ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ภาวะแห่งนิพพาน http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=56459 |
หน้า 2 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | Rosarin [ 30 ส.ค. 2018, 07:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาวะแห่งนิพพาน |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: ในเมื่อนิพพานเป็นสิ่งที่เห็นได้ยาก หยั่งรู้ตามได้ยาก เมื่อยังไม่เห็น ก็นึกไม่เห็น เมื่อยังไม่เข้าถึง ก็คิดไม่เข้าใจ ถ้อยคำที่ใช้บอกตรงๆและสัญญาที่จะใช้กำหนดก็ไม่มี ดังกล่าวมาฉะนี้ จึงน่าสังเกตว่า ในการกล่าวถึงนิพพาน ท่านจะพูดอย่างไร หรือใช้ถ้อยคำอย่างไร ต่อที่ viewtopic.php?f=1&t=56450 ดับกิเลสได้หมดก็ถึงแหละ ก่อนอื่นต้องเข้าใจความจริง ที่กายใจตนกำลังมีให้ได้ก่อนว่า อะไรที่กำลังมีจริงๆเดี๋ยวนนี้เลยค่ะ แล้วอะไรล่ะทีมันมีจริงๆเดี๋ยวนี้น่าขอรับโผม ไม่มีตัวตนคนมีแต่จิตเกิดดับสืบต่อไม่ขาดสายแต่ละ1ประเภท หลากหลายตามการสะสมไม่ซ้ำตรงทุกคำที่กำลังมีในพระไตรปิฎก ที่ดับไปแล้วไม่กลับมาเกิดให้รู้อีกเลยเกิดจิตขณะใหม่ตลอดก็ไม่รู้เพราะขาดสุตมยปัญญา |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 30 ส.ค. 2018, 07:51 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาวะแห่งนิพพาน |
Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: ในเมื่อนิพพานเป็นสิ่งที่เห็นได้ยาก หยั่งรู้ตามได้ยาก เมื่อยังไม่เห็น ก็นึกไม่เห็น เมื่อยังไม่เข้าถึง ก็คิดไม่เข้าใจ ถ้อยคำที่ใช้บอกตรงๆและสัญญาที่จะใช้กำหนดก็ไม่มี ดังกล่าวมาฉะนี้ จึงน่าสังเกตว่า ในการกล่าวถึงนิพพาน ท่านจะพูดอย่างไร หรือใช้ถ้อยคำอย่างไร ต่อที่ viewtopic.php?f=1&t=56450 ดับกิเลสได้หมดก็ถึงแหละ ก่อนอื่นต้องเข้าใจความจริง ที่กายใจตนกำลังมีให้ได้ก่อนว่า อะไรที่กำลังมีจริงๆเดี๋ยวนนี้เลยค่ะ แล้วอะไรล่ะทีมันมีจริงๆเดี๋ยวนี้น่าขอรับโผม ไม่มีตัวตนคนมีแต่จิตเกิดดับสืบต่อไม่ขาดสายแต่ละ1ประเภท หลากหลายตามการสะสมไม่ซ้ำตรงทุกคำที่กำลังมีในพระไตรปิฎก ที่ดับไปแล้วไม่กลับมาเกิดให้รู้อีกเลยเกิดจิตขณะใหม่ตลอดก็ไม่รู้เพราะขาดสุตมยปัญญา พูดอยู่หยกๆ ไม่ดูเออนี่ อ้างคำพูด: บอกเลยว่ามโนอย่างแท้จริง
เพราะมโนไปอนาคตธรรม ยกตัวอย่างเช่น ให้รู้ว่าตนไม่ใช่คน สัตว์ สิ่งของ สิ่งนี้เป็นอารมณ์ของพระอรหันต์ ให้ตนไปรู้รสนิพพาน ตนไม่ได้พระอริยะจะไปรู้รสนิพพานไม่ได้ เป็นโสดาบันจึงจะรู้รสนิพพาน เขาสอนเหมือนตนเป็นพระอรหันต์ไปแล้ว คนที่ฟังก็มโนตาม แต่ปฏิบัติตามไม่ได้ เพราะต่างคนต่างมโนไป ใครมีกามราคะมากก็มโนไปอีกทาง ใครมีโทสะมากก็มโนไปอีกทาง ใครที่โลภมากก็มโนไปอีกทาง ใครโมหะมากก็มโนไปอีกทาง การปฏิบัติสมาธิพร้อมเจริญสติปัฏฐาน เป็นการแก้ไขการมโน แก้การฟุ้งซ่าน |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 30 ส.ค. 2018, 07:58 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาวะแห่งนิพพาน |
เชื่อหัวไอ้เรืองเหอะ 7-8 ปีที่ฟังแม่สุจินพูดมา เสียเวลาเปล่า บอกไม่เชื่อว่า ให้เซ็ตซีโร่ความจำแต่เก่าก่อนออกให้หมดให้เกลี้ยงเลย แล้วไปเริ่มต้นใหม่ สร้างสัมมาทิฏฐิเบื้องต้นไปก่อน เช่น ตักบาตรพระเณรตอนเช้าๆ วันพระก็หาบสำรับกับข้าวไปวัดใกล้บ้าน สนทนาพูดคุยกับเจ้าอาวาส ทางวัดมีงานก็ไปช่วยขวนขวายวัดทำงานไป มีเวลาอีกก็ปิดทองงานประจำปี ให้อภัยทาน ปล่อยปลา ปล่อยนกเป็นต้นเอาก่อน เชื่อดิ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 31 ส.ค. 2018, 21:53 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาวะแห่งนิพพาน |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: ในเมื่อนิพพานเป็นสิ่งที่เห็นได้ยาก หยั่งรู้ตามได้ยาก เมื่อยังไม่เห็น ก็นึกไม่เห็น เมื่อยังไม่เข้าถึง ก็คิดไม่เข้าใจ ถ้อยคำที่ใช้บอกตรงๆและสัญญาที่จะใช้กำหนดก็ไม่มี ดังกล่าวมาฉะนี้ จึงน่าสังเกตว่า ในการกล่าวถึงนิพพาน ท่านจะพูดอย่างไร หรือใช้ถ้อยคำอย่างไร ต่อที่ viewtopic.php?f=1&t=56450 ดับกิเลสได้หมดก็ถึงแหละ ก่อนอื่นต้องเข้าใจความจริง ที่กายใจตนกำลังมีให้ได้ก่อนว่า อะไรที่กำลังมีจริงๆเดี๋ยวนนี้เลยค่ะ แล้วอะไรล่ะทีมันมีจริงๆเดี๋ยวนี้น่าขอรับโผม ไม่มีตัวตนคนมีแต่จิตเกิดดับสืบต่อไม่ขาดสายแต่ละ1ประเภท หลากหลายตามการสะสมไม่ซ้ำตรงทุกคำที่กำลังมีในพระไตรปิฎก ที่ดับไปแล้วไม่กลับมาเกิดให้รู้อีกเลยเกิดจิตขณะใหม่ตลอดก็ไม่รู้เพราะขาดสุตมยปัญญา พูดอยู่หยกๆ ไม่ดูเออนี่ อ้างคำพูด: บอกเลยว่ามโนอย่างแท้จริง เพราะมโนไปอนาคตธรรม ยกตัวอย่างเช่น ให้รู้ว่าตนไม่ใช่คน สัตว์ สิ่งของ สิ่งนี้เป็นอารมณ์ของพระอรหันต์ ให้ตนไปรู้รสนิพพาน ตนไม่ได้พระอริยะจะไปรู้รสนิพพานไม่ได้ เป็นโสดาบันจึงจะรู้รสนิพพาน เขาสอนเหมือนตนเป็นพระอรหันต์ไปแล้ว คนที่ฟังก็มโนตาม แต่ปฏิบัติตามไม่ได้ เพราะต่างคนต่างมโนไป ใครมีกามราคะมากก็มโนไปอีกทาง ใครมีโทสะมากก็มโนไปอีกทาง ใครที่โลภมากก็มโนไปอีกทาง ใครโมหะมากก็มโนไปอีกทาง การปฏิบัติสมาธิพร้อมเจริญสติปัฏฐาน เป็นการแก้ไขการมโน แก้การฟุ้งซ่าน เดี๋ยวนี้เลยคริคริคริเลือกเห็นที่กำลังเห็นได้หรือคะ เลือกรับรู้แต่กลิ่นหอมๆไม่มีกลิ่นเหม็นเลยได้หรือคะ เลือกได้ยินแต่เสียงไพเราะเสนาะหูโดยไม่ได้ยินเสียงด่ากันได้หรือ จิตได้ยินทีละ1เสียงก็ดับคนทั้งตัวไม่มีตัวคนแล้วเดี๋ยวนี้เลยนับสิได้ยินกี่เสียง อย่าลืมน๊า...จิตเกิดดับทีละ1ขณะได้แค่1ทางและทั้ง6ทางไม่ปนกันไม่พร้อมกัน กุศลและอกุศลไม่ปนกันเป็นคนละขณะจิตถ้าไม่ฟังเพื่อรู้แยกทางกันจริงๆจะไปรู้อะไรได้คะดับหมดแล้ว |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 01 ก.ย. 2018, 15:20 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาวะแห่งนิพพาน |
Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: ในเมื่อนิพพานเป็นสิ่งที่เห็นได้ยาก หยั่งรู้ตามได้ยาก เมื่อยังไม่เห็น ก็นึกไม่เห็น เมื่อยังไม่เข้าถึง ก็คิดไม่เข้าใจ ถ้อยคำที่ใช้บอกตรงๆและสัญญาที่จะใช้กำหนดก็ไม่มี ดังกล่าวมาฉะนี้ จึงน่าสังเกตว่า ในการกล่าวถึงนิพพาน ท่านจะพูดอย่างไร หรือใช้ถ้อยคำอย่างไร ต่อที่ viewtopic.php?f=1&t=56450 ดับกิเลสได้หมดก็ถึงแหละ ก่อนอื่นต้องเข้าใจความจริง ที่กายใจตนกำลังมีให้ได้ก่อนว่า อะไรที่กำลังมีจริงๆเดี๋ยวนนี้เลยค่ะ แล้วอะไรล่ะทีมันมีจริงๆเดี๋ยวนี้น่าขอรับโผม ไม่มีตัวตนคนมีแต่จิตเกิดดับสืบต่อไม่ขาดสายแต่ละ1ประเภท หลากหลายตามการสะสมไม่ซ้ำตรงทุกคำที่กำลังมีในพระไตรปิฎก ที่ดับไปแล้วไม่กลับมาเกิดให้รู้อีกเลยเกิดจิตขณะใหม่ตลอดก็ไม่รู้เพราะขาดสุตมยปัญญา พูดอยู่หยกๆ ไม่ดูเออนี่ อ้างคำพูด: บอกเลยว่ามโนอย่างแท้จริง เพราะมโนไปอนาคตธรรม ยกตัวอย่างเช่น ให้รู้ว่าตนไม่ใช่คน สัตว์ สิ่งของ สิ่งนี้เป็นอารมณ์ของพระอรหันต์ ให้ตนไปรู้รสนิพพาน ตนไม่ได้พระอริยะจะไปรู้รสนิพพานไม่ได้ เป็นโสดาบันจึงจะรู้รสนิพพาน เขาสอนเหมือนตนเป็นพระอรหันต์ไปแล้ว คนที่ฟังก็มโนตาม แต่ปฏิบัติตามไม่ได้ เพราะต่างคนต่างมโนไป ใครมีกามราคะมากก็มโนไปอีกทาง ใครมีโทสะมากก็มโนไปอีกทาง ใครที่โลภมากก็มโนไปอีกทาง ใครโมหะมากก็มโนไปอีกทาง การปฏิบัติสมาธิพร้อมเจริญสติปัฏฐาน เป็นการแก้ไขการมโน แก้การฟุ้งซ่าน เดี๋ยวนี้เลยคริคริคริเลือกเห็นที่กำลังเห็นได้หรือคะ เลือกรับรู้แต่กลิ่นหอมๆไม่มีกลิ่นเหม็นเลยได้หรือคะ เลือกได้ยินแต่เสียงไพเราะเสนาะหูโดยไม่ได้ยินเสียงด่ากันได้หรือ จิตได้ยินทีละ1เสียงก็ดับคนทั้งตัวไม่มีตัวคนแล้วเดี๋ยวนี้เลยนับสิได้ยินกี่เสียง อย่าลืมน๊า...จิตเกิดดับทีละ1ขณะได้แค่1ทางและทั้ง6ทางไม่ปนกันไม่พร้อมกัน กุศลและอกุศลไม่ปนกันเป็นคนละขณะจิตถ้าไม่ฟังเพื่อรู้แยกทางกันจริงๆจะไปรู้อะไรได้คะดับหมดแล้ว หลงได้ใจจริงๆ ยิ่งกว่าหลงถ้ำอีก คิกๆๆ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 02 ก.ย. 2018, 00:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาวะแห่งนิพพาน |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: ในเมื่อนิพพานเป็นสิ่งที่เห็นได้ยาก หยั่งรู้ตามได้ยาก เมื่อยังไม่เห็น ก็นึกไม่เห็น เมื่อยังไม่เข้าถึง ก็คิดไม่เข้าใจ ถ้อยคำที่ใช้บอกตรงๆและสัญญาที่จะใช้กำหนดก็ไม่มี ดังกล่าวมาฉะนี้ จึงน่าสังเกตว่า ในการกล่าวถึงนิพพาน ท่านจะพูดอย่างไร หรือใช้ถ้อยคำอย่างไร ต่อที่ viewtopic.php?f=1&t=56450 ดับกิเลสได้หมดก็ถึงแหละ ก่อนอื่นต้องเข้าใจความจริง ที่กายใจตนกำลังมีให้ได้ก่อนว่า อะไรที่กำลังมีจริงๆเดี๋ยวนนี้เลยค่ะ แล้วอะไรล่ะทีมันมีจริงๆเดี๋ยวนี้น่าขอรับโผม ไม่มีตัวตนคนมีแต่จิตเกิดดับสืบต่อไม่ขาดสายแต่ละ1ประเภท หลากหลายตามการสะสมไม่ซ้ำตรงทุกคำที่กำลังมีในพระไตรปิฎก ที่ดับไปแล้วไม่กลับมาเกิดให้รู้อีกเลยเกิดจิตขณะใหม่ตลอดก็ไม่รู้เพราะขาดสุตมยปัญญา พูดอยู่หยกๆ ไม่ดูเออนี่ อ้างคำพูด: บอกเลยว่ามโนอย่างแท้จริง เพราะมโนไปอนาคตธรรม ยกตัวอย่างเช่น ให้รู้ว่าตนไม่ใช่คน สัตว์ สิ่งของ สิ่งนี้เป็นอารมณ์ของพระอรหันต์ ให้ตนไปรู้รสนิพพาน ตนไม่ได้พระอริยะจะไปรู้รสนิพพานไม่ได้ เป็นโสดาบันจึงจะรู้รสนิพพาน เขาสอนเหมือนตนเป็นพระอรหันต์ไปแล้ว คนที่ฟังก็มโนตาม แต่ปฏิบัติตามไม่ได้ เพราะต่างคนต่างมโนไป ใครมีกามราคะมากก็มโนไปอีกทาง ใครมีโทสะมากก็มโนไปอีกทาง ใครที่โลภมากก็มโนไปอีกทาง ใครโมหะมากก็มโนไปอีกทาง การปฏิบัติสมาธิพร้อมเจริญสติปัฏฐาน เป็นการแก้ไขการมโน แก้การฟุ้งซ่าน เดี๋ยวนี้เลยคริคริคริเลือกเห็นที่กำลังเห็นได้หรือคะ เลือกรับรู้แต่กลิ่นหอมๆไม่มีกลิ่นเหม็นเลยได้หรือคะ เลือกได้ยินแต่เสียงไพเราะเสนาะหูโดยไม่ได้ยินเสียงด่ากันได้หรือ จิตได้ยินทีละ1เสียงก็ดับคนทั้งตัวไม่มีตัวคนแล้วเดี๋ยวนี้เลยนับสิได้ยินกี่เสียง อย่าลืมน๊า...จิตเกิดดับทีละ1ขณะได้แค่1ทางและทั้ง6ทางไม่ปนกันไม่พร้อมกัน กุศลและอกุศลไม่ปนกันเป็นคนละขณะจิตถ้าไม่ฟังเพื่อรู้แยกทางกันจริงๆจะไปรู้อะไรได้คะดับหมดแล้ว หลงได้ใจจริงๆ ยิ่งกว่าหลงถ้ำอีก คิกๆๆ เวลาหอมกะเหม็นเป็นกิเลสทั้งคู่เลยอุดจมูกเวลาเหม็นคริคริคริมีตัวตนทันทีที่กั้นลมหายใจ หรือเอามืออุดจมูกเพราะมีวิภวตัณหาไม่อยากได้กลิ่นเหม็นที่ไม่น่าพอใจมีโทสะ+โมหะ และมีภวตัณหาอยากได้แต่กลิ่นหอมดีๆมีโลภะ+โมหะหนีไม่พ้นกิเลสในชีวิตประจำวัน เวลาได้กลิ่นเนี่ยมันหอมทันทีแล้วก็เหม็นทันทีไม่ใช่หรือคะเอากิเลสออกไปตอนไหนคะ แสวงหานายช่างผู้สร้างเรือนไปไหมไปตลาดร้านค้าเพื่อซื้อน้ำหอมที่ชอบใจมีกามตัณหา ทุกคำในพระไตรปิฎกคือปัจจุบันธรรมตรงขณะก่อนดับไม่มีใครรู้ความจริงนอกจากพระสุคต ตถาคตตรัสรู้ความจริงที่ไม่มีใครรู้ได้นอกจากฟังแล้วไตร่ตรองจนเห็นโทษของความไม่รู้จึงมีศรัทธาที่จะฟัง https://youtu.be/vbXP_lKScnw |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 02 ก.ย. 2018, 18:02 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาวะแห่งนิพพาน |
Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: ในเมื่อนิพพานเป็นสิ่งที่เห็นได้ยาก หยั่งรู้ตามได้ยาก เมื่อยังไม่เห็น ก็นึกไม่เห็น เมื่อยังไม่เข้าถึง ก็คิดไม่เข้าใจ ถ้อยคำที่ใช้บอกตรงๆและสัญญาที่จะใช้กำหนดก็ไม่มี ดังกล่าวมาฉะนี้ จึงน่าสังเกตว่า ในการกล่าวถึงนิพพาน ท่านจะพูดอย่างไร หรือใช้ถ้อยคำอย่างไร ต่อที่ viewtopic.php?f=1&t=56450 ดับกิเลสได้หมดก็ถึงแหละ ก่อนอื่นต้องเข้าใจความจริง ที่กายใจตนกำลังมีให้ได้ก่อนว่า อะไรที่กำลังมีจริงๆเดี๋ยวนนี้เลยค่ะ แล้วอะไรล่ะทีมันมีจริงๆเดี๋ยวนี้น่าขอรับโผม ไม่มีตัวตนคนมีแต่จิตเกิดดับสืบต่อไม่ขาดสายแต่ละ1ประเภท หลากหลายตามการสะสมไม่ซ้ำตรงทุกคำที่กำลังมีในพระไตรปิฎก ที่ดับไปแล้วไม่กลับมาเกิดให้รู้อีกเลยเกิดจิตขณะใหม่ตลอดก็ไม่รู้เพราะขาดสุตมยปัญญา พูดอยู่หยกๆ ไม่ดูเออนี่ อ้างคำพูด: บอกเลยว่ามโนอย่างแท้จริง เพราะมโนไปอนาคตธรรม ยกตัวอย่างเช่น ให้รู้ว่าตนไม่ใช่คน สัตว์ สิ่งของ สิ่งนี้เป็นอารมณ์ของพระอรหันต์ ให้ตนไปรู้รสนิพพาน ตนไม่ได้พระอริยะจะไปรู้รสนิพพานไม่ได้ เป็นโสดาบันจึงจะรู้รสนิพพาน เขาสอนเหมือนตนเป็นพระอรหันต์ไปแล้ว คนที่ฟังก็มโนตาม แต่ปฏิบัติตามไม่ได้ เพราะต่างคนต่างมโนไป ใครมีกามราคะมากก็มโนไปอีกทาง ใครมีโทสะมากก็มโนไปอีกทาง ใครที่โลภมากก็มโนไปอีกทาง ใครโมหะมากก็มโนไปอีกทาง การปฏิบัติสมาธิพร้อมเจริญสติปัฏฐาน เป็นการแก้ไขการมโน แก้การฟุ้งซ่าน เดี๋ยวนี้เลยคริคริคริเลือกเห็นที่กำลังเห็นได้หรือคะ เลือกรับรู้แต่กลิ่นหอมๆไม่มีกลิ่นเหม็นเลยได้หรือคะ เลือกได้ยินแต่เสียงไพเราะเสนาะหูโดยไม่ได้ยินเสียงด่ากันได้หรือ จิตได้ยินทีละ1เสียงก็ดับคนทั้งตัวไม่มีตัวคนแล้วเดี๋ยวนี้เลยนับสิได้ยินกี่เสียง อย่าลืมน๊า...จิตเกิดดับทีละ1ขณะได้แค่1ทางและทั้ง6ทางไม่ปนกันไม่พร้อมกัน กุศลและอกุศลไม่ปนกันเป็นคนละขณะจิตถ้าไม่ฟังเพื่อรู้แยกทางกันจริงๆจะไปรู้อะไรได้คะดับหมดแล้ว หลงได้ใจจริงๆ ยิ่งกว่าหลงถ้ำอีก คิกๆๆ เวลาหอมกะเหม็นเป็นกิเลสทั้งคู่เลยอุดจมูกเวลาเหม็นคริคริคริมีตัวตนทันทีที่กั้นลมหายใจ หรือเอามืออุดจมูกเพราะมีวิภวตัณหาไม่อยากได้กลิ่นเหม็นที่ไม่น่าพอใจมีโทสะ+โมหะ และมีภวตัณหาอยากได้แต่กลิ่นหอมดีๆมีโลภะ+โมหะหนีไม่พ้นกิเลสในชีวิตประจำวัน เวลาได้กลิ่นเนี่ยมันหอมทันทีแล้วก็เหม็นทันทีไม่ใช่หรือคะเอากิเลสออกไปตอนไหนคะ แสวงหานายช่างผู้สร้างเรือนไปไหมไปตลาดร้านค้าเพื่อซื้อน้ำหอมที่ชอบใจมีกามตัณหา ทุกคำในพระไตรปิฎกคือปัจจุบันธรรมตรงขณะก่อนดับไม่มีใครรู้ความจริงนอกจากพระสุคต ตถาคตตรัสรู้ความจริงที่ไม่มีใครรู้ได้นอกจากฟังแล้วไตร่ตรองจนเห็นโทษของความไม่รู้จึงมีศรัทธาที่จะฟัง https://youtu.be/vbXP_lKScnw เลอะเทอะได้ใจไอ้เรืองจริงๆ ไม่ได้มีอะไรเลย |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 14 มิ.ย. 2020, 09:24 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ภาวะแห่งนิพพาน |
อ้างคำพูด: สิ้นแล้ว! หลวงปู่สุข โกวิโท เทพเจ้าแดนอีสานใต้ น้อมกราบสู่พระนิพพาน https://www.onbnews.today/post/pd/30605 ... krwiVcB2MI นิพพานแนวตายแล้วไปสู่นิพพาน กล่าวคือ เป็นสถานที่แห่งหนึ่งนั้น เป็นนิพพานแนวมหายาน |
หน้า 2 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |