ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
โกรธแล้วหายโกรธ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=56789 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | รสมน [ 23 พ.ย. 2018, 06:36 ] |
หัวข้อกระทู้: | โกรธแล้วหายโกรธ |
“โกรธแล้ว หายโกรธเอง กับโกรธแล้ว หายโกรธ เพราะให้อภัย ไม่เหมือนกัน โกรธแล้ว หายโกรธเอง เป็นเรื่องธรรมดา ทุกสิ่ง เมื่อเกิดแล้วต้องดับ ไม่เป็นการบริหารจิตแต่อย่างใด แต่โกรธแล้ว หายโกรธ เพราะคิดให้อภัย เป็นการบริหารจิตโดยตรง จะเป็นการยกระดับของจิตให้สูงขึ้น ดีขึ้น มีค่าขึ้น” สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ "คนเรา ถ้าหากไม่มีเมตตา หวังดีต่อกันแล้ว มันก็ไม่ผิดแผก จากสัตว์เดรัจฉานเลย เอาแต่ได้ เอาแต่ดี เอาแต่ประโยชน์ส่วนตัว ไม่คิดถึงความทุกข์ ความเดือดร้อนของคนอื่น ก็เหมือนสัตว์ทั่วไป เท่านั้นเอง" หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี .. "ลอยบาป" .. ได้ทำบาป เป็นนรกทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ไว้มากแล้ว ก็มาลอยบาปนี้ กันเสียบ้างเถิด เมื่อหย่อนกระทงลงไปในน้ำ ก็อธิษฐานจิตว่า เอาบาปของกูไปด้วย นี่เรียกว่า ลอยบาปไปเสีย มันจะได้หมดบาป แต่ว่า ต้องทำด้วยจิตใจจริงๆ คือ มีสติสัมปชัญญะทำ และก็มีหิริโอตัปปะ รู้สึกละอายบาป กลัวบาป ทั้งที่ทำมาแล้ว และยังจะทำต่อไปข้างหน้า อธิษฐานจิต ที่จะไม่กระทำอีก จึงมีหิริและโอตัปปะ ให้ยิ่งขึ้นไป อธิษฐานใจดังนี้ แล้วก็หย่อนกระทงลอยลงไปในน้ำ อย่างนี้ ก็จะต้องเรียกว่า ลอยบาปแน่นอน ให้มันหมดบาป ท่านพุทธทาสภิกขุ |
เจ้าของ: | แค่อากาศ [ 23 พ.ย. 2018, 13:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โกรธแล้วหายโกรธ |
รสมน เขียน: “โกรธแล้ว หายโกรธเอง กับโกรธแล้ว หายโกรธ เพราะให้อภัย ไม่เหมือนกัน โกรธแล้ว หายโกรธเอง เป็นเรื่องธรรมดา ทุกสิ่ง เมื่อเกิดแล้วต้องดับ ไม่เป็นการบริหารจิตแต่อย่างใด แต่โกรธแล้ว หายโกรธ เพราะคิดให้อภัย เป็นการบริหารจิตโดยตรง จะเป็นการยกระดับของจิตให้สูงขึ้น ดีขึ้น มีค่าขึ้น” สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ "คนเรา ถ้าหากไม่มีเมตตา หวังดีต่อกันแล้ว มันก็ไม่ผิดแผก จากสัตว์เดรัจฉานเลย เอาแต่ได้ เอาแต่ดี เอาแต่ประโยชน์ส่วนตัว ไม่คิดถึงความทุกข์ ความเดือดร้อนของคนอื่น ก็เหมือนสัตว์ทั่วไป เท่านั้นเอง" หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี .. "ลอยบาป" .. ได้ทำบาป เป็นนรกทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ไว้มากแล้ว ก็มาลอยบาปนี้ กันเสียบ้างเถิด เมื่อหย่อนกระทงลงไปในน้ำ ก็อธิษฐานจิตว่า เอาบาปของกูไปด้วย นี่เรียกว่า ลอยบาปไปเสีย มันจะได้หมดบาป แต่ว่า ต้องทำด้วยจิตใจจริงๆ คือ มีสติสัมปชัญญะทำ และก็มีหิริโอตัปปะ รู้สึกละอายบาป กลัวบาป ทั้งที่ทำมาแล้ว และยังจะทำต่อไปข้างหน้า อธิษฐานจิต ที่จะไม่กระทำอีก จึงมีหิริและโอตัปปะ ให้ยิ่งขึ้นไป อธิษฐานใจดังนี้ แล้วก็หย่อนกระทงลอยลงไปในน้ำ อย่างนี้ ก็จะต้องเรียกว่า ลอยบาปแน่นอน ให้มันหมดบาป ท่านพุทธทาสภิกขุ สาธุ สาธุ สาธุ ครูบาอาจารย์ท่านสอนดีแล้ว ทำให้เห็นหลายอย่างนะคนที่ถูกไฟโทสัคคิเผามี ๒ ฝ่าย ฝ่ายแรกคนที่พยายามทำร้ายเขา ฝ่ายที่สองคนถูกกระทำ แต่หากฝ่ายใดฝ่านหนึ่งเมตตาสงสารตนเองแล้วไม่สืบต่อไฟโทสะนั้นได้ก่อน ฝ่ายนั้นก็สุขก่อนเย็นใจไม่เร่าร้อน - คนถูกกระทำดับได้ก่อน คนถูกกระทำก็เย็นใจ คนกระทำก็ร้อนรนหาทางเบียดเบียนเขาให้สมใจตนให้ได้ - คนกระทำดับได้ก่อน คนกระทำก็เย็นใจไม่คิด พูด ทำ เบียดเบียนใครเย็นใจได้ด้วยตนเอง ผู้ถูกกระทำที่ผูกแค้นอยู่ก็เร่าร้อน - แต่กรรมมันมีของมันเจตนาเบียดเบียนมีในใครคนนั้นจะมีใจสงบปรกติไม่ได้เลย สงบก็ไม่ได้ใจจะคอยคิดผูกโกรธ หรือคิดหาเรื่องเบียดเบียนเขาไม่หยุด ทำสมาธิไม่ได้ จิตตั้งมั่นไม่ได้ เห็นจริงไม่ได้ ได้แต่ปัญญาความคิดที่เห็นแค่พื้นๆเท่านั้น - เมตตากันก็ไม่ คิด พูด ทำ เบียดเบียนกัน - ปัญญาที่ใช้ความคิดมันได้แค่พื้นไปผิวๆเท่านั้น ปัญญาจากสมาธิไม่มีความคิดมันลึกไปถึงเห็นของจริง - พระอรหันต์ครูบาอาจารย์ท่านจึงสอนว่า ความคิดเป็นเรื่องปัญญาความรู้ของทางโลก รู้โดยไม่คิดเป็นปัญญาในทางธรรม ทางธรรมเขาไม่ใช้ความคิด เพราะความคิดมันคือสมมติปรุงแต่งทั้งหมด - คนฉลาดท่านจะสละสมมติความคิดกิเลส รัก ชัง หลง ลอยทิ้งไป ตั้งมั่นในกุศลทาน ศีล ภาวนา มุ่งมั่นประครองใจไว้ตามสติกำลังให้ยิ่งๆขึ้น สาธุ ดีแล้ว ถูกแล้ว |
เจ้าของ: | Duangtip [ 23 พ.ย. 2018, 14:01 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โกรธแล้วหายโกรธ |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |