ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ละกิเลสได้อย่างไร http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=56547 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 3 |
เจ้าของ: | รสมน [ 20 ก.ย. 2018, 05:35 ] |
หัวข้อกระทู้: | ละกิเลสได้อย่างไร |
"อันเพื่อนดี มีเพียงหนึ่ง ถึงจะน้อย ดีกว่าร้อย เพื่อนคิด ริษยา เหมือนเกลือดี มีน้อย ด้อยราคา ยังดีกว่า มีน้ำเค็ม เต็มทะเล" ท่านพุทธทาสภิกขุ อย่าไปไขว่คว้าอะไรให้มันมากมายนัก ให้กำหนดสติรู้"จิต"เพียงอย่างเดียว บาปมันเกิดที่"จิต" บุญมันเกิดที่"จิต" ดีชั่วเกิดที่"จิต" สวรรค์นิพพานเกิดที่"จิต" มันไม่ได้เกิดที่อื่น หลวงปู่แหวน สุจิณโณ จะละกิเลสได้อย่างไร..? พอล: ผมยอมรับว่าคำสอนของหลวงพ่อเป็นสัจธรรมจริง แต่ยากที่ฆราวาสญาติพัวพันอยู่ กับโลกๆจะปฏิบัติตามได้.? หลวงพ่อ(เอาไม้เท้าชี้ที่อกของ พอล): ถ้าปลายไม้นี้มีเปลวลุกโพลง คิดดูซิว่า พอลจะว่ายังไง เขาจะพูดว่า ผมทุกข์จริง ร้อนจริง แต่นั่งอยู่ที่นี่ไม่รู้จะหนีไปไหน เขาจะโอ้เอ้ พูดอยู่อย่างนั้นหรือมีแต่จะหลีกหนีเท่านั้น ถ้าเราเห็นตัวทุกข์เกิดขึ้นมาจริงๆแล้ว มีแต่จะภาวนาหาทางออกให้ได้เท่านั้น พอล: ทำอย่างไรจะละกิเลสได้ครับ.? หลวงพ่อ: อย่าเพิ่งใจร้อนรีบละกิเลส ใจเย็นๆ คอยดูความทุกข์ ดูเหตุของมัน ดูให้ดีๆ แล้วจะได้ละมันออกอย่างเต็มที่เหมือนกับว่าเวลากินอาหาร เราเคี้ยวช้าๆ เคี้ยวให้ละเอียด มันจึงย่อยง่าย ย่อยได้ดี วันหนึ่งหลังจากเสร็จการอบรมธรรม และตอบปัญหา พอลได้เตรียมเครื่องเทปบันทึกเสียง บังเอิญเกิดไฟฟ้ารั่ว เมื่อถูกไฟดูดพอลก็ปล่อยมือทันที หลวงพ่อได้สังเกตเห็นจึงพูดขึ้นว่า “ทำไมปล่อยเร็วนักล่ะ? ใครบอกให้ปล่อย? เมื่อเห็นอันตราย เมื่อเห็นโทษ เห็นตัวทุกข์จริงๆ ของมันก็จะรู้จักปล่อยจักวางเอง ไม่ต้องมี ใครที่ไหนมาบอกหรอก..ฯ” ... คำถาม-ตอบปัญหาธรรม หลวงปู่ชา สุภทฺโท อย่าไปไขว่คว้าอะไร ให้มันมากมายนัก ให้กำหนดสติรู้จิต เพียงอย่างเดียว บาปมันเกิดที่จิต บุญมันเกิดที่จิต ดีชั่วเกิดที่จิต สวรรค์นิพพานเกิดที่จิต มันไม่ได้เกิดที่อื่น หลวงปู่แหวน สุจิณโณ "นิมิตฺตํ สาธุรูปานํ กตญฺญูกตเวทิตา... ความกตัญญูกตเวทีเป็นเครื่องหมายแห่งคนดี" โอวาทธรรม สมเด็จพระญาณสังวร #สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 20 ก.ย. 2018, 05:48 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ละกิเลสได้อย่างไร |
“ธรรมที่พึงละ มิใช่ด้วยกาย มิใช่ด้วยวาจา ต้องเห็นชัดด้วยปัญญาจึงละได้ เป็นไฉน ? คือ โลภะ...โทสะ...โมหะ...ความโกรธ...ความผูกโกรธ...ความลบหลู่....ความยกตัวกดเขาเขาไว้...ความตระหนี่ พึงละ มิใช่ด้วยกาย มิใช่ด้วยวาจา ต้องเห็นชัดด้วยปัญญาจึงละได้...” (องฺ.ทสก.24/23/41) ให้สังเกตคำว่า กิเลส มีโทสะ เป็นต้น ท่านก็เรียกว่า "ธรรม" แล้วกิเลสเหล่านั้นแหละจะละมันได้ต้องมีปัญญาที่เห็นมันชัดๆจึงจะละมันได้ คือ เห็นโทษของมันก่อน |
เจ้าของ: | Rosarin [ 20 ก.ย. 2018, 07:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ละกิเลสได้อย่างไร |
กรัชกาย เขียน: “ธรรมที่พึงละ มิใช่ด้วยกาย มิใช่ด้วยวาจา ต้องเห็นชัดด้วยปัญญาจึงละได้ เป็นไฉน ? คือ โลภะ...โทสะ...โมหะ...ความโกรธ...ความผูกโกรธ...ความลบหลู่....ความยกตัวกดเขาเขาไว้...ความตระหนี่ พึงละ มิใช่ด้วยกาย มิใช่ด้วยวาจา ต้องเห็นชัดด้วยปัญญาจึงละได้...” (องฺ.ทสก.24/23/41) ให้สังเกตคำว่า กิเลส มีโทสะ เป็นต้น ท่านก็เรียกว่า "ธรรม" แล้วกิเลสเหล่านั้นแหละจะละมันได้ต้องมีปัญญาที่เห็นมันชัดๆจึงจะละมันได้ คือ เห็นโทษของมันก่อน ![]() นี่ภาษาบาลีต้องแปลไทยให้เข้าใจก่อน กิเลสแปลว่าไม่รู้ความจริงตามคำสอนเดี๋ยวนี้ ปัญญาแปลว่ารู้ถูกเข้าใจถูกตรงจริงตามคำสอนที่กายใจตนทันทีที่มีผู้กล่าวให้รู้ตัวว่าไม่รู้ ![]() แค่กะพริบตามีจิตเกิดดับนับไม่ถ้วนครบ6ทางดับสะสมที่จิตแล้วอันเก่าดับไม่กลับมาให้แก้ไขได้ กิเลสเกิดตั้งแต่ขณะที่3ดับแสดงว่าเดี๋ยวนี้มีกิเลสใหม่ดับสะสมเพิ่มแล้วแก้ต้องแก้ที่คิดตามเดี๋ยวนี้ ทุกครั้งที่กะพริบตาไม่ระลึกตามการฟังคำสอนแสดงว่าไม่มีปัญญาแทรกเกิดเข้าแทนกิเลสตนเองไงคะ ขาดการฟังคือไม่พึ่งจิตได้ยินเสียงความจริงตรงขณะไม่มีทางให้เกิดปัญญารู้ตรงตามได้จึงต้องเพียรฟัง อ่านคือจิตคิดนึกหลังเห็นดับเป็นคิดเรื่องราวตามความหมายตัวอักษรแล้วตีความต่อเอาเองมันผิดทางไง การฟังเป็นการตามรู้เสียงคิดตามเสียงตรงคำตรงขณะที่ทำให้คิดตามเข้าใจความจริงที่จิตกำลังมีเดี๋ยวนี้ฟังไหม ![]() ![]() |
เจ้าของ: | Rosarin [ 20 ก.ย. 2018, 07:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ละกิเลสได้อย่างไร |
![]() เข้าใจไหมคะละกิเลสแปลว่าละไม่รู้ที่กำลังมีด้วยปัญญาจากการฟังพระพุทธพจน์จากปรโตโฆสะะุะะะะะ มีเอ็กโค่ววววว555...ฟังบ้างนะจ๊ะจะได้สะสมเหตุใหม่ที่มีปัญญาแทรกเข้าแทนที่กิเลสบ้างบวชรับเงินไม่ได้ ![]() ![]() https://youtu.be/i0FYvUtfl88 |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 20 ก.ย. 2018, 09:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ละกิเลสได้อย่างไร |
Rosarin เขียน: Kiss เข้าใจไหมคะละ กิเลส แปลว่า ละไม่รู้ที่กำลังมีด้วยปัญญา จากการฟังพระพุทธพจน์จากปรโตโฆสะะุะะะะะ มีเอ็กโค่ววววว555...ฟังบ้างนะจ๊ะจะได้สะสมเหตุใหม่ที่มีปัญญาแทรกเข้าแทนที่กิเลสบ้างบวชรับเงินไม่ได้ ![]() ![]() https://youtu.be/i0FYvUtfl88 บอกแล้วว่า เป็น ธรรมปฏิรูป ปฏิสังขรณ์ เป็นของปลอม ไปอีกหน่อยก็จะเป็นจะถึง ทำมะปฏิกูล ![]() เลอะเทอะเสียเวลาเปล่าๆปลี้ๆ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 20 ก.ย. 2018, 10:15 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ละกิเลสได้อย่างไร |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: Kiss เข้าใจไหมคะละ กิเลส แปลว่า ละไม่รู้ที่กำลังมีด้วยปัญญา จากการฟังพระพุทธพจน์จากปรโตโฆสะะุะะะะะ มีเอ็กโค่ววววว555...ฟังบ้างนะจ๊ะจะได้สะสมเหตุใหม่ที่มีปัญญาแทรกเข้าแทนที่กิเลสบ้างบวชรับเงินไม่ได้ ![]() ![]() https://youtu.be/i0FYvUtfl88 บอกแล้วว่า เป็น ธรรมปฏิรูป ปฏิสังขรณ์ เป็นของปลอม ไปอีกหน่อยก็จะเป็นจะถึง ทำมะปฏิกูล ![]() เลอะเทอะเสียเวลาเปล่าๆปลี้ๆ ![]() คิดให้มันตรงเดี๋ยวนี้เลยตัวเองไม่ใช่พระพุทธเจ้าไปนั่งคิดเองไม่ได้ เพราะปัญญาเกิดเมื่อเริ่มฟังพระพุทธพจน์แล้วเจริญขึ้นตามที่ฟัง และคนที่ฟังเข้าใจเขาถ่ายทอดให้เข้าใจถูกตรงตามได้จริงๆ ต้องพูดตามคำสอนที่ตนเข้าใจแล้วให้คนอื่นคิดถูกตามได้ ถึงเรียกว่ากำลังคิดพูดทำถูกตามคำสอนให้ผู้อื่นคิดตาม ถูกตรงตามความจริงที่กำลังคิดพูดทำเดี๋ยวนี้ลืมฟังแล้ว เพราะไม่ได้กำลังสะสมเหตุเกิดปัญญาถึงนิพพานไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่ากำลังมีกิเลสเกิดตลอดเวลาจนกว่าเริ่มฟัง คิดให้ตรงเหตุแห่งการฟังต้องกำลังเงี่ยหูฟังอยู่นะจ๊ะ https://youtu.be/xgj-CqKUcAM ![]() ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 20 ก.ย. 2018, 10:36 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ละกิเลสได้อย่างไร |
กรัชกาย เขียน: “ธรรมที่พึงละ มิใช่ด้วยกาย มิใช่ด้วยวาจา ต้องเห็นชัดด้วยปัญญาจึงละได้ เป็นไฉน ? คือ โลภะ...โทสะ...โมหะ...ความโกรธ...ความผูกโกรธ...ความลบหลู่....ความยกตัวกดเขาเขาไว้...ความตระหนี่ พึงละ มิใช่ด้วยกาย มิใช่ด้วยวาจา ต้องเห็นชัดด้วยปัญญาจึงละได้...” (องฺ.ทสก.24/23/41) ให้สังเกตคำว่า กิเลส มีโทสะ เป็นต้น ท่านก็เรียกว่า "ธรรม" แล้วกิเลสเหล่านั้นแหละจะละมันได้ต้องมีปัญญาที่เห็นมันชัดๆจึงจะละมันได้ คือ เห็นโทษของมันก่อน เพื่อให้เห็นภาพชัดๆ ยกตัวอย่างด้วยเรื่องเห็นๆ เอาแค่ เหล้า บุหรี่ ยาเสพติด คนเราเกิดมาจากท้องแม่มันติดไม้ติดมือเรามาด้วยรึก็เปล่า ไม่เลย ไม่มีอะไรติดมือมาเลย มามือเปล่าๆ แต่คนคนเรา (บางคน) มาแสวงหาเสพหาสูบเอาหลังจากเกิดมาแล้วทั้งนั้น ครั้นเสพสูบดื่มเข้าไปแล้วทีนี้จะเลิกก็เลิกไม่ได้เลิกยาก บางคนเลิกไม่ได้ ผูกคอตายหนีไปเลย บางคนเห็นโทษสิ่งเสพติดบ้างเข้าบำบัดรักษาแล้ว เลิกได้ระยะหนึ่ง แต่พอกลับมาเป็นอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมๆชีวิตเดิมๆ ก็หันไปเสพไปสูบอีก นี่เรื่องเห็นๆนะยังเลิกยากขนาดนี้ ยอมตัวตายง่ายกว่า ![]() ทีนี้กิเลสมันเป็นนามธรรม เช่น ราคะ โทสะ โมหะ ซึ่งเป็นรากเป็นเหง้าซ่อนตัวนิ่งอยู่ คนจะขุดจะกำจัดก็ยาก ซ้ำตัวเองก็ไม่รู้จักเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับขุด พอจะรู้วิธีขุดอยู่บ้าง อ้าวพอขุดไปๆเจอะกับความขี้เกียจ (นี่ก็กิเลส) ไม่ไหวแล้วเลิกเลย อ้าวเสร็จมัน ![]() |
เจ้าของ: | Rosarin [ 20 ก.ย. 2018, 10:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ละกิเลสได้อย่างไร |
![]() เสียงทุกเสียงทั่วโลกกำลังมีตามเหตุตามปัจจัยณที่นั้นๆ เราไม่ได้ฟังทุกเสียงนั้นได้แต่เหตุปัจจัยของเสียงมีที่หูเรา เราจึงเป็นผู้ที่เลือกฟังสิ่งที่ถูกต้องได้เพราะยังมีเรามีตัวตน ถ้าไม่ฟังเลยจะรู้ไหมว่าแม้ขณะที่กำลังฟังเสียงคำวาจาสัจจะ ก็มีเสียงต่างๆมากมายแทรกมาตัดรอนการฟังตลอดเวลานะคะ จิตเกิดดับทีละ1ขณะคิดถูกคือเห็นทีละ1สีได้ยินทีละ1เสียงคำวาจาสัจจะ สาวกคือผู้เพียรรู้คิดถูกตามการฟังเข้าใจได้ตรงสัจจะทีละ1คำสัจจะจนตรงความจริงที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ค่ะ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 20 ก.ย. 2018, 10:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ละกิเลสได้อย่างไร |
Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: Kiss เข้าใจไหมคะละ กิเลส แปลว่า ละไม่รู้ที่กำลังมีด้วยปัญญา จากการฟังพระพุทธพจน์จากปรโตโฆสะะุะะะะะ มีเอ็กโค่ววววว555...ฟังบ้างนะจ๊ะจะได้สะสมเหตุใหม่ที่มีปัญญาแทรกเข้าแทนที่กิเลสบ้างบวชรับเงินไม่ได้ ![]() ![]() https://youtu.be/i0FYvUtfl88 บอกแล้วว่า เป็น ธรรมปฏิรูป ปฏิสังขรณ์ เป็นของปลอม ไปอีกหน่อยก็จะเป็นจะถึง ทำมะปฏิกูล ![]() เลอะเทอะเสียเวลาเปล่าๆปลี้ๆ ![]() คิดให้มันตรงเดี๋ยวนี้เลยตัวเองไม่ใช่พระพุทธเจ้าไปนั่งคิดเองไม่ได้ เพราะปัญญาเกิดเมื่อเริ่มฟังพระพุทธพจน์แล้วเจริญขึ้นตามที่ฟัง และคนที่ฟังเข้าใจเขาถ่ายทอดให้เข้าใจถูกตรงตามได้จริงๆ ต้องพูดตามคำสอนที่ตนเข้าใจแล้วให้คนอื่นคิดถูกตามได้ ถึงเรียกว่ากำลังคิดพูดทำถูกตามคำสอนให้ผู้อื่นคิดตาม ถูกตรงตามความจริงที่กำลังคิดพูดทำเดี๋ยวนี้ลืมฟังแล้ว เพราะไม่ได้กำลังสะสมเหตุเกิดปัญญาถึงนิพพานไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่ากำลังมีกิเลสเกิดตลอดเวลาจนกว่าเริ่มฟัง คิดให้ตรงเหตุแห่งการฟังต้องกำลังเงี่ยหูฟังอยู่นะจ๊ะ https://youtu.be/xgj-CqKUcAM ![]() ![]() ถ้ายังงั้นก็คงต้องรอพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปนะขอรับโผม ![]() |
เจ้าของ: | Rosarin [ 20 ก.ย. 2018, 10:45 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ละกิเลสได้อย่างไร |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: Kiss เข้าใจไหมคะละ กิเลส แปลว่า ละไม่รู้ที่กำลังมีด้วยปัญญา จากการฟังพระพุทธพจน์จากปรโตโฆสะะุะะะะะ มีเอ็กโค่ววววว555...ฟังบ้างนะจ๊ะจะได้สะสมเหตุใหม่ที่มีปัญญาแทรกเข้าแทนที่กิเลสบ้างบวชรับเงินไม่ได้ ![]() ![]() https://youtu.be/i0FYvUtfl88 บอกแล้วว่า เป็น ธรรมปฏิรูป ปฏิสังขรณ์ เป็นของปลอม ไปอีกหน่อยก็จะเป็นจะถึง ทำมะปฏิกูล ![]() เลอะเทอะเสียเวลาเปล่าๆปลี้ๆ ![]() คิดให้มันตรงเดี๋ยวนี้เลยตัวเองไม่ใช่พระพุทธเจ้าไปนั่งคิดเองไม่ได้ เพราะปัญญาเกิดเมื่อเริ่มฟังพระพุทธพจน์แล้วเจริญขึ้นตามที่ฟัง และคนที่ฟังเข้าใจเขาถ่ายทอดให้เข้าใจถูกตรงตามได้จริงๆ ต้องพูดตามคำสอนที่ตนเข้าใจแล้วให้คนอื่นคิดถูกตามได้ ถึงเรียกว่ากำลังคิดพูดทำถูกตามคำสอนให้ผู้อื่นคิดตาม ถูกตรงตามความจริงที่กำลังคิดพูดทำเดี๋ยวนี้ลืมฟังแล้ว เพราะไม่ได้กำลังสะสมเหตุเกิดปัญญาถึงนิพพานไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่ากำลังมีกิเลสเกิดตลอดเวลาจนกว่าเริ่มฟัง คิดให้ตรงเหตุแห่งการฟังต้องกำลังเงี่ยหูฟังอยู่นะจ๊ะ https://youtu.be/xgj-CqKUcAM ![]() ![]() ถ้ายังงั้นก็คงต้องรอพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปนะขอรับโผม ![]() ![]() ได้พบแล้วจะฟังพระองค์เข้าใจไหมล่ะนั่งหลับก็ได้นี่ ถ้าไม่สะสมปัญญามาจากแต่ปางก่อน เห็นคนฟังเทศน์นั่งหลับไหม ได้ยินเมื่อหูไม่หนวก เห็นเมื่อตาไม่บอด ฟังเพื่อคิดเห็นถูกตามได้ค่ะ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | Rosarin [ 20 ก.ย. 2018, 10:46 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ละกิเลสได้อย่างไร |
Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: Kiss เข้าใจไหมคะละ กิเลส แปลว่า ละไม่รู้ที่กำลังมีด้วยปัญญา จากการฟังพระพุทธพจน์จากปรโตโฆสะะุะะะะะ มีเอ็กโค่ววววว555...ฟังบ้างนะจ๊ะจะได้สะสมเหตุใหม่ที่มีปัญญาแทรกเข้าแทนที่กิเลสบ้างบวชรับเงินไม่ได้ ![]() ![]() https://youtu.be/i0FYvUtfl88 บอกแล้วว่า เป็น ธรรมปฏิรูป ปฏิสังขรณ์ เป็นของปลอม ไปอีกหน่อยก็จะเป็นจะถึง ทำมะปฏิกูล ![]() เลอะเทอะเสียเวลาเปล่าๆปลี้ๆ ![]() คิดให้มันตรงเดี๋ยวนี้เลยตัวเองไม่ใช่พระพุทธเจ้าไปนั่งคิดเองไม่ได้ เพราะปัญญาเกิดเมื่อเริ่มฟังพระพุทธพจน์แล้วเจริญขึ้นตามที่ฟัง และคนที่ฟังเข้าใจเขาถ่ายทอดให้เข้าใจถูกตรงตามได้จริงๆ ต้องพูดตามคำสอนที่ตนเข้าใจแล้วให้คนอื่นคิดถูกตามได้ ถึงเรียกว่ากำลังคิดพูดทำถูกตามคำสอนให้ผู้อื่นคิดตาม ถูกตรงตามความจริงที่กำลังคิดพูดทำเดี๋ยวนี้ลืมฟังแล้ว เพราะไม่ได้กำลังสะสมเหตุเกิดปัญญาถึงนิพพานไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่ากำลังมีกิเลสเกิดตลอดเวลาจนกว่าเริ่มฟัง คิดให้ตรงเหตุแห่งการฟังต้องกำลังเงี่ยหูฟังอยู่นะจ๊ะ https://youtu.be/xgj-CqKUcAM ![]() ![]() ถ้ายังงั้นก็คงต้องรอพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปนะขอรับโผม ![]() ![]() ได้พบแล้วจะฟังพระองค์เข้าใจไหมล่ะนั่งหลับก็ได้นี่ ถ้าไม่สะสมปัญญามาจากแต่ปางก่อน เห็นคนฟังเทศน์นั่งหลับไหม ได้ยินเมื่อหูไม่หนวก เห็นเมื่อตาไม่บอด ฟังเพื่อคิดเห็นถูกตามได้ค่ะ ![]() ![]() ![]() ภาษาบาลีตรงกับคำว่า...สัมมาทิฏฐิ...มรรคแรกไม่มีมรรคอื่นๆก็มีไม่ได้ทุกคำต้องมีตรงขณะคือเดี๋ยวนี้ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 20 ก.ย. 2018, 11:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ละกิเลสได้อย่างไร |
Rosarin เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: Kiss เข้าใจไหมคะละ กิเลส แปลว่า ละไม่รู้ที่กำลังมีด้วยปัญญา จากการฟังพระพุทธพจน์จากปรโตโฆสะะุะะะะะ มีเอ็กโค่ววววว555...ฟังบ้างนะจ๊ะจะได้สะสมเหตุใหม่ที่มีปัญญาแทรกเข้าแทนที่กิเลสบ้างบวชรับเงินไม่ได้ ![]() ![]() https://youtu.be/i0FYvUtfl88 บอกแล้วว่า เป็น ธรรมปฏิรูป ปฏิสังขรณ์ เป็นของปลอม ไปอีกหน่อยก็จะเป็นจะถึง ทำมะปฏิกูล ![]() เลอะเทอะเสียเวลาเปล่าๆปลี้ๆ ![]() คิดให้มันตรงเดี๋ยวนี้เลยตัวเองไม่ใช่พระพุทธเจ้าไปนั่งคิดเองไม่ได้ เพราะปัญญาเกิดเมื่อเริ่มฟังพระพุทธพจน์แล้วเจริญขึ้นตามที่ฟัง และคนที่ฟังเข้าใจเขาถ่ายทอดให้เข้าใจถูกตรงตามได้จริงๆ ต้องพูดตามคำสอนที่ตนเข้าใจแล้วให้คนอื่นคิดถูกตามได้ ถึงเรียกว่ากำลังคิดพูดทำถูกตามคำสอนให้ผู้อื่นคิดตาม ถูกตรงตามความจริงที่กำลังคิดพูดทำเดี๋ยวนี้ลืมฟังแล้ว เพราะไม่ได้กำลังสะสมเหตุเกิดปัญญาถึงนิพพานไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่ากำลังมีกิเลสเกิดตลอดเวลาจนกว่าเริ่มฟัง คิดให้ตรงเหตุแห่งการฟังต้องกำลังเงี่ยหูฟังอยู่นะจ๊ะ https://youtu.be/xgj-CqKUcAM ![]() ![]() ถ้ายังงั้นก็คงต้องรอพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปนะขอรับโผม ![]() ![]() ได้พบแล้วจะฟังพระองค์เข้าใจไหมล่ะนั่งหลับก็ได้นี่ ถ้าไม่สะสมปัญญามาจากแต่ปางก่อน เห็นคนฟังเทศน์นั่งหลับไหม ได้ยินเมื่อหูไม่หนวก เห็นเมื่อตาไม่บอด ฟังเพื่อคิดเห็นถูกตามได้ค่ะ ![]() ![]() ![]() ภาษาบาลีตรงกับคำว่า...สัมมาทิฏฐิ...มรรคแรกไม่มีมรรคอื่นๆก็มีไม่ได้ทุกคำต้องมีตรงขณะคือเดี๋ยวนี้ คุณโรส คุณจะสุตะ จะฟังอย่างเดียวทั้งชีวิตหรือ ไม่คิด คือ ไม่จินตะ ไม่ทำ คือ ไม่ภาวนา ไม่ดม ไม่ฆานะ เป็นต้น มั่งหรือขอรับโผม ![]() ![]() ตอบตรงๆคำถาม 1. ใช่ 2. ไม่ใช่ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 20 ก.ย. 2018, 14:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ละกิเลสได้อย่างไร |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: Kiss เข้าใจไหมคะละ กิเลส แปลว่า ละไม่รู้ที่กำลังมีด้วยปัญญา จากการฟังพระพุทธพจน์จากปรโตโฆสะะุะะะะะ มีเอ็กโค่ววววว555...ฟังบ้างนะจ๊ะจะได้สะสมเหตุใหม่ที่มีปัญญาแทรกเข้าแทนที่กิเลสบ้างบวชรับเงินไม่ได้ ![]() ![]() https://youtu.be/i0FYvUtfl88 บอกแล้วว่า เป็น ธรรมปฏิรูป ปฏิสังขรณ์ เป็นของปลอม ไปอีกหน่อยก็จะเป็นจะถึง ทำมะปฏิกูล ![]() เลอะเทอะเสียเวลาเปล่าๆปลี้ๆ ![]() คิดให้มันตรงเดี๋ยวนี้เลยตัวเองไม่ใช่พระพุทธเจ้าไปนั่งคิดเองไม่ได้ เพราะปัญญาเกิดเมื่อเริ่มฟังพระพุทธพจน์แล้วเจริญขึ้นตามที่ฟัง และคนที่ฟังเข้าใจเขาถ่ายทอดให้เข้าใจถูกตรงตามได้จริงๆ ต้องพูดตามคำสอนที่ตนเข้าใจแล้วให้คนอื่นคิดถูกตามได้ ถึงเรียกว่ากำลังคิดพูดทำถูกตามคำสอนให้ผู้อื่นคิดตาม ถูกตรงตามความจริงที่กำลังคิดพูดทำเดี๋ยวนี้ลืมฟังแล้ว เพราะไม่ได้กำลังสะสมเหตุเกิดปัญญาถึงนิพพานไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่ากำลังมีกิเลสเกิดตลอดเวลาจนกว่าเริ่มฟัง คิดให้ตรงเหตุแห่งการฟังต้องกำลังเงี่ยหูฟังอยู่นะจ๊ะ https://youtu.be/xgj-CqKUcAM ![]() ![]() ถ้ายังงั้นก็คงต้องรอพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปนะขอรับโผม ![]() ![]() ได้พบแล้วจะฟังพระองค์เข้าใจไหมล่ะนั่งหลับก็ได้นี่ ถ้าไม่สะสมปัญญามาจากแต่ปางก่อน เห็นคนฟังเทศน์นั่งหลับไหม ได้ยินเมื่อหูไม่หนวก เห็นเมื่อตาไม่บอด ฟังเพื่อคิดเห็นถูกตามได้ค่ะ ![]() ![]() ![]() ภาษาบาลีตรงกับคำว่า...สัมมาทิฏฐิ...มรรคแรกไม่มีมรรคอื่นๆก็มีไม่ได้ทุกคำต้องมีตรงขณะคือเดี๋ยวนี้ คุณโรส คุณจะสุตะ จะฟังอย่างเดียวทั้งชีวิตหรือ ไม่คิด คือ ไม่จินตะ ไม่ทำ คือ ไม่ภาวนา ไม่ดม ไม่ฆานะ เป็นต้น มั่งหรือขอรับโผม ![]() ![]() ตอบตรงๆคำถาม 1. ใช่ 2. ไม่ใช่ ![]() สุตมยปัญญาคือปัญญาเพิ่มจากการฟังเมื่อฟังจนเข้าถึงความจริง จินตามยปัญญาคือฟังจนรู้ตรงสัจจะก็เป็นกิจของปัญญาไตร่ตรองตรงจริง ภาวนามยปัญญาเมื่อฟังบ่อยๆย่อมภาวนาแต่ในคำที่ตรงสัจจะที่กายใจมีแล้วไม่ต้องไปทำ555 ![]() ![]() |
เจ้าของ: | Rosarin [ 20 ก.ย. 2018, 14:08 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ละกิเลสได้อย่างไร |
Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: Kiss เข้าใจไหมคะละ กิเลส แปลว่า ละไม่รู้ที่กำลังมีด้วยปัญญา จากการฟังพระพุทธพจน์จากปรโตโฆสะะุะะะะะ มีเอ็กโค่ววววว555...ฟังบ้างนะจ๊ะจะได้สะสมเหตุใหม่ที่มีปัญญาแทรกเข้าแทนที่กิเลสบ้างบวชรับเงินไม่ได้ ![]() ![]() https://youtu.be/i0FYvUtfl88 บอกแล้วว่า เป็น ธรรมปฏิรูป ปฏิสังขรณ์ เป็นของปลอม ไปอีกหน่อยก็จะเป็นจะถึง ทำมะปฏิกูล ![]() เลอะเทอะเสียเวลาเปล่าๆปลี้ๆ ![]() คิดให้มันตรงเดี๋ยวนี้เลยตัวเองไม่ใช่พระพุทธเจ้าไปนั่งคิดเองไม่ได้ เพราะปัญญาเกิดเมื่อเริ่มฟังพระพุทธพจน์แล้วเจริญขึ้นตามที่ฟัง และคนที่ฟังเข้าใจเขาถ่ายทอดให้เข้าใจถูกตรงตามได้จริงๆ ต้องพูดตามคำสอนที่ตนเข้าใจแล้วให้คนอื่นคิดถูกตามได้ ถึงเรียกว่ากำลังคิดพูดทำถูกตามคำสอนให้ผู้อื่นคิดตาม ถูกตรงตามความจริงที่กำลังคิดพูดทำเดี๋ยวนี้ลืมฟังแล้ว เพราะไม่ได้กำลังสะสมเหตุเกิดปัญญาถึงนิพพานไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่ากำลังมีกิเลสเกิดตลอดเวลาจนกว่าเริ่มฟัง คิดให้ตรงเหตุแห่งการฟังต้องกำลังเงี่ยหูฟังอยู่นะจ๊ะ https://youtu.be/xgj-CqKUcAM ![]() ![]() ถ้ายังงั้นก็คงต้องรอพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปนะขอรับโผม ![]() ![]() ได้พบแล้วจะฟังพระองค์เข้าใจไหมล่ะนั่งหลับก็ได้นี่ ถ้าไม่สะสมปัญญามาจากแต่ปางก่อน เห็นคนฟังเทศน์นั่งหลับไหม ได้ยินเมื่อหูไม่หนวก เห็นเมื่อตาไม่บอด ฟังเพื่อคิดเห็นถูกตามได้ค่ะ ![]() ![]() ![]() ภาษาบาลีตรงกับคำว่า...สัมมาทิฏฐิ...มรรคแรกไม่มีมรรคอื่นๆก็มีไม่ได้ทุกคำต้องมีตรงขณะคือเดี๋ยวนี้ คุณโรส คุณจะสุตะ จะฟังอย่างเดียวทั้งชีวิตหรือ ไม่คิด คือ ไม่จินตะ ไม่ทำ คือ ไม่ภาวนา ไม่ดม ไม่ฆานะ เป็นต้น มั่งหรือขอรับโผม ![]() ![]() ตอบตรงๆคำถาม 1. ใช่ 2. ไม่ใช่ ![]() สุตมยปัญญาคือปัญญาเพิ่มจากการฟังเมื่อฟังจนเข้าถึงความจริง จินตามยปัญญาคือฟังจนรู้ตรงสัจจะก็เป็นกิจของปัญญาไตร่ตรองตรงจริง ภาวนามยปัญญาเมื่อฟังบ่อยๆย่อมภาวนาแต่ในคำที่ตรงสัจจะที่กายใจมีแล้วไม่ต้องไปทำ555 ![]() ![]() ![]() ลองฟังและดูสิคะว่าเข้าใจถูกตามได้บ้างรึเปล่า https://youtu.be/qP1Q8FI8spw ![]() ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 20 ก.ย. 2018, 17:16 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ละกิเลสได้อย่างไร |
อ้างคำพูด: กรัชกาย คุณโรส คุณจะสุตะ จะฟังอย่างเดียวทั้งชีวิตหรือ ไม่คิด คือ ไม่จินตะ ไม่ทำ คือ ไม่ภาวนา ไม่ดม ไม่ฆานะ เป็นต้น มั่งหรือขอรับโผม ![]() ![]() ตอบตรงๆคำถาม 1. ใช่ 2. ไม่ใช่ อ้างคำพูด: สุตมยปัญญาคือปัญญาเพิ่มจากการฟังเมื่อฟังจนเข้าถึงความจริง จินตามยปัญญาคือฟังจนรู้ตรงสัจจะก็เป็นกิจของปัญญาไตร่ตรองตรงจริง ภาวนามยปัญญาเมื่อฟังบ่อยๆย่อมภาวนาแต่ในคำที่ตรงสัจจะที่กายใจมีแล้วไม่ต้องไปทำ555 ลองฟังและดูสิคะว่าเข้าใจถูกตามได้บ้างรึเปล่า https://youtu.be/qP1Q8FI8spw นี่แม่สุจินพูดแม่สุจินว่า ไม่ใช่ตถาคตกล่าวไม่ใช่ตถาคตว่านะขอรับ ![]() อ้างคำพูด: โรสสมัครสมาชิกเข้าเว็บลานธรรมจักร มาอ่านสิ่งที่มีผู้โพสต์ไม่ได้มาสมัคร เป็นลูกศิษย์ใครในลานธรรมจักร และการฟังอะไรก็ตามล้วนมี การอ้างอิงยืนยันที่ไปที่มา และการอ้างคลิปต่างๆ จากแหล่งใดก็ตาม โรสไม่ได้สมัคร เป็นศิษย์เขาน๊า การที่มีสมาชิกเข้าใจผิดยัดเยียดโรสให้เป็นศิษย์ใครต่อใครนั่นเขาคิดผิดเองรับผิดชอบด้วยนะคะ โรสศึกษาธัมมะคือคำนี้ผู้บัญญัติคือพระพุทธเจ้าโรสศึกษาจากผู้กล่าวความจริงตามคำสอนนะคะ นี่เป็นหลักฐานยืนยัน ถ้าเกิดมีการฟ้องร้องทางกฏหมายจากการแอบอ้างเอง โรสไม่เกี่ยวข้องกะคนคิดผิด ตั้งหัวข้อสนทนาไม่เคารพพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่เกี่ยวกะความคิดโรส/โรสคือศิษย์ตถาคตค่ะ viewtopic.php?f=1&t=56524&p=427084#p427084 แนะๆ แถมเอากดหมงกดหมายมาขู่เขาอีกนะ เห็นแม่สุจินออกคลิปตำหนิว่าพระหลายคลิปนะ ยังไม่เห็นพระฟ้องแม่สุจินสักทีเลย |
หน้า 1 จากทั้งหมด 3 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |