วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 13:09  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 274 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12 ... 19  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2019, 09:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
sssboun เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
ถ้าทำให้สบายใจได้ก็ตามนั้นแหละครับ แต่ถ้าอยากเห็นว่าจริงไหม ก็ไปปฏิบัติมาก่อนน่ะครับ :b16: :b16: :b16:

เพราะคนปฏิบัติจะต่างกับคนที่ท่องจำอยู่แล้ว :b32: :b32: :b32: มันจึงเป็นธรรมชาติที่นักท่องจำจะไม่เคยเห็นแล้วขัดแย้ง :b32: :b32: :b32:

:b8:

ขำ หัวเราะกันไปมาไม่รู้จักจบสิ้น

เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ครับ

:b8:


อ่อเฮฮากันครับไม่มีอะไรท่าน บางคนหลงตัวหนังสือมากกว่าที่จะทำ ก็เป็นธรรมดาที่กระตุ้นให้ลองทำ เมื่อเห็นแล้วก็จะไม่ขัดแย้งกัน แต่เมื่อยังเห็นแค่ตัวหนังสือ ความคิดตน มันก็ขัดแย้งกันไป สิ่งที่ผสกล่าวนี้คือเข้าใจธรรมชาติของมันครับว่าเป็นเรื่องปรกติ ที่เป็นแบบนี้เพราะเป็นแบบนี้


เป็นอะไร ทำงัยต่อ


นั่งสมาธิแล้วเหมือนร่างกายลอยจากพื้น

ใช้วิธีอานาปานสติ ช่วงแรกนั่งสมาธิดิ่งลงมากๆจะเห็นแสงสว่างจ้ามากๆเป็นดวงแว๊บๆและสว่างตลอดเวลา
เคยอ่านหนังสือหลวงพ่อสดว่าอย่าวอกแวก เรานึกได้ก็ดูลมหายใจต่อ
จากนั้น ตัวมันเบามาก แถมเหมือนได้ยินเสียงอะไรบางอย่างคุยกัน ทั้งๆที่ในห้องก็เงียบมาก และจู่ๆก็ได้ยินเสียงคนพูด "นั่นแหละกำหนดรู้ใจคน"
ก็เกิดตกใจขึ้น ร่างกายที่เคยมี ก็หายไป แต่พอได้สติ นึกได้ก็ภาวนาต่อ
ทีนี้ร่างกายเหมือนจะลอยจากพื้นดิน อาการคือตัวโครงไม่อยู่นิ่งกับพื้น ทีนี้ก็เลยกลัว รีบออกจากสมาธิ
แบบนี้เรียกว่าอะไรครับ

:b8:

อนุโมทนา สาธุ ด้วยนะครับ ทำได้นานยังครับแล้วตอน
นี้ยังทำได้อยู่ไหมครับ กำหนดรู้ใจคน ผมเคยแค่ได้แค่อ่าน
นิสัยจากน้ำเสียงได้ แต่ตอนนี้เสื่อมล่ะจิตไม่สงบถึงขั้นนั้น

:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2019, 09:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sssboun เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
sssboun เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
ถ้าทำให้สบายใจได้ก็ตามนั้นแหละครับ แต่ถ้าอยากเห็นว่าจริงไหม ก็ไปปฏิบัติมาก่อนน่ะครับ :b16: :b16: :b16:

เพราะคนปฏิบัติจะต่างกับคนที่ท่องจำอยู่แล้ว :b32: :b32: :b32: มันจึงเป็นธรรมชาติที่นักท่องจำจะไม่เคยเห็นแล้วขัดแย้ง :b32: :b32: :b32:

:b8:

ขำ หัวเราะกันไปมาไม่รู้จักจบสิ้น

เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ครับ

:b8:


อ่อเฮฮากันครับไม่มีอะไรท่าน บางคนหลงตัวหนังสือมากกว่าที่จะทำ ก็เป็นธรรมดาที่กระตุ้นให้ลองทำ เมื่อเห็นแล้วก็จะไม่ขัดแย้งกัน แต่เมื่อยังเห็นแค่ตัวหนังสือ ความคิดตน มันก็ขัดแย้งกันไป สิ่งที่ผสกล่าวนี้คือเข้าใจธรรมชาติของมันครับว่าเป็นเรื่องปรกติ ที่เป็นแบบนี้เพราะเป็นแบบนี้

:b8:

ที่คุณว่าก็ถูกของคุณนะครับ แต่การนำพระธรรมคำสอน
มาว่าแบบเล่นๆ เฮฮาแบบนี้ควรแล้วหรือ การทำอะไรนั้น
หากไม่ตั้งใจแล้วก็ยากที่จะเจอของจริงและได้ของจริง
นะครับ แม้เมื่อก่อนพระสาวกของพระองค์เวลาฟังธรรม
กล่าวธรรมยังเครารพในพระธรรมเลย

:b8:



ธรรม,พระธรรม ตามที่คุณคิดตุณเข้าใจนี่คุณคิดว่า อะไรยังไงครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2019, 09:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sssboun เขียน:
กรัชกาย เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
sssboun เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
ถ้าทำให้สบายใจได้ก็ตามนั้นแหละครับ แต่ถ้าอยากเห็นว่าจริงไหม ก็ไปปฏิบัติมาก่อนน่ะครับ :b16: :b16: :b16:

เพราะคนปฏิบัติจะต่างกับคนที่ท่องจำอยู่แล้ว :b32: :b32: :b32: มันจึงเป็นธรรมชาติที่นักท่องจำจะไม่เคยเห็นแล้วขัดแย้ง :b32: :b32: :b32:

:b8:

ขำ หัวเราะกันไปมาไม่รู้จักจบสิ้น

เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ครับ

:b8:


อ่อเฮฮากันครับไม่มีอะไรท่าน บางคนหลงตัวหนังสือมากกว่าที่จะทำ ก็เป็นธรรมดาที่กระตุ้นให้ลองทำ เมื่อเห็นแล้วก็จะไม่ขัดแย้งกัน แต่เมื่อยังเห็นแค่ตัวหนังสือ ความคิดตน มันก็ขัดแย้งกันไป สิ่งที่ผสกล่าวนี้คือเข้าใจธรรมชาติของมันครับว่าเป็นเรื่องปรกติ ที่เป็นแบบนี้เพราะเป็นแบบนี้


เป็นอะไร ทำงัยต่อ


นั่งสมาธิแล้วเหมือนร่างกายลอยจากพื้น

ใช้วิธีอานาปานสติ ช่วงแรกนั่งสมาธิดิ่งลงมากๆจะเห็นแสงสว่างจ้ามากๆเป็นดวงแว๊บๆและสว่างตลอดเวลา
เคยอ่านหนังสือหลวงพ่อสดว่าอย่าวอกแวก เรานึกได้ก็ดูลมหายใจต่อ
จากนั้น ตัวมันเบามาก แถมเหมือนได้ยินเสียงอะไรบางอย่างคุยกัน ทั้งๆที่ในห้องก็เงียบมาก และจู่ๆก็ได้ยินเสียงคนพูด "นั่นแหละกำหนดรู้ใจคน"
ก็เกิดตกใจขึ้น ร่างกายที่เคยมี ก็หายไป แต่พอได้สติ นึกได้ก็ภาวนาต่อ
ทีนี้ร่างกายเหมือนจะลอยจากพื้นดิน อาการคือตัวโครงไม่อยู่นิ่งกับพื้น ทีนี้ก็เลยกลัว รีบออกจากสมาธิ
แบบนี้เรียกว่าอะไรครับ

:b8:

อนุโมทนา สาธุ ด้วยนะครับ ทำได้นานยังครับแล้วตอน
นี้ยังทำได้อยู่ไหมครับ กำหนดรู้ใจคน ผมเคยแค่ได้แค่อ่าน
นิสัยจากน้ำเสียงได้ แต่ตอนนี้เสื่อมล่ะจิตไม่สงบถึงขั้นนั้น

:b8:


คุณ 3 sss อนุโมทนา

คุณแค่อากาศเล่าขอรับ คิดเห็นเป็นประการใด

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2019, 09:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
sssboun เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
sssboun เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
ถ้าทำให้สบายใจได้ก็ตามนั้นแหละครับ แต่ถ้าอยากเห็นว่าจริงไหม ก็ไปปฏิบัติมาก่อนน่ะครับ :b16: :b16: :b16:

เพราะคนปฏิบัติจะต่างกับคนที่ท่องจำอยู่แล้ว :b32: :b32: :b32: มันจึงเป็นธรรมชาติที่นักท่องจำจะไม่เคยเห็นแล้วขัดแย้ง :b32: :b32: :b32:

:b8:

ขำ หัวเราะกันไปมาไม่รู้จักจบสิ้น

เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ครับ

:b8:


อ่อเฮฮากันครับไม่มีอะไรท่าน บางคนหลงตัวหนังสือมากกว่าที่จะทำ ก็เป็นธรรมดาที่กระตุ้นให้ลองทำ เมื่อเห็นแล้วก็จะไม่ขัดแย้งกัน แต่เมื่อยังเห็นแค่ตัวหนังสือ ความคิดตน มันก็ขัดแย้งกันไป สิ่งที่ผสกล่าวนี้คือเข้าใจธรรมชาติของมันครับว่าเป็นเรื่องปรกติ ที่เป็นแบบนี้เพราะเป็นแบบนี้

:b8:

ที่คุณว่าก็ถูกของคุณนะครับ แต่การนำพระธรรมคำสอน
มาว่าแบบเล่นๆ เฮฮาแบบนี้ควรแล้วหรือ การทำอะไรนั้น
หากไม่ตั้งใจแล้วก็ยากที่จะเจอของจริงและได้ของจริง
นะครับ แม้เมื่อก่อนพระสาวกของพระองค์เวลาฟังธรรม
กล่าวธรรมยังเครารพในพระธรรมเลย

:b8:



ธรรม,พระธรรม ตามที่คุณคิดตุณเข้าใจนี่คุณคิดว่า อะไรยังไงครับ

:b8:

ผมว่า พี่เคยถามผมไปแล้วนะครับ ธรรมคืออะไร? สงสัยจะลืม
แล้วแน่ สัญญาไม่เที่ยงหนอ ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ไม่เที่ยง เกิด ขึ้น ตั้งอยู่
และแล้วก็ดับไป

:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2019, 09:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sssboun เขียน:
กรัชกาย เขียน:
sssboun เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
sssboun เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
ถ้าทำให้สบายใจได้ก็ตามนั้นแหละครับ แต่ถ้าอยากเห็นว่าจริงไหม ก็ไปปฏิบัติมาก่อนน่ะครับ :b16: :b16: :b16:

เพราะคนปฏิบัติจะต่างกับคนที่ท่องจำอยู่แล้ว :b32: :b32: :b32: มันจึงเป็นธรรมชาติที่นักท่องจำจะไม่เคยเห็นแล้วขัดแย้ง :b32: :b32: :b32:

:b8:

ขำ หัวเราะกันไปมาไม่รู้จักจบสิ้น

เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ครับ

:b8:


อ่อเฮฮากันครับไม่มีอะไรท่าน บางคนหลงตัวหนังสือมากกว่าที่จะทำ ก็เป็นธรรมดาที่กระตุ้นให้ลองทำ เมื่อเห็นแล้วก็จะไม่ขัดแย้งกัน แต่เมื่อยังเห็นแค่ตัวหนังสือ ความคิดตน มันก็ขัดแย้งกันไป สิ่งที่ผสกล่าวนี้คือเข้าใจธรรมชาติของมันครับว่าเป็นเรื่องปรกติ ที่เป็นแบบนี้เพราะเป็นแบบนี้

:b8:

ที่คุณว่าก็ถูกของคุณนะครับ แต่การนำพระธรรมคำสอน
มาว่าแบบเล่นๆ เฮฮาแบบนี้ควรแล้วหรือ การทำอะไรนั้น
หากไม่ตั้งใจแล้วก็ยากที่จะเจอของจริงและได้ของจริง
นะครับ แม้เมื่อก่อนพระสาวกของพระองค์เวลาฟังธรรม
กล่าวธรรมยังเครารพในพระธรรมเลย

:b8:



ธรรม,พระธรรม ตามที่คุณคิดตุณเข้าใจนี่คุณคิดว่า อะไรยังไงครับ

:b8:

ผมว่า พี่เคยถามผมไปแล้วนะครับ ธรรมคืออะไร? สงสัยจะลืม
แล้วแน่ สัญญาไม่เที่ยงหนอ ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ไม่เที่ยง เกิด ขึ้น ตั้งอยู่
และแล้วก็ดับไป

:b8:


สัญญา ไม่เที่ยง เกิด ขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป :b32: แล้วทำไมหัวเราะไม่ได้ :b10:

ก็คุณไปตั้งกฎตั้งกติกาว่า หัวเราะไม่ได้ :b21: ทีนี้พอมีคนมีใครมาหัวเราะ คุณก็ทุกข์ฺใจ ไม่สบายใจ เมื่อมีใครมาหัวเราะ เพราะมันขัดกับความรู้สึกเรา :b16: จริงไม่จริง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2019, 10:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


งั้นอย่างนี้เนาะทุกท่าน จะได้จบแบบไม่ขัดใจกันนะครับ ท่านกรัซกาย เมย์ ท่านทริปเปิ้ลเอส

1. รูปแบบประโยค เป็นของหลวงปู่ดุลย์ ท่านกล่าวไว้ดีแล้ว
2. เนื้อในประโยค เป็นของปุถุชนที่มีโอกาสรู้เห็นได้ตามจริง
3. โดยปุถุชนอย่างผมนำเอารูปแบบการจำกัดความของหลวงปู่ดุลย์มาใช้ เพื่อจำกัดความในสิ่งที่ตนรู้เห็นในพระอริยะสัจ ๔ เพื่อเป็นแนวความจำให้หวนระลึกถึงปฏิบัติให้ยิ่งๆขึ้นต่อไปของตน
- ซึ่ง ทั้ง 3 เหตุผล หากคนไม่ปฏิบัติเห็นจริงจะเอามาจำกัดความใดๆให้เข้าใจง่ายไม่ได้เลย


ทีนี้หากท่านทั้งหลายได้มีโอกาสไปเห็นสังขารบ้างแล้ว จิตเดินในสติปัฏฐานบ้างแล้ว สันตติขาดบ้างแล้ว จิตทำความแยบคายในไตรลักษณ์บ้างแล้ว หน่ายสำรอกออกบ้างแล้ว จิตทำกิจบ้างแล้ว ท่านใช้ความจำกัดความอย่างไรบ้างเพื่อที่ย้ำหลักในการปฏิบัติของตนเอง หรือแนะนำบอกกล่าวกับผู้อื่นให้สามารถระลึกแล้วปฏิบัติเห็นชัดได้

- พระอริยะสัจ ๔ ที่ผมมีโอกาสรู้เห็นโดยปุถุชนอย่า่งผม ผมจำกัดความแบบนั้น

- ธรรมสาสวะอื่นเช่น ทาน ศีล ภาวนา ผมปฏิบัติจนเห็นชัดแล้วได้คำจำกัดความว่า.. ทำจิตให้ผ่องใส(ภาวนา อบรมจิตให้เป็นกุศลปราศจากกิเลสจิตจึงผ่องใส) มีใจเอื้อเฟื้อ(ทาน เพราะจิตเป็นจิตจะเอื้อเฟื้อสละ) เว้นจากความเบียดเบียน(ศีล เพราะจิตเป็นศีล มันละเว้นตั้งแต่เจตนา)

- สัมมัปปธาน ๔ มีสติดำรงมั่น ทำใจให้เบิกบานสว่างไสว


ท่านล่ะครับ ให้คำจำกัดความอย่างไร เห็นมายังไงบ้างครับ :b1: :b1: :b1:

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2019, 10:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
sssboun เขียน:
กรัชกาย เขียน:
sssboun เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
sssboun เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
ถ้าทำให้สบายใจได้ก็ตามนั้นแหละครับ แต่ถ้าอยากเห็นว่าจริงไหม ก็ไปปฏิบัติมาก่อนน่ะครับ :b16: :b16: :b16:

เพราะคนปฏิบัติจะต่างกับคนที่ท่องจำอยู่แล้ว :b32: :b32: :b32: มันจึงเป็นธรรมชาติที่นักท่องจำจะไม่เคยเห็นแล้วขัดแย้ง :b32: :b32: :b32:

:b8:

ขำ หัวเราะกันไปมาไม่รู้จักจบสิ้น

เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ครับ

:b8:


อ่อเฮฮากันครับไม่มีอะไรท่าน บางคนหลงตัวหนังสือมากกว่าที่จะทำ ก็เป็นธรรมดาที่กระตุ้นให้ลองทำ เมื่อเห็นแล้วก็จะไม่ขัดแย้งกัน แต่เมื่อยังเห็นแค่ตัวหนังสือ ความคิดตน มันก็ขัดแย้งกันไป สิ่งที่ผสกล่าวนี้คือเข้าใจธรรมชาติของมันครับว่าเป็นเรื่องปรกติ ที่เป็นแบบนี้เพราะเป็นแบบนี้

:b8:

ที่คุณว่าก็ถูกของคุณนะครับ แต่การนำพระธรรมคำสอน
มาว่าแบบเล่นๆ เฮฮาแบบนี้ควรแล้วหรือ การทำอะไรนั้น
หากไม่ตั้งใจแล้วก็ยากที่จะเจอของจริงและได้ของจริง
นะครับ แม้เมื่อก่อนพระสาวกของพระองค์เวลาฟังธรรม
กล่าวธรรมยังเครารพในพระธรรมเลย

:b8:



ธรรม,พระธรรม ตามที่คุณคิดตุณเข้าใจนี่คุณคิดว่า อะไรยังไงครับ

:b8:

ผมว่า พี่เคยถามผมไปแล้วนะครับ ธรรมคืออะไร? สงสัยจะลืม
แล้วแน่ สัญญาไม่เที่ยงหนอ ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ไม่เที่ยง เกิด ขึ้น ตั้งอยู่
และแล้วก็ดับไป

:b8:


สัญญา ไม่เที่ยง เกิด ขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป :b32: แล้วทำไมหัวเราะไม่ได้ :b10:

ก็คุณไปตั้งกฎตั้งกติกาว่า หัวเราะไม่ได้ :b21: ทีนี้พอมีคนมีใครมาหัวเราะ คุณก็ทุกข์ฺใจ ไม่สบายใจ เมื่อมีใครมาหัวเราะ เพราะมันขัดกับความรู้สึกเรา :b16: จริงไม่จริง



เฉยๆนะครับท่าน อธิบายแล้วก็จบ :b1: :b1: :b16: :b16: ผมไม่เคยคิดแบบนั้น ท่านกรัซกายนี้เก่งนะคิดแทนผมได้ด้วย :b1: :b1: :b1: เห็นเป็นปรกติของโลกมากกว่าครับ เพราะอย่างที่กล่าว แต่ละคนมีความรู้ความเข้าใจคือปัญญาต่างกัน มีแนวทางต่างกัน จะไปห้ามอะไรใครได้
ส่วนท่านทริปเปิ้ลเอสอาจจะคิดเกินไป ก็อธิบายให้เข้าใจกันไปในความหมายนั้นๆ

หากผมคับแค้นไม่พอใจท่านกรัซกายก็คงด่าทื่านไปแล้ว แบบน้องเมย์มาไล่ด่าท่าน หรือป้าโรสไล่ด่าท่าน

:b32: :b32: :b32:

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2019, 10:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้ายอมรับกันว่า นี่ก็เป็นธรรมะ (ไม่ยอมรับก็แล้วไป) แล้วหัวเราะได้ไหม ?


ครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้า ได้ตรัสแสดงเหตุผลในการที่จะมีทรัพย์ หรือประโยชน์ที่ควรถือเอาจากทรัพย์สมบัติ แก่อนาถบิณฑิกคฤหบดี โดยตรัสให้เหมาะกับสภาพสังคมสมัยนั้น พึงพิจารณาจับเอาสารัตถะตามสมควร ดังต่อไปนี้


"ดูกรคฤหบดี ประโยชน์ที่ควรถือเอาแห่งโภคะทั้งหลาย มี ๕ ประการ ดังนี้ คือ


๑) ด้วยโภคะที่หามาได้ด้วยความขยันหมั่นเพียร เก็บรวบรวมขึ้นด้วยกำลังแขน อย่างอาบเหงื่อต่างน้ำ ซึ่งเป็นของชอบธรรม ได้มาโดยธรรม อริยสาวก ย่อมเลี้ยงตัวให้เป็นสุข ให้เอิบอิ่ม เอาใจใส่ดูแลตนให้เป็นสุขโดยชอบ ย่อมเลี้ยงมารดาบิดา...บุตรภรรยา คนรับใช้กรรมกรคนงาน ให้เป็นสุข ให้เอิบอิ่ม เอาใจใส่ดูแลให้เป็นสุขโดยชอบ นี้คือ ประโยชน์ที่ควรถือเอาแห่งโภคะ ข้อที่ ๑


๒) อีกประการหนึ่ง ด้วยโภคะที่หามาได้ด้วยความขยันหมั่นเพียร....ได้มาโดยธรรม อริยสาวก ย่อมเลี้ยงมิตรสหาย และผู้ร่วมกิจการงานทั้งหลาย ให้เป็นสุข ให้เอิบอิ่ม เอาใจใส่ดูแลให้เป็นสุขโดยชอบ นี้คือ ประโยชน์ที่ควรถือเอาแห่งโภคะ ข้อที่ ๒


๓) อีกประการหนึ่ง ด้วยโภคะที่หามาได้ด้วยความขยันหมั่นเพียร....ได้มาโดยธรรม อริยสาวก ย่อมป้องกันโภคะจากยันตราย ที่จะเกิดแต่ไฟ น้ำ พระราชา โจร หรือทายาทอัปรีย์ ทำตนให้สวัสดี นี้คือ ประโยชน์ที่ควรถือเอาแห่งโภคะ ข้อที่ ๓


๔) อีกประการหนึ่ง ด้วยโภคะที่หามาได้ด้วยความขยันหมั่นเพียร....ได้มาโดยธรรม อริยสาวก ย่อมกระทำพลีกรรม ๕ อย่าง คือ ญาติพลี (สงเคราะห์ญาติ) อติถิพลี (ต้อนรับแขก) ปุพพเปตพลี (ทำบุญอุทิศผู้ล่วงลับ) ราชพลี (บำรุงราชการ-เสียภาษี) เทวตาพลี (ถวายเทวดาหรือบำรุงศาสนา) นี้คือ ประโยชน์ที่ควรถือเอาแห่งโภคะ ข้อที่ ๔


๕) อีกประการหนึ่ง ด้วยโภคะที่หามาได้ด้วยความขยันหมั่นเพียร....ได้มาโดยธรรม อริยสาวก ย่อมประดิษฐานทักขิณาอันส่งผลสูง อันอำนวยอารมณ์ดีงาม มีผลเป็นสุข เป็นไปเพื่อสวรรค์ ในสมณพราหมณ์ทั้งหลาย ผู้เว้นจากความมัวเมาประมาท ตั้งอยู่ในขันติโสรัจจะ ซึ่งฝึกฝนตนเอง ทำตนเองให้สงบ ทำตนเองให้หายร้อนกิเลสได้ นี้คือ ประโยชน์ที่ควรถือเอาแห่งโภคะ ข้อที่ ๕

"คหบดี ประโยชน์ที่ควรถือเอาแห่งโภคะมี ๕ ประการเหล่านี้แล"


"ถ้าเมื่ออริยสาวกนั้นถือเอาอยู่ ซึ่งประโยชน์ที่ควรถือเอาแห่งโภคะ ๕ ประการเหล่านี้ โภคะหมดสิ้นไป เขาย่อมมีความคิดอย่างนี้ว่า อันใดเป็นประโยชน์ที่ควรถือเอาแห่งโภคะ ประโยชน์เหล่านั้นเราก็ถือเอาแล้ว และโภคะของเราก็หมดสิ้นไป โดยนัยนี้ อริยสาวกนั้นก็ไม่มีความเดือดร้อนใจ

"และหากว่า เมื่ออริยสาวกนั้นถือเอาอยู่ ซึ่งประโยชน์ที่ควรถือเอาแห่งโภคะ ๕ ประการเหล่านี้ โภคะทรัพย์เพิ่มพูนยิ่งขึ้น โดยนัยนี้ อริยสาวกนั้นก็ไม่มีความเดือดร้อนใจ เป็นอันไม่มีความเดือดร้อนใจทั้งสองกรณี" *(องฺ.ปญฺจก.22/41/48)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2019, 10:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านกรัซกาย ท่านทริปเปิ้ลเอสครับ กระทู้เราเต็มไว้มาก 555 ผมไล่อ่านไม่ทัน

ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะครับท่าน :b9: :b9: :b9:

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2019, 10:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แค่อากาศ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
sssboun เขียน:
กรัชกาย เขียน:
sssboun เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
sssboun เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
ถ้าทำให้สบายใจได้ก็ตามนั้นแหละครับ แต่ถ้าอยากเห็นว่าจริงไหม ก็ไปปฏิบัติมาก่อนน่ะครับ :b16: :b16: :b16:

เพราะคนปฏิบัติจะต่างกับคนที่ท่องจำอยู่แล้ว :b32: :b32: :b32: มันจึงเป็นธรรมชาติที่นักท่องจำจะไม่เคยเห็นแล้วขัดแย้ง :b32: :b32: :b32:

:b8:

ขำ หัวเราะกันไปมาไม่รู้จักจบสิ้น

เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ครับ

:b8:


อ่อเฮฮากันครับไม่มีอะไรท่าน บางคนหลงตัวหนังสือมากกว่าที่จะทำ ก็เป็นธรรมดาที่กระตุ้นให้ลองทำ เมื่อเห็นแล้วก็จะไม่ขัดแย้งกัน แต่เมื่อยังเห็นแค่ตัวหนังสือ ความคิดตน มันก็ขัดแย้งกันไป สิ่งที่ผสกล่าวนี้คือเข้าใจธรรมชาติของมันครับว่าเป็นเรื่องปรกติ ที่เป็นแบบนี้เพราะเป็นแบบนี้

:b8:

ที่คุณว่าก็ถูกของคุณนะครับ แต่การนำพระธรรมคำสอน
มาว่าแบบเล่นๆ เฮฮาแบบนี้ควรแล้วหรือ การทำอะไรนั้น
หากไม่ตั้งใจแล้วก็ยากที่จะเจอของจริงและได้ของจริง
นะครับ แม้เมื่อก่อนพระสาวกของพระองค์เวลาฟังธรรม
กล่าวธรรมยังเครารพในพระธรรมเลย

:b8:



ธรรม,พระธรรม ตามที่คุณคิดตุณเข้าใจนี่คุณคิดว่า อะไรยังไงครับ

:b8:

ผมว่า พี่เคยถามผมไปแล้วนะครับ ธรรมคืออะไร? สงสัยจะลืม
แล้วแน่ สัญญาไม่เที่ยงหนอ ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ไม่เที่ยง เกิด ขึ้น ตั้งอยู่
และแล้วก็ดับไป

:b8:


สัญญา ไม่เที่ยง เกิด ขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป :b32: แล้วทำไมหัวเราะไม่ได้ :b10:

ก็คุณไปตั้งกฎตั้งกติกาว่า หัวเราะไม่ได้ :b21: ทีนี้พอมีคนมีใครมาหัวเราะ คุณก็ทุกข์ฺใจ ไม่สบายใจ เมื่อมีใครมาหัวเราะ เพราะมันขัดกับความรู้สึกเรา :b16: จริงไม่จริง



เฉยๆนะครับท่าน อธิบายแล้วก็จบ :b1: :b1: :b16: :b16: ผมไม่เคยคิดแบบนั้น ท่านกรัซกายนี้เก่งนะคิดแทนผมได้ด้วย :b1: :b1: :b1: เห็นเป็นปรกติของโลกมากกว่าครับ เพราะอย่างที่กล่าว แต่ละคนมีความรู้ความเข้าใจคือปัญญาต่างกัน มีแนวทางต่างกัน จะไปห้ามอะไรใครได้
ส่วนท่านทริปเปิ้ลเอสอาจจะคิดเกินไป ก็อธิบายให้เข้าใจกันไปในความหมายนั้นๆ

หากผมคับแค้นไม่พอใจท่านกรัซกายก็คงด่าทื่านไปแล้ว แบบน้องเมย์มาไล่ด่าท่าน หรือป้าโรสไล่ด่าท่าน

:b32: :b32: :b32:



แยกให้ดี คิกๆๆ เรื่องหัวเราะนี่คุณ sss ไม่ใช่คุณแค่อากาศ ของคุณเรื่องปฏิบัติตามที่พูดไว้

ในคคห.หนึ่ง อ้างอิงกันไปกันมาเลยรวมกันหลายคนไป แยกประเด็นออกจากกันในแต่ละคนๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2019, 10:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
sssboun เขียน:
กรัชกาย เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
sssboun เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
ถ้าทำให้สบายใจได้ก็ตามนั้นแหละครับ แต่ถ้าอยากเห็นว่าจริงไหม ก็ไปปฏิบัติมาก่อนน่ะครับ :b16: :b16: :b16:

เพราะคนปฏิบัติจะต่างกับคนที่ท่องจำอยู่แล้ว :b32: :b32: :b32: มันจึงเป็นธรรมชาติที่นักท่องจำจะไม่เคยเห็นแล้วขัดแย้ง :b32: :b32: :b32:

:b8:

ขำ หัวเราะกันไปมาไม่รู้จักจบสิ้น

เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ครับ

:b8:


อ่อเฮฮากันครับไม่มีอะไรท่าน บางคนหลงตัวหนังสือมากกว่าที่จะทำ ก็เป็นธรรมดาที่กระตุ้นให้ลองทำ เมื่อเห็นแล้วก็จะไม่ขัดแย้งกัน แต่เมื่อยังเห็นแค่ตัวหนังสือ ความคิดตน มันก็ขัดแย้งกันไป สิ่งที่ผสกล่าวนี้คือเข้าใจธรรมชาติของมันครับว่าเป็นเรื่องปรกติ ที่เป็นแบบนี้เพราะเป็นแบบนี้


เป็นอะไร ทำงัยต่อ


นั่งสมาธิแล้วเหมือนร่างกายลอยจากพื้น

ใช้วิธีอานาปานสติ ช่วงแรกนั่งสมาธิดิ่งลงมากๆจะเห็นแสงสว่างจ้ามากๆเป็นดวงแว๊บๆและสว่างตลอดเวลา
เคยอ่านหนังสือหลวงพ่อสดว่าอย่าวอกแวก เรานึกได้ก็ดูลมหายใจต่อ
จากนั้น ตัวมันเบามาก แถมเหมือนได้ยินเสียงอะไรบางอย่างคุยกัน ทั้งๆที่ในห้องก็เงียบมาก และจู่ๆก็ได้ยินเสียงคนพูด "นั่นแหละกำหนดรู้ใจคน"
ก็เกิดตกใจขึ้น ร่างกายที่เคยมี ก็หายไป แต่พอได้สติ นึกได้ก็ภาวนาต่อ
ทีนี้ร่างกายเหมือนจะลอยจากพื้นดิน อาการคือตัวโครงไม่อยู่นิ่งกับพื้น ทีนี้ก็เลยกลัว รีบออกจากสมาธิ
แบบนี้เรียกว่าอะไรครับ

:b8:

อนุโมทนา สาธุ ด้วยนะครับ ทำได้นานยังครับแล้วตอน
นี้ยังทำได้อยู่ไหมครับ กำหนดรู้ใจคน ผมเคยแค่ได้แค่อ่าน
นิสัยจากน้ำเสียงได้ แต่ตอนนี้เสื่อมล่ะจิตไม่สงบถึงขั้นนั้น

:b8:


คุณ 3 sss อนุโมทนา

คุณแค่อากาศเล่าขอรับ คิดเห็นเป็นประการใด



นี่เฉพาะคุณแค่อากาศ คุณ sss ไม่เกี่ยว คุณแค่อากาศคิดเห็นเป็นประการใด

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2019, 10:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตาลายแล้วท่านเยอะเกิน grin grin grin :b23: :b23: :b23: :b23:

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2019, 10:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แค่อากาศ เขียน:
งั้นอย่างนี้เนาะทุกท่าน จะได้จบแบบไม่ขัดใจกันนะครับ ท่านกรัซกาย เมย์ ท่านทริปเปิ้ลเอส

1. รูปแบบประโยค เป็นของหลวงปู่ดุลย์ ท่านกล่าวไว้ดีแล้ว
2. เนื้อในประโยค เป็นของปุถุชนที่มีโอกาสรู้เห็นได้ตามจริง
3. โดยปุถุชนอย่างผมนำเอารูปแบบการจำกัดความของหลวงปู่ดุลย์มาใช้ เพื่อจำกัดความในสิ่งที่ตนรู้เห็นในพระอริยะสัจ ๔ เพื่อเป็นแนวความจำให้หวนระลึกถึงปฏิบัติให้ยิ่งๆขึ้นต่อไปของตน
- ซึ่ง ทั้ง 3 เหตุผล หากคนไม่ปฏิบัติเห็นจริงจะเอามาจำกัดความใดๆให้เข้าใจง่ายไม่ได้เลย


ทีนี้หากท่านทั้งหลายได้มีโอกาสไปเห็นสังขารบ้างแล้ว จิตเดินในสติปัฏฐานบ้างแล้ว สันตติขาดบ้างแล้ว จิตทำความแยบคายในไตรลักษณ์บ้างแล้ว หน่ายสำรอกออกบ้างแล้ว จิตทำกิจบ้างแล้ว ท่านใช้ความจำกัดความอย่างไรบ้างเพื่อที่ย้ำหลักในการปฏิบัติของตนเอง หรือแนะนำบอกกล่าวกับผู้อื่นให้สามารถระลึกแล้วปฏิบัติเห็นชัดได้

- พระอริยะสัจ ๔ ที่ผมมีโอกาสรู้เห็นโดยปุถุชนอย่า่งผม ผมจำกัดความแบบนั้น

- ธรรมสาสวะอื่นเช่น ทาน ศีล ภาวนา ผมปฏิบัติจนเห็นชัดแล้วได้คำจำกัดความว่า.. ทำจิตให้ผ่องใส(ภาวนา อบรมจิตให้เป็นกุศลปราศจากกิเลสจิตจึงผ่องใส) มีใจเอื้อเฟื้อ(ทาน เพราะจิตเป็นจิตจะเอื้อเฟื้อสละ) เว้นจากความเบียดเบียน(ศีล เพราะจิตเป็นศีล มันละเว้นตั้งแต่เจตนา)

- สัมมัปปธาน ๔ มีสติดำรงมั่น ทำใจให้เบิกบานสว่างไสว


ท่านล่ะครับ ให้คำจำกัดความอย่างไร เห็นมายังไงบ้างครับ :b1: :b1: :b1:



คุณแค่อากาศไม่ควรคิดว่าที่เราโต้เถียง หรือจะใช้คำอย่างอื่นก็แล้วแต่ พวกเราถกเถียงกันตามสิ่งที่มีอยู่ในใจแต่ละคนผ่านตัวหนังสือ คิกๆๆ (ถ้าไม่พิมพ์เป็นตัวหนังสือ เราจะสื่อความหมายกันยังไงได้) โดยเทียบเคียงกับคัมภีร์ทางศาสนาได้ ย้ำ เทียบเคียงกับคัมภีร์ทางศาสนาได้ สรุปกันตรงนั้น

กรัชกายแย้งคุณแค่อากาศว่า นำศัพท์ทางธรรมมาใช้แล้วมาอธิบายไปตามคิดความเข้าใจของตน นั่นคือธรรมปฏิรูป

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2019, 10:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แค่อากาศ เขียน:
ตาลายแล้วท่านเยอะเกิน grin grin grin :b23: :b23: :b23: :b23:



ถ้าตาลาย เอาใหม่ ตามใจ ไม่ค่อยชอบขัดใจคน :b12: นี่ครับ


นั่งสมาธิแล้วเหมือนร่างกายลอยจากพื้น

ใช้วิธีอานาปานสติ ช่วงแรกนั่งสมาธิดิ่งลงมากๆจะเห็นแสงสว่างจ้ามากๆเป็นดวงแว๊บๆและสว่างตลอดเวลา
เคยอ่านหนังสือหลวงพ่อสดว่าอย่าวอกแวก เรานึกได้ก็ดูลมหายใจต่อ
จากนั้น ตัวมันเบามาก แถมเหมือนได้ยินเสียงอะไรบางอย่างคุยกัน ทั้งๆที่ในห้องก็เงียบมาก และจู่ๆก็ได้ยินเสียงคนพูด "นั่นแหละกำหนดรู้ใจคน"
ก็เกิดตกใจขึ้น ร่างกายที่เคยมี ก็หายไป แต่พอได้สติ นึกได้ก็ภาวนาต่อ
ทีนี้ร่างกายเหมือนจะลอยจากพื้นดิน อาการคือตัวโครงไม่อยู่นิ่งกับพื้น ทีนี้ก็เลยกลัว รีบออกจากสมาธิ
แบบนี้เรียกว่าอะไรครับ

คุณแค่อากาศเห็นเป็นประการใดขอรับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2019, 10:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แค่อากาศ เขียน:
งั้นอย่างนี้เนาะทุกท่าน จะได้จบแบบไม่ขัดใจกันนะครับ ท่านกรัซกาย เมย์ ท่านทริปเปิ้ลเอส

1. รูปแบบประโยค เป็นของหลวงปู่ดุลย์ ท่านกล่าวไว้ดีแล้ว
2. เนื้อในประโยค เป็นของปุถุชนที่มีโอกาสรู้เห็นได้ตามจริง
3. โดยปุถุชนอย่างผมนำเอารูปแบบการจำกัดความของหลวงปู่ดุลย์มาใช้ เพื่อจำกัดความในสิ่งที่ตนรู้เห็นในพระอริยะสัจ ๔ เพื่อเป็นแนวความจำให้หวนระลึกถึงปฏิบัติให้ยิ่งๆขึ้นต่อไปของตน
- ซึ่ง ทั้ง 3 เหตุผล หากคนไม่ปฏิบัติเห็นจริงจะเอามาจำกัดความใดๆให้เข้าใจง่ายไม่ได้เลย


ทีนี้หากท่านทั้งหลายได้มีโอกาสไปเห็นสังขารบ้างแล้ว จิตเดินในสติปัฏฐานบ้างแล้ว สันตติขาดบ้างแล้ว จิตทำความแยบคายในไตรลักษณ์บ้างแล้ว หน่ายสำรอกออกบ้างแล้ว จิตทำกิจบ้างแล้ว ท่านใช้ความจำกัดความอย่างไรบ้างเพื่อที่ย้ำหลักในการปฏิบัติของตนเอง หรือแนะนำบอกกล่าวกับผู้อื่นให้สามารถระลึกแล้วปฏิบัติเห็นชัดได้

- พระอริยะสัจ ๔ ที่ผมมีโอกาสรู้เห็นโดยปุถุชนอย่า่งผม ผมจำกัดความแบบนั้น

- ธรรมสาสวะอื่นเช่น ทาน ศีล ภาวนา ผมปฏิบัติจนเห็นชัดแล้วได้คำจำกัดความว่า.. ทำจิตให้ผ่องใส(ภาวนา อบรมจิตให้เป็นกุศลปราศจากกิเลสจิตจึงผ่องใส) มีใจเอื้อเฟื้อ(ทาน เพราะจิตเป็นจิตจะเอื้อเฟื้อสละ) เว้นจากความเบียดเบียน(ศีล เพราะจิตเป็นศีล มันละเว้นตั้งแต่เจตนา)

- สัมมัปปธาน ๔ มีสติดำรงมั่น ทำใจให้เบิกบานสว่างไสว


ท่านล่ะครับ ให้คำจำกัดความอย่างไร เห็นมายังไงบ้างครับ :b1: :b1: :b1:



เห็นว่า เป็นธรรมปฏิรูป หมายความว่า ไปนำคำศัพท์ทางธรรมทางศาสนามาเป็นตัวตั้งแล้วมาพูดอธิบายโยงให้เข้ากับตนเองนั่นๆนี่ๆทำใจให้เบิกบานผ่องใสอะไรก็ว่าไป :b13: สันตติขาด จิตเดินในสติปัฏฐาน เห็นสังขาร ทำจิตแยบคายในไตรลักษณ์ ทาน ศีล ภาวนา ฯลฯ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 274 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12 ... 19  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 135 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร