ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
พระธรรมวินัยแทนพระศาสดาเพียรฟังเพื่อคิดถูกตรงตามได้ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=56526 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | Rosarin [ 15 ก.ย. 2018, 07:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | พระธรรมวินัยแทนพระศาสดาเพียรฟังเพื่อคิดถูกตรงตามได้ |
![]() ตถาคตคือบุพการีสูงสุดในพระพุทธศาสนา และทรงเป็นพระรัตนตรัยสูงสุดที่ไม่มีใครเทียบได้ ผู้ที่เข้าเฝ้าเพื่อฟังคำสอนเท่านั้นจึงรู้ว่าทรงตรัสรู้จริงๆ บุคคลที่กล่าวตามแม้คำว่าธัมมะ/คิดไม่ลึกซึ้งหาได้ไม่ เพราะทุกอย่างคือสิ่งที่มีจริงไม่เรียกชื้อก็มีจริงๆเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่มีจิตครองร่างกายนี้มาคิดนึกอะไรๆก็มีไม่ได้ พอมีจิตก็ยึดเห็นว่าเป็นเราเห็นตัวเองในกระจก จริงๆน่ะมีไหมแค่อดีตสีหลากสีตัดกันที่ดับนานแล้ว หลงยึดถือสิ่งที่เห็นเป็นคนสัตว์วัตถุจริงๆคือความเห็นผิด มองดูสิคะตาตัวเองเห็นอะไรที่เห็นคือนิมิตสันฐานอดีตสี จิตเห็นดับไปนานแล้วพออ่านบัญญัติคำคิดว่ารู้จำไว้หมดได้ยังไง ไม่รู้ว่าสิกขาคือการฟังคำวาจาสัจจะของตถาคตตรงที่กระทบทีละคำ เดี๋ยวนี้เลยว่ากำลังปรากฏตรงตามที่ตรัสรู้ตามเป็นจริงที่ตนมีตรงคำไหน ทุกคำในพระไตรปิฎกมีตรงหมดมีแล้วแต่ตนไม่รู้ตรงสัจจะ1ที่กายใจตรงคำที่กำลังปรากฏ คือจำผิดเป็นตัวตนคิดนึกไปตามสิ่งที่เห็นตามสัญญาไม่ใช่สติปัญญา เพราะสติปัญญาคือตัวจริงของธัมมะที่รู้อารมณ์เดี๋ยวนี้ตรงสัจจะ ไม่ใช่บัญญัติคำยาวๆที่ต้องตีความอีกยาวยืดนั่นน่ะอ่านปัญญาตถาคต แต่ปัญญาตนเองยังไม่ได้รู้ทั่วถึงความจริงแน่นอนเพราะจิตเกิดดับทีละ1ขณะ ไม่ว่าปัญญาหรืออวิชชาก็เกิดดับพร้อมจิตทีละ1ขณะจิตที่กำลังมีคือ เดี๋ยวนี้ที่กำลังเห็นแล้วปรากฏเป็นคนสัตว์วัตถุทันทีคือเห็นผิดจริงๆ ฟังพระพุทธพจน์เพื่อตามรู้ตรงสัจจะที่กำลังปรากฏ ![]() พระพุทธเจ้ายกคำสอนขึ้นแทนพระองค์ ไม่ได้ยกตัวบุคคลขึ้นให้เป็นอาจารย์แทน คำว่าสิกขาตามคำสอนต้องตรงกับพุทธกาล มีผู้กล่าวตามคำตถาคตให้ผู้ที่สนใจฟังเข้าใจ โดยพระพุทธเจ้าย้ำกับชาวกาลามะว่าจะฟังใคร ตถาคตจึงตรัสหลักกาลามสูตร10ว่าไม่ให้เชื่อ10 แต่ให้เพียรอดทนเพื่อฟังความจริงที่มีคนกล่าวคำสัจจะ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 15 ก.ย. 2018, 07:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมวินัยแทนพระศาสดาเพียรฟังเพื่อคิดถูกตรงตามได้ |
Rosarin เขียน: onion ตถาคตคือบุพการีสูงสุดในพระพุทธศาสนา และทรงเป็นพระรัตนตรัยสูงสุดที่ไม่มีใครเทียบได้ ผู้ที่เข้าเฝ้าเพื่อฟังคำสอนเท่านั้นจึงรู้ว่าทรงตรัสรู้จริงๆ บุคคลที่กล่าวตามแม้คำว่าธัมมะ/คิดไม่ลึกซึ้งหาได้ไม่ เพราะทุกอย่างคือสิ่งที่มีจริงไม่เรียกชื้อก็มีจริงๆเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่มีจิตครองร่างกายนี้มาคิดนึกอะไรๆก็มีไม่ได้ พอมีจิตก็ยึดเห็นว่าเป็นเราเห็นตัวเองในกระจก จริงๆน่ะมีไหมแค่อดีตสีหลากสีตัดกันที่ดับนานแล้ว หลงยึดถือสิ่งที่เห็นเป็นคนสัตว์วัตถุจริงๆคือความเห็นผิด มองดูสิคะตาตัวเองเห็นอะไรที่เห็นคือนิมิตสันฐานอดีตสี จิตเห็นดับไปนานแล้วพออ่านบัญญัติคำว่าจำไว้หมดได้ยังไง ไม่รู้ว่าสิกขาคือการฟังคำวาจาสัจจะของตถาคตตรงที่กระทบ เดี๋ยวนี้เลยว่ากำลังปรากฏตรงตามที่ตรัสรู้ตามเป็นจริง แต่ตนไม่รู้ตรงสัจจะที่กายใจตรงคำที่กำลังปรากฏคือจำผิด เป็นตัวตนคิดนึกไปคามสิ่งที่เห็นตามสัญญาไม่ใช่สติปัญญา เพราะสติปัญญาคือตัวจริงของธัมมะที่รู้อารมณ์เดี๋ยวนี้ตรงสัจจะ ไม่ใช่บัญญัติคำยาวๆที่ต้องตีความอีกยาวยืดนั่นน่ะอ่านปัญญาตถาคต แต่ปัญญาตนเองยังไม่ได้รู้ทั่วถึงความจริงแน่นอนเพราะจิตเกิดดับที1ขณะ ไม่ว่าปัญญาหรืออวิชชาก็เกิดดับพร้อมจิตทีละ1ขณะจิตที่กำลังมีคือ เดี๋ยวนี้ที่กำลังเห็นแล้วปรากฏเป็นคนสัตว์วัตถุทันทีคือเห็นผิดจริงๆ ฟังพระพุทธพจน์เพื่อตามรู้ตรงสัจจะที่กำลังปรากฏ ![]() พระพุทธเจ้ายกคำสอนขึ้นแทนพระองค์ ไม่ได้ยกตัวบุคคลขึ้นให้เป็นอาจารย์แทน คำว่าสิกขาตามคำสอนต้องตรงกับพุทธกาล มีผู้กล่าวตามคำตถาคตให้ผู้ที่สนใจฟังเข้าใจ โดยพระพุทธเจ้าย้ำกับชาวกาลามะว่าจะฟังใคร ตถาคตจึงตรัสหลักกาลามสูตร10ว่าไม่ให้เชื่อ10 แต่ให้เพียรอดทนเพื่อฟังความจริงที่มีคนกล่าวคำสัจจะ ฟังจากใครอ่ะ อ้อ จากคนกล่าวสัจจะ หมายถึงคลิปที่ยกมาทุกครั้งใช่ไหม แล้วรู้ได้ยังไงว่าเขากล่าวคำสัจจะ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 15 ก.ย. 2018, 08:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมวินัยแทนพระศาสดาเพียรฟังเพื่อคิดถูกตรงตามได้ |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: onion ตถาคตคือบุพการีสูงสุดในพระพุทธศาสนา และทรงเป็นพระรัตนตรัยสูงสุดที่ไม่มีใครเทียบได้ ผู้ที่เข้าเฝ้าเพื่อฟังคำสอนเท่านั้นจึงรู้ว่าทรงตรัสรู้จริงๆ บุคคลที่กล่าวตามแม้คำว่าธัมมะ/คิดไม่ลึกซึ้งหาได้ไม่ เพราะทุกอย่างคือสิ่งที่มีจริงไม่เรียกชื้อก็มีจริงๆเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่มีจิตครองร่างกายนี้มาคิดนึกอะไรๆก็มีไม่ได้ พอมีจิตก็ยึดเห็นว่าเป็นเราเห็นตัวเองในกระจก จริงๆน่ะมีไหมแค่อดีตสีหลากสีตัดกันที่ดับนานแล้ว หลงยึดถือสิ่งที่เห็นเป็นคนสัตว์วัตถุจริงๆคือความเห็นผิด มองดูสิคะตาตัวเองเห็นอะไรที่เห็นคือนิมิตสันฐานอดีตสี จิตเห็นดับไปนานแล้วพออ่านบัญญัติคำว่าจำไว้หมดได้ยังไง ไม่รู้ว่าสิกขาคือการฟังคำวาจาสัจจะของตถาคตตรงที่กระทบ เดี๋ยวนี้เลยว่ากำลังปรากฏตรงตามที่ตรัสรู้ตามเป็นจริง แต่ตนไม่รู้ตรงสัจจะที่กายใจตรงคำที่กำลังปรากฏคือจำผิด เป็นตัวตนคิดนึกไปคามสิ่งที่เห็นตามสัญญาไม่ใช่สติปัญญา เพราะสติปัญญาคือตัวจริงของธัมมะที่รู้อารมณ์เดี๋ยวนี้ตรงสัจจะ ไม่ใช่บัญญัติคำยาวๆที่ต้องตีความอีกยาวยืดนั่นน่ะอ่านปัญญาตถาคต แต่ปัญญาตนเองยังไม่ได้รู้ทั่วถึงความจริงแน่นอนเพราะจิตเกิดดับที1ขณะ ไม่ว่าปัญญาหรืออวิชชาก็เกิดดับพร้อมจิตทีละ1ขณะจิตที่กำลังมีคือ เดี๋ยวนี้ที่กำลังเห็นแล้วปรากฏเป็นคนสัตว์วัตถุทันทีคือเห็นผิดจริงๆ ฟังพระพุทธพจน์เพื่อตามรู้ตรงสัจจะที่กำลังปรากฏ ![]() พระพุทธเจ้ายกคำสอนขึ้นแทนพระองค์ ไม่ได้ยกตัวบุคคลขึ้นให้เป็นอาจารย์แทน คำว่าสิกขาตามคำสอนต้องตรงกับพุทธกาล มีผู้กล่าวตามคำตถาคตให้ผู้ที่สนใจฟังเข้าใจ โดยพระพุทธเจ้าย้ำกับชาวกาลามะว่าจะฟังใคร ตถาคตจึงตรัสหลักกาลามสูตร10ว่าไม่ให้เชื่อ10 แต่ให้เพียรอดทนเพื่อฟังความจริงที่มีคนกล่าวคำสัจจะ ฟังจากใครอ่ะ อ้อ จากคนกล่าวสัจจะ หมายถึงคลิปที่ยกมาทุกครั้งใช่ไหม แล้วรู้ได้ยังไงว่าเขากล่าวคำสัจจะ มีแก้ไขอ่านใหม่ค่ะ...ฟังจากใครก็ได้ที่กล่าวความจริงตรงสัจจะให้เข้าใจความจริงเดี๋ยวนี้ทันที ![]() Rosarin เขียน: onion
ตถาคตคือบุพการีสูงสุดในพระพุทธศาสนา และทรงเป็นพระรัตนตรัยสูงสุดที่ไม่มีใครเทียบได้ ผู้ที่เข้าเฝ้าเพื่อฟังคำสอนเท่านั้นจึงรู้ว่าทรงตรัสรู้จริงๆ บุคคลที่กล่าวตามแม้คำว่าธัมมะ/คิดไม่ลึกซึ้งหาได้ไม่ เพราะทุกอย่างคือสิ่งที่มีจริงไม่เรียกชื้อก็มีจริงๆเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่มีจิตครองร่างกายนี้มาคิดนึกอะไรๆก็มีไม่ได้ พอมีจิตก็ยึดเห็นว่าเป็นเราเห็นตัวเองในกระจก จริงๆน่ะมีไหมแค่อดีตสีหลากสีตัดกันที่ดับนานแล้ว หลงยึดถือสิ่งที่เห็นเป็นคนสัตว์วัตถุจริงๆคือความเห็นผิด มองดูสิคะตาตัวเองเห็นอะไรที่เห็นคือนิมิตสันฐานอดีตสี จิตเห็นดับไปนานแล้วพออ่านบัญญัติคำคิดว่ารู้จำไว้หมดได้ยังไง ไม่รู้ว่าสิกขาคือการฟังคำวาจาสัจจะของตถาคตตรงที่กระทบทีละคำ เดี๋ยวนี้เลยว่ากำลังปรากฏตรงตามที่ตรัสรู้ตามเป็นจริงที่ตนมีตรงคำไหน ทุกคำในพระไตรปิฎกมีตรงหมดมีแล้วแต่ตนไม่รู้ตรงสัจจะ1ที่กายใจตรงคำที่กำลังปรากฏ คือจำผิดเป็นตัวตนคิดนึกไปตามสิ่งที่เห็นตามสัญญาไม่ใช่สติปัญญา เพราะสติปัญญาคือตัวจริงของธัมมะที่รู้อารมณ์เดี๋ยวนี้ตรงสัจจะ ไม่ใช่บัญญัติคำยาวๆที่ต้องตีความอีกยาวยืดนั่นน่ะอ่านปัญญาตถาคต แต่ปัญญาตนเองยังไม่ได้รู้ทั่วถึงความจริงแน่นอนเพราะจิตเกิดดับทีละ1ขณะ ไม่ว่าปัญญาหรืออวิชชาก็เกิดดับพร้อมจิตทีละ1ขณะจิตที่กำลังมีคือ เดี๋ยวนี้ที่กำลังเห็นแล้วปรากฏเป็นคนสัตว์วัตถุทันทีคือเห็นผิดจริงๆ ฟังพระพุทธพจน์เพื่อตามรู้ตรงสัจจะที่กำลังปรากฏ ![]() พระพุทธเจ้ายกคำสอนขึ้นแทนพระองค์ ไม่ได้ยกตัวบุคคลขึ้นให้เป็นอาจารย์แทน คำว่าสิกขาตามคำสอนต้องตรงกับพุทธกาล มีผู้กล่าวตามคำตถาคตให้ผู้ที่สนใจฟังเข้าใจ โดยพระพุทธเจ้าย้ำกับชาวกาลามะว่าจะฟังใคร ตถาคตจึงตรัสหลักกาลามสูตร10ว่าไม่ให้เชื่อ10 แต่ให้เพียรอดทนเพื่อฟังความจริงที่มีคนกล่าวคำสัจจะ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 15 ก.ย. 2018, 08:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมวินัยแทนพระศาสดาเพียรฟังเพื่อคิดถูกตรงตามได้ |
Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: onion ตถาคตคือบุพการีสูงสุดในพระพุทธศาสนา และทรงเป็นพระรัตนตรัยสูงสุดที่ไม่มีใครเทียบได้ ผู้ที่เข้าเฝ้าเพื่อฟังคำสอนเท่านั้นจึงรู้ว่าทรงตรัสรู้จริงๆ บุคคลที่กล่าวตามแม้คำว่าธัมมะ/คิดไม่ลึกซึ้งหาได้ไม่ เพราะทุกอย่างคือสิ่งที่มีจริงไม่เรียกชื้อก็มีจริงๆเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่มีจิตครองร่างกายนี้มาคิดนึกอะไรๆก็มีไม่ได้ พอมีจิตก็ยึดเห็นว่าเป็นเราเห็นตัวเองในกระจก จริงๆน่ะมีไหมแค่อดีตสีหลากสีตัดกันที่ดับนานแล้ว หลงยึดถือสิ่งที่เห็นเป็นคนสัตว์วัตถุจริงๆคือความเห็นผิด มองดูสิคะตาตัวเองเห็นอะไรที่เห็นคือนิมิตสันฐานอดีตสี จิตเห็นดับไปนานแล้วพออ่านบัญญัติคำว่าจำไว้หมดได้ยังไง ไม่รู้ว่าสิกขาคือการฟังคำวาจาสัจจะของตถาคตตรงที่กระทบ เดี๋ยวนี้เลยว่ากำลังปรากฏตรงตามที่ตรัสรู้ตามเป็นจริง แต่ตนไม่รู้ตรงสัจจะที่กายใจตรงคำที่กำลังปรากฏคือจำผิด เป็นตัวตนคิดนึกไปคามสิ่งที่เห็นตามสัญญาไม่ใช่สติปัญญา เพราะสติปัญญาคือตัวจริงของธัมมะที่รู้อารมณ์เดี๋ยวนี้ตรงสัจจะ ไม่ใช่บัญญัติคำยาวๆที่ต้องตีความอีกยาวยืดนั่นน่ะอ่านปัญญาตถาคต แต่ปัญญาตนเองยังไม่ได้รู้ทั่วถึงความจริงแน่นอนเพราะจิตเกิดดับที1ขณะ ไม่ว่าปัญญาหรืออวิชชาก็เกิดดับพร้อมจิตทีละ1ขณะจิตที่กำลังมีคือ เดี๋ยวนี้ที่กำลังเห็นแล้วปรากฏเป็นคนสัตว์วัตถุทันทีคือเห็นผิดจริงๆ ฟังพระพุทธพจน์เพื่อตามรู้ตรงสัจจะที่กำลังปรากฏ ![]() พระพุทธเจ้ายกคำสอนขึ้นแทนพระองค์ ไม่ได้ยกตัวบุคคลขึ้นให้เป็นอาจารย์แทน คำว่าสิกขาตามคำสอนต้องตรงกับพุทธกาล มีผู้กล่าวตามคำตถาคตให้ผู้ที่สนใจฟังเข้าใจ โดยพระพุทธเจ้าย้ำกับชาวกาลามะว่าจะฟังใคร ตถาคตจึงตรัสหลักกาลามสูตร10ว่าไม่ให้เชื่อ10 แต่ให้เพียรอดทนเพื่อฟังความจริงที่มีคนกล่าวคำสัจจะ ฟังจากใครอ่ะ อ้อ จากคนกล่าวสัจจะ หมายถึงคลิปที่ยกมาทุกครั้งใช่ไหม แล้วรู้ได้ยังไงว่าเขากล่าวคำสัจจะ มีแก้ไขอ่านใหม่ค่ะ...ฟังจากใครก็ได้ที่กล่าวความจริงให้เข้าใจความจริงเดี๋ยวนี้ทันที ![]() Rosarin เขียน: onion ตถาคตคือบุพการีสูงสุดในพระพุทธศาสนา และทรงเป็นพระรัตนตรัยสูงสุดที่ไม่มีใครเทียบได้ ผู้ที่เข้าเฝ้าเพื่อฟังคำสอนเท่านั้นจึงรู้ว่าทรงตรัสรู้จริงๆ บุคคลที่กล่าวตามแม้คำว่าธัมมะ/คิดไม่ลึกซึ้งหาได้ไม่ เพราะทุกอย่างคือสิ่งที่มีจริงไม่เรียกชื้อก็มีจริงๆเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่มีจิตครองร่างกายนี้มาคิดนึกอะไรๆก็มีไม่ได้ พอมีจิตก็ยึดเห็นว่าเป็นเราเห็นตัวเองในกระจก จริงๆน่ะมีไหมแค่อดีตสีหลากสีตัดกันที่ดับนานแล้ว หลงยึดถือสิ่งที่เห็นเป็นคนสัตว์วัตถุจริงๆคือความเห็นผิด มองดูสิคะตาตัวเองเห็นอะไรที่เห็นคือนิมิตสันฐานอดีตสี จิตเห็นดับไปนานแล้วพออ่านบัญญัติคำคิดว่ารู้จำไว้หมดได้ยังไง ไม่รู้ว่าสิกขาคือการฟังคำวาจาสัจจะของตถาคตตรงที่กระทบทีละคำ เดี๋ยวนี้เลยว่ากำลังปรากฏตรงตามที่ตรัสรู้ตามเป็นจริงที่ตนมีตรงคำไหน ทุกคำในพระไตรปิฎกมีตรงหมดมีแล้วแต่ตนไม่รู้ตรงสัจจะ1ที่กายใจตรงคำที่กำลังปรากฏ คือจำผิดเป็นตัวตนคิดนึกไปตามสิ่งที่เห็นตามสัญญาไม่ใช่สติปัญญา เพราะสติปัญญาคือตัวจริงของธัมมะที่รู้อารมณ์เดี๋ยวนี้ตรงสัจจะ ไม่ใช่บัญญัติคำยาวๆที่ต้องตีความอีกยาวยืดนั่นน่ะอ่านปัญญาตถาคต แต่ปัญญาตนเองยังไม่ได้รู้ทั่วถึงความจริงแน่นอนเพราะจิตเกิดดับทีละ1ขณะ ไม่ว่าปัญญาหรืออวิชชาก็เกิดดับพร้อมจิตทีละ1ขณะจิตที่กำลังมีคือ เดี๋ยวนี้ที่กำลังเห็นแล้วปรากฏเป็นคนสัตว์วัตถุทันทีคือเห็นผิดจริงๆ ฟังพระพุทธพจน์เพื่อตามรู้ตรงสัจจะที่กำลังปรากฏ ![]() พระพุทธเจ้ายกคำสอนขึ้นแทนพระองค์ ไม่ได้ยกตัวบุคคลขึ้นให้เป็นอาจารย์แทน คำว่าสิกขาตามคำสอนต้องตรงกับพุทธกาล มีผู้กล่าวตามคำตถาคตให้ผู้ที่สนใจฟังเข้าใจ โดยพระพุทธเจ้าย้ำกับชาวกาลามะว่าจะฟังใคร ตถาคตจึงตรัสหลักกาลามสูตร10ว่าไม่ให้เชื่อ10 แต่ให้เพียรอดทนเพื่อฟังความจริงที่มีคนกล่าวคำสัจจะ ![]() ![]() ![]() แล้วรู้ได้ยังไง ว่าเขากล่าวความจริง แล้วอะไรคือความจริงที่คุณโรสว่า |
เจ้าของ: | Rosarin [ 15 ก.ย. 2018, 08:15 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมวินัยแทนพระศาสดาเพียรฟังเพื่อคิดถูกตรงตามได้ |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: onion ตถาคตคือบุพการีสูงสุดในพระพุทธศาสนา และทรงเป็นพระรัตนตรัยสูงสุดที่ไม่มีใครเทียบได้ ผู้ที่เข้าเฝ้าเพื่อฟังคำสอนเท่านั้นจึงรู้ว่าทรงตรัสรู้จริงๆ บุคคลที่กล่าวตามแม้คำว่าธัมมะ/คิดไม่ลึกซึ้งหาได้ไม่ เพราะทุกอย่างคือสิ่งที่มีจริงไม่เรียกชื้อก็มีจริงๆเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่มีจิตครองร่างกายนี้มาคิดนึกอะไรๆก็มีไม่ได้ พอมีจิตก็ยึดเห็นว่าเป็นเราเห็นตัวเองในกระจก จริงๆน่ะมีไหมแค่อดีตสีหลากสีตัดกันที่ดับนานแล้ว หลงยึดถือสิ่งที่เห็นเป็นคนสัตว์วัตถุจริงๆคือความเห็นผิด มองดูสิคะตาตัวเองเห็นอะไรที่เห็นคือนิมิตสันฐานอดีตสี จิตเห็นดับไปนานแล้วพออ่านบัญญัติคำว่าจำไว้หมดได้ยังไง ไม่รู้ว่าสิกขาคือการฟังคำวาจาสัจจะของตถาคตตรงที่กระทบ เดี๋ยวนี้เลยว่ากำลังปรากฏตรงตามที่ตรัสรู้ตามเป็นจริง แต่ตนไม่รู้ตรงสัจจะที่กายใจตรงคำที่กำลังปรากฏคือจำผิด เป็นตัวตนคิดนึกไปคามสิ่งที่เห็นตามสัญญาไม่ใช่สติปัญญา เพราะสติปัญญาคือตัวจริงของธัมมะที่รู้อารมณ์เดี๋ยวนี้ตรงสัจจะ ไม่ใช่บัญญัติคำยาวๆที่ต้องตีความอีกยาวยืดนั่นน่ะอ่านปัญญาตถาคต แต่ปัญญาตนเองยังไม่ได้รู้ทั่วถึงความจริงแน่นอนเพราะจิตเกิดดับที1ขณะ ไม่ว่าปัญญาหรืออวิชชาก็เกิดดับพร้อมจิตทีละ1ขณะจิตที่กำลังมีคือ เดี๋ยวนี้ที่กำลังเห็นแล้วปรากฏเป็นคนสัตว์วัตถุทันทีคือเห็นผิดจริงๆ ฟังพระพุทธพจน์เพื่อตามรู้ตรงสัจจะที่กำลังปรากฏ ![]() พระพุทธเจ้ายกคำสอนขึ้นแทนพระองค์ ไม่ได้ยกตัวบุคคลขึ้นให้เป็นอาจารย์แทน คำว่าสิกขาตามคำสอนต้องตรงกับพุทธกาล มีผู้กล่าวตามคำตถาคตให้ผู้ที่สนใจฟังเข้าใจ โดยพระพุทธเจ้าย้ำกับชาวกาลามะว่าจะฟังใคร ตถาคตจึงตรัสหลักกาลามสูตร10ว่าไม่ให้เชื่อ10 แต่ให้เพียรอดทนเพื่อฟังความจริงที่มีคนกล่าวคำสัจจะ ฟังจากใครอ่ะ อ้อ จากคนกล่าวสัจจะ หมายถึงคลิปที่ยกมาทุกครั้งใช่ไหม แล้วรู้ได้ยังไงว่าเขากล่าวคำสัจจะ มีแก้ไขอ่านใหม่ค่ะ...ฟังจากใครก็ได้ที่กล่าวความจริงให้เข้าใจความจริงเดี๋ยวนี้ทันที ![]() Rosarin เขียน: onion ตถาคตคือบุพการีสูงสุดในพระพุทธศาสนา และทรงเป็นพระรัตนตรัยสูงสุดที่ไม่มีใครเทียบได้ ผู้ที่เข้าเฝ้าเพื่อฟังคำสอนเท่านั้นจึงรู้ว่าทรงตรัสรู้จริงๆ บุคคลที่กล่าวตามแม้คำว่าธัมมะ/คิดไม่ลึกซึ้งหาได้ไม่ เพราะทุกอย่างคือสิ่งที่มีจริงไม่เรียกชื้อก็มีจริงๆเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่มีจิตครองร่างกายนี้มาคิดนึกอะไรๆก็มีไม่ได้ พอมีจิตก็ยึดเห็นว่าเป็นเราเห็นตัวเองในกระจก จริงๆน่ะมีไหมแค่อดีตสีหลากสีตัดกันที่ดับนานแล้ว หลงยึดถือสิ่งที่เห็นเป็นคนสัตว์วัตถุจริงๆคือความเห็นผิด มองดูสิคะตาตัวเองเห็นอะไรที่เห็นคือนิมิตสันฐานอดีตสี จิตเห็นดับไปนานแล้วพออ่านบัญญัติคำคิดว่ารู้จำไว้หมดได้ยังไง ไม่รู้ว่าสิกขาคือการฟังคำวาจาสัจจะของตถาคตตรงที่กระทบทีละคำ เดี๋ยวนี้เลยว่ากำลังปรากฏตรงตามที่ตรัสรู้ตามเป็นจริงที่ตนมีตรงคำไหน ทุกคำในพระไตรปิฎกมีตรงหมดมีแล้วแต่ตนไม่รู้ตรงสัจจะ1ที่กายใจตรงคำที่กำลังปรากฏ คือจำผิดเป็นตัวตนคิดนึกไปตามสิ่งที่เห็นตามสัญญาไม่ใช่สติปัญญา เพราะสติปัญญาคือตัวจริงของธัมมะที่รู้อารมณ์เดี๋ยวนี้ตรงสัจจะ ไม่ใช่บัญญัติคำยาวๆที่ต้องตีความอีกยาวยืดนั่นน่ะอ่านปัญญาตถาคต แต่ปัญญาตนเองยังไม่ได้รู้ทั่วถึงความจริงแน่นอนเพราะจิตเกิดดับทีละ1ขณะ ไม่ว่าปัญญาหรืออวิชชาก็เกิดดับพร้อมจิตทีละ1ขณะจิตที่กำลังมีคือ เดี๋ยวนี้ที่กำลังเห็นแล้วปรากฏเป็นคนสัตว์วัตถุทันทีคือเห็นผิดจริงๆ ฟังพระพุทธพจน์เพื่อตามรู้ตรงสัจจะที่กำลังปรากฏ ![]() พระพุทธเจ้ายกคำสอนขึ้นแทนพระองค์ ไม่ได้ยกตัวบุคคลขึ้นให้เป็นอาจารย์แทน คำว่าสิกขาตามคำสอนต้องตรงกับพุทธกาล มีผู้กล่าวตามคำตถาคตให้ผู้ที่สนใจฟังเข้าใจ โดยพระพุทธเจ้าย้ำกับชาวกาลามะว่าจะฟังใคร ตถาคตจึงตรัสหลักกาลามสูตร10ว่าไม่ให้เชื่อ10 แต่ให้เพียรอดทนเพื่อฟังความจริงที่มีคนกล่าวคำสัจจะ ![]() ![]() ![]() แล้วรู้ได้ยังไง ว่าเขากล่าวความจริง แล้วอะไรคือความจริงที่คุณโรสว่า ![]() ทุกครั้งที่อ่านหรือฟังคิดตามตรงไหมจริงใจไหมไม่มีใครเลย มีแต่เสียงตรงสัจจะให้คิดถูกที่กายใจตนเองเดี๋ยวนี้ทันทีไม่มีเรามีแต่ธัมมะจิเจรุนิ สุขคือเจ/เห็นคือจิต/เสียงคือรุ/นิยังไม่ปรากฏตรงไหมจริงใจไหมรู้ทีละขณะอย่างนี้ ![]() ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 15 ก.ย. 2018, 08:24 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมวินัยแทนพระศาสดาเพียรฟังเพื่อคิดถูกตรงตามได้ |
Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: onion ตถาคตคือบุพการีสูงสุดในพระพุทธศาสนา และทรงเป็นพระรัตนตรัยสูงสุดที่ไม่มีใครเทียบได้ ผู้ที่เข้าเฝ้าเพื่อฟังคำสอนเท่านั้นจึงรู้ว่าทรงตรัสรู้จริงๆ บุคคลที่กล่าวตามแม้คำว่าธัมมะ/คิดไม่ลึกซึ้งหาได้ไม่ เพราะทุกอย่างคือสิ่งที่มีจริงไม่เรียกชื้อก็มีจริงๆเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่มีจิตครองร่างกายนี้มาคิดนึกอะไรๆก็มีไม่ได้ พอมีจิตก็ยึดเห็นว่าเป็นเราเห็นตัวเองในกระจก จริงๆน่ะมีไหมแค่อดีตสีหลากสีตัดกันที่ดับนานแล้ว หลงยึดถือสิ่งที่เห็นเป็นคนสัตว์วัตถุจริงๆคือความเห็นผิด มองดูสิคะตาตัวเองเห็นอะไรที่เห็นคือนิมิตสันฐานอดีตสี จิตเห็นดับไปนานแล้วพออ่านบัญญัติคำว่าจำไว้หมดได้ยังไง ไม่รู้ว่าสิกขาคือการฟังคำวาจาสัจจะของตถาคตตรงที่กระทบ เดี๋ยวนี้เลยว่ากำลังปรากฏตรงตามที่ตรัสรู้ตามเป็นจริง แต่ตนไม่รู้ตรงสัจจะที่กายใจตรงคำที่กำลังปรากฏคือจำผิด เป็นตัวตนคิดนึกไปคามสิ่งที่เห็นตามสัญญาไม่ใช่สติปัญญา เพราะสติปัญญาคือตัวจริงของธัมมะที่รู้อารมณ์เดี๋ยวนี้ตรงสัจจะ ไม่ใช่บัญญัติคำยาวๆที่ต้องตีความอีกยาวยืดนั่นน่ะอ่านปัญญาตถาคต แต่ปัญญาตนเองยังไม่ได้รู้ทั่วถึงความจริงแน่นอนเพราะจิตเกิดดับที1ขณะ ไม่ว่าปัญญาหรืออวิชชาก็เกิดดับพร้อมจิตทีละ1ขณะจิตที่กำลังมีคือ เดี๋ยวนี้ที่กำลังเห็นแล้วปรากฏเป็นคนสัตว์วัตถุทันทีคือเห็นผิดจริงๆ ฟังพระพุทธพจน์เพื่อตามรู้ตรงสัจจะที่กำลังปรากฏ ![]() พระพุทธเจ้ายกคำสอนขึ้นแทนพระองค์ ไม่ได้ยกตัวบุคคลขึ้นให้เป็นอาจารย์แทน คำว่าสิกขาตามคำสอนต้องตรงกับพุทธกาล มีผู้กล่าวตามคำตถาคตให้ผู้ที่สนใจฟังเข้าใจ โดยพระพุทธเจ้าย้ำกับชาวกาลามะว่าจะฟังใคร ตถาคตจึงตรัสหลักกาลามสูตร10ว่าไม่ให้เชื่อ10 แต่ให้เพียรอดทนเพื่อฟังความจริงที่มีคนกล่าวคำสัจจะ ฟังจากใครอ่ะ อ้อ จากคนกล่าวสัจจะ หมายถึงคลิปที่ยกมาทุกครั้งใช่ไหม แล้วรู้ได้ยังไงว่าเขากล่าวคำสัจจะ มีแก้ไขอ่านใหม่ค่ะ...ฟังจากใครก็ได้ที่กล่าวความจริงให้เข้าใจความจริงเดี๋ยวนี้ทันที ![]() Rosarin เขียน: onion ตถาคตคือบุพการีสูงสุดในพระพุทธศาสนา และทรงเป็นพระรัตนตรัยสูงสุดที่ไม่มีใครเทียบได้ ผู้ที่เข้าเฝ้าเพื่อฟังคำสอนเท่านั้นจึงรู้ว่าทรงตรัสรู้จริงๆ บุคคลที่กล่าวตามแม้คำว่าธัมมะ/คิดไม่ลึกซึ้งหาได้ไม่ เพราะทุกอย่างคือสิ่งที่มีจริงไม่เรียกชื้อก็มีจริงๆเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่มีจิตครองร่างกายนี้มาคิดนึกอะไรๆก็มีไม่ได้ พอมีจิตก็ยึดเห็นว่าเป็นเราเห็นตัวเองในกระจก จริงๆน่ะมีไหมแค่อดีตสีหลากสีตัดกันที่ดับนานแล้ว หลงยึดถือสิ่งที่เห็นเป็นคนสัตว์วัตถุจริงๆคือความเห็นผิด มองดูสิคะตาตัวเองเห็นอะไรที่เห็นคือนิมิตสันฐานอดีตสี จิตเห็นดับไปนานแล้วพออ่านบัญญัติคำคิดว่ารู้จำไว้หมดได้ยังไง ไม่รู้ว่าสิกขาคือการฟังคำวาจาสัจจะของตถาคตตรงที่กระทบทีละคำ เดี๋ยวนี้เลยว่ากำลังปรากฏตรงตามที่ตรัสรู้ตามเป็นจริงที่ตนมีตรงคำไหน ทุกคำในพระไตรปิฎกมีตรงหมดมีแล้วแต่ตนไม่รู้ตรงสัจจะ1ที่กายใจตรงคำที่กำลังปรากฏ คือจำผิดเป็นตัวตนคิดนึกไปตามสิ่งที่เห็นตามสัญญาไม่ใช่สติปัญญา เพราะสติปัญญาคือตัวจริงของธัมมะที่รู้อารมณ์เดี๋ยวนี้ตรงสัจจะ ไม่ใช่บัญญัติคำยาวๆที่ต้องตีความอีกยาวยืดนั่นน่ะอ่านปัญญาตถาคต แต่ปัญญาตนเองยังไม่ได้รู้ทั่วถึงความจริงแน่นอนเพราะจิตเกิดดับทีละ1ขณะ ไม่ว่าปัญญาหรืออวิชชาก็เกิดดับพร้อมจิตทีละ1ขณะจิตที่กำลังมีคือ เดี๋ยวนี้ที่กำลังเห็นแล้วปรากฏเป็นคนสัตว์วัตถุทันทีคือเห็นผิดจริงๆ ฟังพระพุทธพจน์เพื่อตามรู้ตรงสัจจะที่กำลังปรากฏ ![]() พระพุทธเจ้ายกคำสอนขึ้นแทนพระองค์ ไม่ได้ยกตัวบุคคลขึ้นให้เป็นอาจารย์แทน คำว่าสิกขาตามคำสอนต้องตรงกับพุทธกาล มีผู้กล่าวตามคำตถาคตให้ผู้ที่สนใจฟังเข้าใจ โดยพระพุทธเจ้าย้ำกับชาวกาลามะว่าจะฟังใคร ตถาคตจึงตรัสหลักกาลามสูตร10ว่าไม่ให้เชื่อ10 แต่ให้เพียรอดทนเพื่อฟังความจริงที่มีคนกล่าวคำสัจจะ ![]() ![]() ![]() แล้วรู้ได้ยังไง ว่าเขากล่าวความจริง แล้วอะไรคือความจริงที่คุณโรสว่า ![]() ทุกครั้งที่อ่านหรือฟังคิดตามตรงไหมจริงใจไหมไม่มีใครเลย มีแต่เสียงตรงสัจจะให้คิดถูกที่กายใจตนเองเดี๋ยวนี้ทันทีไม่มีเรามีแต่ธัมมะจิเจรุนิ สุขคือเจ/เห็นคือจิต/เสียงคือรุ/นิยังไม่ปรากฏตรงไหมจริงใจไหมรู้ทีละขณะอย่างนี้ นิ (นิพพาน) ของคุณโรส เป็นอย่างนั้นหรือ จิ เจ รุ คุณโรสว่าใช่คนไหมขอรับ ตอบสั้นๆ 1. คน 2. ไม่ใช่คน |
เจ้าของ: | student [ 15 ก.ย. 2018, 14:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมวินัยแทนพระศาสดาเพียรฟังเพื่อคิดถูกตรงตามได้ |
ทุกครั้งที่พระพุทธเจ้าสอนธรรมะ พระพุทธเจ้าจะบอกว่ากำลังพูดหัวข้ออะไร เช่น มรรคมีองค์8 หรือ สติปักฐาน4 หรือ พรหมวิหาร4 หรืออื่นๆ ถ้าคุณโรสจะบอกคนอ่านสักหน่อยว่า กำลังพูดหัวข้อธรรมว่าอะไร คนจะได้เข้าใจ และพิจารณาตามว่าลงกันสมกันหรือไม่ ถ้าไม่ลงกันสมกัน ก็ยอมรับไม่ได้ |
เจ้าของ: | student [ 15 ก.ย. 2018, 14:15 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมวินัยแทนพระศาสดาเพียรฟังเพื่อคิดถูกตรงตามได้ |
ถ้ากำลังจะพูดเรื่องอริยสัจ4 ก็อธิบายมาว่า เหตุ ผล เหตุ ผล เป็นอะไรบ้าง คนจะได้อนุโมทนาว่า พูดได้แจ่มแจ้ง แทงตลอด ถ้าไม่บอกหัวข้อ ธรรมะ84000พระขันธ์ คุณจะไม่บอกหัวข้อสักหน่อยเหรอว่ากำลังพูดเรื่องอะไร |
เจ้าของ: | Rosarin [ 15 ก.ย. 2018, 15:03 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมวินัยแทนพระศาสดาเพียรฟังเพื่อคิดถูกตรงตามได้ |
student เขียน: ทุกครั้งที่พระพุทธเจ้าสอนธรรมะ พระพุทธเจ้าจะบอกว่ากำลังพูดหัวข้ออะไร เช่น มรรคมีองค์8 หรือ สติปักฐาน4 หรือ พรหมวิหาร4 หรืออื่นๆ ถ้าคุณโรสจะบอกคนอ่านสักหน่อยว่า กำลังพูดหัวข้อธรรมว่าอะไร คนจะได้เข้าใจ และพิจารณาตามว่าลงกันสมกันหรือไม่ ถ้าไม่ลงกันสมกัน ก็ยอมรับไม่ได้ ทุกคำที่พระองค์ตรัสกับทุกคนที่กำลังฟังไม่ว่าคำไหนในพระไตรปิฎก ส่องถึงความจริงที่ทุกคนกำลังมีตรงปัจจุบันขณะคืออารมณ์ที่จิตรู้ ตรงชัดที่สุดที่คุณกำลังลืมตาเดี๋ยวนี้เลยไม่ว่าจะอ่านหรือฟังนะคะ จำแต่บัญญัติแล้วก็คิดตีความอยู่นั่นแหละคิดออกนอกสัจจะแล้ว สัจจะอยู่ที่ไหนคะเดี๋ยวนี้เลยที่กายใจคุณตรง1คำวาจาสัจจะไหน รู้1ที่กำลังตรงเดี๋ยวนี้ที่กำลังปรากฏคือสติปัญญาก็ดับทุกอย่างแล้ว ถ้าไม่ตรงแม้1คำตามการฟังแปลว่าไม่ตรงคิดเลยสัก1ก็อวิชชาไงคะ ธัมมะมันปรากฏนับไม่ถ้วนเลยเดี๋ยวนี้ค่ะกิเลสแปลว่าไม่รู้ปกปิดเป็นนิมิตที่เห็นไงคะ จะไปมีสติระลึกได้ตรงตอนไหนคะถ้าไม่ได้กำลังฟังแล้วคิดถูกตรงตามได้ล่ะค๊ะะะะะ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | Rosarin [ 15 ก.ย. 2018, 16:19 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมวินัยแทนพระศาสดาเพียรฟังเพื่อคิดถูกตรงตามได้ |
student เขียน: ถ้ากำลังจะพูดเรื่องอริยสัจ4 ก็อธิบายมาว่า เหตุ ผล เหตุ ผล เป็นอะไรบ้าง คนจะได้อนุโมทนาว่า พูดได้แจ่มแจ้ง แทงตลอด ถ้าไม่บอกหัวข้อ ธรรมะ84000พระขันธ์ คุณจะไม่บอกหัวข้อสักหน่อยเหรอว่ากำลังพูดเรื่องอะไร อริยสัจจะของจิตเห็นเดี๋ยวนี้เลยเทียบความจริงที่คุณกำลังดูกับสิ่งที่คุณกำลังเห็นมีแค่สี1สีไหมคะ ที่คุณกำลังเห็นคือรูปสีหลากสีที่ตัดกันจนกลายเป็นนิมิตรูปร่างต่างๆให้จำผิดเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด แต่ความจริงของเห็นคือมีสี1สีตกกะทบตาแล้วดับทันทีเพราะจิตเห็นเกิดแล้วดับไม่เหลือซาก จึงเกิดจิตได้ยินจิตรับสัมผัสจิตคิดนึกคุณดูตัวเองเทียบคำสอนสิคะเดี๋ยวนี้แยกไม่ออกเลย ว่าอันไหนคือคิดอันไหนคือเห็นอันไหนคือเสียงอันไหนจริงจริงๆที่ปรากฏกับสติปัญญา เป็นเราพากเพียรพยายามไปทำโดยไม่รู้เลยว่าธัมมะกำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยมีแล้ว ขาดแค่ฟังเพียรฟังเพื่อรู้ตามทีละลักษณะที่กำลังปรากฏให้แยกถูกแม่นยำจนกว่าจะรู้ชัดตรงจริงๆมีแล้ว ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 15 ก.ย. 2018, 16:39 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมวินัยแทนพระศาสดาเพียรฟังเพื่อคิดถูกตรงตามได้ |
Rosarin เขียน: student เขียน: ถ้ากำลังจะพูดเรื่องอริยสัจ4 ก็อธิบายมาว่า เหตุ ผล เหตุ ผล เป็นอะไรบ้าง คนจะได้อนุโมทนาว่า พูดได้แจ่มแจ้ง แทงตลอด ถ้าไม่บอกหัวข้อ ธรรมะ84000พระขันธ์ คุณจะไม่บอกหัวข้อสักหน่อยเหรอว่ากำลังพูดเรื่องอะไร อริยสัจจะของจิตเห็นเดี๋ยวนี้เลยเทียบความจริงที่คุณกำลังดูกับสิ่งที่คุณกำลังเห็นมีแค่สี 1 สีไหมคะ ที่คุณกำลังเห็นคือรูปสีหลากสีที่ตัดกันจนกลายเป็นนิมิตรูปร่างต่างๆให้จำผิดเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด แต่ความจริงของเห็นคือมีสี1สีตกกะทบตาแล้วดับทันทีเพราะจิตเห็นเกิดแล้วดับไม่เหลือซาก จึงเกิดจิตได้ยินจิตรับสัมผัสจิตคิดนึกคุณดูตัวเองเทียบคำสอนสิคะเดี๋ยวนี้แยกไม่ออกเลย ว่าอันไหนคือคิดอันไหนคือเห็นอันไหนคือเสียงอันไหนจริงจริงๆที่ปรากฏกับสติปัญญา เป็นเราพากเพียรพยายามไปทำโดยไม่รู้เลยว่าธัมมะกำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยมีแล้ว ขาดแค่ฟังเพียรฟังเพื้อรู้ตามทีละลักษณะที่กำลังปรากฏให้แยกถูกแม่นยำจนกว่าจะรู้ชัดตรงจริงๆมีแล้ว คุณโรสเห็นสีกี่สีขอรับเนี่ย ![]() ![]() |
เจ้าของ: | Rosarin [ 15 ก.ย. 2018, 16:44 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมวินัยแทนพระศาสดาเพียรฟังเพื่อคิดถูกตรงตามได้ |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: student เขียน: ถ้ากำลังจะพูดเรื่องอริยสัจ4 ก็อธิบายมาว่า เหตุ ผล เหตุ ผล เป็นอะไรบ้าง คนจะได้อนุโมทนาว่า พูดได้แจ่มแจ้ง แทงตลอด ถ้าไม่บอกหัวข้อ ธรรมะ84000พระขันธ์ คุณจะไม่บอกหัวข้อสักหน่อยเหรอว่ากำลังพูดเรื่องอะไร อริยสัจจะของจิตเห็นเดี๋ยวนี้เลยเทียบความจริงที่คุณกำลังดูกับสิ่งที่คุณกำลังเห็นมีแค่สี 1 สีไหมคะ ที่คุณกำลังเห็นคือรูปสีหลากสีที่ตัดกันจนกลายเป็นนิมิตรูปร่างต่างๆให้จำผิดเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด แต่ความจริงของเห็นคือมีสี1สีตกกะทบตาแล้วดับทันทีเพราะจิตเห็นเกิดแล้วดับไม่เหลือซาก จึงเกิดจิตได้ยินจิตรับสัมผัสจิตคิดนึกคุณดูตัวเองเทียบคำสอนสิคะเดี๋ยวนี้แยกไม่ออกเลย ว่าอันไหนคือคิดอันไหนคือเห็นอันไหนคือเสียงอันไหนจริงจริงๆที่ปรากฏกับสติปัญญา เป็นเราพากเพียรพยายามไปทำโดยไม่รู้เลยว่าธัมมะกำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยมีแล้ว ขาดแค่ฟังเพียรฟังเพื้อรู้ตามทีละลักษณะที่กำลังปรากฏให้แยกถูกแม่นยำจนกว่าจะรู้ชัดตรงจริงๆมีแล้ว คุณโรสเห็นสีกี่สีขอรับเนี่ย ![]() ![]() กำลังคิดน่ะไม่เห็นค่ะ กำลังได้ยินน่ะไม่เห็น กำลังร้อนน่ะไม่หวาน กำลังสุขน่ะไม่มีเสียง จะเอาคำตอบไหนคะ กำลังดูกะกำลังคิดเป็นจิตคนละขณะค่ะเดี๋ยวนี้เลยแยกออกไหมคะ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 15 ก.ย. 2018, 16:48 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมวินัยแทนพระศาสดาเพียรฟังเพื่อคิดถูกตรงตามได้ |
Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: student เขียน: ถ้ากำลังจะพูดเรื่องอริยสัจ4 ก็อธิบายมาว่า เหตุ ผล เหตุ ผล เป็นอะไรบ้าง คนจะได้อนุโมทนาว่า พูดได้แจ่มแจ้ง แทงตลอด ถ้าไม่บอกหัวข้อ ธรรมะ84000พระขันธ์ คุณจะไม่บอกหัวข้อสักหน่อยเหรอว่ากำลังพูดเรื่องอะไร อริยสัจจะของจิตเห็นเดี๋ยวนี้เลยเทียบความจริงที่คุณกำลังดูกับสิ่งที่คุณกำลังเห็นมีแค่สี 1 สีไหมคะ ที่คุณกำลังเห็นคือรูปสีหลากสีที่ตัดกันจนกลายเป็นนิมิตรูปร่างต่างๆให้จำผิดเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด แต่ความจริงของเห็นคือมีสี1สีตกกะทบตาแล้วดับทันทีเพราะจิตเห็นเกิดแล้วดับไม่เหลือซาก จึงเกิดจิตได้ยินจิตรับสัมผัสจิตคิดนึกคุณดูตัวเองเทียบคำสอนสิคะเดี๋ยวนี้แยกไม่ออกเลย ว่าอันไหนคือคิดอันไหนคือเห็นอันไหนคือเสียงอันไหนจริงจริงๆที่ปรากฏกับสติปัญญา เป็นเราพากเพียรพยายามไปทำโดยไม่รู้เลยว่าธัมมะกำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยมีแล้ว ขาดแค่ฟังเพียรฟังเพื้อรู้ตามทีละลักษณะที่กำลังปรากฏให้แยกถูกแม่นยำจนกว่าจะรู้ชัดตรงจริงๆมีแล้ว คุณโรสเห็นสีกี่สีขอรับเนี่ย ![]() ![]() กำลังคิดน่ะไม่เห็นค่ะ กำลังได้ยินน่ะไม่เห็น กำลังร้อนน่ะไม่หวาน กำลังสุขน่ะไม่มีเสียง จะเอาคำตอบไหนคะ กำลังดูกะกำลังคิดเป็นจิตคนละขณะค่ะเดี๋ยวนี้เลยแยกออกไหมคะ ![]() ![]() ![]() ตามอัธยาศัย เอาขณะไหนก็ได้ ว่าไป ![]() |
เจ้าของ: | Rosarin [ 15 ก.ย. 2018, 16:52 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมวินัยแทนพระศาสดาเพียรฟังเพื่อคิดถูกตรงตามได้ |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: student เขียน: ถ้ากำลังจะพูดเรื่องอริยสัจ4 ก็อธิบายมาว่า เหตุ ผล เหตุ ผล เป็นอะไรบ้าง คนจะได้อนุโมทนาว่า พูดได้แจ่มแจ้ง แทงตลอด ถ้าไม่บอกหัวข้อ ธรรมะ84000พระขันธ์ คุณจะไม่บอกหัวข้อสักหน่อยเหรอว่ากำลังพูดเรื่องอะไร อริยสัจจะของจิตเห็นเดี๋ยวนี้เลยเทียบความจริงที่คุณกำลังดูกับสิ่งที่คุณกำลังเห็นมีแค่สี 1 สีไหมคะ ที่คุณกำลังเห็นคือรูปสีหลากสีที่ตัดกันจนกลายเป็นนิมิตรูปร่างต่างๆให้จำผิดเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด แต่ความจริงของเห็นคือมีสี1สีตกกะทบตาแล้วดับทันทีเพราะจิตเห็นเกิดแล้วดับไม่เหลือซาก จึงเกิดจิตได้ยินจิตรับสัมผัสจิตคิดนึกคุณดูตัวเองเทียบคำสอนสิคะเดี๋ยวนี้แยกไม่ออกเลย ว่าอันไหนคือคิดอันไหนคือเห็นอันไหนคือเสียงอันไหนจริงจริงๆที่ปรากฏกับสติปัญญา เป็นเราพากเพียรพยายามไปทำโดยไม่รู้เลยว่าธัมมะกำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยมีแล้ว ขาดแค่ฟังเพียรฟังเพื้อรู้ตามทีละลักษณะที่กำลังปรากฏให้แยกถูกแม่นยำจนกว่าจะรู้ชัดตรงจริงๆมีแล้ว คุณโรสเห็นสีกี่สีขอรับเนี่ย ![]() ![]() กำลังคิดน่ะไม่เห็นค่ะ กำลังได้ยินน่ะไม่เห็น กำลังร้อนน่ะไม่หวาน กำลังสุขน่ะไม่มีเสียง จะเอาคำตอบไหนคะ กำลังดูกะกำลังคิดเป็นจิตคนละขณะค่ะเดี๋ยวนี้เลยแยกออกไหมคะ ![]() ![]() ![]() ตามอัธยาศัย เอาขณะไหนก็ได้ ว่าไป ![]() ![]() ความรู้สึกที่ตรงจริงที่กายก็มีสมมุติที่ดูก็รู้ค่ะรู้ตัวทั่วพร้อมครบ6ทางไงคะ ดูคือจิตเห็น/คิดคือจิตคิดนึกถูกไหมคะแต่ตนรู้ตรงที่เกิดและที่ดับไม่ได้น๊า ต้องตามรู้สิ่งที่เกิดแล้วที่ตั้งอยู่ก่อนดับหายไปหมดนะคะ ![]() ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 15 ก.ย. 2018, 16:54 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระธรรมวินัยแทนพระศาสดาเพียรฟังเพื่อคิดถูกตรงตามได้ |
Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: student เขียน: ถ้ากำลังจะพูดเรื่องอริยสัจ4 ก็อธิบายมาว่า เหตุ ผล เหตุ ผล เป็นอะไรบ้าง คนจะได้อนุโมทนาว่า พูดได้แจ่มแจ้ง แทงตลอด ถ้าไม่บอกหัวข้อ ธรรมะ84000พระขันธ์ คุณจะไม่บอกหัวข้อสักหน่อยเหรอว่ากำลังพูดเรื่องอะไร อริยสัจจะของจิตเห็นเดี๋ยวนี้เลยเทียบความจริงที่คุณกำลังดูกับสิ่งที่คุณกำลังเห็นมีแค่สี 1 สีไหมคะ ที่คุณกำลังเห็นคือรูปสีหลากสีที่ตัดกันจนกลายเป็นนิมิตรูปร่างต่างๆให้จำผิดเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด แต่ความจริงของเห็นคือมีสี1สีตกกะทบตาแล้วดับทันทีเพราะจิตเห็นเกิดแล้วดับไม่เหลือซาก จึงเกิดจิตได้ยินจิตรับสัมผัสจิตคิดนึกคุณดูตัวเองเทียบคำสอนสิคะเดี๋ยวนี้แยกไม่ออกเลย ว่าอันไหนคือคิดอันไหนคือเห็นอันไหนคือเสียงอันไหนจริงจริงๆที่ปรากฏกับสติปัญญา เป็นเราพากเพียรพยายามไปทำโดยไม่รู้เลยว่าธัมมะกำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยมีแล้ว ขาดแค่ฟังเพียรฟังเพื้อรู้ตามทีละลักษณะที่กำลังปรากฏให้แยกถูกแม่นยำจนกว่าจะรู้ชัดตรงจริงๆมีแล้ว คุณโรสเห็นสีกี่สีขอรับเนี่ย ![]() ![]() กำลังคิดน่ะไม่เห็นค่ะ กำลังได้ยินน่ะไม่เห็น กำลังร้อนน่ะไม่หวาน กำลังสุขน่ะไม่มีเสียง จะเอาคำตอบไหนคะ กำลังดูกะกำลังคิดเป็นจิตคนละขณะค่ะเดี๋ยวนี้เลยแยกออกไหมคะ ![]() ![]() ![]() ตามอัธยาศัย เอาขณะไหนก็ได้ ว่าไป ![]() ![]() ความรู้สึกที่ตรงจริงที่กายก็มีสมมุติที่ดูก็รู้ค่ะรู้ตัวทั่วพร้อมครบ6ทางไงคะ ดูคือจิตเห็น/คิดคือจิตคิดนึกถูกไหมคะแต่ตนรู้ตรงที่เกิดและที่ดับไม่ได้น๊า ต้องตามรู้สิ่งที่เกิดแล้วตั้งอยู่ก่อนดับหายไปหมดนะคะ อะไรของเขานะ ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |