ผู้จะเริ่มปฏิบัติกรรมฐาน เริ่มต้น จำเป็นต้องรู้ความหมาย "กัมมัฏฐาน" ให้ชัด ถ้าเข้าใจไม่ชัดแล้ว ไปทำไปปฏิบัติเข้า จะหลงเข้าป่าเข้าดง หาทางออกไม่เจอ

มีตัวอย่างที่เข้าใจความหมาย "กรรมฐาน" ผิด แล้วไม่ใช่ผิดธรรมดาผิดไปไกลมากๆ

https://palungjit.org/threads/%E0%B8%9D ... A2.512443/

สมมติใช้ลมหายใจเข้า กับ ลมหมายใจออก ฝึกจิต ลมเข้าลมออก ก็เรียกว่า กรรรมฐาน (ที่ทำงานของจิต หรือที่ให้จิตทำงาน) ถ้าใช้ อาการท้องพอง กับ อาการท้องยุบ ฝึกจิต ท้องพองขึ้น กับ ท้องยุบลง ก็เรียกว่า กรรมฐาน (ที่ทำงานของจิต หรือที่ให้จิตมันทำงาน) ความหมายกรรมฐานแค่นี้เอง

ที่เรียกว่า อานาปานะ (-สติ) หมายถึงลมหายใจเข้า กับ ลมหายใจออก

ทุกภพภูมิทำไปจากโลกมนุษย์ค่ะโลกจึงเป็นที่ดูผลของบุญและบาปที่เคยทำมาไม่รู้จากชาติไหนค่ะ

ทำไมจึงเอ่ยถึงอีก1ภพภูมิที่นอกเหนือจากคนทราบไหมคะ
เพราะตาเนื้อเห็นได้ตามปกติมีแค่2ภพภูมิที่อ้างอิงใกล้เคียง
ตาเนื้อเห็นเหมือนกันเลยทั้งคนและสุนัขแมวที่อาศัยอยู่ที่วัด
และที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้ทั้งคนและสัตว์มีหลากหลายชนิด
ที่นี้พิจารณาไตร่ตรองตามนะคะจิตเห็นไม่มีรูปร่างปรากฏค่ะ
เมื่อเอารูปร่างออกหมดทุกภพภูมิคือมีจิตเจตสิกรูปพาไปเกิด
เห็นเป็นเห็นดับแล้วเห็นไม่ใช่คนเห็นไม่ใช่แมวเห็นไม่ใช่ตัวตน
แต่คนเห็นแมวเห็นเทวดาเห็นพรหมเห็นเหมือนกันคือมีจิตเห็น
ที่เห็นรูปนิมิตที่ปรากฏตามภพภูมิที่ตนกำลังอาศัยจิตอยู่ภพนั้น
รูปไม่ใช่ตัวตนและจิตก็ไม่ใช่ตัวตนคนแต่ประการใดเพราะฉะนั้น
จิตเห็นเป็นผลของกรรมทุกภพภูมิมีกิเลสเหมือนกันจึงต้องเพียรคิด
ให้ตรงสัจจะตามคำสอนตรงความจริงที่กำลังมีจากการฟังพระพุทธพจน์ไงคะ
เพราะความประเสริฐอยู่ที่ได้เกิดเป็นคนได้พบพระสัทธรรมและได้ฟังเพื่อเข้าใจตรงคำวาจาสัจจะ

ไปกันใหญ่ อิอิ

จริงๆนะ มีวิธีเดียวที่คุณโรสจะหายจากการฟุ้งซ่าน คือ ปฏิบัติกรรมฐาน อย่างไหนก็ได้ ทำไปภาวนาไป จนภาวนามยปัญญาเกิด นั่นหมายถึงว่าจิตได้เลื่อนชั้นไปแล้วอีกชั้นหนึ่ง อย่างน้อยๆก็ชั้นนี้ แล้วจะหายฟุ้งซ่าน

กังขาวิตรณวิสุทธิ ความบริสุทธิ์ด้วยหมดสงสัยในนามรูป คือ กำหนดรู้ปัจจัยแห่งนามรูปได้ว่า เพราะอะไรเกิด นามรูปจึงเกิด เพราะอะไรดับ นามรูปจึงดับ


viewtopic.php?f=1&t=56409

สุตะๆๆ ยิ่งฟังยิ่งฟุ้ง เชื่อเหอะ ทำมั่ง

ตาเนื้อคนกะสุนัขและแมวที่อยู่ในวัดเห็นเหมือนกัน
เอารูปร่างออกเป็นจิตเห็นเหมือนกันยืนเดินนั่งนอนด้วย
อยูู่ไปกับสิ่งที่เห็นทั้งวันโดยไม่ฟังคำสอนค่าที่มีกิเลสเท่ากันน๊า
เปิดเสียงพระพุทธพจน์ฟังดูสิถ้าคนคิดตามไม่เข้าใจสุนัขและแมวก็ไม่เข้าใจ
ตอนที่คนประเสริฐกว่าสัตว์คือตอนที่กำลังเข้าใจความจริงตรงตามคำสอนตรงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้เลย
เดี๋ยวนี้ไม่ได้ทำความประเสริฐด้วยการคิดให้ตรงตามคำสอนแปลว่าตนมีกิเลสมากและขาดปัญญารู้ตามฟังไง

ฟุ้งซ่าน + เพ้อๆ จริงๆ

เพียงแค่บรรทัดเดียวบอกอะไรได้หลายอย่าง เช่น นอกจากคิดอย่างนิครนถ์และบุคคลทั่วๆไปแล้ว



ยังบอกอีกกว่า ถ้าจับผลัดจับผลูไปภาวนาหรือไปทำกรรมฐานเข้า มีสิทธิ์เพี้ยน 90 % เหลืออีก 10 % เพื่อได้กัลยาณมิตรที่รู้แนะนำ กับ ทำเล่นๆไม่จริงไม่จังอะไร

พูดแล้วต้องมีตัวอย่างเบาๆประกอบ



เมื่อผู้ปฏิบัติคิดแบบคุณโรสเสียว่า นิมิตใดๆที่ปรากฏซึ่งก็เป็นล้วนผลกรรมในอดีตชาติ ชาติไหนก็ไม่รู้ตามมาส่งผลให้ เมื่อตัวไม่รู้สาเหตุก็ไปไม่เป็น + ความเข้าใจผิดอย่างนั้นด้วย ถ้าไม่เลิกทำเสียก่อน ฝืนทำไปปฏิบัติไปมันพอสะระเอี้ยนเท่านั้น

เบาๆอีกสักตัวอย่าง

เบาๆอีกสักตัวอย่าง

ตย.แรงขึ้นหน่อย


ความรู้สึกหลังออกจากสมาธินี้ คืออะไรครับ แล้วผมจะแก้ไขมันยังไง?

ขอเท้าความหน่อยนะครับ ผมได้มีโอกาสไปเข้าคอสวิปัสสนาที่สถานปฏิบัติธรรม (...) ครั้งแรกผมรู้สึกดีกับการปฏิบัติมากครับ ใจสงบ เย็นดี กายสบายเหมือนมีละอองเล็กๆเบาๆเย็นรอบตัว ช่วงวันสุดท้ายที่มีแผ่เมตตา ผมรู้สึกเหมือนน้ำเย็นสาดจากหัวถึงเท้า เหมือนตัวว่างเปล่า มันทำให้สดชื่นเบาสบาย

ระหว่างอยู่ที่บ้านก็นั่งสมาธิบ้างทำๆหยุดๆ ดูลมหายใจ ใจสงบดี แต่ก็ไม่ได้ทำต่อเนื่องครับ

ครั้งที่สองที่ไป การปฏิบัติก็เป็นไปปกติ มีความรู้สึกถึงกลุ่มก้อนละเอียด และกลุ่มก่อนหยาบบนผิวหนัง แต่คราวนี้รู้สึกเลย เข้ามาในร่างกาย คล้ายๆมวลสารขนาดหมวกกันน็อก ตันๆครอบหัวอยู่แล้วค่อยๆไหลทะลุมาที่บ่าแล้วออกไปที่หลัง จากนั้น ก็มีก้อนใหม่วนเวียน บางทีก็ทีละสองก้อน ผมก็นั่งดูมันเคลื่อนไปเหมือนนั่งดูแม่น้ำที่มีเรือผ่าน

ตอนแรกความรู้สึกหนักตันที่ค่อยๆเคลื่อนนี้จะอยู่เฉพาะตอนทำสมาธิครับ ช่วงวันหลังๆแค่หลับตาจะนอนก็เห็นเลยครับ วันสุดท้ายก้อนนี้มันเกาะอยู่แม้ตอนลืมตา แล้วมันก็เคลื่อนลงมาที่หน้า ปาก ในปาก แล้วก็ติดแหมะอยู่ในนั้น

ตอนนี้ ผมมีความรู้สึกดันๆตึงๆที่เคลื่อนไปมาได้ ค้างอยู่บนเพดานปาก ไม่หลุดไปไหน ย้ายไปซ้ายที ขวาที

ตอนกลับมาใหม่ๆผมคิดว่ามันก็ดีเป็นเหมือนการบ้านให้มีสติรู้ตัวตลอดเวลา ถึงเวลาคงหายเอง... ปีนึงผ่านไป ก็ยังรู้สึกเหมือนวันแรก... เริ่มไม่ชอบครับ เวลานั่งสมาธิมันก็จะอยู่ตรงนั้น

ผมแก้ปัญหาด้วยการ แผ่เมตตาหลังสมาธิ ทำบุญถวายสัฆทาน อุทิศส่วนกุศล ก็ไม่รู้สึกว่าเบาลงเลย

ทำให้ผมกังวล ว่าอาจจะเป็นโรคในช่องปาก ไปพบหมอทันตแพทย์ก็เจอฟันคุด จัดการผ่าออก พอยาชาหมดฤทธิ์ ก้อนนี้ยังอยู่... หลายเดือนให้หลัง ก็ให้หมอหู คอ จมูก ส่องกล้องเข้าไปในโพรงจมูก แต่ไม่พบความผิดปกติ

ความรู้สึกนี้ไม่ทำให้เจ็บปวด แต่เวลาที่ต้องใช้สมาธิ ในการทำงาน หรือเวลาพักผ่อน นั่งนิ่งๆ ความรู้สึกนี้ก็จะชัดมาก่อนเลย ไม่รู้จะปรึกษาใคร รบกวนท่านผู้รู้ช่วยชี้แนะด้วยครับ

รู้จักตนเองตามปกติภพภูมิด้วยตาเนื้อที่มองเห็นตามปกติมี2ภพภูมิ
2ภพภูมินี้กินนอนสืบพันธุ์เหมือนกันถูกไหมแล้วใครคือผู้ประเสริฐรู้ป่าว
ในจักรวาลนี้มีพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวที่รู้ความจริงทั้งหมดไม่เก็ตเลยหรือ
ตถาคตตรัสรู้ความจริง45ปีตรัสให้คนที่กำลังฟังเท่านั้นเข้าใจคำที่พระองค์กล่าวถูกตามได้
คนยุคนี้ไม่ฟังความจริงว่าอะไรถูกอะไรผิดอะไรดีอะไรชั่วแยกไม่ออกเลยเพราะไม่ได้กำลังฟังไม่คิดตาม
คำตถาคตตรงสัจจะต้องอาศัยฟังเสียงคำสัจจะตรงกับสิ่งที่กำลังมีที่กายใจตนเองมีแล้วแต่ไม่เคยคิดเองได้

คำถาม ...

ใครกันที่รู้ว่าพระพุทธองค์เพียงองค์เดียวในจักรวาลที่รู้ความจริงค๊ะ ...



คนที่รู้เช่นนั้นแสดว่าเขามีการคบหากับมนุษย์ต่างดาวด้วยใช่มั๊ยคะ
แล้วเขาต้องเคยได้สนทนาธรรมกับมนุษย์ต่างดาวใช่มั๊ยคะ

เขามาจากดาวอะไรคะ แล้วดาวนั้นเป็นไงบ้างคะ

พระพุทธเจ้ามาปรากฎบนดาวของเรา แสดงว่าดาวของเรามีอารยธรรมเจริญสุดใช่มั๊ยคะ

คำตอบ

ยุงก้นป่องเป็นพาหะของไข้มาลาเรีย ... ^^

และยามมีพายุชาวประมงไม่ควรเล่นเรือออกจากฝั่ง ... ^^

เคยบอกหนแล้วว่า คุณโรสไม่มีวันและคืน (24 ชั่วโมงเลย) ที่จะเข้าใจพระพุทธศาสนา เพราะอะไร เพราะคิดคร่อมภพคร่อมชาติ คิดผสมปนเปกันไปหมดเหมือนยำวุ้นเส้น ดูสิน่า แต่ก็อย่างว่านะ คนชอบก็ว่าอร่อยดี

ความจริงไม่เกิดจากการท่องจำคำตามตำรา
แต่ความจริงมีตรงสัจจะตอนระลึกตามได้เมื่อฟัง
ปัญญาไม่ได้เกิดเองจากการทำมีตัวตนไปนั่งจดจ้องแต่มี
ปัญญาเมื่อเริ่มฟังเข้าใจเพราะทุกอย่างเป็นธัมมะไม่ใช่ตัวตน
มีสภาพธัมมะถูกกำหนดมาแล้วตามวิบากกรรมเก่าที่กำลังปรากฏ
ทุกขณะทุกเวลากำลังมีการเกิดดับครบทั้ง6ทางอายตนะมีแล้วนะคะ
ไม่มีใครเลือกเห็นเลือกได้ยินเลือกได้กลิ่นเลือกลิ้มรสเลือกรับสัมผัสต่างๆนั้น
ไม่ได้ทำเห็นเพราะเห็นแล้วดับแล้วก็ไม่รู้ว่าตนไม่รู้ไงคะเพราะขาดสุตมยปัญญาไงคะ

เออนะ...จิตเห็น1ขณะที่ดับเกิดภพใหม่แล้ว7ชาติ
ตัวเองน่ะไม่ได้ตรัสรู้ไงที่ยังเกิดอยู่มาเจอกัน
ยังมีกิเลสทั้งนั้นเพราะไม่ได้เห็นสีบอกไม่ฟัง
ปัญญาแรกตามคำสอนคือสุตมยปัญญาไม่ทำ
ไม่มีทางรูว่าปัญญาตนถึงระดับไหนแล้วประมาท
ตถาคตตรัสจากพระโอษฐ์ให้ผู้ที่กำลังฟังเท่านั้นที่คิดตามได้
บรรลุธรรมตามได้ที่คุณการอ่านตำราเป็นจิตคิดนึกหลังเห็นดับสะสมแต่อวิชชา
พออ่านแล้วก็คิดเองว่าต้องทำฌานก็มีความเห็นผิดเป็นทุนเดิมไปทำตามคิดผิดไง
ไม่ฟังเพื่อเกิดสัมมาก็เป็นมิจฉาเหมือนเดิมไงคะตัวอย่างคือพระเทวทัตได้สมาบัติน๊าตกนรกด้วยอกุศลมีกำลัง
https://youtu.be/dgkPInQHJnw