ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

สุขกับทุกข์
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=56688
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 31 ต.ค. 2018, 15:46 ]
หัวข้อกระทู้:  สุขกับทุกข์

สุขกับทุกข์มันเป็นสิ่งเดียวกัน เหมือนมะม่วงที่สุกกับดิบเป็นเนื้อเดียวกัน
สำหรับผู้เข้าถึงวิปัสสนาปัญญาจะไม่พบสุขเลย

ไฟล์แนป:
16452642.jpg
16452642.jpg [ 18.1 KiB | เปิดดู 1566 ครั้ง ]

เจ้าของ:  โลกสวย [ 01 พ.ย. 2018, 22:55 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สุขกับทุกข์

ลุงหมาน เขียน:
สุขกับทุกข์มันเป็นสิ่งเดียวกัน เหมือนมะม่วงที่สุกกับดิบเป็นเนื้อเดียวกัน
สำหรับผู้เข้าถึงวิปัสสนาปัญญาจะไม่พบสุขเลย


ส่วนวิปัสสนาญาน เป้นผลของวิปัสสนาปัญญาค่ะ จะได้ลิ้มรสน้ำมะม่วงคั้น ว่าสุขอย่างยิ่งค่ะ


เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 02 พ.ย. 2018, 06:03 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สุขกับทุกข์

โลกสวย เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
สุขกับทุกข์มันเป็นสิ่งเดียวกัน เหมือนมะม่วงที่สุกกับดิบเป็นเนื้อเดียวกัน
สำหรับผู้เข้าถึงวิปัสสนาปัญญาจะไม่พบสุขเลย


ส่วนวิปัสสนาญาน เป้นผลของวิปัสสนาปัญญาค่ะ จะได้ลิ้มรสน้ำมะม่วงคั้น ว่าสุขอย่างยิ่งค่ะ



ขอบคุณครับโลกสวยที่ช่วยกันขยายความ
ที่ได้ใช้ภาพมะม่วงมาเป็นสื่อการสนทนาก็จะให้รู้ว่าสุขกับทุกข์มันก็คือเนื้อเดียวกัน
คราวใดทุกข์ลดลง เราจะเข้าใจว่าสุข แต่เมื่อสุขมันลดลง เราจะเข้าใจว่ามันทุกข์
ทั้งสุขและทุกข์มันก็จะเป็นไปของมันอย่างนี้ตลอดไป จึงให้ความหมายว่าเป็นเนื้อเดียวกัน

การดำเนินงานสายวิปัสสนานั้นต้องใช้สติเป็นตัวนำดำเดินงาน แล้วตามด้วยสัมปชัญญะ
เมื่อดำเนินงานอยู่ก็จะเห็นอาการของรูปนามเกิดดับอยู่ตลอดเวลา นั่นหมายถีงปัญญาดำเนินงาน
เข้าถึงไตรลักษณ์ เมื่อปัญญาดำเนินงานต่อ ก็จะเห็นไตรลักษณ์มีอาการเกิดดับ คือความไม่เที่ยง
ดังที่พระองค์ตรัสไว้ว่า สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์ (หรือขันธ์ทั้ง ๕ เป็นทุกข์)

ฉะนั้นปัญญาจะพิจารณาในหมวดของสัจจะ ๔ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ปัญญาก็จะมากำหนดรู้ทุกข์
ซึ่งเป็นสัจจะแรก ทุกข์ที่ควรกำหนดและการกำหนดรู้ทุกข์นั้นก็เป็นกิจของอริยะมรรคที่กำลังดำเนินงานอยู่
และเมื่อมรรคดำเนินงานอยู่ ก็เป็นกิจของมรรคที่ต้องละสมุทัยไปด้วย ดังนั้นสมุทัยถูกละไปด้วยมรรค
เมื่อนั้นนิโรธซึ่งเป็นผลของมรรคที่ละสมุทัย ทำให้นิโรธก็แจ้ง(สันติสุข)

ข้อสังเกตุ สายวิปัสสนาจะมีแต่ทุกข์เท่านั้น จะไม่มีสุข แต่หากว่าเมื่อดำเนินงานอยู่แล้วพบสุขสงบ
นั้นแสดงว่ามาผิดทาง ที่ว่าผิดทางนั้นเพราะสุขยังเป็นของวิปลาส สุขสงบนี้เป็นสายของสมถะกรรมฐาน

ไฟล์แนป:
horizontal-2071315_960_720.jpg
horizontal-2071315_960_720.jpg [ 53.08 KiB | เปิดดู 1505 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 02 พ.ย. 2018, 12:20 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สุขกับทุกข์

ขึ้นชื่อว่าทุกข์แล้วไม่มีผู้ใดย่อมปราถนามาเป็นของตนเลย
จึงทำให้บุคคลทั่วๆไปแสวงหาความสุขกันไม่หยุดหย่อน
เช่นความสุขทางตาบ้าง ทางหูบ้าง จมูก ลิ้น กาย ตลอดจนถึง
ความสุขทางใจ เช่นความสุขทางตา ก็ดูของสวยๆงามๆ หรือสถานที่ต่างๆทีรงดงาม
ทางหูก็ไปฟังเสียงเพลงเพราะๆ ฟังสวดมนต์บ้าง จากจมูกก็หากลิ่นหอมๆ
มีกลิ่นน้ำหอม หรือกลิ่นของดอกไม้ เหล่านี้เป็นต้น ทางลิ้นก็แสวงการสอร่อยๆ ที่ถูกใจ ทางกายก็หาความสุขจากความเย็นความร้อน ความอ่อนนุ่ม เหล่านี้เป็นต้น ทางใจก็สุขทางทวารทั้ง ๕ นั่นแหละ ฉะนั้นความสุขเหล่านี้เราจึงต้องแสวงหากันมาเพิ่มตอนโดยที่ไม่หยุดหย่อน เพราะไม่เข้าใจว่าสุขเหล่านี้มันก็เป็นของไม่เที่ยง ย่อมเปลี่ยนไปตลอดเวลา เมื่อพิจารณาด้วยปัญญาแล้วก็คือทุกข์นั่นเอง

ไฟล์แนป:
20181102_104603.jpg
20181102_104603.jpg [ 142.46 KiB | เปิดดู 1465 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 02 พ.ย. 2018, 16:56 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สุขกับทุกข์

ความทุกข์คือสามัญลักษณะ เป็นพื้นฐานในการดำรงอยู่ของชีวิต”
จะไม่มีใครในโลกที่รอดไปจากการสูญเสียคนรัก ทั้งจากเป็นและจากตาย จะไม่มีใครในโลกที่รอดพ้นไปจากการสูญเสียเงินทอง วัตถุสิ่งของที่ตนหวงแหน จะไม่มีใครในโลกที่รอดพ้นไปจากการติฉินนินทา จะไม่มีใครในโลกที่รอดพ้นไปจากความยากลำบากในการหาเลี้ยงชีพ เพราะทุกคนต่างแหวกว่ายอยู่ในนาวาแห่งสังสารวัฏที่มีความทุกข์ดั่งแม่น้ำใหญ่ มีความสุขดั่งแผ่นฟ้ากว้าง และมีอัตตาตัวตนดั่งแผ่นดินทับถล่ม แล้วสายลมก็พัดผ่าน แล้ววันหนึ่ง เราทั้งหลายก็ต้องพบปะกับวันวัยแห่งความชรา แม้แต่งตัวด้วยความประณีตตั้งใจให้สวยงามเพียงใด แต่เราไม่อาจงดงามได้อย่างเดิม วันหนึ่งเราจะเดินไม่ได้ วันหนึ่งเราจะกินอาหารใดๆ ไม่รู้รส จะไม่ได้ยินเสียงบทเพลงไพเราะ จะมองไม่เห็นใบหน้าของผู้เป็นที่รักได้ชัดเจนเหมือนเก่า แต่เราอาจพบความจริงว่า
ความทุกข์ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดและความทุกข์นี่เองคือเพื่อนแท้
ที่สอนให้เราตระหนักถึงความงดงามของการมีชีวิตอยู่
ขณะที่เรากำลังดื่มด่ำกับความหมายที่แท้จริงของชีวิต
ทันใดนั้น สายลมพัดผ่านแล้วลมหายใจสุดท้ายของเราก็ดับลง…

ไฟล์แนป:
20180918_111301.jpg
20180918_111301.jpg [ 166.62 KiB | เปิดดู 1464 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 03 พ.ย. 2018, 18:25 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สุขกับทุกข์

สุขเวทนา ทุกขเวทนา เป็นผล เป็นวิบาก เกิดทางกาย
โสมนัสเวทนา โทมนัสสเวทนา เป็นเหตุ เกิดทางใจ
อุเบกขาเวทนา เป็นทั้งเหตุและผล เกิดทางกายและใจ

ไฟล์แนป:
kisspng-t-shirt-girl-woman-women-5abb3e717231f0.3315805515222206574678.png
kisspng-t-shirt-girl-woman-women-5abb3e717231f0.3315805515222206574678.png [ 113.91 KiB | เปิดดู 1435 ครั้ง ]

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/