วันเวลาปัจจุบัน 29 เม.ย. 2024, 13:05  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ธ.ค. 2018, 05:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


"..โลกเฮานิ คนเฮานิ สุมื้อนิ หูทิพย์ ตาทิพย์ หลายๆ หูทิพย์ ตาทิพย์ มีทุกวัยเด้

หูทิพย์อยู่ใสกะเว้ากันได้ มีแต่โหลๆ
ตาทิพย์ จกออกมากะเห็นหน้ากันโลด
ลือมันหลายทันสมัย อันตรายกับพระเณร.."

หลวงปู่หนูหยาด วิริโย




"อย่าไปคิดว่า เวลาเราแก่
หรือเวลาเจ็บไข้ได้ป่วย
หรือใกล้ๆ จะแตกจะตายแล้ว จึงภาวนา

ถ้าคิดอย่างนั้น ก็เป็นอันว่าคิดผิด
เพราะเวลาอยู่ดีสบายนี้แหละ
เป็นเวลาที่เราจะต้อง ริเริ่มภาวนาให้ได้ ให้ถึง"

หลวงปู่สิม พุทธาจาโร






"..พยายามทำจิตให้เป็นปกติสบาย ไม่ฟุ้งเฟ้อซ่านถึงเรื่องโน้นเรื่องนี้ แล้วภาวนาตั้งสติให้อยู่ในอารมณ์เดียว พอสมาธิเกิดจะเห็นแสงสว่างเหมือนแสงไฟฟ้า พิจารณาใช้ปัญญาวิปัสสนาต่อไป

ถ้าหากภาวนาเท่าไรๆ จิตไม่สงบลงได้ ท่านให้ใช้ปัญญาเลยทีเดียว พิจารณาธาตุขันธ์ปัญจกกรรมฐาน เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ หรืออการ ๓๒ หรืออะไรๆ ก็ได้ เช่น นรกสวรรค์ พุทธานุสสติ สังฆานุสสติ เป็นต้น คิดนึกไปไตร่ตรองไปใจมันจะสงบลงเอง

เมื่อได้ใช้ปัญญาชั่วขณะหนึ่งและจิตสงบ ก็ให้พักอยู่ในสมาธินั้นสักครู่หนึ่ง คือภาวนาเรื่อยๆ ไป ให้จิตเป็นสมาธิมากๆ ขึ้น แล้วจึงหวนกับมาใช้ปัญญาต่อไป ท่านเปรียบเหมือนกรรมกรทำงานแบกหาม เขาเรื่อมทำงานสองโมงเช้า พอเที่ยงเขาก็หยุดพักจริงๆ บ่ายโมงเขาก็เริ่มทำงานใหม่ จนบ่ายสี่โมงเย็นก็หยุดเลิกงาน คือทำงานเหนื่อยแล้วก็ต้องหยุดพักผ่อนชั่วคราว จึงทำงานต่อไปใหม่

การปฏิบัติทางจิตต้องทำอย่างนี้ ต้องให้จิตมีเวลาได้พักผ่อนบ้าง ขืนใช้ปัญญาตะบันไปไม่ถูกหลัก ขืนสงบเป็นสมาธิเสียเรื่อยก็ไม่มีประโยชน์ มันเหมือนกับสมาธิหัวหลักหัวตอ เป็นเสาไม้ตั้งโด่ไมมีประโยชน์อะไรเลย

หรือเวลาที่จิตสงบเกิดนิมิตเห็นโน่นเห็นนี่ มันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ให้พิจารณาสังขารว่าเป็นปฏิกูล ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน ดูๆ ไปจนจิตละคลายความยึดมั่นถือมั่น ว่า เป็นอนัตตา ตัวตน สัตว์ บุคคล หญิง ชาย นั่นของเราของเขา พิจารณาจนเกิดเบื่อหน่ายในสังขารนี้ ให้ท่องคาถา ๒ บทนี้ไว้ให้ขึ้นใจ คือ.."

สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธัมมา อนัตตา ติ.

หลวงปู่ฝั้น อาจาโร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ธ.ค. 2018, 07:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


รสมน เขียน:
"..โลกเฮานิ คนเฮานิ สุมื้อนิ หูทิพย์ ตาทิพย์ หลายๆ หูทิพย์ ตาทิพย์ มีทุกวัยเด้

หูทิพย์อยู่ใสกะเว้ากันได้ มีแต่โหลๆ
ตาทิพย์ จกออกมากะเห็นหน้ากันโลด
ลือมันหลายทันสมัย อันตรายกับพระเณร.."

หลวงปู่หนูหยาด วิริโย




"อย่าไปคิดว่า เวลาเราแก่
หรือเวลาเจ็บไข้ได้ป่วย
หรือใกล้ๆ จะแตกจะตายแล้ว จึงภาวนา

ถ้าคิดอย่างนั้น ก็เป็นอันว่าคิดผิด
เพราะเวลาอยู่ดีสบายนี้แหละ
เป็นเวลาที่เราจะต้อง ริเริ่มภาวนาให้ได้ ให้ถึง"

หลวงปู่สิม พุทธาจาโร






"..พยายามทำจิตให้เป็นปกติสบาย ไม่ฟุ้งเฟ้อซ่านถึงเรื่องโน้นเรื่องนี้ แล้วภาวนาตั้งสติให้อยู่ในอารมณ์เดียว พอสมาธิเกิดจะเห็นแสงสว่างเหมือนแสงไฟฟ้า พิจารณาใช้ปัญญาวิปัสสนาต่อไป

ถ้าหากภาวนาเท่าไรๆ จิตไม่สงบลงได้ ท่านให้ใช้ปัญญาเลยทีเดียว พิจารณาธาตุขันธ์ปัญจกกรรมฐาน เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ หรืออการ ๓๒ หรืออะไรๆ ก็ได้ เช่น นรกสวรรค์ พุทธานุสสติ สังฆานุสสติ เป็นต้น คิดนึกไปไตร่ตรองไปใจมันจะสงบลงเอง

เมื่อได้ใช้ปัญญาชั่วขณะหนึ่งและจิตสงบ ก็ให้พักอยู่ในสมาธินั้นสักครู่หนึ่ง คือภาวนาเรื่อยๆ ไป ให้จิตเป็นสมาธิมากๆ ขึ้น แล้วจึงหวนกับมาใช้ปัญญาต่อไป ท่านเปรียบเหมือนกรรมกรทำงานแบกหาม เขาเรื่อมทำงานสองโมงเช้า พอเที่ยงเขาก็หยุดพักจริงๆ บ่ายโมงเขาก็เริ่มทำงานใหม่ จนบ่ายสี่โมงเย็นก็หยุดเลิกงาน คือทำงานเหนื่อยแล้วก็ต้องหยุดพักผ่อนชั่วคราว จึงทำงานต่อไปใหม่

การปฏิบัติทางจิตต้องทำอย่างนี้ ต้องให้จิตมีเวลาได้พักผ่อนบ้าง ขืนใช้ปัญญาตะบันไปไม่ถูกหลัก ขืนสงบเป็นสมาธิเสียเรื่อยก็ไม่มีประโยชน์ มันเหมือนกับสมาธิหัวหลักหัวตอ เป็นเสาไม้ตั้งโด่ไมมีประโยชน์อะไรเลย

หรือเวลาที่จิตสงบเกิดนิมิตเห็นโน่นเห็นนี่ มันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ให้พิจารณาสังขารว่าเป็นปฏิกูล ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน ดูๆ ไปจนจิตละคลายความยึดมั่นถือมั่น ว่า เป็นอนัตตา ตัวตน สัตว์ บุคคล หญิง ชาย นั่นของเราของเขา พิจารณาจนเกิดเบื่อหน่ายในสังขารนี้ ให้ท่องคาถา ๒ บทนี้ไว้ให้ขึ้นใจ คือ.."

สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธัมมา อนัตตา ติ.

หลวงปู่ฝั้น อาจาโร

:b8: :b8: :b8:
Kiss Kiss Kiss

สงบแบบไม่สนใจอะไรก่อน สงบชั่วขณะ
สงบแบบยาวนานคือสงบจากกิเลส ด้วยการละ
สิ่งที่เป็นอกุศล ทางกาย วาจา ใจ คือใช้ปัญญา
ส่องดูอะไรเป็นกุศล และมิใช่กุศล

:b8:

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 122 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร