ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ธรรมชาติรอบกายก็รอจะให้ความสุข
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=56765
หน้า 1 จากทั้งหมด 2

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 19 พ.ย. 2018, 20:34 ]
หัวข้อกระทู้:  ธรรมชาติรอบกายก็รอจะให้ความสุข

รูปภาพ

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 19 พ.ย. 2018, 20:42 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมชาติรอบกายก็รอจะให้ความสุข

ความสุขมีมากมาย ธรรมชาติรอบกายก็รอจะให้ความสุข

หันมาดูหลักทั่วไป ควรพูดถึงประเภทของความสุขกันบ้าง ความสุขประเภทที่ว่าไปแล้วก็มี ความสุขจากการเสพ การได้สนองผัสสะในเรื่อง รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัสกาย ที่น่าใคร่ น่าปรารถนา พูดง่ายๆว่า เป็นเรื่องของการสนองตัณหา ว่าด้วยความสุข หรือสามิสสุข แล้วก็ก้าวมาสู่ ฉันทะ ซึ่งเป็นแรงจูงใจฝ่ายดี ที่มีการพัฒนา นำมาสู่การศึกษา การสร้างสรรค์ การเข้าถึงความจริงของธรรมชาติ และการพัฒนาขึ้นไปในความสุข

เจ้าของ:  Rosarin [ 20 พ.ย. 2018, 04:52 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมชาติรอบกายก็รอจะให้ความสุข

Kiss
รูปธรรมทุกข์ไหมคะ
มันทุกข์กับนามธรรม
สถานที่ไม่มีทุกข์ใดๆ
มันทุกข์ที่ใจใช่ใบหน้า
ธรรมชาติไม่สุขไม่ทุกข์
เพราะสุขทุกข์คือเวทนาขันธ์
:b12:
:b32: :b32:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 20 พ.ย. 2018, 08:47 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมชาติรอบกายก็รอจะให้ความสุข

อิอิ

ต่อ

เมื่อมาถึงฉันทะ เรื่องความสุขก็ก้าวต่อไป ดังที่ได้พูดในเรื่องระบบการทำงาน ว่าด้วยความสุขในการทำงาน แล้วมาถึง ความสุขในการศึกษา แต่เรื่องของความสุขจากฉันทะ ยังมีต่อไปอีก

จากนั้นก็มี ความสุขทางสังคม สุขจากไมตรีจิตมิตรภาพ สุขในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นด้วยใจมีเมตตา กรุณา เป็นต้น สุขในครอบครัวในหมู่ในชุมชน ที่อยู่กันด้วยความมีน้ำใจ เอาใจใส่กัน รักกัน ระลึกถึงกัน พร้อมเพรียงซาบซึ้งบันเทิงใจในสามัคคีรส มีเอกภาพด้วยสารณียธรรม

แล้วก็มี ความสุขจากธรรมชาติ สุขจากการไปอยู่กับธรรมชาติ หรืออยู่ท่ามกลางธรรมชาติ สัมผัสความสงัดสงบงามสดชื่นน่ารื่นรมย์ของธรรมชาติรอบตัว ทั้งหมู่ไม้ สายลม ขุนเขา ผืนน้ำ ท้องฟ้า ชื่นชมพรรณไม้ที่สะพรั่งด้วยดอกใบ และศัพท์สำเนียงเสียงแห่งความวิเวก ของหมู่นก สัตว์ป่า และท้องฟ้าครืนครางคราววรรษกาล เป็นต้น

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 20 พ.ย. 2018, 08:50 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมชาติรอบกายก็รอจะให้ความสุข

ความสุขด้านสังคมนั้น ในพระพุทธศาสนาย้ำเน้นอย่างยิ่ง และสุขด้านธรรมชาติ ท่านก็ชื่นชมไว้มากมายให้เป็นแบบอย่าง บางทีก็มาด้วยกันทั้งสุขด้านสังคม และสุขกับธรรมชาติ ให้อยู่กันด้วยความรักสามัคคี แม้แต่ในแดนดงพงไพร ดังในโคสิงคาลสูตรเป็นตัวอย่าง

พระพุทธเจ้าเสด็จไปทรงเยี่ยมพระภิกษุ ๓ รูป ที่ป่าโคสิงคาลวัน ทรงทักทายไถ่ถามตอนหนึ่งว่า “ดูกรอนุรุทธ ทำอย่างไร เธอทั้งหลาย จึงยังพร้อมเพรียงสามัคคี ชื่นบานต่อกัน ไม่วิวาท เป็นเหมือนน้ำนมกับน้ำ แลดูกันด้วยจักษุอันเป็นที่รักอยู่ได้”

ที่ป่านั้น ท่านพระสารีบุตรกล่าวถามพระมหาสาวกรูปอื่นว่า

“ป่าโคสิงคาลวันนี้ น่ารื่นรมย์ ราตรีแจ่มกระจ่าง ต้นสาละผลิดอกบานสะพรั่งเต็มต้นหมดทั้งป่า ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว ดุจดังกลิ่นทิพย์ก็ปานฉะนั้น ท่าน .... เอย ป่าโคสิงคาลวัน จะพึงงามด้วยภิกษุเห็นปานไร ...“

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 20 พ.ย. 2018, 08:53 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมชาติรอบกายก็รอจะให้ความสุข

ในพระไตรปิฎก มีคัมภีร์จำนวนมากที่เป็นคำประพันธ์ร้อยกรอง คือเป็นคาถา และมีคาถามากมายเป็นคำพรรณนาชื่นชมธรรมชาติ ตัวอย่างง่ายๆ คือมหาเวสสันดรชาดก ซึ่งขอยกมาให้ดูเป็นตัวอย่างนิดหน่อย เช่นว่า

“ณ ที่ใกล้สระโบกขรณีนั้น มีฝูงนกดุเหว่าเมารสดอกไม้ ส่งเสียงไพเราะจับใจ ทำป่านั้นให้ดังอึกทึกกึกก้อง เมื่อคราวหมู่ไม้ผลิดอกแย้มบานตามฤดูกาล รสหวานดังน้ำผึ้งเยิ้มหยดจากเกสรดอกไม้ลงมาค้างอยู่ที่บนใบบัว...

“ป่านั้น มีนานากลิ่นสุคนธ์ ที่ลมรำเพยพัดมา หอมฟุ้งตระหลบอวล เหมือนดังจะเชิญชวนคนที่มาถึงให้เบิกบาน ด้วยดอกไม้และกิ่งไม้อันมีกลิ่นหอม หมู่แมลงภู่ชื่นชมกลิ่นดอกไม้ พากันบินว่อนวู่บันลือเสียงอยู่โดยรอบ”

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 20 พ.ย. 2018, 08:55 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมชาติรอบกายก็รอจะให้ความสุข

ในคราวที่พระกาฬุทายีกราบทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าเสด็จไปเยี่ยมพระพุทธบิดาที่กรุงกบิลพัสดุ์ ก็พรรณนาถิ่น พรรณนาทางเสด็จ เป็นคาถาชมธรรมชาติที่งดงามรื่นรมย์ บนเส้นทางที่จะเสด็จผ่านไป ประมาณ ๖๐ คาถา แล้วพระพุทธเจ้าก็ทรงรับนิมนต์

ขอยกคาถาของพระกาฬุทายีมาดูเป็นตัวอย่าง ๒ คาถา ดังนี้

“จำปา ช้างน้าว กากะทิง ส่งกลิ่นหอม ยามลมรำพายพัด ยอดอันสะพรั่งด้วยดอก เด่นตา ดังว่ามีใจอาทร พากันโน้มกิ่งดังน้อมกรลงมา นบถวายบูชาด้วยกลิ่นสุคนธ์ ข้าแต่พระผู้ทรงมหายศชัย บัดนี้ เป็นเวลาที่ควรจะเสด็จครรไล

“เหล่านกแก้ว นกสาลิกา ต่างสีสันงามตา รูปสวย เสียงไพเราะ บินขึ้นบินลงไปมา กลุ้มรุมยอดไม้ ขันร้องอยู่สองข้างทาง พากันส่งเสียงกู่กันไปกู่กันมา บัดนี้ เป็นเวลาที่พระองค์จะได้ทรงเห็นพระชนกแล้ว” (พุทธดำรัสที่ป่าโคสิงคสาลวัน ม.มู. 12/362/387 คำของพระสารีบุตร ม.มู.12/370/398 คาถาจากมหาเวสสันดรชาดก ขุ.ชา. 28/1140/404 คาถาของพระกาฬุทายี อป.อ.2/318-324)

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 20 พ.ย. 2018, 08:59 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมชาติรอบกายก็รอจะให้ความสุข

รวมความว่า พระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ มีจิตบริสุทธิ์แล้ว ก็สัมผัสชื่นชมความสงัดสงบงามน่ารื่นรมย์ของธรรมชาติ และอยู่กับธรรมชาติอย่างมีความสุขเป็นธรรมดา
ส่วนพระเสขะและปุถุชน ก็ได้บรรยากาศที่สงบงามมีความสุข และจิตใจที่รื่นรมย์ เป็นสภาพที่เอื้อเกื้อหนุนการปฏิบัติในการพัฒนาปัญญาสูงขึ้นไป

นี่ก็เป็นเครื่องชี้แนวทางในการพัฒนาจริยธรรมด้วย ให้เห็นการที่ความดีงามพัฒนาไปด้วยกันกับความสุข ให้คนมีความสามารถที่จะสร้างความสุขขึ้นเองได้ และในการพัฒนาชีวิต คนก็มีความสุขไปด้วย ทั้งหมดนี้ ก็เกิดจากฉันทะนั่นเอง ซึ่งเท่ากับบอกด้วยว่า การศึกษาที่แท้ เป็นการพัฒนาจริยธรรมอยู่ในตัวมันเอง

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 20 พ.ย. 2018, 09:01 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมชาติรอบกายก็รอจะให้ความสุข

ทีนี้ มาถึงความสุขอย่างสุดท้าย คือ ความสุขทางปัญญา ซึ่งอยู่ในระดับของความสุขที่เป็นอิสระ

ปัญญานี้ เป็นตัวปลดปล่อย ทำให้หลุดพ้น ให้เป็นอิสระ เราทำอะไรทางกาย วาจา ติดขัด คือ ติดขัดทางพฤติกรรม เพราะไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร พอปัญญามา รู้ว่าจะทำอะไรได้อย่างไร ก็โล่งไปที
เราไปไหน ไม่รู้ว่าอะไร เป็นอะไร ใครเป็นใคร ปลอดภัยไหม จะออกทางไหน จะพ้นไปได้อย่างไร เราควรจะทำอย่างไร ใจก็บีบคั้นอั้นอึดอัด พอรู้ ก็โล่ง ใจก็หายบีบคั้น หมดทุกข์ หรือเกิดปัญหาชีวิต คิดไม่ตก ก็ทุกข์ใหญ่ พอมีปัญญา ก็แก้ปัญหาได้ ใจก็หลุดพ้นจากทุกข์

ปัญญาทำให้เกิดอิสรภาพในแง่ ในด้าน ในขั้นต่างๆ ไปเรื่อยๆ พอแก้ปมหัวใจของทุกข์หลุดไปได้ ก็ถึงอิสรภาพขั้นสุดท้ายที่สมบูรณ์ ก็เป็นความสุขที่สมบูรณ์ด้วย

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 20 พ.ย. 2018, 09:06 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมชาติรอบกายก็รอจะให้ความสุข

จบตอน พุทธธรรมหน้า ๑๐๙๓

ต่อ

จะพัฒนาความสุข ต้องพัฒนาความต้องการต่อเพื่อนมนุษย์ด้วย

ที่

viewtopic.php?f=1&t=56758

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 20 พ.ย. 2018, 09:10 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมชาติรอบกายก็รอจะให้ความสุข

Rosarin เขียน:
Kiss
รูปธรรมทุกข์ไหมคะ

มันทุกข์กับนามธรรม

สถานที่ไม่มีทุกข์ใดๆ

มันทุกข์ที่ใจใช่ใบหน้า

ธรรมชาติไม่สุขไม่ทุกข์

เพราะสุขทุกข์คือเวทนาขันธ์




ก็ในเมื่อมันเป็นธรรมชาติ แล้วคนจะไปทุกข์กับมันทำไมเล่า เออ แล้วเจ้าเวทนาขันธ์มันก็เรื่องของธรรมชาติ ไม่ใช่คน แล้วคนจะไปทุกข์ตามมันทำไมเล่า เออ คิกๆๆ
พูดถึงขนาดนี้แล้ว พอเข้าใจทางแยกระหว่างคน กับ ธรรมชาติหรือยัง ?

อะไรนะ ไม่ได้ยิน พูดอีกทีสิ อ๋อ ไม่เข้าใจ เป็นไปตามกรรม :b32:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 20 พ.ย. 2018, 09:39 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมชาติรอบกายก็รอจะให้ความสุข

Rosarin เขียน:
Kiss
รูปธรรมทุกข์ไหมคะ
มันทุกข์กับนามธรรม
สถานที่ไม่มีทุกข์ใดๆ
มันทุกข์ที่ใจใช่ใบหน้า
ธรรมชาติไม่สุขไม่ทุกข์
เพราะสุขทุกข์คือเวทนาขันธ์


ตัวอย่างนี้ คุณโรสแยกระหว่างคนกับธรรมชาติออกไหม นี่


นั่งสมาธิแล้วโยกหน้าโยกหลังอยากอาเจียน

มือใหม่หัดนั่งสมาธิ

เวลานั่งสมาธิ ผมรู้สึกขนลุกซู่ซ่า ตัวโยกหน้า โยกหลัง แล้วก็เริ่มตัวสั่นเล็กน้อย และ ในระหว่างนั้น ก็แน่นหน้าอก อยากอาเจียนบางครั้ง รู้สึกว่าลมหายใจมันจะอ่อนลงทุกที ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ครับ แล้วผมควรทำยังไงต่อ

เจ้าของ:  Rosarin [ 21 พ.ย. 2018, 21:22 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมชาติรอบกายก็รอจะให้ความสุข

กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
รูปธรรมทุกข์ไหมคะ
มันทุกข์กับนามธรรม
สถานที่ไม่มีทุกข์ใดๆ
มันทุกข์ที่ใจใช่ใบหน้า
ธรรมชาติไม่สุขไม่ทุกข์
เพราะสุขทุกข์คือเวทนาขันธ์


ตัวอย่างนี้ คุณโรสแยกระหว่างคนกับธรรมชาติออกไหม นี่


นั่งสมาธิแล้วโยกหน้าโยกหลังอยากอาเจียน

มือใหม่หัดนั่งสมาธิ

เวลานั่งสมาธิ ผมรู้สึกขนลุกซู่ซ่า ตัวโยกหน้า โยกหลัง แล้วก็เริ่มตัวสั่นเล็กน้อย และ ในระหว่างนั้น ก็แน่นหน้าอก อยากอาเจียนบางครั้ง รู้สึกว่าลมหายใจมันจะอ่อนลงทุกที ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ครับ แล้วผมควรทำยังไงต่อ

:b32:
ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏละเอียดยิบย่อยเป็นแต่ละ1
คือจิต89-121ประเภทเจตสิก52ประเภทรูป28รูปนิพพาน1
มีคนไหมจิตเกิดที่ไหนดับที่นั่นทันทีจิตเห็นสีเท่านั้นที่สว่าง
จิตอีก5ทางต่อจากเห็นนั้นมืดและไม่เกิดปนเปข้ามอายตนะ
จิตเห็นสว่าง1วิถีจิตตรงขณะคนละวิถืกันทั้ง6ทางคิดนึกในมืด
ตอนคิดนึกจะเห็นตัวอักษรไม่ได้เพราะเห็นเท่านั้นที่มีแสง1ทาง
สลับต่ออีก5ทางมืดได้ยินรู้เสียงกลิ่นรสรู้สึกสุขทุกข์สัมผัสมันมืด
:b12:
:b32: :b32:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 22 พ.ย. 2018, 05:56 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมชาติรอบกายก็รอจะให้ความสุข

Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
รูปธรรมทุกข์ไหมคะ
มันทุกข์กับนามธรรม
สถานที่ไม่มีทุกข์ใดๆ
มันทุกข์ที่ใจใช่ใบหน้า
ธรรมชาติไม่สุขไม่ทุกข์
เพราะสุขทุกข์คือเวทนาขันธ์


ตัวอย่างนี้ คุณโรสแยกระหว่างคนกับธรรมชาติออกไหม นี่


นั่งสมาธิแล้วโยกหน้าโยกหลังอยากอาเจียน

มือใหม่หัดนั่งสมาธิ

เวลานั่งสมาธิ ผมรู้สึกขนลุกซู่ซ่า ตัวโยกหน้า โยกหลัง แล้วก็เริ่มตัวสั่นเล็กน้อย และ ในระหว่างนั้น ก็แน่นหน้าอก อยากอาเจียนบางครั้ง รู้สึกว่าลมหายใจมันจะอ่อนลงทุกที ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ครับ แล้วผมควรทำยังไงต่อ

:b32:
ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏละเอียดยิบย่อยเป็นแต่ละ1

คือจิต89-121ประเภทเจตสิก52ประเภทรูป28รูปนิพพาน1

มีคนไหมจิตเกิดที่ไหนดับที่นั่นทันทีจิตเห็นสีเท่านั้นที่สว่าง

จิตอีก5ทางต่อจากเห็นนั้นมืดและไม่เกิดปนเปข้ามอายตนะ

จิตเห็นสว่าง1วิถีจิตตรงขณะคนละวิถืกันทั้ง6ทางคิดนึกในมืด

ตอนคิดนึกจะเห็นตัวอักษรไม่ได้เพราะเห็นเท่านั้นที่มีแสง1ทาง

สลับต่ออีก5ทางมืดได้ยินรู้เสียงกลิ่นรสรู้สึกสุขทุกข์สัมผัสมันมืด


คุณโรสยังแยกธัมมะ กับ คนออกจากกันไม่เป็น แยกไม่ออก ในทุกๆความเห็น ก็จึงได้เอาแต่ศัพท์ทางธรรมมามโนไปตามยถากรรม จึงเข้าลักษณะหัวกุฎท้ายมังกือ คือ มันผสมๆ กัน เป็นสองสายพันธ์

ถามใหม่นะ เรื่องธรรมดาๆเห็นๆ

คุณโรสแยกฝน กับ แม่ค้าขายของริมถนนออกจากกันสิ แยกออกไหม :b32:

แยกออกได้ ไม่ได้ก็บอก เอ้า

เจ้าของ:  eragon_joe [ 22 พ.ย. 2018, 07:29 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมชาติรอบกายก็รอจะให้ความสุข

:b32: :b32: :b32:

ธรรมชาติรอที่จะสบตา :b20: กับทุกคนอยู่ตลอดเวลา

อากาศก็โอบกอดเราเอาไว้อยู่ตลอดเวลา

:b1: :b1: :b1:

หน้า 1 จากทั้งหมด 2 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/