เข้าใจคำว่าสีละไหมคะ
ศีลอ่านว่าสีละแปลว่าความเป็นผู้มีปกติตามการสะสม
กิเลสแปลว่าไม่รู้คนไม่มีกิเลสไม่เกิดมาแล้วและที่เกิดมานี้
รู้จักตัวเองไหมว่าเป็นผู้มีปกติมีกิเลสเป็นอกุศลศีลถึงเกิดมาไม่รู้ตัวเลย
กิเลสมีที่กายใจตัวเองโดยมีเห็นเป็นประธานทำอะไรก็เป็นไปตามกิเลสที่ตนมีเห็นผิดนำทาง
กิเลสมีแล้วเพราะไหลออกมาจากจิตตัวเองต้องมีสติแปลว่ากำลังระลึกตามเสียงคำวาจาสัจจะตามทีละ1คำ
แปลว่าต้องกำลังมีเสียงให้คิดถึงเห็นที่กำลังเห็นว่าผิดจากคำสอนยังไงเช่นกำลังเห็นผิดเกินแสงสีเพียง1สีค่ะ
ไม่เข้าใจเห็นที่กำลังเห็นแปลว่าความจริงกำลังปรากฏกับอวิชชาของตนเดี๋ยวนี้กำลังมีกิเลสปกติอกุศลศีล
จะคิดเห็นถูกตามคำสอนได้ต้องมีเสียงเป็นประธานนำทางเห็นที่ผิดของตนให้เริ่มปรุงแต่งถูกตามขัดเกลา
เกาที่คันแปลว่ามีเสียงกระตุกให้กำลังรู้สึกตัวว่าเห็นผิดอย่างไรคะที่มองเห็นอยู่เนี่ยกำลังคิดนึกตามตัวอักษร
ที่เกิดหลังจากเห็นดับไปนับไม่ถ้วนมีแต่สัญญาจำตัวอักษรเป็นการคิดนึกซ้อนคิดนึกหลังเห็นดับไปแล้วอนันต์
เอาสัญญาจำตัวอักษรที่ตนเข้าใจว่าต้องมีการแยกตัวตนออกไปทำมาเพิ่มอวิชชาจากไปทำหลับตาสมาธิเพิ่ม
ปัญญาแปลว่ากำลังคิดเห็นถูกเข้าใจถูกตามคำสอนตอนกำลังมีเสียงให้คิดถูกตามไม่มีอนาคตเสียงรอให้อ่าน
มีแต่เสียงที่กำลังได้ยินใหม่ๆนำทางเห็นที่ผิดออกจากกิเลสที่กำลังเกิดที่กายใจตนเองเรียนที่กายตามเสียงน๊า

และ...และ...และ...และ
ถ้าคุณไม่ฟังคำสอนคุณะจะเกิดศรัทธาได้อย่างไร
เพราะคำสอนแทนศาสดาไม่มีตัวบุคคล
เชื่อตัวเองคือความเห็นผิด
จึงไม่ฟังคำสอน
เพราะไม่มีใครสักคน
มีแต่การพึ่งคิดตามเสียงที่ทำให้เข้าใจความจริง
ดับความไม่รู้ที่กายใจตนกำลังมีตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

เห็นเพื่อนกล่าวถึง มาร ก็เลยพามามาฝาก

สัตว์นรกเห็น
เปรตเห็น
อสุรกายเห็น
แมวเห็น
คนเห็น
เทวดาเห็น
พรหมเห็น
ล้วนแล้วแต่เป็นเห็นที่ยังมีกิเลสอาสาวะอยู่
ที่ยังเกิดทั้ง31ภพภูมินั้นน่ะเพราะยังมีอวิชชา
จะมีปัญญาเข้าใจความจริงได้เมื่อมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้และได้มีโอกาสสะสมปัญญาเพิ่มตอนฟังคำสอน
ความตรงของการฟังต้องอาศัยเสียงคำจริงตรงสัจจะกำลังกระแทกเข้าหูจนกระตุกกิเลสให้รู้ตัวเข้าใจไหม
มารน่ะอยู่ภายในจิตตนเองและกิเลสก็อยู่ภายในจิตตนเองส่วนพาลก็มีที่จิตตนเองไม่มีใครมารับรองอะไร
ให้ใครได้ว่าบรรลุแล้วตราบใดที่ยังมีคำสอนให้สิกขาอยู่เพราะผู้รู้ละเอียดและมาแสดงไว้คือพระพุทธเจ้า
กิเลสอยู่ที่จิตตนเองแต่ปัญญาทศพลญาณคือคำสอนทั้งหมดทั้ง3ปิฎกเปรียบมหาสมุทรการรู้ตรงจริง
เท่าจงอยปากยุงจิ้มลงผิวมหาสมุทรนั่นล่ะปัญญาทีละ1ขณะที่จิตตนจะเกิดมีได้ตอนกำลังฟังแล้วรู้สึกตัว
https://youtu.be/mvJRNxDIarQ

พันปีแรกคือพ.ศ.0001-1000
พันปีที่2คือพ.ศ.1001-2000
พันปีที่3พ.ศ.2562(2001-3000)
ยุคนี้พันปีที่3ตามคำตถาคตไม่มีพระอรหันต์แล้ว
พระพุทธศาสนาคือคำสอนของพระพุทธเจ้าและ
พระพุทธเจ้าตั้งคำสอนขึ้นเป็นศาสดาไม่ใช่บุคคล
การฟังคำสอนต้องอาศัยเสียงผู้อื่นกล่าวความจริง
ให้รู้สึกตัวว่ากำลังมีกิเลสอวิชชาเพราะจะมีปัญญา
ต้องรู้จักกิเลสตนเองว่าผลิตตอนไหนมีมากแค่ไหนด้วย
ไม่ใช่ไม่รู้อะไรเลยเอาแต่ดูแล้วคิดตามตัวอักษรที่เขาบอกว่า
ให้ทำอย่างโน้นอย่างนี้อย่างนั้นเชื่อแล้วก็ทำตามๆกันโดยไม่พึ่งการฟังคำสอน...ผิดไหม
ตถาคตแสดงให้ชาวกาลามฟังว่าจะรู้ได้ไงว่าใครกล่าวตรงตามพระธรรมทรงบอกให้ฟังโดยใช้กาลามสูตร10
มีแต่เชื่อตาเนื้อกิเลสตนเองแล้วก็แห่แหนไปตามตาเนื้อกิเลสว่าคนนั้นคนนี้เป็นพระอรหันต์ขาดสุตมยปัญญา
เพราะไม่พึ่งคิดตามคำสอนแต่เชื่อตาเนื้อกิเลสคนอื่นบอกต่อๆกันมาเชื่อแล้วก็ไปมีตัวตนไปทำตามอีกต่างหาก
กำลังมีไม่รู้และไม่ระลึกตามคำสอนตรงกาลามสูตร10ที่ทรงแสดงถึง10วิธีทรงแสดงเพื่อให้ฟังไม่ได้ให้เชื่อค่ะ

ไหนว่า..ให้เชื่อฟังพระศาสดา...แล้วไอ้ความเชื่อนี้..ไปฟังจากใครมาละ..คุณ



นี้ก็เข้าข่ายบิดเบือนคำสอน..อีกนะเนี้ย..

แม้ไม่เจตนา..ก็เข้าข่ายบิดเบือนพระธรรมได้

ทำให้นึกถึง...ปลาทองปากเหม็น...ปลากปิละ
viewtopic.php?t=49293

นี้คือตัวอย่างที่ดี..ที่สอนให้รู้ว่า..

ฟังต้องมีปัญญา..ด้วย

ไม่มีปัญญา..ฟังไปก็จะเกิดปัญหาดังที่เห็นนี้แหละ...คือ..เห็นผิด

เห็นผิดเฉพาะตัว..ยังไม่พอ...ดันนำมาเผยแพร่อีก...เท่ากับบิดเบือนพระสัทธรรม..ไปแบบไม่รู้ตัว

เช่นกับ..ปลาทองปากเหม็น..ที่พาแม่พาน้องสาว..ลงนรกไปด้วย

ตัวเองฟังไม่รู้เรื่อง555
อ่านคำว่าปรโตโฆสะเข้าใจว่าไง
งั้นรอตถาคตพระองค์หน้าหรือถึงจะฟัง
คิดเหรอว่าถ้าได้ยินแล้วจะรู้ว่าเป็นตถาคตไม่กลับไปหาอาจารย์นั้นนี้เหมือนที่ทำอยู่เดี๋ยวนี้