่อที่จะทำกิจการงานที่ใหญ่ ที่คู่ควรเหมาะสมกับปัญญาของท่านเหล่านั้นได้ คุณเองก็เช่นกันความจนยากลำบากมันลับสติปัญญาความมานะบากบั่นของคุณให้มีกำลังยิ่งใหญ่เพียงพอที่จะใช้ทำกิจการงานใหญ่ได้ นั่นคือ เป็นเจ้าของบริษัท เป็นเจ้านาย เป็นลูกที่กตัญญู เป็นหลานที่ให้ความอนุเคราะห์เอื้อเฟื้อ เป็นพ่อที่ดีที่ยิ่งใหญ่ เป็นตัวอย่างให้ลูกหลาน เป็นสามีที่ทรงคุณค่าของภรรยา และครูที่จะสอนการดำรงชีพที่ดีให้ลูกคุณต่อไปในภายภาคหน้าด้วยความรู้ความสามารถของคุณที่ก้าวข้ามผ่านความโหดร้ายนั้นๆมาได้ นั่นแหละวิชาสอนลูกที่ดีที่สุด เวลาลูกเจอปัญหาไรๆคุณก็มีแนวทางและประสบการณ์ที่กลั่นกรองดีแล้วสอนลูกให้ฟันฝ่าเพื่อมีชีวิตการดำรงชีพที่ดีมีแบบแผนดีงามสืบไปครับ
.. นี่เพราะความยากจนนั้นแหละหล่อหลอมคุณให้ทำได้จนทุกวันนี้ และได้เป็นตามที่ผมกล่าวไว้นั้น ..ดังนั้น อย่าโทษชะตาชีวิต อย่าไปน้อยใจในสิ่งใด ให้รู้ไว้ว่ามันมีไว้เพื่อหล่อหลอมให้คุณแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ขึ้น สมบูรณ์แบบอย่างทุกวันนี้ ความยากจนลำบากนั้นจึงควรค่าให้คุณจดจำในสิ่งที่ทำให้คุณยิ่งใหญ่ได้ดังทุกวันนี้ครับ


ข. เรื่องคุณป้าของคุณ ที่คุณจำเป็นต้องดูแล มันก็ต้องมีเหตุความเป็นมาให้ดูแล คุณลำบากใจ ไม่สนิทใจเพราะเกลียดชังเขามาตั้งแต่ต้น ทำให้คุณอยู่กับท่านลำบาก ให้คุณทำไว้ในใจดังนี้นะครับเพื่อทุเลาความอัดอั้นคับแค้นใจลง

1. คิดว่าที่มีป้าคุณมา ก็เพื่อลับสติปัญญาของคุณให้ยิ่งๆขึ้นในการใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ไม่รัก ที่ชังอย่างไร ให้ทนไม่ฟูมฟ้ายผูกแค้นผูกโกรธ
2. ให้คิดเสียว่า ชาติก่อนนี้ คุณเคยพึ่งท่านมามาก ท่านช่วยเหลือคุณมามาก ชาตินี้คุณจึงต้องมาดูแลท่าน หรือชาติก่อคุณตั้งใจไว้จะทดแทนคุณท่านหากใได้เกิดมาพบเจออยู่ในครอบครัวเดียวกัน จึงทำให้คุณต้องเจอท่านและต้องมาเลี้ยงดูท่าน เมื่อทดแทนครบแล้วเดี๋ยวก็มีเหตุให้ผ่านพ้นกันไปเอง โดยที่คุณก็ไม่ต้องมาเสียดายเสียใจที่ไม่ได้ทำให้ดีในตอนนั้นตอนนี้เป็นความร่ำไรรำพันในใจ
3. ท่านอาจเป็นกระจกสะท้อนให้คุณเห็นว่า การเอาแต่ใจ มั่นใจตนเองสูง มีความถือตัว ทำคนอื่นเกลียดชัง ดังนั้นภายหน้าคุณต้องไม่เป็นแบบนี้ คุณจึงต้องเอื้อเฟื้อให้มาก
4. ท่านอยู่เพื่อให้คุณฝึกปฏิปทา สำรวมกาย วาจา ใจ ให้ฝึกคิดดี พูดดี ทำดี แล้วคุณก็ฝึกสงบนิ่งบ่อยๆ ทำสมาธิเจริญสติบ่อยๆ หรือเดินจงกรมสร้างสัมปะชัญญะความรู้ตัวทั่วพร้อมแก่คุณไปเรื่อยๆ เพื่อชำระล้างกิเลสความเร่าร้อนกายใจของคุณ อันจะสะสมเป็นบุญบารมีธรรมให้คุณในปัจจุบันที่เห็นผลได้ คือ เบาเย็นใจไม่มีทุกข์, สืบต่อไปเป็นบารมีติดตามไปในภพภูมิหน้า ให้มีทุกอย่างที่ดีสืบไป

** เมื่อพิจารณาได้ดังนี้ ตกลงใจดังนี้ ก็ใช้ปัญญาเป็นเครื่องอยู่แทนที่จะใช้ความรู้สึกเป็นหลักของใจ ใช้สติปัญญาแก้ไข ไม่ใช้ความรู้สึก ทุกสิ่งจะออกมาสำเร็จด้วยดีครับ

ขอให้มีชีวิตที่ดีงามตลอดไปครับ ตัวคุณเองก็ต้องไม่ติดใจข้องแวะสิ่งไรๆที่ป้าแกเป็นแกทำด้วยนะครับ เพราะท่านป่วย, ท่านไม่ปรกติ, เพราะเป็นธรรมชาติของท่าน คนที่มีกายใจเป็นปรกติย่อมไม่ทำอย่างนั้นแน่นอน คนปรกติเขาจะอยู่ด้วยความมีจิตผ่องใส มีใจเอื้อเฟื้อ เว้นจากความเบียดเบียน เมื่อเราเป็นหัวหน้าในบ้าน ป้าคุณก็เป็นลูกบ้าน ที่ต้องดูแล เราทำตามสติกำลังที่จะทำได้ไปครับ หากชิงชังเมื่อไรก็ให้ใช้สติปัญญาแก้ไข สละทิ้งความรู้สึก แล้วชีวิตคุณจะดีขึ้นครับ สิ่งที่คุณทำก็จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกเห็นเป็นเครื่องปลูกฝังให้ลูกคุณสืบไป

โลกนี้ไม่ใช่คุณที่เคยลำบากมาคนเดียว ไม่ว่าผมหรือใครก็เคยผ่านมาแล้วครับ สู้ๆครับ


ตามี แต่ไร้แวว

จขกท เข้ามา

โพสต์ เมื่อ: วันนี้, 14:25



กำลังชื่นชมการแสดงความเห็นและแนวทางของเมที่รักอยู่เลยการพูดจาดีงามไพเราะ ดูดี มีความรู้ มีความเข้าใจเอื้อเฟื้อเกื้อกูลดีงามมาก น่ารักมากๆ :b27: :b27: :b27: :b15: :b15: :b15: :b32: :b32: :b32: แต่พออ่านลงมาล่างๆหน่อย :b14: :b14: :b14: ก็เหมือนเดิม แต่ก้อดีขึ้นมากนะคนสวย :b1: :b1: :b1:

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2019, 13:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


แค่อากาศ เขียน:
โลกสวย เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
pwit9 เขียน:
กลุ่มใจมาหลายปีแล้ว ขอเล่าตั้งแต่ต้นสายปลายเหตุครับ
สมัยเด็ก ผมเป็นลูกคนเดียว เกิดมามีแม่คนเดียว ฐานะยากจนค่อนข้างมาก พ่อทิ้ง ปู่ยาตายาย ตายหมดก่อนเกิด แม่เป็นลูกคนสุดท้องของตายาย ตาเกลียดแม่ ว่าเป็นกาลกินี จึงทำให้แม่ถูกพี่น้องเอาเปรียบมาตลอด ตามีลูก 5 คน แม่ทำงานไม่ได้เรียน อ่านหนังสือไม่ออก ทำงานหนัก แต่ไม่มีเงิน เพราะพี่น้องแม่ จะเอาไปหมด จากการขอจากตา สุดท้าย แม่ดูแลตายาย ก่อนสิ้นใจทั้งสองคน และมีหนี้สินที่พี่น้องแม่ก่อไว้ อีกจำนวนหนึ่ง สมัยก่อน ท้องบาทละ 400 แม่มีหนี้มา 25000 บาท แม่ทำงานรับจ้างทั่วไป ทั่งก่อสร้าง อะไรก็ได้ที่ทำแล้วมีเงินมาซื้อข้าว แม่จึงเป็นคนอารมแปรปรวนบ่อยๆ คงเพราะอาการเหนื่อย และบาดแผลที่แม่ได้รับมาแต่เด็กๆ ผมเกิดมาจึงถูกแม่ด่าว่าบ่อยๆ ทั้งเป็นมารหัวขน ทั้งด่าหยาบคาย และสาปแช่งต่างๆนาๆ จิงๆ บางครั้งผมดื้อด้วย จับอะไรไกล้มือได้ก็ขว้างปาใส่ผม แต่แม่ก็เลี้ยงดูผมมา บางครั้งก็หายแกก็จะมาบอกผมว่าแกเครียด ผมรู้ว่าแกรักผมในแบบของแก แม่อาศัยญาติพี่น้อง อยู่บนที่ดินเขา แต่บ้านของเรา ทุกคนจึงพากันรังเกียดผม ว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ แม่ยากจน เขาจะเรียกผมไอ้หัวโจก อะไรหาย หรือ ทำผิดนิดหน่อย ก็จะเป็นเรื่องใหญ่ และโยนความผิดทุกอย่างมาให้ผม ผมจะเป็นเหมือนกระโถนท้องพระโรง
บาดแผลสะสมอยู่ในใจผมมาเป็นสิบปี แม่แต่เรื่อง รีดเสื้อผ้าไปเรียน เพราะผมดันทุรังเรียน ม.ปลาย เพราะอยากหลุดจากขุมนรกนี้ไป ทุกคนก็จะด่าผมว่าใช้ไฟฟ้าเขาเปลือง เรียนไปก็ไปไม่ถึงดวงดาว ผมต้องใช้เตาถ่านรีดเสื้อ จุดตะเกียงน้ำมันอ่านหนังสือ 18 ปีเต็มๆในขุมนรก เคยพยายามฆ่าตัวตาย 1 ครั้ง แต่ไม่ตาย กินยานอนหลับไปสิบกว่าเม็ด ไม่กล้ากินยาฆ่าแมลง กลัวเจ็บ(คิดแบบเด็กๆ) ผมลำบาก มากๆ มาแต่เด็กๆ ทำทุกอย่าง รับจ้างทุกชนิด ทำสวน ล้างจาน ขายหนังสือพิมพ์ ทั้งฆ่าสัตย์ ตกปลายิงนก ตีรังผึ้งไปขายให้ได้เงิน จนผมเรียนจบ ป.ตรีทางด้าน วิทยาการคอมฯ ได้ทำงาน และมีเงินเดือน และสุดท้าย เปิด บ. เล็กๆ เพื่อทำเอง ผมดิ้นรนมาตั้งแต่เด็กๆ ความลำบาก ต่างๆในการทำงาน จึงเป็นเรื่องปกติ ที่ผมผ่านมาแล้ว ท้อบ้างอะไรบ้าง แต่ก็ไม่สู้เท่าตอนเด็กๆ จนสามารถสร้างฐานะ พออยู่ได้มีบ้านมีรถ ผมไม่เคยโกรธแม่เลย แม่ไม่สบายหลายครั้ง เข้า รพ. (แก่ดื้อไปหาหมอผี โดนหมอผีตีจนเข้า รพ 1 เดือน จนเดินได้ไม่ปกติ) ผมดูแลล้างขี้เข็ดเยี้ยวโดยไม่รังเกียด เพราะรักแกมาก เห็นใจที่แกลำบากมากในช่วงผมเด็กๆ จนวันหนึ่งผม ซื้อบ้าน ซื้อรถ และไปรับแกมาอยู่ด้วย ผมมีครอบครัวและลูกแล้ว แกอายุมาก 80 กว่าแล้ว(ผม 40) แต่ความจำดีปกติ และมีหลานสาวแกอายุ 68 ซึ่งเป็นญาติผม ที่เคยอยู่ในก้วน ก่อกรรมทำเข็ญผมมาแต่เด็กๆ แต่หลานแม่คนนี้ แกจะถูกพี่น้องแก่ 5 คนรังเกียด ด้วยเพราะสมัยสาวๆ แกชอบปะจบป้า ซึ่งเป็นแม่ของแก ทำให้ป้าเข้าข้างแก และด่าว่าพี่น้องคนอื่น แกเป็นสาวแก่ ทรัพย์สมบัติที่ดินที่แกมีญาติพี่น้องแกนำไปหมดแล้ว และแก ค่อนข้างไม่ปกติ ดื้อเงียบ ผมดูแลแม่และแก่ มาอยู่ด้วยกันได้ 8 ปีแล้ว ที่ให้แกมาอยู่ด้วย เพราะเห็นว่า แกกับแม่อายุไกล้กัน พูดคุยกันจะได้ไม่เหงา และแม่ขอร้องว่า ป้าเขาฝากฝังไว้ ช่วงแรกๆก็ให้เงินแกด้วย เพราะสงสารช่วงหลังๆ ฐานะการเงินไม่ดีก็ให้แกกินอยู่ดูแลหาหมอหายาให้
ตั้งแต่แก่มาอยู่ ชีวิตผมก็เข้าสู่โหมด ขุมนรกอีกครั้ง เพราะแกเป็นคนดื้อมาก และไม่เข้าใจเวลาเราบอก
แกจะทำผิดพลาด จนเป็นเหตุให้แกเกิดอันตรายเอง เช่นห้ามไม่ให้ไปที่ถนนรถ รถจะชนบอก 3 รอบ รอบที่ 4 ไปโดนหมารุมกัดมารักษาเป็นเดือนและชอบเอาเรื่องส่วนตัวบางเรื่องไปคุยนอกบ้าน ห้ามก็ไม่ฟัง แก่ชอบใส่บาตรตอนเช้า ผมไม่ว่า ผมก็ทำบุญ แต่แก่ทำเกินพอดีจนผมเป็นคนบาปว่าพอ ต่อไปนี้ทำให้น้อยลง แก่จะเตียมของทำบุญเป็นอย่างแรก โดยไม่นึงถึงผม หรือแม่ผมที่ดูแลแกเลย ผมเคยบอกแกว่า แกกำลังเห็นแก่ตัวนะ ที่พี่น้องเขาทิ้ง นี่คือสาเหตุหนึ่ง ผมบอกจะดูแลแกจนตายกันไปข้างนึงได้ หากแก ทำตามผมบอก แก่ก็ไม่ฟัง บอกไปก็แสดงอาการไม่พอใจ ผมถามแกว่าผมไม่ใช่ลูกนะ น้องก็ไม่ใช่ อย่าเอาแต่ใจไม่ได้
แปดปีมานี้ ผมพูดให้แม่ร้องไห้เสียใจเพราะแกบ่อยมาก เพราะถือว่าแม่รับสมอ้างให้ผมเลี้ยงดูแก แม่ต้องสังสอนแก ไม่ใช่ผม ภาระหน้าทีผมก็มากแล้ว ทุกครั้งที่แกทำผิด มันจะไปสกิดบาดแผลในใจสมัยเด็กๆผมขึ้นมาทันที ทำให้ผมลืมตัวทั้งว่าแม่และแก ผมเคยถามแม่ว่าแม่รักผมไหม ผมลำบาก ทุกร์ทรมานใจมาขนาดไหนในช่วงวัยเด็ก ผมใช้ให้ชาตินี้จบกันนะ ผมไม่เคยอยากคิดถึงมันอีกแล้ว วันนี้ทำไม ถึงนำคนๆนี้มาทำเรื่องเดิมๆกับผมอีก ผมไม่ถือโกรธเขาให้อภัยไปแล้ว แต่หากวันนี้จะให้ผมดูแล ต้องเชื่อฟังผม ผมต้องดูแลคนแก่ 2 คน ลูกเล็กๆ 2 คน ส่งบ้านรถ แกกับแม่ผมเป็นโรคความดันหัวใจไขมันต้องรักษาดูแลกันเป็นรายเดือน
แม่ผมร้องให้ทุกครั้ง ผมจะตกนรกใช่ไหม ผมจำเป็นไหมต้องตกในภาวะเช่นนี้ จนอายุปูนนี้ ยังหนีไม่พ้น ญาติพี่น้องพวกนี้อีกหรือ ผมควรนำเขาไปคืน ไปไว้ที่ที่เขาอยู่โดยไม่ต้องสนใจว่าจะเป็นจะตาย ตามยะฐากกรมเขาดีไหม หรือ ผมต้องทำใจ ครับ ทำดีจะได้ดีหรือครับ ผมกำลังตกนรก เพราะทำแม่เสียใจ เพราะดูแลคนอื่นเพิ่ม ???????



ป่านนี้คุณคงหาทางออกแก้ไขปัญหาได้แล้ว วันนี้วันมาฆะบูชา ปี ๖๒ ผมขออนุญาตตอบกระทู้นี้ไว้เป็นแนวทางแก่คนที่พบเจอแบบคุณต่อไปนะครับ

วันนี้ ๑๙/๒/๖๒ วันมาฆะบูชาสวดมนต์ไหว้พระทำใจให้เปิดกว้างปรอดโปร่งสบายๆ ทิ้งรักลงแม่น้ำไป เอ๊ยทิ้งความับแค้นใจลงแม่น้ำไปก่อนนะครับ มุกนี้น่าจะฮาตครายเครียดแก่ท่าน pwit9 ได้บ้างนะครับ พอดีคนหล่อคิดได้แค่นี้ครับ อิอิ(แต่ท่านคงไม่มาอ่านแล้วเพราะกระทู้นี้ผ่านมาหลายปีแล้ว อิอิ) :b32: :b32: :b32:

ทีนี้พอขำๆสบายๆ แล้วลองหลับตาสงบนิ่งสัก 1 นาที นะครับ แล้วมาอ่านต่อ :b8: :b8: :b8:

.........................................................................


หลับตาสงบนิ่ง 1 นาทีแล้ว ให้ปรอดโปร่งดีแล้ว ลองมาอ่านสิ่งที่ผมจะกล่าวต่อไปนี้นะครับ

ก. คุณมองในมุมกลับกันก่อน ที่ไม่ใช่ว่าคุณยากจน ลำบากกายใจ พ่อแม่ทุกข์ทรมาน ชะตาชีวิตไม่ดี เอาเรื่องตัวคุณก่อนนะครับ

1. หากคุณมีทุกสิ่งตั้งแต่เกิด คุณคิดว่าคุณจะมีวันนี้ไหม
2. หากพ่อแม่คอยเอาใจเลี้ยงดูแบบเจ้าชาย ทุกวันนี้คิดว่าคุณจะทำอะไรเป็นไหมครับ
3. หากเมื่อมีทุกอย่างแล้ว คุณจะมีทั้งปัญญา ทั้งความเพียร ดิ้นรนเอาตัวรอดสร้างเนื้อสร้างตัวอย่างทุกวันนี้ไหมครับ
4. บางคนยากจนแบบคุณเคยเป็น ทำไมทุกวันนี้ก็ยังยากจนอยู่ หรือกลายเป็นขอทานด้วยซ้ำ หรือ..บางคนที่มีชีวิตดีกว่าที่คุณเคยเป็นมากโข เมื่อชีวิตพลิกผันทำไมเขากลับทำอะไรไม่ได้เลย แก้ปัญหาไม่ได้ ฟันฝ่าไม่ได้ ไม่มีปัญญาไม่มีความเพียร แค่คิดจะสู้ก็ท้อแล้ว นั่นเพราะอะไร ..เพราะเขาทิ้งโอกาสการต่อสู้ดิ้นรนฝึกฝนสติปัญญา ทำบารมีความเพียร อย่างที่คุณทำและฟันฝ่ามาใช่มั้ยครับ

ลองมองว่า..ถ้าคุณเกิดมาสบายจนไม่ทำอะไรเลย ไม่มีหน้าทีการงานที่ดี เหลาะแหละทำอะไรไม่เป็น เพราะมีทุกอย่างแล้ว หาง่าย ไม่ทำงาน อยู่ลำบากไม่ได้ ดูนะครับ

แล้วทีนี้ลองมองตีกรอบความจนให้แตกออกนะครับ..เพราะความจน ความไม่มี จึงทำให้คุณและแม่ต้องดิ้นรนสู้ชีวิตใช่ไหมครับ
- ตั้งแต่เด็กเล็กๆก็ต้องช่วยเหลือทำงาน ยากลำบาก หากินเองอยู่เอง ใฝ่เรียนศึกษาเพื่อให้ได้ดีมีความรู้ได้ทำงานที่ดีค่าตอบแทนสูง ในขณะที่คนอื่นหรือลูกคนรวยบางคนยังตักข้าวเข้าปากกินเองไม่เป็นเลย เดินไปนั่นไปนี่ไม่ได้ ดูแลตัวเองไม่ได้ ตรงนี้คุณเห็นความต่างไหมครับ นั่นเพราะความจนหล่อหลอมคุณให้สามารถเอาตัวเองรอดได้ตั้งแต่เด็ก ทำให้ขยัน ใฝ่เรียนรู้ นี่คือสิ่งที่หาไม่ได้จากคนทั่วไป เป็นทักษะที่คุณได้มาเพราะความจน
- เมื่อโตขึ้น คุณลำบาก ถูกด่าว่าตราหน้า นั่นมันทำให้คุณเกิดกำลังภายในต่อสู้อาจจะเพื่อลบคำสบประมาท หรือมีเป้าหมายว่าเราต้องมีชีวิตที่ดีกว่านี้ให้ได้ ทำให้คุณฝนลับปัญญาให้แหลมคม ในการเอาตัวรอด ในการเรียนรู้ ในการอยู่กับสังคมแบบนั้น จนเมื่อเรียนจบ ป.ตรีทำงานได้ ด้วยความรู้ทักษะความสามารถที่คุณมี ความมานะบากบั่น ทำให้คุณสร้างเนื้อสร้างตัวได้ เลี้ยงดูแม่คุณได้จนถึงทุกวันนี้
** เหตุที่ผมกล่าวนี้เพราะอะไรครับ เพราะความยากจนลำบากนั่นแหละที่เป็นตัวลับสติปัญญา ความเพียร ความตั้งใจของคุณให้มีกำลังยิ่งๆขึ้น
ลองคิดนะครับ สมัยก่อนนี้ พระมหาจักรพรรษดิ์หลายๆพระองค์ที่มาจากคนยากจนลำบากข้นแค้นแล้วกลายมาเป็นพระมหาจักรพรรษดิ์คือยิ่งใหญ่ไปทั่วโลก นั่นเพราะท่านต้องฝึกฝนตนบ่มสติปัญญาของตนให้ยิ่งใหญ่ เพื่อที่จะทำกิจการงานที่ใหญ่ ที่คู่ควรเหมาะสมกับปัญญาของท่านเหล่านั้นได้ คุณเองก็เช่นกันความจนยากลำบากมันลับสติปัญญาความมานะบากบั่นของคุณให้มีกำลังยิ่งใหญ่เพียงพอที่จะใช้ทำกิจการงานใหญ่ได้ นั่นคือ เป็นเจ้าของบริษัท เป็นเจ้านาย เป็นลูกที่กตัญญู เป็นหลานที่ให้ความอนุเคราะห์เอื้อเฟื้อ เป็นพ่อที่ดีที่ยิ่งใหญ่ เป็นตัวอย่างให้ลูกหลาน เป็นสามีที่ทรงคุณค่าของภรรยา และครูที่จะสอนการดำรงชีพที่ดีให้ลูกคุณต่อไปในภายภาคหน้าด้วยความรู้ความสามารถของคุณที่ก้าวข้ามผ่านความโหดร้ายนั้นๆมาได้ นั่นแหละวิชาสอนลูกที่ดีที่สุด เวลาลูกเจอปัญหาไรๆคุณก็มีแนวทางและประสบการณ์ที่กลั่นกรองดีแล้วสอนลูกให้ฟันฝ่าเพื่อมีชีวิตการดำรงชีพที่ดีมีแบบแผนดีงามสืบไปครับ
.. นี่เพราะความยากจนนั้นแหละหล่อหลอมคุณให้ทำได้จนทุกวันนี้ และได้เป็นตามที่ผมกล่าวไว้นั้น ..ดังนั้น อย่าโทษชะตาชีวิต อย่าไปน้อยใจในสิ่งใด ให้รู้ไว้ว่ามันมีไว้เพื่อหล่อหลอมให้คุณแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ขึ้น สมบูรณ์แบบอย่างทุกวันนี้ ความยากจนลำบากนั้นจึงควรค่าให้คุณจดจำในสิ่งที่ทำให้คุณยิ่งใหญ่ได้ดังทุกวันนี้ครับ


ข. เรื่องคุณป้าของคุณ ที่คุณจำเป็นต้องดูแล มันก็ต้องมีเหตุความเป็นมาให้ดูแล คุณลำบากใจ ไม่สนิทใจเพราะเกลียดชังเขามาตั้งแต่ต้น ทำให้คุณอยู่กับท่านลำบาก ให้คุณทำไว้ในใจดังนี้นะครับเพื่อทุเลาความอัดอั้นคับแค้นใจลง

1. คิดว่าที่มีป้าคุณมา ก็เพื่อลับสติปัญญาของคุณให้ยิ่งๆขึ้นในการใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ไม่รัก ที่ชังอย่างไร ให้ทนไม่ฟูมฟ้ายผูกแค้นผูกโกรธ
2. ให้คิดเสียว่า ชาติก่อนนี้ คุณเคยพึ่งท่านมามาก ท่านช่วยเหลือคุณมามาก ชาตินี้คุณจึงต้องมาดูแลท่าน หรือชาติก่อคุณตั้งใจไว้จะทดแทนคุณท่านหากใได้เกิดมาพบเจออยู่ในครอบครัวเดียวกัน จึงทำให้คุณต้องเจอท่านและต้องมาเลี้ยงดูท่าน เมื่อทดแทนครบแล้วเดี๋ยวก็มีเหตุให้ผ่านพ้นกันไปเอง โดยที่คุณก็ไม่ต้องมาเสียดายเสียใจที่ไม่ได้ทำให้ดีในตอนนั้นตอนนี้เป็นความร่ำไรรำพันในใจ
3. ท่านอาจเป็นกระจกสะท้อนให้คุณเห็นว่า การเอาแต่ใจ มั่นใจตนเองสูง มีความถือตัว ทำคนอื่นเกลียดชัง ดังนั้นภายหน้าคุณต้องไม่เป็นแบบนี้ คุณจึงต้องเอื้อเฟื้อให้มาก
4. ท่านอยู่เพื่อให้คุณฝึกปฏิปทา สำรวมกาย วาจา ใจ ให้ฝึกคิดดี พูดดี ทำดี แล้วคุณก็ฝึกสงบนิ่งบ่อยๆ ทำสมาธิเจริญสติบ่อยๆ หรือเดินจงกรมสร้างสัมปะชัญญะความรู้ตัวทั่วพร้อมแก่คุณไปเรื่อยๆ เพื่อชำระล้างกิเลสความเร่าร้อนกายใจของคุณ อันจะสะสมเป็นบุญบารมีธรรมให้คุณในปัจจุบันที่เห็นผลได้ คือ เบาเย็นใจไม่มีทุกข์, สืบต่อไปเป็นบารมีติดตามไปในภพภูมิหน้า ให้มีทุกอย่างที่ดีสืบไป

** เมื่อพิจารณาได้ดังนี้ ตกลงใจดังนี้ ก็ใช้ปัญญาเป็นเครื่องอยู่แทนที่จะใช้ความรู้สึกเป็นหลักของใจ ใช้สติปัญญาแก้ไข ไม่ใช้ความรู้สึก ทุกสิ่งจะออกมาสำเร็จด้วยดีครับ

ขอให้มีชีวิตที่ดีงามตลอดไปครับ ตัวคุณเองก็ต้องไม่ติดใจข้องแวะสิ่งไรๆที่ป้าแกเป็นแกทำด้วยนะครับ เพราะท่านป่วย, ท่านไม่ปรกติ, เพราะเป็นธรรมชาติของท่าน คนที่มีกายใจเป็นปรกติย่อมไม่ทำอย่างนั้นแน่นอน คนปรกติเขาจะอยู่ด้วยความมีจิตผ่องใส มีใจเอื้อเฟื้อ เว้นจากความเบียดเบียน เมื่อเราเป็นหัวหน้าในบ้าน ป้าคุณก็เป็นลูกบ้าน ที่ต้องดูแล เราทำตามสติกำลังที่จะทำได้ไปครับ หากชิงชังเมื่อไรก็ให้ใช้สติปัญญาแก้ไข สละทิ้งความรู้สึก แล้วชีวิตคุณจะดีขึ้นครับ สิ่งที่คุณทำก็จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกเห็นเป็นเครื่องปลูกฝังให้ลูกคุณสืบไป

โลกนี้ไม่ใช่คุณที่เคยลำบากมาคนเดียว ไม่ว่าผมหรือใครก็เคยผ่านมาแล้วครับ สู้ๆครับ


ตามี แต่ไร้แวว

จขกท เข้ามา

โพสต์ เมื่อ: วันนี้, 14:25



กำลังชื่นชมการแสดงความเห็นและแนวทางของเมที่รักอยู่เลยการพูดจาดีงามไพเราะ ดูดี มีความรู้ มีความเข้าใจเอื้อเฟื้อเกื้อกูลดีงามมาก น่ารักมากๆ :b27: :b27: :b27: :b15: :b15: :b15: :b32: :b32: :b32: แต่พออ่านลงมาล่างๆหน่อย :b14: :b14: :b14: ก็เหมือนเดิม แต่ก้อดีขึ้นมากนะคนสวย :b1: :b1: :b1:



คริคริ
ขอบคุณที่ชม ค่ะ

ความเหมือนเดิมของเม

ก็คือ ไม่เคลื่อนไปตามกระแสลม ไม่ไหวไปตามกระแสจิต


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2019, 17:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


pwit9 เขียน:
กลุ่มใจมาหลายปีแล้ว ขอเล่าตั้งแต่ต้นสายปลายเหตุครับ
สมัยเด็ก ผมเป็นลูกคนเดียว เกิดมามีแม่คนเดียว ฐานะยากจนค่อนข้างมาก พ่อทิ้ง ปู่ยาตายาย ตายหมดก่อนเกิด แม่เป็นลูกคนสุดท้องของตายาย ตาเกลียดแม่ ว่าเป็นกาลกินี จึงทำให้แม่ถูกพี่น้องเอาเปรียบมาตลอด ตามีลูก 5 คน แม่ทำงานไม่ได้เรียน อ่านหนังสือไม่ออก ทำงานหนัก แต่ไม่มีเงิน เพราะพี่น้องแม่ จะเอาไปหมด จากการขอจากตา สุดท้าย แม่ดูแลตายาย ก่อนสิ้นใจทั้งสองคน และมีหนี้สินที่พี่น้องแม่ก่อไว้ อีกจำนวนหนึ่ง สมัยก่อน ท้องบาทละ 400 แม่มีหนี้มา 25000 บาท แม่ทำงานรับจ้างทั่วไป ทั่งก่อสร้าง อะไรก็ได้ที่ทำแล้วมีเงินมาซื้อข้าว แม่จึงเป็นคนอารมแปรปรวนบ่อยๆ คงเพราะอาการเหนื่อย และบาดแผลที่แม่ได้รับมาแต่เด็กๆ ผมเกิดมาจึงถูกแม่ด่าว่าบ่อยๆ ทั้งเป็นมารหัวขน ทั้งด่าหยาบคาย และสาปแช่งต่างๆนาๆ จิงๆ บางครั้งผมดื้อด้วย จับอะไรไกล้มือได้ก็ขว้างปาใส่ผม แต่แม่ก็เลี้ยงดูผมมา บางครั้งก็หายแกก็จะมาบอกผมว่าแกเครียด ผมรู้ว่าแกรักผมในแบบของแก แม่อาศัยญาติพี่น้อง อยู่บนที่ดินเขา แต่บ้านของเรา ทุกคนจึงพากันรังเกียดผม ว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ แม่ยากจน เขาจะเรียกผมไอ้หัวโจก อะไรหาย หรือ ทำผิดนิดหน่อย ก็จะเป็นเรื่องใหญ่ และโยนความผิดทุกอย่างมาให้ผม ผมจะเป็นเหมือนกระโถนท้องพระโรง
บาดแผลสะสมอยู่ในใจผมมาเป็นสิบปี แม่แต่เรื่อง รีดเสื้อผ้าไปเรียน เพราะผมดันทุรังเรียน ม.ปลาย เพราะอยากหลุดจากขุมนรกนี้ไป ทุกคนก็จะด่าผมว่าใช้ไฟฟ้าเขาเปลือง เรียนไปก็ไปไม่ถึงดวงดาว ผมต้องใช้เตาถ่านรีดเสื้อ จุดตะเกียงน้ำมันอ่านหนังสือ 18 ปีเต็มๆในขุมนรก เคยพยายามฆ่าตัวตาย 1 ครั้ง แต่ไม่ตาย กินยานอนหลับไปสิบกว่าเม็ด ไม่กล้ากินยาฆ่าแมลง กลัวเจ็บ(คิดแบบเด็กๆ) ผมลำบาก มากๆ มาแต่เด็กๆ ทำทุกอย่าง รับจ้างทุกชนิด ทำสวน ล้างจาน ขายหนังสือพิมพ์ ทั้งฆ่าสัตย์ ตกปลายิงนก ตีรังผึ้งไปขายให้ได้เงิน จนผมเรียนจบ ป.ตรีทางด้าน วิทยาการคอมฯ ได้ทำงาน และมีเงินเดือน และสุดท้าย เปิด บ. เล็กๆ เพื่อทำเอง ผมดิ้นรนมาตั้งแต่เด็กๆ ความลำบาก ต่างๆในการทำงาน จึงเป็นเรื่องปกติ ที่ผมผ่านมาแล้ว ท้อบ้างอะไรบ้าง แต่ก็ไม่สู้เท่าตอนเด็กๆ จนสามารถสร้างฐานะ พออยู่ได้มีบ้านมีรถ ผมไม่เคยโกรธแม่เลย แม่ไม่สบายหลายครั้ง เข้า รพ. (แก่ดื้อไปหาหมอผี โดนหมอผีตีจนเข้า รพ 1 เดือน จนเดินได้ไม่ปกติ) ผมดูแลล้างขี้เข็ดเยี้ยวโดยไม่รังเกียด เพราะรักแกมาก เห็นใจที่แกลำบากมากในช่วงผมเด็กๆ จนวันหนึ่งผม ซื้อบ้าน ซื้อรถ และไปรับแกมาอยู่ด้วย ผมมีครอบครัวและลูกแล้ว แกอายุมาก 80 กว่าแล้ว(ผม 40) แต่ความจำดีปกติ และมีหลานสาวแกอายุ 68 ซึ่งเป็นญาติผม ที่เคยอยู่ในก้วน ก่อกรรมทำเข็ญผมมาแต่เด็กๆ แต่หลานแม่คนนี้ แกจะถูกพี่น้องแก่ 5 คนรังเกียด ด้วยเพราะสมัยสาวๆ แกชอบปะจบป้า ซึ่งเป็นแม่ของแก ทำให้ป้าเข้าข้างแก และด่าว่าพี่น้องคนอื่น แกเป็นสาวแก่ ทรัพย์สมบัติที่ดินที่แกมีญาติพี่น้องแกนำไปหมดแล้ว และแก ค่อนข้างไม่ปกติ ดื้อเงียบ ผมดูแลแม่และแก่ มาอยู่ด้วยกันได้ 8 ปีแล้ว ที่ให้แกมาอยู่ด้วย เพราะเห็นว่า แกกับแม่อายุไกล้กัน พูดคุยกันจะได้ไม่เหงา และแม่ขอร้องว่า ป้าเขาฝากฝังไว้ ช่วงแรกๆก็ให้เงินแกด้วย เพราะสงสารช่วงหลังๆ ฐานะการเงินไม่ดีก็ให้แกกินอยู่ดูแลหาหมอหายาให้
ตั้งแต่แก่มาอยู่ ชีวิตผมก็เข้าสู่โหมด ขุมนรกอีกครั้ง เพราะแกเป็นคนดื้อมาก และไม่เข้าใจเวลาเราบอก
แกจะทำผิดพลาด จนเป็นเหตุให้แกเกิดอันตรายเอง เช่นห้ามไม่ให้ไปที่ถนนรถ รถจะชนบอก 3 รอบ รอบที่ 4 ไปโดนหมารุมกัดมารักษาเป็นเดือนและชอบเอาเรื่องส่วนตัวบางเรื่องไปคุยนอกบ้าน ห้ามก็ไม่ฟัง แก่ชอบใส่บาตรตอนเช้า ผมไม่ว่า ผมก็ทำบุญ แต่แก่ทำเกินพอดีจนผมเป็นคนบาปว่าพอ ต่อไปนี้ทำให้น้อยลง แก่จะเตียมของทำบุญเป็นอย่างแรก โดยไม่นึงถึงผม หรือแม่ผมที่ดูแลแกเลย ผมเคยบอกแกว่า แกกำลังเห็นแก่ตัวนะ ที่พี่น้องเขาทิ้ง นี่คือสาเหตุหนึ่ง ผมบอกจะดูแลแกจนตายกันไปข้างนึงได้ หากแก ทำตามผมบอก แก่ก็ไม่ฟัง บอกไปก็แสดงอาการไม่พอใจ ผมถามแกว่าผมไม่ใช่ลูกนะ น้องก็ไม่ใช่ อย่าเอาแต่ใจไม่ได้
แปดปีมานี้ ผมพูดให้แม่ร้องไห้เสียใจเพราะแกบ่อยมาก เพราะถือว่าแม่รับสมอ้างให้ผมเลี้ยงดูแก แม่ต้องสังสอนแก ไม่ใช่ผม ภาระหน้าทีผมก็มากแล้ว ทุกครั้งที่แกทำผิด มันจะไปสกิดบาดแผลในใจสมัยเด็กๆผมขึ้นมาทันที ทำให้ผมลืมตัวทั้งว่าแม่และแก ผมเคยถามแม่ว่าแม่รักผมไหม ผมลำบาก ทุกร์ทรมานใจมาขนาดไหนในช่วงวัยเด็ก ผมใช้ให้ชาตินี้จบกันนะ ผมไม่เคยอยากคิดถึงมันอีกแล้ว วันนี้ทำไม ถึงนำคนๆนี้มาทำเรื่องเดิมๆกับผมอีก ผมไม่ถือโกรธเขาให้อภัยไปแล้ว แต่หากวันนี้จะให้ผมดูแล ต้องเชื่อฟังผม ผมต้องดูแลคนแก่ 2 คน ลูกเล็กๆ 2 คน ส่งบ้านรถ แกกับแม่ผมเป็นโรคความดันหัวใจไขมันต้องรักษาดูแลกันเป็นรายเดือน
แม่ผมร้องให้ทุกครั้ง ผมจะตกนรกใช่ไหม ผมจำเป็นไหมต้องตกในภาวะเช่นนี้ จนอายุปูนนี้ ยังหนีไม่พ้น ญาติพี่น้องพวกนี้อีกหรือ ผมควรนำเขาไปคืน ไปไว้ที่ที่เขาอยู่โดยไม่ต้องสนใจว่าจะเป็นจะตาย ตามยะฐากกรมเขาดีไหม หรือ ผมต้องทำใจ ครับ ทำดีจะได้ดีหรือครับ ผมกำลังตกนรก เพราะทำแม่เสียใจ เพราะดูแลคนอื่นเพิ่ม ???????


อ่านแล้วก็รู้สึกเห็นใจ รู้สึกได้ถึงชีวิตที่ผ่านมาคุณนั้นได้สู้มาหนักจริง ๆ
และก็รู้สึกชื่นชมในความเข็มแข็งเอาชนะอุปสรรค์ของคุณ จนมาถึงวันนี้
...
ถ้าเป็นเอกอนเจอแบบนี้อาจจะไปไม่ได้ไกล ... :b1:
ซึ่งตรงนี้คุณต้องภูมิใจในตัวเองนะ ...

ซึ่งถึงแม้ตอนนี้ หนทางในวันอันใกล้อาจจะยังไม่เปิดสำหรับคุณ
แต่หนทางในวันต่อ ๆ ไป อาจจะได้มีวันที่คุณได้ปลดเปลื้องจากภาระเมื่อไรก็ได้

พยายามประคองใจตัวเองเอาไว้ในกุศลธรรมเอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่มีกำลังจะทำได้นะคะ
เมื่อท้อ ก็ขอให้นึกถึงเพื่อนธรรมนะคะ
ในลานแห่งนี้ เมื่อใครเหนื่อยใจท้อใจมา ก็มีสหายธรรมที่พร้อมจะมาให้กำลังใจนะคะ

ก็ขอให้คุณมีกำลังใจ ที่จะก้าวต่อไป และเจริญขึ้นไปในทางธรรมนะคะ

:b8: :b8: :b8:

:b1: :b1: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2019, 19:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 พ.ค. 2015, 21:25
โพสต์: 6

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณทุกท่านครับ ผมอ่านหลายคำแนะนำ รู้สึกว่าเจอทางออกดีๆหลายอย่าง ตอนนี้ผมพยายามไม่ลงไปเจออารมที่ไม่ชอบ พูดน้อยลง กลับมาก็ขึ้นข้างงบนเลย ทักทายนิดหน่อย คิดว่าจะเลิกใส่ใจ ทำเท่าที่ทำได้ ห่วงเท่าที่เขาต้องการ เรื่องนำไปส่งยังลังเล จะรอดูอีกซักพัก ถ้าใจผม ยังสามารถนิ่งแบบนี้ไปได้ ก็จะเป็นบุญของแก สิ่งที่ยากที่สุด คือการยอมรับ ใจผม บางทีก็ดี บางทีก็ร้าย ยอมรับว่ามีโกรธ เกรียด เมื่อเจอ การกระทำที่เคยเจอสมัยเด็กๆ คืนก่อนนอนคิดทั้งคืน จนต้องกินยาแก้ปวดหัว ว่าจะทำไง ช่วงนี้ มันหลายเรื่อง ทั้งปัญหาภายใน ภายนอก ขอบคุณทุกท่าน ที่มอบความรู้และทางออก ที่ทำให้ผมคิดได้หลายอย่าง.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2019, 19:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


มืดมา มืดไป
มืดมาสว่างไป
สว่างมาสว่างไป
สว่างมามืดไป

คุณจะเป็นแบบไหนก็เลือกเอา คุณมืดมาแล้วจะสว่างไปหรือ
จะมืดไปอีกก็แล้วแต่กรรมปัจจุบัน หากสะสมกุศลมากก็เพิ่มโอกาส
ครับ

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2019, 20:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
pwit9 เขียน:
กลุ่มใจมาหลายปีแล้ว ขอเล่าตั้งแต่ต้นสายปลายเหตุครับ
สมัยเด็ก ผมเป็นลูกคนเดียว เกิดมามีแม่คนเดียว ฐานะยากจนค่อนข้างมาก พ่อทิ้ง ปู่ยาตายาย ตายหมดก่อนเกิด แม่เป็นลูกคนสุดท้องของตายาย ตาเกลียดแม่ ว่าเป็นกาลกินี จึงทำให้แม่ถูกพี่น้องเอาเปรียบมาตลอด ตามีลูก 5 คน แม่ทำงานไม่ได้เรียน อ่านหนังสือไม่ออก ทำงานหนัก แต่ไม่มีเงิน เพราะพี่น้องแม่ จะเอาไปหมด จากการขอจากตา สุดท้าย แม่ดูแลตายาย ก่อนสิ้นใจทั้งสองคน และมีหนี้สินที่พี่น้องแม่ก่อไว้ อีกจำนวนหนึ่ง สมัยก่อน ท้องบาทละ 400 แม่มีหนี้มา 25000 บาท แม่ทำงานรับจ้างทั่วไป ทั่งก่อสร้าง อะไรก็ได้ที่ทำแล้วมีเงินมาซื้อข้าว แม่จึงเป็นคนอารมแปรปรวนบ่อยๆ คงเพราะอาการเหนื่อย และบาดแผลที่แม่ได้รับมาแต่เด็กๆ ผมเกิดมาจึงถูกแม่ด่าว่าบ่อยๆ ทั้งเป็นมารหัวขน ทั้งด่าหยาบคาย และสาปแช่งต่างๆนาๆ จิงๆ บางครั้งผมดื้อด้วย จับอะไรไกล้มือได้ก็ขว้างปาใส่ผม แต่แม่ก็เลี้ยงดูผมมา บางครั้งก็หายแกก็จะมาบอกผมว่าแกเครียด ผมรู้ว่าแกรักผมในแบบของแก แม่อาศัยญาติพี่น้อง อยู่บนที่ดินเขา แต่บ้านของเรา ทุกคนจึงพากันรังเกียดผม ว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ แม่ยากจน เขาจะเรียกผมไอ้หัวโจก อะไรหาย หรือ ทำผิดนิดหน่อย ก็จะเป็นเรื่องใหญ่ และโยนความผิดทุกอย่างมาให้ผม ผมจะเป็นเหมือนกระโถนท้องพระโรง
บาดแผลสะสมอยู่ในใจผมมาเป็นสิบปี แม่แต่เรื่อง รีดเสื้อผ้าไปเรียน เพราะผมดันทุรังเรียน ม.ปลาย เพราะอยากหลุดจากขุมนรกนี้ไป ทุกคนก็จะด่าผมว่าใช้ไฟฟ้าเขาเปลือง เรียนไปก็ไปไม่ถึงดวงดาว ผมต้องใช้เตาถ่านรีดเสื้อ จุดตะเกียงน้ำมันอ่านหนังสือ 18 ปีเต็มๆในขุมนรก เคยพยายามฆ่าตัวตาย 1 ครั้ง แต่ไม่ตาย กินยานอนหลับไปสิบกว่าเม็ด ไม่กล้ากินยาฆ่าแมลง กลัวเจ็บ(คิดแบบเด็กๆ) ผมลำบาก มากๆ มาแต่เด็กๆ ทำทุกอย่าง รับจ้างทุกชนิด ทำสวน ล้างจาน ขายหนังสือพิมพ์ ทั้งฆ่าสัตย์ ตกปลายิงนก ตีรังผึ้งไปขายให้ได้เงิน จนผมเรียนจบ ป.ตรีทางด้าน วิทยาการคอมฯ ได้ทำงาน และมีเงินเดือน และสุดท้าย เปิด บ. เล็กๆ เพื่อทำเอง ผมดิ้นรนมาตั้งแต่เด็กๆ ความลำบาก ต่างๆในการทำงาน จึงเป็นเรื่องปกติ ที่ผมผ่านมาแล้ว ท้อบ้างอะไรบ้าง แต่ก็ไม่สู้เท่าตอนเด็กๆ จนสามารถสร้างฐานะ พออยู่ได้มีบ้านมีรถ ผมไม่เคยโกรธแม่เลย แม่ไม่สบายหลายครั้ง เข้า รพ. (แก่ดื้อไปหาหมอผี โดนหมอผีตีจนเข้า รพ 1 เดือน จนเดินได้ไม่ปกติ) ผมดูแลล้างขี้เข็ดเยี้ยวโดยไม่รังเกียด เพราะรักแกมาก เห็นใจที่แกลำบากมากในช่วงผมเด็กๆ จนวันหนึ่งผม ซื้อบ้าน ซื้อรถ และไปรับแกมาอยู่ด้วย ผมมีครอบครัวและลูกแล้ว แกอายุมาก 80 กว่าแล้ว(ผม 40) แต่ความจำดีปกติ และมีหลานสาวแกอายุ 68 ซึ่งเป็นญาติผม ที่เคยอยู่ในก้วน ก่อกรรมทำเข็ญผมมาแต่เด็กๆ แต่หลานแม่คนนี้ แกจะถูกพี่น้องแก่ 5 คนรังเกียด ด้วยเพราะสมัยสาวๆ แกชอบปะจบป้า ซึ่งเป็นแม่ของแก ทำให้ป้าเข้าข้างแก และด่าว่าพี่น้องคนอื่น แกเป็นสาวแก่ ทรัพย์สมบัติที่ดินที่แกมีญาติพี่น้องแกนำไปหมดแล้ว และแก ค่อนข้างไม่ปกติ ดื้อเงียบ ผมดูแลแม่และแก่ มาอยู่ด้วยกันได้ 8 ปีแล้ว ที่ให้แกมาอยู่ด้วย เพราะเห็นว่า แกกับแม่อายุไกล้กัน พูดคุยกันจะได้ไม่เหงา และแม่ขอร้องว่า ป้าเขาฝากฝังไว้ ช่วงแรกๆก็ให้เงินแกด้วย เพราะสงสารช่วงหลังๆ ฐานะการเงินไม่ดีก็ให้แกกินอยู่ดูแลหาหมอหายาให้
ตั้งแต่แก่มาอยู่ ชีวิตผมก็เข้าสู่โหมด ขุมนรกอีกครั้ง เพราะแกเป็นคนดื้อมาก และไม่เข้าใจเวลาเราบอก
แกจะทำผิดพลาด จนเป็นเหตุให้แกเกิดอันตรายเอง เช่นห้ามไม่ให้ไปที่ถนนรถ รถจะชนบอก 3 รอบ รอบที่ 4 ไปโดนหมารุมกัดมารักษาเป็นเดือนและชอบเอาเรื่องส่วนตัวบางเรื่องไปคุยนอกบ้าน ห้ามก็ไม่ฟัง แก่ชอบใส่บาตรตอนเช้า ผมไม่ว่า ผมก็ทำบุญ แต่แก่ทำเกินพอดีจนผมเป็นคนบาปว่าพอ ต่อไปนี้ทำให้น้อยลง แก่จะเตียมของทำบุญเป็นอย่างแรก โดยไม่นึงถึงผม หรือแม่ผมที่ดูแลแกเลย ผมเคยบอกแกว่า แกกำลังเห็นแก่ตัวนะ ที่พี่น้องเขาทิ้ง นี่คือสาเหตุหนึ่ง ผมบอกจะดูแลแกจนตายกันไปข้างนึงได้ หากแก ทำตามผมบอก แก่ก็ไม่ฟัง บอกไปก็แสดงอาการไม่พอใจ ผมถามแกว่าผมไม่ใช่ลูกนะ น้องก็ไม่ใช่ อย่าเอาแต่ใจไม่ได้
แปดปีมานี้ ผมพูดให้แม่ร้องไห้เสียใจเพราะแกบ่อยมาก เพราะถือว่าแม่รับสมอ้างให้ผมเลี้ยงดูแก แม่ต้องสังสอนแก ไม่ใช่ผม ภาระหน้าทีผมก็มากแล้ว ทุกครั้งที่แกทำผิด มันจะไปสกิดบาดแผลในใจสมัยเด็กๆผมขึ้นมาทันที ทำให้ผมลืมตัวทั้งว่าแม่และแก ผมเคยถามแม่ว่าแม่รักผมไหม ผมลำบาก ทุกร์ทรมานใจมาขนาดไหนในช่วงวัยเด็ก ผมใช้ให้ชาตินี้จบกันนะ ผมไม่เคยอยากคิดถึงมันอีกแล้ว วันนี้ทำไม ถึงนำคนๆนี้มาทำเรื่องเดิมๆกับผมอีก ผมไม่ถือโกรธเขาให้อภัยไปแล้ว แต่หากวันนี้จะให้ผมดูแล ต้องเชื่อฟังผม ผมต้องดูแลคนแก่ 2 คน ลูกเล็กๆ 2 คน ส่งบ้านรถ แกกับแม่ผมเป็นโรคความดันหัวใจไขมันต้องรักษาดูแลกันเป็นรายเดือน
แม่ผมร้องให้ทุกครั้ง ผมจะตกนรกใช่ไหม ผมจำเป็นไหมต้องตกในภาวะเช่นนี้ จนอายุปูนนี้ ยังหนีไม่พ้น ญาติพี่น้องพวกนี้อีกหรือ ผมควรนำเขาไปคืน ไปไว้ที่ที่เขาอยู่โดยไม่ต้องสนใจว่าจะเป็นจะตาย ตามยะฐากกรมเขาดีไหม หรือ ผมต้องทำใจ ครับ ทำดีจะได้ดีหรือครับ ผมกำลังตกนรก เพราะทำแม่เสียใจ เพราะดูแลคนอื่นเพิ่ม ???????


อ่านแล้วก็รู้สึกเห็นใจ รู้สึกได้ถึงชีวิตที่ผ่านมาคุณนั้นได้สู้มาหนักจริง ๆ
และก็รู้สึกชื่นชมในความเข็มแข็งเอาชนะอุปสรรค์ของคุณ จนมาถึงวันนี้
...
ถ้าเป็นเอกอนเจอแบบนี้อาจจะไปไม่ได้ไกล ... :b1:
ซึ่งตรงนี้คุณต้องภูมิใจในตัวเองนะ ...

ซึ่งถึงแม้ตอนนี้ หนทางในวันอันใกล้อาจจะยังไม่เปิดสำหรับคุณ
แต่หนทางในวันต่อ ๆ ไป อาจจะได้มีวันที่คุณได้ปลดเปลื้องจากภาระเมื่อไรก็ได้

พยายามประคองใจตัวเองเอาไว้ในกุศลธรรมเอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่มีกำลังจะทำได้นะคะ
เมื่อท้อ ก็ขอให้นึกถึงเพื่อนธรรมนะคะ
ในลานแห่งนี้ เมื่อใครเหนื่อยใจท้อใจมา ก็มีสหายธรรมที่พร้อมจะมาให้กำลังใจนะคะ

ก็ขอให้คุณมีกำลังใจ ที่จะก้าวต่อไป และเจริญขึ้นไปในทางธรรมนะคะ

:b8: :b8: :b8:

:b1: :b1: :b1:


อูียมหารานี ยังมีชีวิตอยู่ :b32: :b32: :b32: ล้อเล่นนะครับไม่เจอนาน

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2019, 21:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


sssboun เขียน:
อ้างคำพูด:
ตอนนี้อาจจะยังไม่เข้าใจ..แต่ก็ท่องไปก่อน..
จำใว้..ว่า..คนมีบุญ..ใช่ว่าจะเจอแต่เรื่องที่เป็นสุข..เสมอไปเท่านั้น..เพราะคนมีกิเลสตัญหาจะไม่เคยทำความชั่ว...นั้น...ไม่มี....


อนุโมทนา สาธุ เห็นด้วยอย่างยิ่ง แม้แผ่นดินยังมีที่ต่ำที่สูง
ไม่เสมอกันเลย

แรงใดเล้าจะสู้แรงของกรรม

เรียนเชิญ คุณ กบ กระทู้นี้ด้วยนะครับ อย่าบอกนะครับว่า
ขี้เกียจเหมือนเดิมอยู่ หรือไม่กล้า ผลจากการปฏิบัติ มีอะไรบ้างที่เห็น
จะเป็นของเก่าที่เคยลงไว้ก็ได้ครับ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=57174 หวังว่ายังไหวนะครับ ขอให้แข็งแรงๆ

:b45:


:b12: :b12: :b12:

ในกระทู้..ยุงกัดนะหรอ...

อ้าว..เห็นว่าจะไม่พูดแล้วเพราะเห็นว่าไม่เป็นประโยชน์..นี้

เรื่องอดทน..ให้ยุงเขาได้กิน...นี้..ผมก็เคย..นะ..

:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2019, 21:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


pwit9 เขียน:
ขอบคุณทุกท่านครับ ผมอ่านหลายคำแนะนำ รู้สึกว่าเจอทางออกดีๆหลายอย่าง ตอนนี้ผมพยายามไม่ลงไปเจออารมที่ไม่ชอบ พูดน้อยลง กลับมาก็ขึ้นข้างงบนเลย ทักทายนิดหน่อย คิดว่าจะเลิกใส่ใจ ทำเท่าที่ทำได้ ห่วงเท่าที่เขาต้องการ เรื่องนำไปส่งยังลังเล จะรอดูอีกซักพัก ถ้าใจผม ยังสามารถนิ่งแบบนี้ไปได้ ก็จะเป็นบุญของแก สิ่งที่ยากที่สุด คือการยอมรับ ใจผม บางทีก็ดี บางทีก็ร้าย ยอมรับว่ามีโกรธ เกรียด เมื่อเจอ การกระทำที่เคยเจอสมัยเด็กๆ คืนก่อนนอนคิดทั้งคืน จนต้องกินยาแก้ปวดหัว ว่าจะทำไง ช่วงนี้ มันหลายเรื่อง ทั้งปัญหาภายใน ภายนอก ขอบคุณทุกท่าน ที่มอบความรู้และทางออก ที่ทำให้ผมคิดได้หลายอย่าง.


วันนี้...จะเอาข้อคิดของเพื่อน..มาฝาก...เผื่อจะถูกจริต

เพื่อนผมตอนนี้..ปัญหากำลังรุมเร้าเขาหนักเลย....แต่เขาก็คุย..ยิ้มได้ปกติ...

เขาว่า.".ตอนนี้ตัวเขายังไม่เห็นทางแก้อะไรหรอก...แต่เมื่อถึงเวลานั้น..ถ้าไม่ได้จริงจริง....ก็ลดเงื่อนไข(ที่ตนตั้งใว้)..ลงมาซะ...อะไรอะไรที่ทำไม่ได้เพราะมันติดเงื่อนไข...แล้วเงื่อนไขนั้นก็ตนเองนั้นแหละ..ตั้งขึ้นมาเอง..."

คียเวิร์ด...คือ..." เงื่อนไข "

ลองสำรวจ...เงื่อนไข...ที่เราตั้งๆ..ใว้..นะครับ...
อะไรคือเงื่อนไข?...

ก็ประเภท....มีคำว่า"ต้อง"..อยู่กับการกระทำ..หรือไม่กระทำ..ต่างๆ..นั้นแหละ..เช่น..ต้องอย่างงี้...ต้องอย่างงั้น...ต้องเป็นอย่างนี้ถึงจะดี...ต้องเป็นอย่างนั้นก่อนถึงจะทำ...เป็นต้น

อันนี้..เป็นแทคติกของเพื่อนผม..นะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2019, 21:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


pwit9 เขียน:
ขอบคุณทุกท่านครับ ผมอ่านหลายคำแนะนำ รู้สึกว่าเจอทางออกดีๆหลายอย่าง ตอนนี้ผมพยายามไม่ลงไปเจออารมที่ไม่ชอบ พูดน้อยลง กลับมาก็ขึ้นข้างงบนเลย ทักทายนิดหน่อย คิดว่าจะเลิกใส่ใจ ทำเท่าที่ทำได้ ห่วงเท่าที่เขาต้องการ เรื่องนำไปส่งยังลังเล จะรอดูอีกซักพัก ถ้าใจผม ยังสามารถนิ่งแบบนี้ไปได้ ก็จะเป็นบุญของแก สิ่งที่ยากที่สุด คือการยอมรับ ใจผม บางทีก็ดี บางทีก็ร้าย ยอมรับว่ามีโกรธ เกรียด เมื่อเจอ การกระทำที่เคยเจอสมัยเด็กๆ คืนก่อนนอนคิดทั้งคืน จนต้องกินยาแก้ปวดหัว ว่าจะทำไง ช่วงนี้ มันหลายเรื่อง ทั้งปัญหาภายใน ภายนอก ขอบคุณทุกท่าน ที่มอบความรู้และทางออก ที่ทำให้ผมคิดได้หลายอย่าง.



ขออนุโมทนาสาธุครับ ท่านทำดีแล้ว ผมแนะนำเป็นทางเสริมสักนิดนะครับ

- การเลิกใส่ใจป้าคุณน่ะถูกแล้วครับ เพราะใส่ใจร้อย ก็ทุกข์ร้อย ไม่ใส่ใจเลย-ก็ไม่ทุกข์เลย
- ความสุขมันอยู่ที่คุณ-ไม่ได้อยู่ที่ท่าน หากท่านเป็นอย่างที่คุณต้องการแล้วในชีวิตคุณจะมีแต่สุขสมหวังไม่มีทุกข์เลยใช่ไหมครับ..ก็ไม่ใช่ ถูกมั้ยครับ..คุณก็ยังมีทุกข์อยู่ดี
- ดังนั้นอย่าเอาความสุขสำเร็จของคุณไปผูกขึ้นไว้กับท่าน แล้วคุณจะไม่ทุกข์เพราะท่านอีก


..........................................................................

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


แก้ไขล่าสุดโดย แค่อากาศ เมื่อ 20 ก.พ. 2019, 22:48, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2019, 22:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


แค่อากาศ เขียน:

อูียมหารานี ยังมีชีวิตอยู่ :b32: :b32: :b32: ล้อเล่นนะครับไม่เจอนาน


:b10: ... อ๊ะ ติดซีรีย์อินเดียด้วย ... :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2019, 22:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
pwit9 เขียน:
ขอบคุณทุกท่านครับ ผมอ่านหลายคำแนะนำ รู้สึกว่าเจอทางออกดีๆหลายอย่าง ตอนนี้ผมพยายามไม่ลงไปเจออารมที่ไม่ชอบ พูดน้อยลง กลับมาก็ขึ้นข้างงบนเลย ทักทายนิดหน่อย คิดว่าจะเลิกใส่ใจ ทำเท่าที่ทำได้ ห่วงเท่าที่เขาต้องการ เรื่องนำไปส่งยังลังเล จะรอดูอีกซักพัก ถ้าใจผม ยังสามารถนิ่งแบบนี้ไปได้ ก็จะเป็นบุญของแก สิ่งที่ยากที่สุด คือการยอมรับ ใจผม บางทีก็ดี บางทีก็ร้าย ยอมรับว่ามีโกรธ เกรียด เมื่อเจอ การกระทำที่เคยเจอสมัยเด็กๆ คืนก่อนนอนคิดทั้งคืน จนต้องกินยาแก้ปวดหัว ว่าจะทำไง ช่วงนี้ มันหลายเรื่อง ทั้งปัญหาภายใน ภายนอก ขอบคุณทุกท่าน ที่มอบความรู้และทางออก ที่ทำให้ผมคิดได้หลายอย่าง.


วันนี้...จะเอาข้อคิดของเพื่อน..มาฝาก...เผื่อจะถูกจริต

เพื่อนผมตอนนี้..ปัญหากำลังรุมเร้าเขาหนักเลย....แต่เขาก็คุย..ยิ้มได้ปกติ...

เขาว่า.".ตอนนี้ตัวเขายังไม่เห็นทางแก้อะไรหรอก...แต่เมื่อถึงเวลานั้น..ถ้าไม่ได้จริงจริง....ก็ลดเงื่อนไข(ที่ตนตั้งใว้)..ลงมาซะ...อะไรอะไรที่ทำไม่ได้เพราะมันติดเงื่อนไข...แล้วเงื่อนไขนั้นก็ตนเองนั้นแหละ..ตั้งขึ้นมาเอง..."

คียเวิร์ด...คือ..." เงื่อนไข "

ลองสำรวจ...เงื่อนไข...ที่เราตั้งๆ..ใว้..นะครับ...
อะไรคือเงื่อนไข?...

ก็ประเภท....มีคำว่า"ต้อง"..อยู่กับการกระทำ..หรือไม่กระทำ..ต่างๆ..นั้นแหละ..เช่น..ต้องอย่างงี้...ต้องอย่างงั้น...ต้องเป็นอย่างนี้ถึงจะดี...ต้องเป็นอย่างนั้นก่อนถึงจะทำ...เป็นต้น

อันนี้..เป็นแทคติกของเพื่อนผม..นะครับ



หูยๆๆๆๆท่านอ๊บมาแบบสุดยอดเลย

แนวหลักบริหาร :b35: :b35: :b35:

แบบโปรแกรมเมอร์ เขียนสูตรไว้ RunCommand ผูกไว้หลายฟิลด์ หลายเงื่อนไขเกิน เมื่อไม่ถูกตรงตามเงื่อนไขมันก็แสดงผลไม่ได้ หรือแสดงผลได้แต่กลับไปทำให้ Code อื่นทำงานผิดเพี้ยน ต้องกลับไปแก้สูตรใหม่ ให้จำกัดวงเงื่อนไขน้อยลง StopCommand Cancel Even

:b32: :b32: :b32:

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


แก้ไขล่าสุดโดย แค่อากาศ เมื่อ 20 ก.พ. 2019, 22:45, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2019, 22:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
แค่อากาศ เขียน:

อูียมหารานี ยังมีชีวิตอยู่ :b32: :b32: :b32: ล้อเล่นนะครับไม่เจอนาน


:b10: ... อ๊ะ ติดซีรีย์อินเดียด้วย ... :b32:



ถ้่วต้ม มหารานี :b32: :b32: :b32:

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2019, 22:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
pwit9 เขียน:
ตอนนี้ผมพยายามพูดให้น้อยลง คงไม่เตือนเขาเพิ่ม เพราะเราพูดให้เขาเข้าใจไปหมดแล้ว ผมคุยกับแม่ แม่บอกผมว่ามึงไปว่ามันเอง เสียใจครับ ที่แม่ไม่เข้าใจว่าผมทำให้แม่กับเขาและครอบครัว เราสามารถอยู่ด้วยกันได้ต่อไปในอนาคต แต่เมื่อบัวยังมี 4 เหล่า ผมคงเปลี่ยนใจเขายาก เพราะพื้นฐานการใช้ชีวิตและอายุเขา ตอนนี้มอง 2 ทางเลือก
1. ผมต้องหลบอารมที่ไม่ชอบ อยู่ชั้นบนเอา ค่อยดูห่างๆเรื่องการกินการอยู่ เหมือนอยู่บ้านหลังเดียวกัน แต่ไม่ใส่ใจกัน ช่วยเหลือเขาในเรื่องกินอยู่รักษาตัว แต่ความสัมพันธ์ผมกับแม่คงห่างกัน
2. นำเขาไปส่งญาติ จะเอาไม่เอาก็อยู่ที่ ชะตาชีวิตเขา (ที่เป็นแบบนี้เพราะครั้งนึงเขามีปัญหากันน้องๆ ถึงกระทั้งตบตีกัน จนคนข้างบ้านต้องมาห้าม ใจผมสงสารเขาอยู่บ้างความดีเขามี แต่สิ่งที่มันคาใจขอให้เขาปรับตัว เขาเปลี่ยนมันไม่ได้) เขาเลือกเองแล้ว การปรับตัวของคนแก่อายุช่วงนี้ คิดว่าน่าจะยาก เพราะเขาเคยพูดคำว่า อาบน้ำร้อนมาก่อน

ผมอยากให้เป็นข้อแรก ขอบคุณทุกท่านครับ ผมคิดว่า วันนึง ผมจะอยู่กับลูกได้ไหม ลูกสะใภ้อีก ถ้าเขามีครอบครัว ผมจะตกสภาวะไหน คิดไปถึงจะ ต้องไปบวชไหม เหมือนไปอาศัยวัดช่วงบันปลายชีวิต


ฟังพระพุทธพจน์เพื่อเข้าใจความจริงได้เท่านั้นค่ะ
พอหยุดฟังพฤติกรรมต่างๆก็เป็นไปตามการสะสม
ไม่มีใครเลือกทำอะไรเพราะทุกอย่างเกิดแล้วนะคะ
ไม่มีใครทำเห็นทำได้ยินทำได้กลิ่นทำรู้รสทำคิดนึก
ทำสัมผัสเย็นร้อนอ่อนแข็งตึงไหวผิดไปจากปกติค่ะ
โกรธก็โกรธแล้วดับแล้วด้วยแต่ยังจำโกรธอันเก่าไว้
ปรุงขึ้นมาใหม่ไปตามกิเลสคือความไม่รู้ของตนทุกคน

pwit9 เขียน:
ขอบคุณทุกท่านครับ ผมอ่านหลายคำแนะนำ รู้สึกว่าเจอทางออกดีๆหลายอย่าง ตอนนี้ผมพยายามไม่ลงไปเจออารมที่ไม่ชอบ พูดน้อยลง กลับมาก็ขึ้นข้างงบนเลย ทักทายนิดหน่อย คิดว่าจะเลิกใส่ใจ ทำเท่าที่ทำได้ ห่วงเท่าที่เขาต้องการ เรื่องนำไปส่งยังลังเล จะรอดูอีกซักพัก ถ้าใจผม ยังสามารถนิ่งแบบนี้ไปได้ ก็จะเป็นบุญของแก สิ่งที่ยากที่สุด คือการยอมรับ ใจผม บางทีก็ดี บางทีก็ร้าย ยอมรับว่ามีโกรธ เกรียด เมื่อเจอ การกระทำที่เคยเจอสมัยเด็กๆ คืนก่อนนอนคิดทั้งคืน จนต้องกินยาแก้ปวดหัว ว่าจะทำไง ช่วงนี้ มันหลายเรื่อง ทั้งปัญหาภายใน ภายนอก ขอบคุณทุกท่าน ที่มอบความรู้และทางออก ที่ทำให้ผมคิดได้หลายอย่าง.


สิ่งที่ทำได้คือทำใจให้เป็นกลางๆโดยพิจารณาไตร่ตรองเหตุผล
การที่เราไม่ได้ทุกอย่างตามต้องการนั้นมันเป็นเรื่องปกติของคน
เพราะคนทุกคนมีความคิดและรู้สึกชอบไม่ชอบและคาดหวังให้
ผู้อื่นทำตามความต้องการของตนต่างคนต่างมีความยึดมั่นของตน
เราจะไปบังคับให้คนอื่นคิดตามความต้องการของเรานั้นเป็นไปไม่ได้
สำคัญคือปรับเปลี่ยนทัศนคติของเราเองเพียรฟังพระธรรมบ่อยๆเนืองๆค่ะ
เปิดฟังพร้อมกันทั้งบ้านปรับทัศนคติไปพร้อมๆกันนะคะต้องอาศัยเวลาในการเข้าใจ
:b12:
:b4: :b4:
ฟังครั้งเดียวเข้าใจไม่พอนะคะเพราะยิ่งฟังยิ่งเพิ่มความเข้าใจค่ะ
https://youtu.be/__Wqc0iAJ84


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 21 ก.พ. 2019, 05:11, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 51 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 123 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร