ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
มนสิการ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=57112 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 08 ก.พ. 2019, 11:19 ] |
หัวข้อกระทู้: | มนสิการ |
มนสิการมี ๓ อย่าง ๑. วิถีปฏิปาทกมนสิการ ๒. ชวนปฏิปาทกมนสิการ ๓. อารัมมณปฏิปาทกมนสิการ ๑. วิถีปฏิปาทกมนสิการ(มนสิการที่ยังวิถีจิตให้เป็นไป) หมายถึง ปัญจทวาราวัชชนจิต ซึ่งทำให้เกิดกระแสจิตในปัญจทวารได้สำเร็จ คือ ให้ประกอบในอารมณ์ (ทางปัญจทวาร) ๒. ชวนปฏิปาทกมนสิการ(มนสิการที่ยังชวนะให้เป็นไป) หมายถึง มโนทวาราวัชชนจิตซึ่งทำให้กระแสชวนจิตเกิดและเป็นไปได้สำเร็จ คือ ให้ประกอบกับอารมณ์(ทางมโนทวาร) จิตทั้งสองประเภทนี้ชื่อว่า โยนิโสมสิการ หรือ อโยนิโสมนสิการ ในที่นั้นๆ เนื่องจากจิตได้รับแรงการเกื้อหนุนจากปัจจัย เช่น การสั่งสม การน้อมไป และการกำหนดเป็นต้นมาโดยตลอด ย่อมทำกระแสจิตให้ไปในอารมณ์ โดยแยบคายหรือไม่แยบคาย ๓. อารัมมณปฏิปาทกมนสิการ(มนสิการที่ยังอารมณ์ให้เป็นไป) คือสภาวะธรรม(มนสิการเจตสิก) ทำให้กระแสจิตเป็นไปต่อเนื่องนับตั้งแต่ปฏิสนธิจิต ซึ่งแม้จะละอารมณ์แล้วดับไป ก็เกิดขึ้นในอารมณ์ใหม่ในอารมณ์เก่าได้อีกเมื่อไม่มีเหตุพิเศษ (คือไม่มีอารมณ์อื่นที่ชัดเจนกว่ามาปรากฏ ก็ทำให้กระแสจิตในอารมณ์เก่าได้) อารัมมณปฏิปาทกมนสิการถูกระบุขึ้นในที่นี้ เพราะมสิการเจตสิกนี้ประกอบ อารมณ์ไว้ในจิต หรือประกอบจิตไว้ในอารมณ์ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 09 ก.พ. 2019, 01:37 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มนสิการ |
มะนะสิการะ ความอ่อนน้อมควรแก่การงานของจิตในขณะที่กำลังฟังแล้วเข้าใจสัจจะที่กำลังปรากฏ ตรงตามที่กำลังฟังโดยเป็นปัญญาน้อมไปในอารมณ์ที่จิตรู้แจ้งตรงตามที่กำลังมีสภาพธรรมนั้นปรากฏ ประจักษ์ชัดแจ่มแจ้งทั่วถึงรู้ในอารมณ์ที่จิตกำลังมีครบ6ทางตรงตามคำตถาคตด้วยความเข้าใจไม่ได้ทำค่ะ |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 09 ก.พ. 2019, 07:31 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มนสิการ |
แจ้งเฉพาะในวิญญาณแล้วหยุดเพียงแค่นั้น...ไม่เป็นโยนิโสมนสิการ...ดอกคุณโรส.. |
เจ้าของ: | Love J. [ 09 ก.พ. 2019, 18:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มนสิการ |
อื้ม ประจักษ์แจ่มชัดอะไร ไม่เห็นทุกขสัจ เห็นสภาวะนั้น ออกจากสภาวะนั่นแล้วคิด ว่าเห็นประจักษ์แจ่มชัดมากกว่า แต่ตอน อยู่ในสภาวะนั้นไม่มีการโยนิโสมนสิการ ไม่มีการเห็นอริยสัจ 4 มีแต่เห็นดับวนไป |
เจ้าของ: | Rosarin [ 09 ก.พ. 2019, 23:15 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มนสิการ |
Love J. เขียน: อื้ม ประจักษ์แจ่มชัดอะไร ไม่เห็นทุกขสัจ เห็นสภาวะนั้น ออกจากสภาวะนั่นแล้วคิด ว่าเห็นประจักษ์แจ่มชัดมากกว่า แต่ตอน อยู่ในสภาวะนั้นไม่มีการโยนิโสมนสิการ ไม่มีการเห็นอริยสัจ 4 มีแต่เห็นดับวนไป ต้องมีตัวตนไปโค้งคำนับหรือคะ จิตเกิดดับทีละ1ทางไม่เป็นตัว เกิดแล้วดับแล้วจะเอาหัว ไปก้มแล้วคิดว่าน้อมรึ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 09 ก.พ. 2019, 23:18 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มนสิการ |
กบนอกกะลา เขียน: แจ้งเฉพาะในวิญญาณแล้วหยุดเพียงแค่นั้น...ไม่เป็นโยนิโสมนสิการ...ดอกคุณโรส.. เห็นแจ้งแทงตลอดธรรมครบ6ทางเดี๋ยวนี้น้อมยังไงเอ้า ทำได้แค่กระพริบตาก็ดับครบ6ทางแล้วจะตามรู้อะไรล่ะก้มหัวมันเลยกะพริบตานะ มันดับหมดหายไปในตาดำปุ๊บมืดปั๊บตาไม่บอดไม่แจ้งในเห็นเหรอว่ามีกิเลสเห็นผิดว่าสว่างมากกว่ามืด555 เห็นแจ้งแปลว่าตาสว่าง...แปลว่าเข้าใจไหมความจริงมีสว่าง1ทางมืด5ทาง |
เจ้าของ: | Love J. [ 10 ก.พ. 2019, 00:50 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มนสิการ |
Rosarin เขียน: Love J. เขียน: อื้ม ประจักษ์แจ่มชัดอะไร ไม่เห็นทุกขสัจ เห็นสภาวะนั้น ออกจากสภาวะนั่นแล้วคิด ว่าเห็นประจักษ์แจ่มชัดมากกว่า แต่ตอน อยู่ในสภาวะนั้นไม่มีการโยนิโสมนสิการ ไม่มีการเห็นอริยสัจ 4 มีแต่เห็นดับวนไป ต้องมีตัวตนไปโค้งคำนับหรือคะ จิตเกิดดับทีละ1ทางไม่เป็นตัว เกิดแล้วดับแล้วจะเอาหัว ไปก้มแล้วคิดว่าน้อมรึ ต้องมีตัวตนไปเห็นว่าไม่ใช่ตัวใช่ตน อุปาทานเป็นทุกข์ควรละ แล้วก็มรรคจิต ผลจิต จากนั้นก็พิจารณากิเลสสังโยชน์ที่ยังเหลือ ต่อมา ก็ค่อย ๆ เห็นแนวทางปฏิบัติเพื่อทำนิโรธให้แจ้งครับ ไม่วน ตอนที่คุณเห็นสภาวะนั้นมีการพิจารณาอะไรบ้างมั้ยล่ะครับ เห็นทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค มั้ยมีการทำกิจประหารกิเลส รึเปล่า หรือสักว่าเห็นดับ ๆ ไปที่ละ 1 ขณะ ออกจากสภาวะ นั้นก็นึกเอาว่าตนเองรู้แจ้งอนัตตา สิ้นกิเลสตัณหาอุปาทาน |
เจ้าของ: | Love J. [ 10 ก.พ. 2019, 00:58 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มนสิการ |
.... จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานะวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาญ มีธรรมที่เกิดขึ้นแล้วเป็นวัตถุ (ที่อาศัย) มีธรรมที่เกิดขึ้นแล้วเป็นอารมณ์ไม่เสวย ....โคจรวิสัยแห่งกันและกัน เกิดขึ้นโดยไม่มีการสนใจ วิญญาณทั้ง ๕ นั้นไม่ได้มี ความผูกใจ (ความผูกใจคือ อุปาทานขันธ์ ๕ หรือทุกขสัจ ) เห็นแต่ ดับ ดับ ดับ ....ในสภาวะนั้นไม่เห็นทุกขสัจ เห็นความดับก็จริง แต่ไม่มีการพิจารณาความดับ ไม่มีการพิจารณาเห็นความเป็นโทษ จึงไม่เห็นทุกข์ ไม่เห็นสมุทัย ไม่เห็นนิโรธ ....ไม่สามารถยังมรรคให้เกิดได้ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 10 ก.พ. 2019, 01:19 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มนสิการ |
Love J. เขียน: Rosarin เขียน: Love J. เขียน: อื้ม ประจักษ์แจ่มชัดอะไร ไม่เห็นทุกขสัจ เห็นสภาวะนั้น ออกจากสภาวะนั่นแล้วคิด ว่าเห็นประจักษ์แจ่มชัดมากกว่า แต่ตอน อยู่ในสภาวะนั้นไม่มีการโยนิโสมนสิการ ไม่มีการเห็นอริยสัจ 4 มีแต่เห็นดับวนไป ต้องมีตัวตนไปโค้งคำนับหรือคะ จิตเกิดดับทีละ1ทางไม่เป็นตัว เกิดแล้วดับแล้วจะเอาหัว ไปก้มแล้วคิดว่าน้อมรึ ต้องมีตัวตนไปเห็นว่าไม่ใช่ตัวใช่ตน อุปาทานเป็นทุกข์ควรละ แล้วก็มรรคจิต ผลจิต จากนั้นก็พิจารณากิเลสสังโยชน์ที่ยังเหลือ ต่อมา ก็ค่อย ๆ เห็นแนวทางปฏิบัติเพื่อทำนิโรธให้แจ้งครับ ไม่วน ตอนที่คุณเห็นสภาวะนั้นมีการพิจารณาอะไรบ้างมั้ยล่ะครับ เห็นทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค มั้ยมีการทำกิจประหารกิเลส รึเปล่า หรือสักว่าเห็นดับ ๆ ไปที่ละ 1 ขณะ ออกจากสภาวะ นั้นก็นึกเอาว่าตนเองรู้แจ้งอนัตตา สิ้นกิเลสตัณหาอุปาทาน คุณเลิฟเจเขียนว่าต้องมีตัวตนไปเห็นว่าไม่ใช่ตัวใช่ตน (ดิฉันนั่งกายหายมาแล้วก็ไม่ใช่ปัญญานี่คะ) บนนัั้นมันทำสมาธิหลับตาทำฌานไม่ใช่หรือคะเป็นสมาธิเจตสิก ทำถึงแปลงร่างได้แบบพระเทวทัตรึยังล่ะคะมิจฉาสมาธินะคะ หลับตาขาดจิตเห็นการจะมีการทำงานของจิตเห็นต้องลืมตา ถึงจะมีจักขุปสาทะรูปสภาพธัมมะของจิตเห็น3ประสานเป็น1 สีสะท้อนแสงเข้าไปในลูกตาดำกระทบในตาดำดับทันทีแล้ว หลังกระพริบตาเป็นจิตเห็นขณะใหม่แล้วตาไม่บอดไม่เก็ตรึ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 10 ก.พ. 2019, 01:30 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มนสิการ |
Rosarin เขียน: Love J. เขียน: Rosarin เขียน: Love J. เขียน: อื้ม ประจักษ์แจ่มชัดอะไร ไม่เห็นทุกขสัจ เห็นสภาวะนั้น ออกจากสภาวะนั่นแล้วคิด ว่าเห็นประจักษ์แจ่มชัดมากกว่า แต่ตอน อยู่ในสภาวะนั้นไม่มีการโยนิโสมนสิการ ไม่มีการเห็นอริยสัจ 4 มีแต่เห็นดับวนไป ต้องมีตัวตนไปโค้งคำนับหรือคะ จิตเกิดดับทีละ1ทางไม่เป็นตัว เกิดแล้วดับแล้วจะเอาหัว ไปก้มแล้วคิดว่าน้อมรึ ต้องมีตัวตนไปเห็นว่าไม่ใช่ตัวใช่ตน อุปาทานเป็นทุกข์ควรละ แล้วก็มรรคจิต ผลจิต จากนั้นก็พิจารณากิเลสสังโยชน์ที่ยังเหลือ ต่อมา ก็ค่อย ๆ เห็นแนวทางปฏิบัติเพื่อทำนิโรธให้แจ้งครับ ไม่วน ตอนที่คุณเห็นสภาวะนั้นมีการพิจารณาอะไรบ้างมั้ยล่ะครับ เห็นทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค มั้ยมีการทำกิจประหารกิเลส รึเปล่า หรือสักว่าเห็นดับ ๆ ไปที่ละ 1 ขณะ ออกจากสภาวะ นั้นก็นึกเอาว่าตนเองรู้แจ้งอนัตตา สิ้นกิเลสตัณหาอุปาทาน คุณเลิฟเจเขียนว่าต้องมีตัวตนไปเห็นว่าไม่ใช่ตัวใช่ตน (ดิฉันนั่งกายหายมาแล้วก็ไม่ใช่ปัญญานี่คะ) บนนัั้นมันทำสมาธิหลับตาทำฌานไม่ใช่หรือคะเป็นสมาธิเจตสิก ทำถึงแปลงร่างได้แบบพระเทวทัตรึยังล่ะคะมิจฉาสมาธินะคะ หลับตาขาดจิตเห็นการจะมีการทำงานของจิตเห็นต้องลืมตา ถึงจะมีจักขุปสาทะรูปสภาพธัมมะของจิตเห็น3ประสานเป็น1 สีสะท้อนแสงเข้าไปในลูกตาดำกระทบในตาดำดับทันทีแล้ว หลังกระพริบตาเป็นจิตเห็นขณะใหม่แล้วตาไม่บอดไม่เก็ตรึ สุตมยปัญญาใช้จิตได้ยินทำปัญญาคือใช้โสตปสาทะรูปไม่มีแสงสีเกิดปนมันมืดไม่เห็นตัวอักษรใช้หูทำค่ะ https://youtu.be/HroJyWTNMwQ |
เจ้าของ: | Love J. [ 10 ก.พ. 2019, 01:44 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มนสิการ |
Rosarin เขียน: Love J. เขียน: Rosarin เขียน: Love J. เขียน: อื้ม ประจักษ์แจ่มชัดอะไร ไม่เห็นทุกขสัจ เห็นสภาวะนั้น ออกจากสภาวะนั่นแล้วคิด ว่าเห็นประจักษ์แจ่มชัดมากกว่า แต่ตอน อยู่ในสภาวะนั้นไม่มีการโยนิโสมนสิการ ไม่มีการเห็นอริยสัจ 4 มีแต่เห็นดับวนไป ต้องมีตัวตนไปโค้งคำนับหรือคะ จิตเกิดดับทีละ1ทางไม่เป็นตัว เกิดแล้วดับแล้วจะเอาหัว ไปก้มแล้วคิดว่าน้อมรึ ต้องมีตัวตนไปเห็นว่าไม่ใช่ตัวใช่ตน อุปาทานเป็นทุกข์ควรละ แล้วก็มรรคจิต ผลจิต จากนั้นก็พิจารณากิเลสสังโยชน์ที่ยังเหลือ ต่อมา ก็ค่อย ๆ เห็นแนวทางปฏิบัติเพื่อทำนิโรธให้แจ้งครับ ไม่วน ตอนที่คุณเห็นสภาวะนั้นมีการพิจารณาอะไรบ้างมั้ยล่ะครับ เห็นทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค มั้ยมีการทำกิจประหารกิเลส รึเปล่า หรือสักว่าเห็นดับ ๆ ไปที่ละ 1 ขณะ ออกจากสภาวะ นั้นก็นึกเอาว่าตนเองรู้แจ้งอนัตตา สิ้นกิเลสตัณหาอุปาทาน คุณเลิฟเจเขียนว่าต้องมีตัวตนไปเห็นว่าไม่ใช่ตัวใช่ตน (ดิฉันนั่งกายหายมาแล้วก็ไม่ใช่ปัญญานี่คะ) บนนัั้นมันทำสมาธิหลับตาทำฌานไม่ใช่หรือคะเป็นสมาธิเจตสิก ทำถึงแปลงร่างได้แบบพระเทวทัตรึยังล่ะคะมิจฉาสมาธินะคะ หลับตาขาดจิตเห็นการจะมีการทำงานของจิตเห็นต้องลืมตา ถึงจะมีจักขุปสาทะรูปสภาพธัมมะของจิตเห็น3ประสานเป็น1 สีสะท้อนแสงเข้าไปในลูกตาดำกระทบในตาดำดับทันทีแล้ว หลังกระพริบตาเป็นจิตเห็นขณะใหม่แล้วตาไม่บอดไม่เก็ตรึ ใช่ครับมันจะเห็นขันธ์ ๕ เป็นไตรลักษณ์แง่ใดแง่หนึ่ง แล้วมันก็เห็นความหลงยึดมั่นเป็นเรา เป็นตัวตนเรา พอ เห็นดังนั้นมันก็รู้ทันทีว่าควรละใจสรุปดังนี้ จิตก็ทำกิจ ตามที่ใจได้สรุปหรือ มรรคจิต ผลจิต ผมไม่เคยนั่งหลับตาทำฌานอะไรมาก่อนเรื่องฌานผม ไม่รู้ ที่ผมเล่าไม่ใช่ตาเห็น ไม่เกี่ยวกับลืมตา หลับตา กระพริบตา ผมเห็นเป็นนิมิตทางใจ เพราะฉะนั้นผมไม่เห็นการกระทบกัน ของแสงสี ตาดำอะไรจะเกี่ยวกับมรรคผล มันก็ทำหน้าที่ตาม ธรรมชาติของมัน กิเลสมัยอยู่ที่ใจนี่ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 10 ก.พ. 2019, 10:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มนสิการ |
Love J. เขียน: Rosarin เขียน: Love J. เขียน: Rosarin เขียน: Love J. เขียน: อื้ม ประจักษ์แจ่มชัดอะไร ไม่เห็นทุกขสัจ เห็นสภาวะนั้น ออกจากสภาวะนั่นแล้วคิด ว่าเห็นประจักษ์แจ่มชัดมากกว่า แต่ตอน อยู่ในสภาวะนั้นไม่มีการโยนิโสมนสิการ ไม่มีการเห็นอริยสัจ 4 มีแต่เห็นดับวนไป ต้องมีตัวตนไปโค้งคำนับหรือคะ จิตเกิดดับทีละ1ทางไม่เป็นตัว เกิดแล้วดับแล้วจะเอาหัว ไปก้มแล้วคิดว่าน้อมรึ ต้องมีตัวตนไปเห็นว่าไม่ใช่ตัวใช่ตน อุปาทานเป็นทุกข์ควรละ แล้วก็มรรคจิต ผลจิต จากนั้นก็พิจารณากิเลสสังโยชน์ที่ยังเหลือ ต่อมา ก็ค่อย ๆ เห็นแนวทางปฏิบัติเพื่อทำนิโรธให้แจ้งครับ ไม่วน ตอนที่คุณเห็นสภาวะนั้นมีการพิจารณาอะไรบ้างมั้ยล่ะครับ เห็นทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค มั้ยมีการทำกิจประหารกิเลส รึเปล่า หรือสักว่าเห็นดับ ๆ ไปที่ละ 1 ขณะ ออกจากสภาวะ นั้นก็นึกเอาว่าตนเองรู้แจ้งอนัตตา สิ้นกิเลสตัณหาอุปาทาน คุณเลิฟเจเขียนว่าต้องมีตัวตนไปเห็นว่าไม่ใช่ตัวใช่ตน (ดิฉันนั่งกายหายมาแล้วก็ไม่ใช่ปัญญานี่คะ) บนนัั้นมันทำสมาธิหลับตาทำฌานไม่ใช่หรือคะเป็นสมาธิเจตสิก ทำถึงแปลงร่างได้แบบพระเทวทัตรึยังล่ะคะมิจฉาสมาธินะคะ หลับตาขาดจิตเห็นการจะมีการทำงานของจิตเห็นต้องลืมตา ถึงจะมีจักขุปสาทะรูปสภาพธัมมะของจิตเห็น3ประสานเป็น1 สีสะท้อนแสงเข้าไปในลูกตาดำกระทบในตาดำดับทันทีแล้ว หลังกระพริบตาเป็นจิตเห็นขณะใหม่แล้วตาไม่บอดไม่เก็ตรึ ใช่ครับมันจะเห็นขันธ์ ๕ เป็นไตรลักษณ์แง่ใดแง่หนึ่ง แล้วมันก็เห็นความหลงยึดมั่นเป็นเรา เป็นตัวตนเรา พอ เห็นดังนั้นมันก็รู้ทันทีว่าควรละใจสรุปดังนี้ จิตก็ทำกิจ ตามที่ใจได้สรุปหรือ มรรคจิต ผลจิต ผมไม่เคยนั่งหลับตาทำฌานอะไรมาก่อนเรื่องฌานผม ไม่รู้ ที่ผมเล่าไม่ใช่ตาเห็น ไม่เกี่ยวกับลืมตา หลับตา กระพริบตา ผมเห็นเป็นนิมิตทางใจ เพราะฉะนั้นผมไม่เห็นการกระทบกัน ของแสงสี ตาดำอะไรจะเกี่ยวกับมรรคผล มันก็ทำหน้าที่ตาม ธรรมชาติของมัน กิเลสมัยอยู่ที่ใจนี่ ที่ไม่มีคือปัญญาถึงเกิดมาต้องทำฟัง ทุกคำในพระไตรปิฎกมีตรงแล้วเดี๋ยวนี้ ไม่มีใครไปทำตัวจริงธัมมะตามเหตุปัจจัย ก็ทุกอย่างที่ปรากฏให้รู้ได้นั่นแหละคือนิมิต นิมิตคือการปรากฏรูปต่างๆทั้งสัจจะทั้งสมมุติ สัจจะคือปรมัตถ์ใครให้ไปรู้ถึงสีก็บอกว่าทรงตรัสรู้ พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงตรงทีละ1สัจจะละเอียด เป็นอนูคือละอองเล็กทีละ1กลาปะไม่มีตัวตนคนหรือสิ่งหนึ่งสิ่งใด ลืมตาเห็นเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดทันทีนั่นแหละคืออัตตานุทิฏฐิมีคนมีวัตถุมีสัตว์และสักกายทิฏฐิคือมีตัวคุณไงคะ ที่สำคัญคือที่กายใจตัวเองนั่นแหละจำผิดว่ามีตัวเข้าไม่ถึงสัจจะสีเป็นสีเป็นอารมณ์รู้สีอย่างเดียวไม่มีอะไรปน รูปารมณ์รู้จักไหมจิตรู้ได้ทีละ1และเดียวนี้กำลังเห็นผิดเป็นตัวเองเห็นคนสัตว์วัตถุเรียกคิดเห็นผิดขาดสุตะอยู่ |
เจ้าของ: | Love J. [ 10 ก.พ. 2019, 11:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มนสิการ |
Rosarin เขียน: Love J. เขียน: Rosarin เขียน: Love J. เขียน: Rosarin เขียน: Love J. เขียน: อื้ม ประจักษ์แจ่มชัดอะไร ไม่เห็นทุกขสัจ เห็นสภาวะนั้น ออกจากสภาวะนั่นแล้วคิด ว่าเห็นประจักษ์แจ่มชัดมากกว่า แต่ตอน อยู่ในสภาวะนั้นไม่มีการโยนิโสมนสิการ ไม่มีการเห็นอริยสัจ 4 มีแต่เห็นดับวนไป ต้องมีตัวตนไปโค้งคำนับหรือคะ จิตเกิดดับทีละ1ทางไม่เป็นตัว เกิดแล้วดับแล้วจะเอาหัว ไปก้มแล้วคิดว่าน้อมรึ ต้องมีตัวตนไปเห็นว่าไม่ใช่ตัวใช่ตน อุปาทานเป็นทุกข์ควรละ แล้วก็มรรคจิต ผลจิต จากนั้นก็พิจารณากิเลสสังโยชน์ที่ยังเหลือ ต่อมา ก็ค่อย ๆ เห็นแนวทางปฏิบัติเพื่อทำนิโรธให้แจ้งครับ ไม่วน ตอนที่คุณเห็นสภาวะนั้นมีการพิจารณาอะไรบ้างมั้ยล่ะครับ เห็นทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค มั้ยมีการทำกิจประหารกิเลส รึเปล่า หรือสักว่าเห็นดับ ๆ ไปที่ละ 1 ขณะ ออกจากสภาวะ นั้นก็นึกเอาว่าตนเองรู้แจ้งอนัตตา สิ้นกิเลสตัณหาอุปาทาน คุณเลิฟเจเขียนว่าต้องมีตัวตนไปเห็นว่าไม่ใช่ตัวใช่ตน (ดิฉันนั่งกายหายมาแล้วก็ไม่ใช่ปัญญานี่คะ) บนนัั้นมันทำสมาธิหลับตาทำฌานไม่ใช่หรือคะเป็นสมาธิเจตสิก ทำถึงแปลงร่างได้แบบพระเทวทัตรึยังล่ะคะมิจฉาสมาธินะคะ หลับตาขาดจิตเห็นการจะมีการทำงานของจิตเห็นต้องลืมตา ถึงจะมีจักขุปสาทะรูปสภาพธัมมะของจิตเห็น3ประสานเป็น1 สีสะท้อนแสงเข้าไปในลูกตาดำกระทบในตาดำดับทันทีแล้ว หลังกระพริบตาเป็นจิตเห็นขณะใหม่แล้วตาไม่บอดไม่เก็ตรึ ใช่ครับมันจะเห็นขันธ์ ๕ เป็นไตรลักษณ์แง่ใดแง่หนึ่ง แล้วมันก็เห็นความหลงยึดมั่นเป็นเรา เป็นตัวตนเรา พอ เห็นดังนั้นมันก็รู้ทันทีว่าควรละใจสรุปดังนี้ จิตก็ทำกิจ ตามที่ใจได้สรุปหรือ มรรคจิต ผลจิต ผมไม่เคยนั่งหลับตาทำฌานอะไรมาก่อนเรื่องฌานผม ไม่รู้ ที่ผมเล่าไม่ใช่ตาเห็น ไม่เกี่ยวกับลืมตา หลับตา กระพริบตา ผมเห็นเป็นนิมิตทางใจ เพราะฉะนั้นผมไม่เห็นการกระทบกัน ของแสงสี ตาดำอะไรจะเกี่ยวกับมรรคผล มันก็ทำหน้าที่ตาม ธรรมชาติของมัน กิเลสมัยอยู่ที่ใจนี่ ที่ไม่มีคือปัญญาถึงเกิดมาต้องทำฟัง ทุกคำในพระไตรปิฎกมีตรงแล้วเดี๋ยวนี้ ไม่มีใครไปทำตัวจริงธัมมะตามเหตุปัจจัย ก็ทุกอย่างที่ปรากฏให้รู้ได้นั่นแหละคือนิมิต นิมิตคือการปรากฏรูปต่างๆทั้งสัจจะทั้งสมมุติ สัจจะคือปรมัตถ์ใครให้ไปรู้ถึงสีก็บอกว่าทรงตรัสรู้ พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงตรงทีละ1สัจจะละเอียด เป็นอนูคือละอองเล็กทีละ1กลาปะไม่มีตัวตนคนหรือสิ่งหนึ่งสิ่งใด ลืมตาเห็นเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดทันทีนั่นแหละคืออัตตานุทิฏฐิมีคนมีวัตถุมีสัตว์และสักกายทิฏฐิคือมีตัวคุณไงคะ ที่สำคัญคือที่กายใจตัวเองนั่นแหละจำผิดว่ามีตัวเข้าไม่ถึงสัจจะสีเป็นสีเป็นอารมณ์รู้สีอย่างเดียวไม่มีอะไรปน รูปารมณ์รู้จักไหมจิตรู้ได้ทีละ1และเดียวนี้กำลังเห็นผิดเป็นตัวเองเห็นคนสัตว์วัตถุเรียกคิดเห็นผิดขาดสุตะอยู่ ยอม |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 10 ก.พ. 2019, 11:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มนสิการ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 11 ก.พ. 2019, 03:24 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มนสิการ |
Love J. เขียน: Rosarin เขียน: Love J. เขียน: Rosarin เขียน: Love J. เขียน: Rosarin เขียน: Love J. เขียน: อื้ม ประจักษ์แจ่มชัดอะไร ไม่เห็นทุกขสัจ เห็นสภาวะนั้น ออกจากสภาวะนั่นแล้วคิด ว่าเห็นประจักษ์แจ่มชัดมากกว่า แต่ตอน อยู่ในสภาวะนั้นไม่มีการโยนิโสมนสิการ ไม่มีการเห็นอริยสัจ 4 มีแต่เห็นดับวนไป ต้องมีตัวตนไปโค้งคำนับหรือคะ จิตเกิดดับทีละ1ทางไม่เป็นตัว เกิดแล้วดับแล้วจะเอาหัว ไปก้มแล้วคิดว่าน้อมรึ ต้องมีตัวตนไปเห็นว่าไม่ใช่ตัวใช่ตน อุปาทานเป็นทุกข์ควรละ แล้วก็มรรคจิต ผลจิต จากนั้นก็พิจารณากิเลสสังโยชน์ที่ยังเหลือ ต่อมา ก็ค่อย ๆ เห็นแนวทางปฏิบัติเพื่อทำนิโรธให้แจ้งครับ ไม่วน ตอนที่คุณเห็นสภาวะนั้นมีการพิจารณาอะไรบ้างมั้ยล่ะครับ เห็นทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค มั้ยมีการทำกิจประหารกิเลส รึเปล่า หรือสักว่าเห็นดับ ๆ ไปที่ละ 1 ขณะ ออกจากสภาวะ นั้นก็นึกเอาว่าตนเองรู้แจ้งอนัตตา สิ้นกิเลสตัณหาอุปาทาน คุณเลิฟเจเขียนว่าต้องมีตัวตนไปเห็นว่าไม่ใช่ตัวใช่ตน (ดิฉันนั่งกายหายมาแล้วก็ไม่ใช่ปัญญานี่คะ) บนนัั้นมันทำสมาธิหลับตาทำฌานไม่ใช่หรือคะเป็นสมาธิเจตสิก ทำถึงแปลงร่างได้แบบพระเทวทัตรึยังล่ะคะมิจฉาสมาธินะคะ หลับตาขาดจิตเห็นการจะมีการทำงานของจิตเห็นต้องลืมตา ถึงจะมีจักขุปสาทะรูปสภาพธัมมะของจิตเห็น3ประสานเป็น1 สีสะท้อนแสงเข้าไปในลูกตาดำกระทบในตาดำดับทันทีแล้ว หลังกระพริบตาเป็นจิตเห็นขณะใหม่แล้วตาไม่บอดไม่เก็ตรึ ใช่ครับมันจะเห็นขันธ์ ๕ เป็นไตรลักษณ์แง่ใดแง่หนึ่ง แล้วมันก็เห็นความหลงยึดมั่นเป็นเรา เป็นตัวตนเรา พอ เห็นดังนั้นมันก็รู้ทันทีว่าควรละใจสรุปดังนี้ จิตก็ทำกิจ ตามที่ใจได้สรุปหรือ มรรคจิต ผลจิต ผมไม่เคยนั่งหลับตาทำฌานอะไรมาก่อนเรื่องฌานผม ไม่รู้ ที่ผมเล่าไม่ใช่ตาเห็น ไม่เกี่ยวกับลืมตา หลับตา กระพริบตา ผมเห็นเป็นนิมิตทางใจ เพราะฉะนั้นผมไม่เห็นการกระทบกัน ของแสงสี ตาดำอะไรจะเกี่ยวกับมรรคผล มันก็ทำหน้าที่ตาม ธรรมชาติของมัน กิเลสมัยอยู่ที่ใจนี่ ที่ไม่มีคือปัญญาถึงเกิดมาต้องทำฟัง ทุกคำในพระไตรปิฎกมีตรงแล้วเดี๋ยวนี้ ไม่มีใครไปทำตัวจริงธัมมะตามเหตุปัจจัย ก็ทุกอย่างที่ปรากฏให้รู้ได้นั่นแหละคือนิมิต นิมิตคือการปรากฏรูปต่างๆทั้งสัจจะทั้งสมมุติ สัจจะคือปรมัตถ์ใครให้ไปรู้ถึงสีก็บอกว่าทรงตรัสรู้ พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงตรงทีละ1สัจจะละเอียด เป็นอนูคือละอองเล็กทีละ1กลาปะไม่มีตัวตนคนหรือสิ่งหนึ่งสิ่งใด ลืมตาเห็นเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดทันทีนั่นแหละคืออัตตานุทิฏฐิมีคนมีวัตถุมีสัตว์และสักกายทิฏฐิคือมีตัวคุณไงคะ ที่สำคัญคือที่กายใจตัวเองนั่นแหละจำผิดว่ามีตัวเข้าไม่ถึงสัจจะสีเป็นสีเป็นอารมณ์รู้สีอย่างเดียวไม่มีอะไรปน รูปารมณ์รู้จักไหมจิตรู้ได้ทีละ1และเดียวนี้กำลังเห็นผิดเป็นตัวเองเห็นคนสัตว์วัตถุเรียกคิดเห็นผิดขาดสุตะอยู่ ยอม จิตรู้อารมณ์ทีละ1สัจจะ รูปารมณ์คือจิตรู้รูปคือนามรู้รูป มีเฉพาะรูปนั้นรูปเดียวตรงทีละ1ทาง สีเป็นสีเกิดทางตาส่วนเห็นเป็นเห็นไม่ใช่สี เสียงเป็นเสียงเกิดทางหูส่วนได้ยินก็ไม่ใช่เสียง 3ประสานของจิตแต่ละ1ทางมีตัวจริงธัมมะเกิน3อย่าง คำสอนของพระพุทธเจ้าคือคำจริงตรงปัจจุบันขณะเดี๋ยวนี้ มีแล้วไม่ได้ทำสัจจะคือปรมัตถ์กำลังเกิดดับทีละ1แต่ละ1ไม่ซ้ำกันทุกขณะ ทำอะไรไม่ได้นอกจากฟังให้เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรก่อนจิตออกจากร่างนี้เข้าใจไหมคะ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |