วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 23:58  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 41 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2018, 03:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


"...อย่าไปให้ความสำคัญกับของขลังภายนอก
ยิ่งกว่าทำจิตของเราให้เป็นพระ
ตัวเรานั่นแหละเป็นแก้วสารพัดนึก..."
.
หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร







"วิธีแก้กลัวผี"

ในทางพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าบอกว่ามีวิญญาณ ที่เรียกแบบภาษาชาวบ้าน วิญญาณหรือผีมีอยู่ มีอยู่แต่ก่อนอาตมาเองก็ไม่เชื่อ เราก็จบทางวิทยาศาสตร์ เราก็ต้องคิดว่าต้องเป็นสิ่งที่เราพิสูจน์ดูด้วยตาเนื้อได้ แต่เมื่อเราประพฤติปฏิบัติธรรม เดี๋ยวนี้เปลี่ยนความรู้สึก ยอมรับว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสในเรื่องนี้เป็นความจริง แต่เราก็มองว่าในแง่ว่าการเกิดในภพที่เป็นวิญญาณหรือเป็นผีนั้นเป็นภพภูมิต่ำกว่ามนุษย์ โดยมีมนุษย์ เปรต และผี และสัตว์เดรัจฉาน สัตว์เดรัจฉานยังต่ำกว่าพวกผี

บ้านเราเลี้ยงสุนัขไหม ทำไมไม่กลัวมัน มันต่ำกว่าผี จิตใจต่ำกว่า แต่เราไม่กลัวมัน เห็นมันน่ารัก น่าเอ็นดู น่าสงสาร เราเลี่ยงแมวก็มี เลี้ยงนกก็มี เราก็เลยมองว่าวิญญาณที่อาจมีในบริเวณนั้นเหมือนสัตว์ประเภทหนึ่งจากภพหนึ่ง ที่ต้องการความอบอุ่นและความเมตตาจากเรา ผู้ปฏิบัติธรรมมองเขาเหล่านั้นเหมือนสุนัขที่วิ่งเข้าในบ้านเรา เราก็สงสารมัน เราก็ไม่ต้องกลัวมัน ความกลัวมันหายไป เพราะเรามีจิตใจรู้ว่านี่เป็นประเภทสัตว์ที่ต้องการความอบอุ่น ต้องการเมตตา ต้องการความช่วยเหลือ ความกลัวมันก็หายไป

นี่แหละเป็นวิถีทางที่จะแก้ความกลัวสิ่งเหล่านี้ และอีกวิธีหนึ่งคืออุทิศบุญกุศล สมมุติว่าเราอยู่ในที่มืดก็ทำให้รู้สึกตกใจ ให้เราอุทิศบุญกุศลความดีทั้งหลายทั้งปวงที่เราทำในอดีตก็ดีหรือในปัจจุบันชาติก็ดี ขอให้อุทิศบุญนี้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง สัตว์ที่เห็นอยู่ก็ดีและสัตว์ที่ไม่เห็นอยู่ก็ดี มนุษย์ทั้งหลายขอให้ได้รับส่วนบุญกุศลนี้ เป็นพลวปัจจัยให้พ้นจากทุกข์ทั้งหลายทั้งปวง นี่ก็เป็นการสงเคราะห์เขา เป็นการช่วยเหลือเขา ถ้าเขารับทราบได้ และเขาจะดีใจได้รับส่วนบุญกุศล เขาจะไม่รบกวนเรา กลายเป็นเพื่อนของเขา

"พระอาจาร์ฟิลลิป ญาณธมฺโม"
วัดป่ารัตนวัน
บ้านคลองปลากั้ง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา






บันทึกธรรม หลวงพ่อกานต์ วรธมฺโม

เกิดทางร่างกายเกิดครั้งเดียว เกิดทางใจเกิดได้หลายครั้ง เราต้องใช้ปัญญา...
เกิดทางร่างกายให้ถือว่าเป็นตัวตนของเรา
เกิดทางใจไม่ให้ถือเป็นของเรา
วันหนึ่งเกิดเยอะ เกิดหลายพันครั้ง ถือว่าเป็นของเรามันไม่ไหวแล้ว มันไม่ไหว
ถ้าเกิดทางกายถือว่าเป็นของเรา เราต้องรักษา คุณพ่อคุณแม่ให้มา ถือว่าเป็นของเรา
เกิดทางใจถือว่าไม่ใช่ มันไม่ไหว ใครจะรักษาไหว มีทั้ง ชอบ ไม่ชอบ เกิดทางจิตใจ มันเป็นทุกข์ร่ำไป ต้องถือว่า เกิด แล้ว ดับ เกิด ดับ ๆ ต้องทำความเข้าใจ ต้องใช้ปัญญา ไม่ให้หลงอารมณ์ ยึดอยู่แต่ไม่มั่น...
เกิดครั้งแรกของเรา เกิดหลายๆ ครั้ง มันไม่ใช่ เกิด ดับ เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ต้องทำความเข้าใจ ใจของเรามันก็ต้องคิด คนไม่ตายก็ต้องคิด เป็นขันธ์ ๕ เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป เป็นธรรมชาติ ต้องแยก ตามสภาวะธรรม เราเจ็บ เราแก่ เราเป็นอะไร...


หลวงพ่อกานต์ วรธมฺโม
ให้โอวาทหลังทำวัตรเย็น
๑๗ ต.ค. ๖๑


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ย. 2018, 19:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รสมน เขียน:
...อย่าไปให้ความสำคัญกับของขลังภายนอก
ยิ่งกว่าทำจิตของเราให้เป็นพระ
ตัวเรานั่นแหละเป็นแก้วสารพัดนึก..."
.
หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร


สาธุครับ..หลงวงปู่ท่านสอนไว้ดีแล้ว ครูบาอาจารย์สายพระป่าท่านจึงมักไม่ทำของขลัง ส่วนมากก็มีแต่ศิษย์ทำถวายให้ท่านอธิษฐานจิตแจกจ่าย ไปขอของดีท่าน ท่านก็บอกไม่มีหรอกของขลัง ของดีมีอยู่อย่างเดียว คือ "พุทโธ" ไง ..พุทโธนี้แหละของที่ที่สุดใน ๓ โลก ทำใจให้เป็นพุทโธ

:b8: :b8: :b8:




ส่วนของท่านหลวงพ่อกานต์นี้ ผมพยายามทำความเข้าใจว่า ..ท่านคงหมายเอาการดูแลรักษาร่างกาย ไม่ทรมานกาย ไม่ทำให้ผุพังสุญสลายไปก่อนกาลอันควร เพราะยังต้องใช้ในการเจริญปฏิบัติทำสะสมเหตุบารมีธรรม อุปถัมป์ดูแลบิดา มารดา บุพการี และครอบครับอยู่ เป็นของที่พ่อแม่ให้มาใช้ปฏิบัติทำหน้าที่ดังนี้เป็นต้น
..ผมเองตอนที่เพียรทำกรรมฐานทั้งกลางวันกลางคืน ไม่หลับไม่นอน ดื่มกินน้อย แม้ได้ฌาณมา แต่ก็โดนครูบาอาจารย์ด่าเพราะยังเป็นฆราวาสอยู่ไม่ใช่พระ ยังมีภาระเลียงดูลูกเมีย กตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ หากกายพังตายมา พ่อ แม่ลูกเมียจะทำยังไง ทหากเรายังไม่มีบุญบารมีมาก็ให้ค่อยๆสะสมไป ของเก่าไม่มีบารมีไม่พอให้ตายก็ไม่ได้ แต่ถ้ามันเต็มมันได้เอง ไม่อยากได้ก็ได้มา

แต่ของหลวงพ่อกานต์ท่านใช้คำว่าตัวตนของเรา แค่นั้นเอง

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2018, 03:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


แค่อากาศ เขียน:
รสมน เขียน:
...อย่าไปให้ความสำคัญกับของขลังภายนอก
ยิ่งกว่าทำจิตของเราให้เป็นพระ
ตัวเรานั่นแหละเป็นแก้วสารพัดนึก..."
.
หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร


สาธุครับ..หลงวงปู่ท่านสอนไว้ดีแล้ว ครูบาอาจารย์สายพระป่าท่านจึงมักไม่ทำของขลัง ส่วนมากก็มีแต่ศิษย์ทำถวายให้ท่านอธิษฐานจิตแจกจ่าย ไปขอของดีท่าน ท่านก็บอกไม่มีหรอกของขลัง ของดีมีอยู่อย่างเดียว คือ "พุทโธ" ไง ..พุทโธนี้แหละของที่ที่สุดใน ๓ โลก ทำใจให้เป็นพุทโธ

:b8: :b8: :b8:




ส่วนของท่านหลวงพ่อกานต์นี้ ผมพยายามทำความเข้าใจว่า ..ท่านคงหมายเอาการดูแลรักษาร่างกาย ไม่ทรมานกาย ไม่ทำให้ผุพังสุญสลายไปก่อนกาลอันควร เพราะยังต้องใช้ในการเจริญปฏิบัติทำสะสมเหตุบารมีธรรม อุปถัมป์ดูแลบิดา มารดา บุพการี และครอบครับอยู่ เป็นของที่พ่อแม่ให้มาใช้ปฏิบัติทำหน้าที่ดังนี้เป็นต้น
..ผมเองตอนที่เพียรทำกรรมฐานทั้งกลางวันกลางคืน ไม่หลับไม่นอน ดื่มกินน้อย แม้ได้ฌาณมา แต่ก็โดนครูบาอาจารย์ด่าเพราะยังเป็นฆราวาสอยู่ไม่ใช่พระ ยังมีภาระเลียงดูลูกเมีย กตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ หากกายพังตายมา พ่อ แม่ลูกเมียจะทำยังไง ทหากเรายังไม่มีบุญบารมีมาก็ให้ค่อยๆสะสมไป ของเก่าไม่มีบารมีไม่พอให้ตายก็ไม่ได้ แต่ถ้ามันเต็มมันได้เอง ไม่อยากได้ก็ได้มา

แต่ของหลวงพ่อกานต์ท่านใช้คำว่าตัวตนของเรา แค่นั้นเอง



พ่อแม่ลูกเมีย ก็จะเอา ปฎิบัติก็จะเอา
ตายไป ก้อไปได้พ่อแม่ลูกเมียใหม่
ยังจะจำพ่อแม่ลูกเมียเก่าได้มั๊ยหละคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2018, 08:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:

พ่อแม่ลูกเมีย ก็จะเอา ปฎิบัติก็จะเอา
ตายไป ก้อไปได้พ่อแม่ลูกเมียใหม่
ยังจะจำพ่อแม่ลูกเมียเก่าได้มั๊ยหละคะ



- ทิศที่ควรอุปการะที่พระพุทธเจ้าตรัสสอน
- ปัญญาแยกแยะได้ระหว่าง สงฆ์(ผู้ออกจากเรือน) กับ ฆราวาส(ผู้ครองเรือน) ..เหตุใดธรรมของพระพุทธเจ้าจึงมีทั้งของฆราวาสและสงฆ์ กิจที่ควรทำในเพศทั้ง ๒

ชาติก่อนเมกับพี่คงเป็นผัวเมียกันแน่นอน มาชาตินี้เมจึงพบพี่ที่นี่ แต่เราก็หากันจนเจอ 5555 ขำๆนะครับน้องเม

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2018, 21:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


แค่อากาศ เขียน:
โลกสวย เขียน:

พ่อแม่ลูกเมีย ก็จะเอา ปฎิบัติก็จะเอา
ตายไป ก้อไปได้พ่อแม่ลูกเมียใหม่
ยังจะจำพ่อแม่ลูกเมียเก่าได้มั๊ยหละคะ



- ทิศที่ควรอุปการะที่พระพุทธเจ้าตรัสสอน
- ปัญญาแยกแยะได้ระหว่าง สงฆ์(ผู้ออกจากเรือน) กับ ฆราวาส(ผู้ครองเรือน) ..เหตุใดธรรมของพระพุทธเจ้าจึงมีทั้งของฆราวาสและสงฆ์ กิจที่ควรทำในเพศทั้ง ๒

ชาติก่อนเมกับพี่คงเป็นผัวเมียกันแน่นอน มาชาตินี้เมจึงพบพี่ที่นี่ แต่เราก็หากันจนเจอ 5555 ขำๆนะครับน้องเม


คริคริ

นั่นแหละแสดงความเขลา ไม่มีปัญญา ของคนที่ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้ศึกษาพระปริยัติ
พระไตรปิฎก

เรยไม่รู้ว่า มีแต่จิต เจตสิก รุป ปฎิบัติ

เรยไม่รู้ว่า พระพุทธเจ้ายังทรงสอนต่อไปว่า ทำยังไงให้หมดกิจ ที่พึงกระทำ

และอีกอย่างนะคะ

ไม่มีชาติไหนสักชาติเดียว ที่เม ไปเป็นผัวเมียกะพี่หรอก
เพราะธรรมไม่เสมอกัน ศีลไม่เสมอกัน ธรรมมะย่อมคุ้มครองเม อยู่แล้ว
ที่ได้มาพานพบเม เพราะเม เมตตา สาดแสงธรรมมาให้ค่ะ







โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ย. 2018, 05:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


แค่อากาศ เขียน:
..ผมเองตอนที่เพียรทำกรรมฐานทั้งกลางวันกลางคืน ไม่หลับไม่นอน ดื่มกินน้อย แม้ได้ฌาณมา แต่ก็โดนครูบาอาจารย์ด่าเพราะยังเป็นฆราวาสอยู่ไม่ใช่พระ ยังมีภาระเลียงดูลูกเมีย กตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ หากกายพังตายมา พ่อ แม่ลูกเมียจะทำยังไง ทหากเรายังไม่มีบุญบารมีมาก็ให้ค่อยๆสะสมไป ของเก่าไม่มีบารมีไม่พอให้ตายก็ไม่ได้ แต่ถ้ามันเต็มมันได้เอง ไม่อยากได้ก็ได้มา

แต่ของหลวงพ่อกานต์ท่านใช้คำว่าตัวตนของเรา แค่นั้นเอง


อาจจะไม่ใช่เพราะ..เป็นฆราวาส..ก็เป็นได้

อาจเป็นเพราะ..ไม่รู้กาล..ไม่รู้เทศะ..ไม่รู้หน้าที่..จะเอาแต่ความอยากของตนเป็นที่ตั้ง...เข้ากลางไม่ได้..ปัญญาย่อมไม่เกิด..ต่อให้ทำจนตาย..ก็ตายเปล่า..

ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ย. 2018, 09:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เครื่องราง ของที่นับถือว่าเป็นเครื่องคุ้มครองป้องกันอันตราย โดยทำให้รอดปลอดภัย เช่น พระเครื่อง ตะกรุด ผ้ายันต์ มักเชื่อกันในทางรุนแรง เช่น ยิงไม่ออก ฟันไม่เข้า เป็นต้น นิยมพูดรวมกับ “ของขลัง” (ของที่ที่เชื่อกันว่าศักดิ์สิทธิ์มีอำนาจบันดาลให้สำเร็จผลดังประสงค์ เช่น นำโชคลาภมาให้) ควบคู่กันว่า เครื่องรางของขลัง

เมื่อหลัง พ.ศ.๒๕๐๐ ได้มีผู้คิดคำใหม่ขึ้นมาใช้ว่า วัตถุมงคล และนิยมใช้ตามกันทั่วไป จนบัดนี้เหมือนว่าได้แทนที่คำว่าเครื่องรางของขลัง แม้ว่าคำ “วัตถุมงคล” จะแปลความหมายได้กว้างกว่า ว่า สิ่งที่เป็นสิริมงคล หรือสิ่งที่นำสิริมงคลคือความดีงามความสุขความเจริญมาให้ แต่คนทั่วไปมักเห็นความหมายอย่างเครื่องรางของขลังเท่าเดิม

สำหรับพุทธศาสนิกชน การนับถือพระเครื่อง คือเป็นหลักยึดเหนี่ยว ที่สื่อใจโยงให้สนิทแน่วในพระพุทธคุณ มาจนถึงคุณมารดาบิดาอุปัชฌาย์อาจารย์ และปลุกใจให้ปสาทะ เกิดความชื่นบาน มั่นแน่ว เข้มแข็ง มีกำลัง ทำให้จิตมีสติและสมาธิที่จะทำการนั้นๆ อย่างได้ผลดีเต็มที่และใจสว่าง ใช้ปัญญาคิดการได้โปร่งโล่ง ทำการได้ลุรอดและลุล่วงสำเร็จถึงจุดหมาย ถ้าใช้ถูกอย่างนี้ ก็จะไม่ผิดหลักกรรม ไม่ขัดต่อศรัทธาในกรรม คือ เชื่อการกระทำ ว่าจะต้องทำเหตุปัจจัยให้เกิดผลที่ต้องการด้วยเรี่ยวแรงความเพียรพยายามของตน และจะเกิดผลดีทั้งระยะสั้นและระยะยาว

แต่ถ้าไม่รู้จักใช้ คือ ใช้ผิดหลักกรรม ขัดต่อศรัทธาในกรรม ก็จะเกิดความเสื่อมทั้งแก่ชีวิตและสังคม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ย. 2018, 23:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
..ผมเองตอนที่เพียรทำกรรมฐานทั้งกลางวันกลางคืน ไม่หลับไม่นอน ดื่มกินน้อย แม้ได้ฌาณมา แต่ก็โดนครูบาอาจารย์ด่าเพราะยังเป็นฆราวาสอยู่ไม่ใช่พระ ยังมีภาระเลียงดูลูกเมีย กตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ หากกายพังตายมา พ่อ แม่ลูกเมียจะทำยังไง ทหากเรายังไม่มีบุญบารมีมาก็ให้ค่อยๆสะสมไป ของเก่าไม่มีบารมีไม่พอให้ตายก็ไม่ได้ แต่ถ้ามันเต็มมันได้เอง ไม่อยากได้ก็ได้มา

แต่ของหลวงพ่อกานต์ท่านใช้คำว่าตัวตนของเรา แค่นั้นเอง


อาจจะไม่ใช่เพราะ..เป็นฆราวาส..ก็เป็นได้

อาจเป็นเพราะ..ไม่รู้กาล..ไม่รู้เทศะ..ไม่รู้หน้าที่..จะเอาแต่ความอยากของตนเป็นที่ตั้ง...เข้ากลางไม่ได้..ปัญญาย่อมไม่เกิด..ต่อให้ทำจนตาย..ก็ตายเปล่า..

ครับ



สาธุครับท่านกบ คงเป็นจริงอย่างนั้นครับ เปิดให้เห็นอีกมุมที่กว้างขึ้นแก่ผมเลยครับ

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


แก้ไขล่าสุดโดย แค่อากาศ เมื่อ 25 พ.ย. 2018, 07:05, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ย. 2018, 00:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
โลกสวย เขียน:

พ่อแม่ลูกเมีย ก็จะเอา ปฎิบัติก็จะเอา
ตายไป ก้อไปได้พ่อแม่ลูกเมียใหม่
ยังจะจำพ่อแม่ลูกเมียเก่าได้มั๊ยหละคะ



- ทิศที่ควรอุปการะที่พระพุทธเจ้าตรัสสอน
- ปัญญาแยกแยะได้ระหว่าง สงฆ์(ผู้ออกจากเรือน) กับ ฆราวาส(ผู้ครองเรือน) ..เหตุใดธรรมของพระพุทธเจ้าจึงมีทั้งของฆราวาสและสงฆ์ กิจที่ควรทำในเพศทั้ง ๒

ชาติก่อนเมกับพี่คงเป็นผัวเมียกันแน่นอน มาชาตินี้เมจึงพบพี่ที่นี่ แต่เราก็หากันจนเจอ 5555 ขำๆนะครับน้องเม


คริคริ

นั่นแหละแสดงความเขลา ไม่มีปัญญา ของคนที่ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้ศึกษาพระปริยัติ
พระไตรปิฎก

เรยไม่รู้ว่า มีแต่จิต เจตสิก รุป ปฎิบัติ

เรยไม่รู้ว่า พระพุทธเจ้ายังทรงสอนต่อไปว่า ทำยังไงให้หมดกิจ ที่พึงกระทำ

และอีกอย่างนะคะ

ไม่มีชาติไหนสักชาติเดียว ที่เม ไปเป็นผัวเมียกะพี่หรอก
เพราะธรรมไม่เสมอกัน ศีลไม่เสมอกัน ธรรมมะย่อมคุ้มครองเม อยู่แล้ว
ที่ได้มาพานพบเม เพราะเม เมตตา สาดแสงธรรมมาให้ค่ะ








ขอบคุณครับน้องเม ที่เมตตาครับ

น้องเมครับ ถีนะมิทธะเกิดจากอะไรครับ อุทธัจจะกุกุจจะเกิดจากอะไรครับ
1. สาเหตุที่ทำให้ถีนะมิทธะเกิดมีขึ้นคืออะไรครับ
2. สาเหตุที่ทำให้อุทธัจจะกุกกุจจะเกิดมีขึ้นคืออะไรครับ
3. ตัวตนของนิวรณ์ แต่ละตัวนั้นมันเป็นยังไง เวลาที่เราเข้าไปเห็นมันตามจริง มันเป็นแบบไหนครับ
4. เมื่อจะแก้ แก้ยังไง ครับ

รบกวนขอวิธีเจริญปฏิบัติแบบที่รู้เรื่องด้วยนะครับ
รบกวนเมตตาชี้แนะพี่ด้วยครับ น้องรู้อภิธรรมต้องแนะนำสิ่งที่ถูกต้องได้แน่

อย่าบ่ายเบี่ยง เฉไฉไปเรื่องอื่น หรือตอบแบบ ซะงึก ซะงึก นะครับ

อย่างน้อยชาติก่อนเราก็เคย มะงึก มะงึก อุ๋ง อุ๋ง กัน 555

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ย. 2018, 10:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


[color=#40BF40][/color]
แค่อากาศ เขียน:
โลกสวย เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
โลกสวย เขียน:

พ่อแม่ลูกเมีย ก็จะเอา ปฎิบัติก็จะเอา
ตายไป ก้อไปได้พ่อแม่ลูกเมียใหม่
ยังจะจำพ่อแม่ลูกเมียเก่าได้มั๊ยหละคะ



- ทิศที่ควรอุปการะที่พระพุทธเจ้าตรัสสอน
- ปัญญาแยกแยะได้ระหว่าง สงฆ์(ผู้ออกจากเรือน) กับ ฆราวาส(ผู้ครองเรือน) ..เหตุใดธรรมของพระพุทธเจ้าจึงมีทั้งของฆราวาสและสงฆ์ กิจที่ควรทำในเพศทั้ง ๒

ชาติก่อนเมกับพี่คงเป็นผัวเมียกันแน่นอน มาชาตินี้เมจึงพบพี่ที่นี่ แต่เราก็หากันจนเจอ 5555 ขำๆนะครับน้องเม


คริคริ

นั่นแหละแสดงความเขลา ไม่มีปัญญา ของคนที่ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้ศึกษาพระปริยัติ
พระไตรปิฎก

เรยไม่รู้ว่า มีแต่จิต เจตสิก รุป ปฎิบัติ

เรยไม่รู้ว่า พระพุทธเจ้ายังทรงสอนต่อไปว่า ทำยังไงให้หมดกิจ ที่พึงกระทำ

และอีกอย่างนะคะ

ไม่มีชาติไหนสักชาติเดียว ที่เม ไปเป็นผัวเมียกะพี่หรอก
เพราะธรรมไม่เสมอกัน ศีลไม่เสมอกัน ธรรมมะย่อมคุ้มครองเม อยู่แล้ว
ที่ได้มาพานพบเม เพราะเม เมตตา สาดแสงธรรมมาให้ค่ะ








ขอบคุณครับน้องเม ที่เมตตาครับ

น้องเมครับ ถีนะมิทธะเกิดจากอะไรครับ อุทธัจจะกุกุจจะเกิดจากอะไรครับ
1. สาเหตุที่ทำให้ถีนะมิทธะเกิดมีขึ้นคืออะไรครับ
2. สาเหตุที่ทำให้อุทธัจจะกุกกุจจะเกิดมีขึ้นคืออะไรครับ
3. ตัวตนของนิวรณ์ แต่ละตัวนั้นมันเป็นยังไง เวลาที่เราเข้าไปเห็นมันตามจริง มันเป็นแบบไหนครับ
4. เมื่อจะแก้ แก้ยังไง ครับ

รบกวนขอวิธีเจริญปฏิบัติแบบที่รู้เรื่องด้วยนะครับ
รบกวนเมตตาชี้แนะพี่ด้วยครับ น้องรู้อภิธรรมต้องแนะนำสิ่งที่ถูกต้องได้แน่

อย่าบ่ายเบี่ยง เฉไฉไปเรื่องอื่น หรือตอบแบบ ซะงึก ซะงึก นะครับ

อย่างน้อยชาติก่อนเราก็เคย มะงึก มะงึก อุ๋ง อุ๋ง กัน 555



นี่คือความเขลาเบาปัญญา ของคุณแค่อากาศ ที่ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้เรียนปริยัติ

เรย ไม่รู้ว่า จะปฎิบัติยังไง
และไปถึงปฎิเวธยังไง
เรยไม่รู้ว่า เหตุ เกิดที่ตัวเอง ไม่ได้เกิดจากพระพุทธองค์

คือการหาอาหารจากการไม่ศรัทธาในพระธรรม ไม่เรียนพระธรรม ไม่สำรวมอินทรีย์ การไม่ศึกษา เไม่คบสตตบุรุษ
เรยเขลาเบาปัญญา


แนะนำนะคะ ให้ไปหัดเรียนพื้นฐานในพระธรรมให้ดีๆก่อน

555


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ย. 2018, 18:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
[color=#40BF40][/color]
แค่อากาศ เขียน:
โลกสวย เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
โลกสวย เขียน:

พ่อแม่ลูกเมีย ก็จะเอา ปฎิบัติก็จะเอา
ตายไป ก้อไปได้พ่อแม่ลูกเมียใหม่
ยังจะจำพ่อแม่ลูกเมียเก่าได้มั๊ยหละคะ



- ทิศที่ควรอุปการะที่พระพุทธเจ้าตรัสสอน
- ปัญญาแยกแยะได้ระหว่าง สงฆ์(ผู้ออกจากเรือน) กับ ฆราวาส(ผู้ครองเรือน) ..เหตุใดธรรมของพระพุทธเจ้าจึงมีทั้งของฆราวาสและสงฆ์ กิจที่ควรทำในเพศทั้ง ๒

ชาติก่อนเมกับพี่คงเป็นผัวเมียกันแน่นอน มาชาตินี้เมจึงพบพี่ที่นี่ แต่เราก็หากันจนเจอ 5555 ขำๆนะครับน้องเม


คริคริ

นั่นแหละแสดงความเขลา ไม่มีปัญญา ของคนที่ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้ศึกษาพระปริยัติ
พระไตรปิฎก

เรยไม่รู้ว่า มีแต่จิต เจตสิก รุป ปฎิบัติ

เรยไม่รู้ว่า พระพุทธเจ้ายังทรงสอนต่อไปว่า ทำยังไงให้หมดกิจ ที่พึงกระทำ

และอีกอย่างนะคะ

ไม่มีชาติไหนสักชาติเดียว ที่เม ไปเป็นผัวเมียกะพี่หรอก
เพราะธรรมไม่เสมอกัน ศีลไม่เสมอกัน ธรรมมะย่อมคุ้มครองเม อยู่แล้ว
ที่ได้มาพานพบเม เพราะเม เมตตา สาดแสงธรรมมาให้ค่ะ








ขอบคุณครับน้องเม ที่เมตตาครับ

น้องเมครับ ถีนะมิทธะเกิดจากอะไรครับ อุทธัจจะกุกุจจะเกิดจากอะไรครับ
1. สาเหตุที่ทำให้ถีนะมิทธะเกิดมีขึ้นคืออะไรครับ
2. สาเหตุที่ทำให้อุทธัจจะกุกกุจจะเกิดมีขึ้นคืออะไรครับ
3. ตัวตนของนิวรณ์ แต่ละตัวนั้นมันเป็นยังไง เวลาที่เราเข้าไปเห็นมันตามจริง มันเป็นแบบไหนครับ
4. เมื่อจะแก้ แก้ยังไง ครับ

รบกวนขอวิธีเจริญปฏิบัติแบบที่รู้เรื่องด้วยนะครับ
รบกวนเมตตาชี้แนะพี่ด้วยครับ น้องรู้อภิธรรมต้องแนะนำสิ่งที่ถูกต้องได้แน่

อย่าบ่ายเบี่ยง เฉไฉไปเรื่องอื่น หรือตอบแบบ ซะงึก ซะงึก นะครับ

อย่างน้อยชาติก่อนเราก็เคย มะงึก มะงึก อุ๋ง อุ๋ง กัน 555



นี่คือความเขลาเบาปัญญา ของคุณแค่อากาศ ที่ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้เรียนปริยัติ

เรย ไม่รู้ว่า จะปฎิบัติยังไง
และไปถึงปฎิเวธยังไง
เรยไม่รู้ว่า เหตุ เกิดที่ตัวเอง ไม่ได้เกิดจากพระพุทธองค์

คือการหาอาหารจากการไม่ศรัทธาในพระธรรม ไม่เรียนพระธรรม ไม่สำรวมอินทรีย์ การไม่ศึกษา เไม่คบสตตบุรุษ
เรยเขลาเบาปัญญา


แนะนำนะคะ ให้ไปหัดเรียนพื้นฐานในพระธรรมให้ดีๆก่อน

555




555 :b32: :b32: :b32: สรุปคือน้องเมไม่รู้ ตอบไม่ได้เพราะน้องเมได้แค่ท่องจำ เลยเฉไฉไปทั่ว

555 :b32: :b32: :b32: เพราะในตำราไม่มีสอนเลยไม่รู้ใช่มะน้องเม มันเห็นชัดแค่คำถามเดียวเลยอะ ว่า..ถ้าเกินกว่าตัวหนังสือน้องเมไม่รู้ เพราะไม่เคยปฏิบัติไม่เคยเห็นจริง ขำๆ 555 ต่อไปต้องเรียกเมธรรมโม้แล้วครับ

- น่าสงสารน้องเมจัง คงเก็บกดมากที่ทำได้แค่แบกตำราไปไหนมาไหน กล่าวตู่คนอื่นไปทั่วว่าไม่ศรัทธาพระธรรมเพราะไม่เชื่อตนเอง หรือเขาเห็นเมแค่ธรรมปลอม ทั้งๆที่เมนั้นแหละที่ไม่ศรัทธาพระธรรม เอาพระธรรมมาลงสู่ที่ต่ำตามไฟราคะ ไฟโทสะ ไฟโมหะตนอย่างน้องเมครับ พี่เห็นเมแล้วรู้สึกละอายใจแทน แต่เมคงไม่มียางอายเลยอายไม่เป็นเอาพระธรรมของพระพุทธเจ้ามาใช้ในทางที่ผิดไม่เว้นแต่ละวัน

- บุคคลผู้ถึงพระรัตนตรัยแล้ว จะไม่อวดอ้างเอาพระรัตนตรัยลงมาสู่ที่ต่ำทำสนองกิเลสตน เพราะเป็นของสูงเหนือเศียรเกล้า ไม่ว่าจะกล่าวสิ่งใดในพระรัตนตรัยจะสำรวมระวังเสมอ

- พี่จะสงเคราะห์น้องเมดีมั้ยนะ แต่ถึงพี่จะสอนน้องเมไป น้องเมคงไม่มีปัญญาทำ เพราะได้แค่ท่องจำ ไม่รู้ตนเอง แต่จะขอกล่าวพอให้เมรู้ตัวได้บ้างดังนี้ว่า..


- คนที่ไม่กล่าวโม้ธรรม กล่าวว่าไม่ได้เรียนรู้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ศึกษาไม่ปฏิบัติ แต่เพราะบางอย่างเป็นธรรมที่ต้องเข้าถึงและเห็นตามจริงก่อนจึงสามารถกล่าวได้ว่า รู้แล้ว เห็นแล้ว ถึงแล้ว เพราะพระธรรมนั้นไม่ได้มีไว้โม้สอบถือใบประกาศณียบัตร แต่มีไว้เพื่อโอปนะยิโกแล้วทำให้มากเพื่อถึงความพ้นทุกข์ทั้งสิ้นนี้ แล้วเกื้อกูลแก่สัตว์ที่หลงอยู่แบบน้องเมนี้ นี่คือผู้ศรัทธาพระธรรมแท้ๆ

- เพราะเมไม่รู้ว่าทุกอย่างรวมลงที่ใจ จึงสำรวมระวังใจยังไม่ได้ จะไปสำรวมอะไรได้อีกหนอเม
- อ้างอินทรีย์สังวร แต่ไม่เคยปฏิบัติ เข้าไม่ถึง จึงไม่รู้ว่าทำยังไง ไม่รู้ว่าเอาสติไว้ที่ไหน ถึงได้มีแต่ใจชั่วเอาธรรมของพระพุทธเจ้ามากล่าวอ้างมั่วเพื่อเบียดเบียนล่วงอกุศลกรรมต่อผู้อื่น
- มีสติที่สฬายตนะให้มากๆนะน้องเม นักคิด นักท่องจำ จะได้ปหานอกุศลจิตชั่วในใจได้
- ล้างความคุ้นชิน ความจดจำสำคัญมั่นหมายของใจที่มีแต่ใจชั่วเสียใหม่ แล้วเปลี่ยนให้เป็นไปในกุศล จะได้ไม่หยั่งลงนรกแบบตอนนี้


.. ขอให้เจริญในธรรมนะครับน้องเม เลิกท่องจำเสียได้ ปฏิบัติได้ แต่คงยากที่จะทำได้ ต้องรับกรรมอันล่วงอกุศลจากการเบียดเบียนผู้อื่น และหนักสุดคือเอาธรรมพระพุทธเจ้ามากล่าวอ้างด้วยอาศัย ราคะ โทสะ โมหะตนให้หมดเสียก่อน จึงจะไปต่อได้
.. ตราบใดที่มัวแต่กล่าวตู่ผู้อื่น แต่ไม่เห็นความชั่วในกายใจตนตราบนั้นก็ไม่เห็นทางละเว้นกรรมในตนได้
.. ถ้าปฏิบัติมาถูกทางจะเห็นความชั่วในกายใจตน เมื่อเห็นความชั่วในกายใจตนแล้วจึงจะสำรวมระวังกรรมตนได้ ไม่ก้าวล่วงเบียดเบียนผู้อื่น ..เพราะมีหิริพละ มีโอตตัปปะพละ มีมโนกรรมเป็นศีล คือ เจตนาเป็นศีล จึงทำอินทรีย์สังวรณ์ได้

.. การแสดงธรรมด้วยความเป็นเหตุเป็นผลรู้ได้ตามจริงนี้ เป็นสิ่งที่สาวกของพระพุทธเจ้าทุกคนเจริญตามและทำตามหมด ไม่กล่าวอ้างมั่วตามความคิดท่องจำอนุมานเอา แต่กล่าวตามจริงดังนี้

..พี่สงเคราะห์น้องเมธรรมโม้ได้แค่นี้แหละ ที่เหลือต้องปฏิบัติเอาครับ พี่ยินดีแนะนำทางเจริญปฏิบัติให้ครับ


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ย. 2018, 22:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
..ผมเองตอนที่เพียรทำกรรมฐานทั้งกลางวันกลางคืน ไม่หลับไม่นอน ดื่มกินน้อย แม้ได้ฌาณมา แต่ก็โดนครูบาอาจารย์ด่าเพราะยังเป็นฆราวาสอยู่ไม่ใช่พระ ยังมีภาระเลียงดูลูกเมีย กตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ หากกายพังตายมา พ่อ แม่ลูกเมียจะทำยังไง ทหากเรายังไม่มีบุญบารมีมาก็ให้ค่อยๆสะสมไป ของเก่าไม่มีบารมีไม่พอให้ตายก็ไม่ได้ แต่ถ้ามันเต็มมันได้เอง ไม่อยากได้ก็ได้มา

แต่ของหลวงพ่อกานต์ท่านใช้คำว่าตัวตนของเรา แค่นั้นเอง


อาจจะไม่ใช่เพราะ..เป็นฆราวาส..ก็เป็นได้

อาจเป็นเพราะ..ไม่รู้กาล..ไม่รู้เทศะ..ไม่รู้หน้าที่..จะเอาแต่ความอยากของตนเป็นที่ตั้ง...เข้ากลางไม่ได้..ปัญญาย่อมไม่เกิด..ต่อให้ทำจนตาย..ก็ตายเปล่า..

ครับ


:b32: ... ฟังเขาเล่าก่อนสิ่ อ๊บซ์ก้อ...

ที่โดนครูบาอาจารย์ด่า อาจจะเป็นเพราะว่า ตอนนั้น อาจจะซน ... :b32:

:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ย. 2018, 00:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
..ผมเองตอนที่เพียรทำกรรมฐานทั้งกลางวันกลางคืน ไม่หลับไม่นอน ดื่มกินน้อย แม้ได้ฌาณมา แต่ก็โดนครูบาอาจารย์ด่าเพราะยังเป็นฆราวาสอยู่ไม่ใช่พระ ยังมีภาระเลียงดูลูกเมีย กตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ หากกายพังตายมา พ่อ แม่ลูกเมียจะทำยังไง ทหากเรายังไม่มีบุญบารมีมาก็ให้ค่อยๆสะสมไป ของเก่าไม่มีบารมีไม่พอให้ตายก็ไม่ได้ แต่ถ้ามันเต็มมันได้เอง ไม่อยากได้ก็ได้มา

แต่ของหลวงพ่อกานต์ท่านใช้คำว่าตัวตนของเรา แค่นั้นเอง


อาจจะไม่ใช่เพราะ..เป็นฆราวาส..ก็เป็นได้

อาจเป็นเพราะ..ไม่รู้กาล..ไม่รู้เทศะ..ไม่รู้หน้าที่..จะเอาแต่ความอยากของตนเป็นที่ตั้ง...เข้ากลางไม่ได้..ปัญญาย่อมไม่เกิด..ต่อให้ทำจนตาย..ก็ตายเปล่า..

ครับ


:b32: ... ฟังเขาเล่าก่อนสิ่ อ๊บซ์ก้อ...

ที่โดนครูบาอาจารย์ด่า อาจจะเป็นเพราะว่า ตอนนั้น อาจจะซน ... :b32:

:b1:



ครับท่านเอกอน อิอิ ตรงตามนั้นครับ

..คือพอดีตอนนั้น ผมถือเนสัชชิก กลางวันผมทำงาน กลางคืนก็เข้าสมาธิไม่นอน วนเวียนอยู่ตลอด 2 วัน 2 คืน จนร่างกายเริ่มอ่อนล้า ทำงานไม่ไหว เบลอๆ เช้าวันต่อมาวันที่ 3 ผมไปหาครูบาอาจารย์ท่าน ก็กล่าวว่าผมทำเนสัชชิกได้อย่างนี้ๆมา ท่านก็เลยด่าเอาครับว่า..
- กายพ่อแม่ให้มานี้ มันมีค่านะ จริงอยู่ว่ามันไม่ใช่ตัวตนของเรา จิตเรานี้แค่จรมาอาศัย แต่เพราะอย่างนั้นเราจึงมีกายนี้ไว้อาศัยทำกิจการงานต่างๆ รวมทั้งสะสมบารมีธรรมของตน
- หากไม่ดูแลรักษาให้มันเสื่อมก่อนกาลอันควร เกิดพิการขึ้นมาไม่ใช่แค่ใช้กายนี้สะสมเหตุบารมีไม่ได้ แต่ซ้ำร้ายกลับกลายเป็นภาระให้พ่อแม่ลูกเมียซ้ำอีก
- หากมันพังไปก่อนเวลาอันควร ตายขึ้นมา ก็ใช้มันเจริญปฏิบัติธรรมสะสมเหตุไม่ได้อีก


- เธอยังไม่ได้บวชเป็นแค่ฆราวาส นั่นคือยังมีบ่วงที่ต้องทำกิจในหน้าที่ของฆราวาสให้จบก่อน ฆราวาสก็มีเหตุสะสมบารมีธรรมในทางฆราวาส ให้เป็นบุญบารมีแก่ตนเพื่อน้อมเข้าสู่ทางโลกุตระ
..ทานเราทำมาดียัง ศีลเราบริสุทธิ์ยัง แค่ศีล ๕ นี้เองถือได้ยัง ภาวนาอบรมจิตให้มีสติสัมปะชัญญะดำรงในกุศลได้ดียัง กตัญญู กตเวทียัง ดูแลบริวารที่ควรดูแลแล้วหรือยัง นี่บารมีแก่ขันธ์ทั้งนั้น..
- ที่เห็นคนนั้นคนนี้เขาทำแล้วได้ไวนี้ เพราะเขาสะสมบารมีมาดีแล้ว ของเก่าเขามี ไม่ใช่แค่ชาตินี้ หรือแค่ 2-3 ชาติ แต่เขาทำมาเป็นอสงไขย
- เหตุเรายังไม่ทำเลยจะไปเอาผลซะแล้ว


- ที่พระพุทธเจ้าทรงจากลูกเมียออกบวชได้ เพราะพระองค์มีพร้อมหมดทุกอย่างแล้ว ลูกเมียไม่ลำบาก บารมีทานท่านเต็ม บารมีศีลท่านเต็ม บารมีสมาธิภาวนาท่านเต็ม เมื่อถึงคราวที่จะตรัสรู้ธรรมที่เหลือก็เพียงแค่ทำที่ใจเท่านั้น

- ทำแบบนี้ไม่มีครูบาอาจารย์ที่ไหนชอบหรือสอนหรอก ที่ครูบาอาจารย์ท่านตัดใจทำเอาเป็นเอาตายนั้นคือท่านบวชแล้วไม่ใช่ฆราวาส ไม่มีบ่วง ไม่มีกิจทางโลกที่ต้องทำแล้ว
- ถ้าตอนนี้เธอบวชเป็นพระสงฆ์แล้วทำเนสัชชิก มันก็ทำได้ไม่มีปัญญา เพราะไม่มีภาระแล้ว ไม่มีบ่วงแล้ว มีตัวคนเดียวแล้ว

- แต่นี่เธอเป็นฆราวาสยังไม่ได้บวช ก็ต้องทำงานดูแลพ่อแม่ และครอบครัวลูกเมีย นี่ก็เป็นเหตุแห่งกุศลที่เราต้องทำสะสม เพราะฆราวาสมีบ่วง หากยังไม่ถึงเวลาตัดบ่วงออกบวชได้ เราก็ต้องทำเหตุในหน้าที่ของตนให้ดี กตัญญู กตเวที อุปการะจุนเจือครอบครัว เจริญ ทาน ศีล สมาธิอบรมจิตสะสมเหตุไปเรื่อยๆ ทำสบายๆง่ายๆ ไม่สุดโต่ง ไม่ร้อนรนตนเอง แต่ทำให้มันบ่อยๆสะสมเหตุไปเรื่อยๆ เมื่อมันเต็มอิ่มประกอบกับบารมีของเราดีแล้วถึงเวลามันได้บวชเอง

- ใช้ปัญญาให้มากแยกแยะระหว่างฆราวาส กับสงฆ์

- ท่านว่ามาประมาณนี้แหละครับ ผมจำขึ้นใจเลย พระอรหันต์ด่า 555 ครั้งแรกในชีวิต ถ้าดูดีๆนี่ท่านเอ็นดูกรุณาสอนเรานะครับ น้อยคนจะมีโอกาสแบบนี้

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


แก้ไขล่าสุดโดย แค่อากาศ เมื่อ 26 พ.ย. 2018, 08:08, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ย. 2018, 02:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


แค่อากาศ เขียน:
โลกสวย เขียน:
[color=#40BF40][/color]
แค่อากาศ เขียน:
โลกสวย เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
โลกสวย เขียน:

พ่อแม่ลูกเมีย ก็จะเอา ปฎิบัติก็จะเอา
ตายไป ก้อไปได้พ่อแม่ลูกเมียใหม่
ยังจะจำพ่อแม่ลูกเมียเก่าได้มั๊ยหละคะ



- ทิศที่ควรอุปการะที่พระพุทธเจ้าตรัสสอน
- ปัญญาแยกแยะได้ระหว่าง สงฆ์(ผู้ออกจากเรือน) กับ ฆราวาส(ผู้ครองเรือน) ..เหตุใดธรรมของพระพุทธเจ้าจึงมีทั้งของฆราวาสและสงฆ์ กิจที่ควรทำในเพศทั้ง ๒

ชาติก่อนเมกับพี่คงเป็นผัวเมียกันแน่นอน มาชาตินี้เมจึงพบพี่ที่นี่ แต่เราก็หากันจนเจอ 5555 ขำๆนะครับน้องเม


คริคริ

นั่นแหละแสดงความเขลา ไม่มีปัญญา ของคนที่ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้ศึกษาพระปริยัติ
พระไตรปิฎก

เรยไม่รู้ว่า มีแต่จิต เจตสิก รุป ปฎิบัติ

เรยไม่รู้ว่า พระพุทธเจ้ายังทรงสอนต่อไปว่า ทำยังไงให้หมดกิจ ที่พึงกระทำ

และอีกอย่างนะคะ

ไม่มีชาติไหนสักชาติเดียว ที่เม ไปเป็นผัวเมียกะพี่หรอก
เพราะธรรมไม่เสมอกัน ศีลไม่เสมอกัน ธรรมมะย่อมคุ้มครองเม อยู่แล้ว
ที่ได้มาพานพบเม เพราะเม เมตตา สาดแสงธรรมมาให้ค่ะ








ขอบคุณครับน้องเม ที่เมตตาครับ

น้องเมครับ ถีนะมิทธะเกิดจากอะไรครับ อุทธัจจะกุกุจจะเกิดจากอะไรครับ
1. สาเหตุที่ทำให้ถีนะมิทธะเกิดมีขึ้นคืออะไรครับ
2. สาเหตุที่ทำให้อุทธัจจะกุกกุจจะเกิดมีขึ้นคืออะไรครับ
3. ตัวตนของนิวรณ์ แต่ละตัวนั้นมันเป็นยังไง เวลาที่เราเข้าไปเห็นมันตามจริง มันเป็นแบบไหนครับ
4. เมื่อจะแก้ แก้ยังไง ครับ

รบกวนขอวิธีเจริญปฏิบัติแบบที่รู้เรื่องด้วยนะครับ
รบกวนเมตตาชี้แนะพี่ด้วยครับ น้องรู้อภิธรรมต้องแนะนำสิ่งที่ถูกต้องได้แน่

อย่าบ่ายเบี่ยง เฉไฉไปเรื่องอื่น หรือตอบแบบ ซะงึก ซะงึก นะครับ

อย่างน้อยชาติก่อนเราก็เคย มะงึก มะงึก อุ๋ง อุ๋ง กัน 555



นี่คือความเขลาเบาปัญญา ของคุณแค่อากาศ ที่ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้เรียนปริยัติ

เรย ไม่รู้ว่า จะปฎิบัติยังไง
และไปถึงปฎิเวธยังไง
เรยไม่รู้ว่า เหตุ เกิดที่ตัวเอง ไม่ได้เกิดจากพระพุทธองค์

คือการหาอาหารจากการไม่ศรัทธาในพระธรรม ไม่เรียนพระธรรม ไม่สำรวมอินทรีย์ การไม่ศึกษา เไม่คบสตตบุรุษ
เรยเขลาเบาปัญญา


แนะนำนะคะ ให้ไปหัดเรียนพื้นฐานในพระธรรมให้ดีๆก่อน

555




555 :b32: :b32: :b32: สรุปคือน้องเมไม่รู้ ตอบไม่ได้เพราะน้องเมได้แค่ท่องจำ เลยเฉไฉไปทั่ว

555 :b32: :b32: :b32: เพราะในตำราไม่มีสอนเลยไม่รู้ใช่มะน้องเม มันเห็นชัดแค่คำถามเดียวเลยอะ ว่า..ถ้าเกินกว่าตัวหนังสือน้องเมไม่รู้ เพราะไม่เคยปฏิบัติไม่เคยเห็นจริง ขำๆ 555 ต่อไปต้องเรียกเมธรรมโม้แล้วครับ

- น่าสงสารน้องเมจัง คงเก็บกดมากที่ทำได้แค่แบกตำราไปไหนมาไหน กล่าวตู่คนอื่นไปทั่วว่าไม่ศรัทธาพระธรรมเพราะไม่เชื่อตนเอง หรือเขาเห็นเมแค่ธรรมปลอม ทั้งๆที่เมนั้นแหละที่ไม่ศรัทธาพระธรรม เอาพระธรรมมาลงสู่ที่ต่ำตามไฟราคะ ไฟโทสะ ไฟโมหะตนอย่างน้องเมครับ พี่เห็นเมแล้วรู้สึกละอายใจแทน แต่เมคงไม่มียางอายเลยอายไม่เป็นเอาพระธรรมของพระพุทธเจ้ามาใช้ในทางที่ผิดไม่เว้นแต่ละวัน

- บุคคลผู้ถึงพระรัตนตรัยแล้ว จะไม่อวดอ้างเอาพระรัตนตรัยลงมาสู่ที่ต่ำทำสนองกิเลสตน เพราะเป็นของสูงเหนือเศียรเกล้า ไม่ว่าจะกล่าวสิ่งใดในพระรัตนตรัยจะสำรวมระวังเสมอ

- พี่จะสงเคราะห์น้องเมดีมั้ยนะ แต่ถึงพี่จะสอนน้องเมไป น้องเมคงไม่มีปัญญาทำ เพราะได้แค่ท่องจำ ไม่รู้ตนเอง แต่จะขอกล่าวพอให้เมรู้ตัวได้บ้างดังนี้ว่า..


- คนที่ไม่กล่าวโม้ธรรม กล่าวว่าไม่ได้เรียนรู้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ศึกษาไม่ปฏิบัติ แต่เพราะบางอย่างเป็นธรรมที่ต้องเข้าถึงและเห็นตามจริงก่อนจึงสามารถกล่าวได้ว่า รู้แล้ว เห็นแล้ว ถึงแล้ว เพราะพระธรรมนั้นไม่ได้มีไว้โม้สอบถือใบประกาศณียบัตร แต่มีไว้เพื่อโอปนะยิโกแล้วทำให้มากเพื่อถึงความพ้นทุกข์ทั้งสิ้นนี้ แล้วเกื้อกูลแก่สัตว์ที่หลงอยู่แบบน้องเมนี้ นี่คือผู้ศรัทธาพระธรรมแท้ๆ

- เพราะเมไม่รู้ว่าทุกอย่างรวมลงที่ใจ จึงสำรวมระวังใจยังไม่ได้ จะไปสำรวมอะไรได้อีกหนอเม
- อ้างอินทรีย์สังวร แต่ไม่เคยปฏิบัติ เข้าไม่ถึง จึงไม่รู้ว่าทำยังไง ไม่รู้ว่าเอาสติไว้ที่ไหน ถึงได้มีแต่ใจชั่วเอาธรรมของพระพุทธเจ้ามากล่าวอ้างมั่วเพื่อเบียดเบียนล่วงอกุศลกรรมต่อผู้อื่น
- มีสติที่สฬายตนะให้มากๆนะน้องเม นักคิด นักท่องจำ จะได้ปหานอกุศลจิตชั่วในใจได้
- ล้างความคุ้นชิน ความจดจำสำคัญมั่นหมายของใจที่มีแต่ใจชั่วเสียใหม่ แล้วเปลี่ยนให้เป็นไปในกุศล จะได้ไม่หยั่งลงนรกแบบตอนนี้


.. ขอให้เจริญในธรรมนะครับน้องเม เลิกท่องจำเสียได้ ปฏิบัติได้ แต่คงยากที่จะทำได้ ต้องรับกรรมอันล่วงอกุศลจากการเบียดเบียนผู้อื่น และหนักสุดคือเอาธรรมพระพุทธเจ้ามากล่าวอ้างด้วยอาศัย ราคะ โทสะ โมหะตนให้หมดเสียก่อน จึงจะไปต่อได้
.. ตราบใดที่มัวแต่กล่าวตู่ผู้อื่น แต่ไม่เห็นความชั่วในกายใจตนตราบนั้นก็ไม่เห็นทางละเว้นกรรมในตนได้
.. ถ้าปฏิบัติมาถูกทางจะเห็นความชั่วในกายใจตน เมื่อเห็นความชั่วในกายใจตนแล้วจึงจะสำรวมระวังกรรมตนได้ ไม่ก้าวล่วงเบียดเบียนผู้อื่น ..เพราะมีหิริพละ มีโอตตัปปะพละ มีมโนกรรมเป็นศีล คือ เจตนาเป็นศีล จึงทำอินทรีย์สังวรณ์ได้

.. การแสดงธรรมด้วยความเป็นเหตุเป็นผลรู้ได้ตามจริงนี้ เป็นสิ่งที่สาวกของพระพุทธเจ้าทุกคนเจริญตามและทำตามหมด ไม่กล่าวอ้างมั่วตามความคิดท่องจำอนุมานเอา แต่กล่าวตามจริงดังนี้

..พี่สงเคราะห์น้องเมธรรมโม้ได้แค่นี้แหละ ที่เหลือต้องปฏิบัติเอาครับ พี่ยินดีแนะนำทางเจริญปฏิบัติให้ครับ


:b8: :b8: :b8:


555

นี่คือความเขลาเบาปัญญา ขอบคุณค่อากาส ที่พยายาม อ้างคำแก้ตัว

เพราะไม่ได้เรียนพระอภิธรรม. ไม่ได้เรียนปริยัติ.
แถมปฎิบัติไม่เอาไหน
แถมยังแสดงความโง่เขลา พยากรณ์ส่งเดชเอาเองว่าอาจารย์ตนเป็นพระอรหันต์

แนะนำนะคะ. ให้ไปเรียนพระธรรมเบื้องต้นเสียให้ดีๆจะได้ไม่มาปล่อยไก่
พระอรหันต์ มีปัญญาแค่แยกฆราวาส กะสงฆ์ได้. แบบนั้นแค่เด็กอนุบาล

ไม่รู้เรยว่าอะไรคือปรมัต์ธรรม.

แนะนำซ้ำนะคะ. พาอาจารย์คุณไปหัดเรียนปรมัต์ธรรมเบื้องต้นนะคะๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ย. 2018, 02:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
โลกสวย เขียน:
[color=#40BF40][/color]
แค่อากาศ เขียน:
โลกสวย เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
โลกสวย เขียน:

พ่อแม่ลูกเมีย ก็จะเอา ปฎิบัติก็จะเอา
ตายไป ก้อไปได้พ่อแม่ลูกเมียใหม่
ยังจะจำพ่อแม่ลูกเมียเก่าได้มั๊ยหละคะ



- ทิศที่ควรอุปการะที่พระพุทธเจ้าตรัสสอน
- ปัญญาแยกแยะได้ระหว่าง สงฆ์(ผู้ออกจากเรือน) กับ ฆราวาส(ผู้ครองเรือน) ..เหตุใดธรรมของพระพุทธเจ้าจึงมีทั้งของฆราวาสและสงฆ์ กิจที่ควรทำในเพศทั้ง ๒

ชาติก่อนเมกับพี่คงเป็นผัวเมียกันแน่นอน มาชาตินี้เมจึงพบพี่ที่นี่ แต่เราก็หากันจนเจอ 5555 ขำๆนะครับน้องเม


คริคริ

นั่นแหละแสดงความเขลา ไม่มีปัญญา ของคนที่ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้ศึกษาพระปริยัติ
พระไตรปิฎก

เรยไม่รู้ว่า มีแต่จิต เจตสิก รุป ปฎิบัติ

เรยไม่รู้ว่า พระพุทธเจ้ายังทรงสอนต่อไปว่า ทำยังไงให้หมดกิจ ที่พึงกระทำ

และอีกอย่างนะคะ

ไม่มีชาติไหนสักชาติเดียว ที่เม ไปเป็นผัวเมียกะพี่หรอก
เพราะธรรมไม่เสมอกัน ศีลไม่เสมอกัน ธรรมมะย่อมคุ้มครองเม อยู่แล้ว
ที่ได้มาพานพบเม เพราะเม เมตตา สาดแสงธรรมมาให้ค่ะ








ขอบคุณครับน้องเม ที่เมตตาครับ

น้องเมครับ ถีนะมิทธะเกิดจากอะไรครับ อุทธัจจะกุกุจจะเกิดจากอะไรครับ
1. สาเหตุที่ทำให้ถีนะมิทธะเกิดมีขึ้นคืออะไรครับ
2. สาเหตุที่ทำให้อุทธัจจะกุกกุจจะเกิดมีขึ้นคืออะไรครับ
3. ตัวตนของนิวรณ์ แต่ละตัวนั้นมันเป็นยังไง เวลาที่เราเข้าไปเห็นมันตามจริง มันเป็นแบบไหนครับ
4. เมื่อจะแก้ แก้ยังไง ครับ

รบกวนขอวิธีเจริญปฏิบัติแบบที่รู้เรื่องด้วยนะครับ
รบกวนเมตตาชี้แนะพี่ด้วยครับ น้องรู้อภิธรรมต้องแนะนำสิ่งที่ถูกต้องได้แน่

อย่าบ่ายเบี่ยง เฉไฉไปเรื่องอื่น หรือตอบแบบ ซะงึก ซะงึก นะครับ

อย่างน้อยชาติก่อนเราก็เคย มะงึก มะงึก อุ๋ง อุ๋ง กัน 555



นี่คือความเขลาเบาปัญญา ของคุณแค่อากาศ ที่ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้เรียนปริยัติ

เรย ไม่รู้ว่า จะปฎิบัติยังไง
และไปถึงปฎิเวธยังไง
เรยไม่รู้ว่า เหตุ เกิดที่ตัวเอง ไม่ได้เกิดจากพระพุทธองค์

คือการหาอาหารจากการไม่ศรัทธาในพระธรรม ไม่เรียนพระธรรม ไม่สำรวมอินทรีย์ การไม่ศึกษา เไม่คบสตตบุรุษ
เรยเขลาเบาปัญญา


แนะนำนะคะ ให้ไปหัดเรียนพื้นฐานในพระธรรมให้ดีๆก่อน

555




555 :b32: :b32: :b32: สรุปคือน้องเมไม่รู้ ตอบไม่ได้เพราะน้องเมได้แค่ท่องจำ เลยเฉไฉไปทั่ว

555 :b32: :b32: :b32: เพราะในตำราไม่มีสอนเลยไม่รู้ใช่มะน้องเม มันเห็นชัดแค่คำถามเดียวเลยอะ ว่า..ถ้าเกินกว่าตัวหนังสือน้องเมไม่รู้ เพราะไม่เคยปฏิบัติไม่เคยเห็นจริง ขำๆ 555 ต่อไปต้องเรียกเมธรรมโม้แล้วครับ

- น่าสงสารน้องเมจัง คงเก็บกดมากที่ทำได้แค่แบกตำราไปไหนมาไหน กล่าวตู่คนอื่นไปทั่วว่าไม่ศรัทธาพระธรรมเพราะไม่เชื่อตนเอง หรือเขาเห็นเมแค่ธรรมปลอม ทั้งๆที่เมนั้นแหละที่ไม่ศรัทธาพระธรรม เอาพระธรรมมาลงสู่ที่ต่ำตามไฟราคะ ไฟโทสะ ไฟโมหะตนอย่างน้องเมครับ พี่เห็นเมแล้วรู้สึกละอายใจแทน แต่เมคงไม่มียางอายเลยอายไม่เป็นเอาพระธรรมของพระพุทธเจ้ามาใช้ในทางที่ผิดไม่เว้นแต่ละวัน

- บุคคลผู้ถึงพระรัตนตรัยแล้ว จะไม่อวดอ้างเอาพระรัตนตรัยลงมาสู่ที่ต่ำทำสนองกิเลสตน เพราะเป็นของสูงเหนือเศียรเกล้า ไม่ว่าจะกล่าวสิ่งใดในพระรัตนตรัยจะสำรวมระวังเสมอ

- พี่จะสงเคราะห์น้องเมดีมั้ยนะ แต่ถึงพี่จะสอนน้องเมไป น้องเมคงไม่มีปัญญาทำ เพราะได้แค่ท่องจำ ไม่รู้ตนเอง แต่จะขอกล่าวพอให้เมรู้ตัวได้บ้างดังนี้ว่า..


- คนที่ไม่กล่าวโม้ธรรม กล่าวว่าไม่ได้เรียนรู้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ศึกษาไม่ปฏิบัติ แต่เพราะบางอย่างเป็นธรรมที่ต้องเข้าถึงและเห็นตามจริงก่อนจึงสามารถกล่าวได้ว่า รู้แล้ว เห็นแล้ว ถึงแล้ว เพราะพระธรรมนั้นไม่ได้มีไว้โม้สอบถือใบประกาศณียบัตร แต่มีไว้เพื่อโอปนะยิโกแล้วทำให้มากเพื่อถึงความพ้นทุกข์ทั้งสิ้นนี้ แล้วเกื้อกูลแก่สัตว์ที่หลงอยู่แบบน้องเมนี้ นี่คือผู้ศรัทธาพระธรรมแท้ๆ

- เพราะเมไม่รู้ว่าทุกอย่างรวมลงที่ใจ จึงสำรวมระวังใจยังไม่ได้ จะไปสำรวมอะไรได้อีกหนอเม
- อ้างอินทรีย์สังวร แต่ไม่เคยปฏิบัติ เข้าไม่ถึง จึงไม่รู้ว่าทำยังไง ไม่รู้ว่าเอาสติไว้ที่ไหน ถึงได้มีแต่ใจชั่วเอาธรรมของพระพุทธเจ้ามากล่าวอ้างมั่วเพื่อเบียดเบียนล่วงอกุศลกรรมต่อผู้อื่น
- มีสติที่สฬายตนะให้มากๆนะน้องเม นักคิด นักท่องจำ จะได้ปหานอกุศลจิตชั่วในใจได้
- ล้างความคุ้นชิน ความจดจำสำคัญมั่นหมายของใจที่มีแต่ใจชั่วเสียใหม่ แล้วเปลี่ยนให้เป็นไปในกุศล จะได้ไม่หยั่งลงนรกแบบตอนนี้


.. ขอให้เจริญในธรรมนะครับน้องเม เลิกท่องจำเสียได้ ปฏิบัติได้ แต่คงยากที่จะทำได้ ต้องรับกรรมอันล่วงอกุศลจากการเบียดเบียนผู้อื่น และหนักสุดคือเอาธรรมพระพุทธเจ้ามากล่าวอ้างด้วยอาศัย ราคะ โทสะ โมหะตนให้หมดเสียก่อน จึงจะไปต่อได้
.. ตราบใดที่มัวแต่กล่าวตู่ผู้อื่น แต่ไม่เห็นความชั่วในกายใจตนตราบนั้นก็ไม่เห็นทางละเว้นกรรมในตนได้
.. ถ้าปฏิบัติมาถูกทางจะเห็นความชั่วในกายใจตน เมื่อเห็นความชั่วในกายใจตนแล้วจึงจะสำรวมระวังกรรมตนได้ ไม่ก้าวล่วงเบียดเบียนผู้อื่น ..เพราะมีหิริพละ มีโอตตัปปะพละ มีมโนกรรมเป็นศีล คือ เจตนาเป็นศีล จึงทำอินทรีย์สังวรณ์ได้

.. การแสดงธรรมด้วยความเป็นเหตุเป็นผลรู้ได้ตามจริงนี้ เป็นสิ่งที่สาวกของพระพุทธเจ้าทุกคนเจริญตามและทำตามหมด ไม่กล่าวอ้างมั่วตามความคิดท่องจำอนุมานเอา แต่กล่าวตามจริงดังนี้

..พี่สงเคราะห์น้องเมธรรมโม้ได้แค่นี้แหละ ที่เหลือต้องปฏิบัติเอาครับ พี่ยินดีแนะนำทางเจริญปฏิบัติให้ครับ


:b8: :b8: :b8:


555

นี่คือความเขลาเบาปัญญา ขอบคุณค่อากาส ที่พยายาม อ้างคำแก้ตัว

เพราะไม่ได้เรียนพระอภิธรรม. ไม่ได้เรียนปริยัติ.
แถมปฎิบัติไม่เอาไหน
แถมยังแสดงความโง่เขลา พยากรณ์ส่งเดชเอาเองว่าอาจารย์ตนเป็นพระอรหันต์

แนะนำนะคะ. ให้ไปเรียนพระธรรมเบื้องต้นเสียให้ดีๆจะได้ไม่มาปล่อยไก่
พระอรหันต์ มีปัญญาแค่แยกฆราวาส กะสงฆ์ได้. แบบนั้นแค่เด็กอนุบาล

ไม่รู้เรยว่าอะไรคือปรมัต์ธรรม.

แนะนำซ้ำนะคะ. พาอาจารย์คุณไปหัดเรียนปรมัต์ธรรมเบื้องต้นนะคะๆ



เมธรรมโม้ นรกแตก 555 กรรมเมหนักเนาะ ลามปามพระอรหันต์ เพราะเราไม่เอ่ยชื่อว่าเป็นท่านไหนเมจึงร่านไปทั่ว ของปลอมก็ทำได้แค่แบบเมนี้แหละให้นรกกินกะบาลตน ความรู้มีแค่เศษฝุ่นติดปลายเท้าท่าน แต่อยากอวดโม้ก้าวลงนรกแท้ๆ :b32: :b32: :b32: ขนาดแค่นิวรณ์ที่ถามยังตอบไม่ได้เพราะนอกเหนือตำราเลยโม้ไม่ได้ เมขายโง่ตนเองมาตั้งหลายกระทู้เลย คนที่เขาถึงแล้วเขาก็นั่งขำ

เริ่มสังเกตุตัวเองไหมมีแต่คนรังเกียจ เมคงไม่รู้เนาะ เพราะกรรมเยอะจึงไม่เคยรู้ตัวเองเลย :b32: :b32: :b32: เมคงรักษาตัวที่ รพ.จิตเวชแน่แล้ว นี่เราคุยอยู่กับคนบ้าอย่างน้องเมตั้งหลายกระทู้ 555 :b32: :b32:

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 41 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 138 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร