วันเวลาปัจจุบัน 28 เม.ย. 2024, 07:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 66 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2018, 14:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
tongue
Love J. เขียน:
มีความศรัทธา ฟังตาม ปฏิบัติตาม รู้ตาม เห็นตามคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัส ...... ดีแล้ว ชอบแล้ว ประเสริฐแล้ว เป็นมงคลยิ่งแล้ว อนุโมทนาสาธุครับ คุณ Rosarin :b8: :b8: :b8:

สุตมยปัญญาต้องฟังเสียงตรงสัทบัญญัติเข้าใจความจริงตรงความหมายของเสียงเข้าใจตามเป็นธรรมดา
รู้ว่าที่กายตนกำลังปรากฏอะไรที่กำลังปรากฏตรงจริงๆคนอื่นจะรู้แทนกายใจตนไม่ได้และต้องพึ่งคำตถาคต
จึงจะอบรมจิตให้เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏตามรู้รูปที่กำลังปรากฏได้เท่านั้นค่ะคือตรงวิสยรูป7ทีละ1ค่ะ
สาธุค่ะ
:b8:


มาอีกแระทีละ 1 คำ เช่น คำว่า "สติ" ส 1 คำ ติ 1 คำ ฟังทีละคำอย่างนี้นะ

นิพพาน นิพ 1 พาน 1 อย่างนี้นะ



อ้างคำพูด:
สุตมยปัญญาต้องฟังเสียงตรงสัทบัญญัติ


ยกตัวอย่างให้เห็นสิขอรับ

:b12:
ก็เริ่มฟังสิคะสังขารขันธ์จะได้เริ่มปรุงแต่งจิตตามคำตถาคต
ฟังความจริงตามคำสอนพร้อมระลึกวิสยรูป7ที่กายใจตนเอง
คือการรู้ตรงฐานที่ตั้งครบธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6ทีละ1สัจจะตรงๆ
คือการขัดเกลาล้างสิ่งที่ตนกำลังไม่รู้ออกทีละ1ขณะคือตามรู้1จริง
คือเอกัคตารมณ์ที่กายใจตนเองตามเสียงรู้ตรงลักษณะที่กำลังมีจริงๆ
:b1:
:b32: :b32:



ให้ยกตัวอย่างมาให้ดู แบบ ยก สติ นิพพาน แล้วแยกเป็นคำๆเงี้ย จะได้เห็นชัดๆ

:b12:
ใช้ใจในการตั้งใจฟังอย่าถือทิฏฐิมานะว่าตนจำบัญญัติคำได้มาก
ตายทุกขณะแปลว่าสัญญาจำสิ่งใหม่ตลอดแต่ยึดอันเก่าที่ไม่จริง
สติต้องกำลังระลึกความจริงที่กำลังลืมตาดูเดี๋ยวนี้ว่าตรงกับคำไหน
ทุกคำในพระไตรปิฎกคือเดี๋ยวนี้แล้วตัวเองน่ะรู้ความจริงตรงหรือยัง
ก่อนกะพริบตามีสภาพธรรมปรากฏครบ6ทางนับไม่ถ้วนต้องรู้ตรง1จริง
หลังกะพริบตาไม่ตรง1คำวาจาสัจจะที่กำลังปรากฏที่กายใจตนเองแปลว่า
มีกิเลสอาสาวะไหลไปในอารมณ์ที่จิตรู้ครบ6ทางอายตนะคือความจริงตนเป็นอวิชชา
:b32: :b32:
พียรฟังอ.สุจินต์ไปเรื่อยๆนะคะโดยไม่เข้าข้างใครเลยฟังด้วยความเคารพพระพุทธเจ้าทำฟังจะไม่เสียเวลา
พิสูจน์ความจริงตรงปัจจุบันขณะเดี๋ยวนี้ได้ทันทีดูคลิปย้อนหลังหลายปีจะได้รู้ตามปัจจุบันของตนตามได้นะ
https://youtu.be/AjanfTdYhBA



เหมือนบอกคุณโรสหลายครั้งแล้วว่า ที่คุณโรสฟังนั่นน่าไม่ใช่คำตถาคต ฟังแม่สุจินๆๆๆๆ แม่สุจินเอาความคิดความเห็นของตัวไปใส่ปากตถาคต ผิดจากพูดสะที่ไหนล่ะ

ให้ตามไปฟังคลิปย้อนหลังอีกตั้งหลายปี นั่นไม่ใช่ปัจจุบัน มันเป็นอดีตไปแล้ว

๗-๘ ปี ที่คุณโรสติดตามฟังมา เสียเวลาเปล่า นี่ก็พูดบอกไปแล้วหลายหนแล้ว :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2018, 14:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
tongue
Love J. เขียน:
มีความศรัทธา ฟังตาม ปฏิบัติตาม รู้ตาม เห็นตามคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัส ...... ดีแล้ว ชอบแล้ว ประเสริฐแล้ว เป็นมงคลยิ่งแล้ว อนุโมทนาสาธุครับ คุณ Rosarin :b8: :b8: :b8:

สุตมยปัญญาต้องฟังเสียงตรงสัทบัญญัติเข้าใจความจริงตรงความหมายของเสียงเข้าใจตามเป็นธรรมดา
รู้ว่าที่กายตนกำลังปรากฏอะไรที่กำลังปรากฏตรงจริงๆคนอื่นจะรู้แทนกายใจตนไม่ได้และต้องพึ่งคำตถาคต
จึงจะอบรมจิตให้เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏตามรู้รูปที่กำลังปรากฏได้เท่านั้นค่ะคือตรงวิสยรูป7ทีละ1ค่ะ
สาธุค่ะ
:b8:


มาอีกแระทีละ 1 คำ เช่น คำว่า "สติ" ส 1 คำ ติ 1 คำ ฟังทีละคำอย่างนี้นะ

นิพพาน นิพ 1 พาน 1 อย่างนี้นะ



อ้างคำพูด:
สุตมยปัญญาต้องฟังเสียงตรงสัทบัญญัติ


ยกตัวอย่างให้เห็นสิขอรับ

:b12:
ก็เริ่มฟังสิคะสังขารขันธ์จะได้เริ่มปรุงแต่งจิตตามคำตถาคต
ฟังความจริงตามคำสอนพร้อมระลึกวิสยรูป7ที่กายใจตนเอง
คือการรู้ตรงฐานที่ตั้งครบธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6ทีละ1สัจจะตรงๆ
คือการขัดเกลาล้างสิ่งที่ตนกำลังไม่รู้ออกทีละ1ขณะคือตามรู้1จริง
คือเอกัคตารมณ์ที่กายใจตนเองตามเสียงรู้ตรงลักษณะที่กำลังมีจริงๆ
:b1:
:b32: :b32:



ให้ยกตัวอย่างมาให้ดู แบบ ยก สติ นิพพาน แล้วแยกเป็นคำๆเงี้ย จะได้เห็นชัดๆ

:b12:
ใช้ใจในการตั้งใจฟังอย่าถือทิฏฐิมานะว่าตนจำบัญญัติคำได้มาก
ตายทุกขณะแปลว่าสัญญาจำสิ่งใหม่ตลอดแต่ยึดอันเก่าที่ไม่จริง
สติต้องกำลังระลึกความจริงที่กำลังลืมตาดูเดี๋ยวนี้ว่าตรงกับคำไหน
ทุกคำในพระไตรปิฎกคือเดี๋ยวนี้แล้วตัวเองน่ะรู้ความจริงตรงหรือยัง
ก่อนกะพริบตามีสภาพธรรมปรากฏครบ6ทางนับไม่ถ้วนต้องรู้ตรง1จริง
หลังกะพริบตาไม่ตรง1คำวาจาสัจจะที่กำลังปรากฏที่กายใจตนเองแปลว่า
มีกิเลสอาสาวะไหลไปในอารมณ์ที่จิตรู้ครบ6ทางอายตนะคือความจริงตนเป็นอวิชชา
:b32: :b32:
พียรฟังอ.สุจินต์ไปเรื่อยๆนะคะโดยไม่เข้าข้างใครเลยฟังด้วยความเคารพพระพุทธเจ้าทำฟังจะไม่เสียเวลา
พิสูจน์ความจริงตรงปัจจุบันขณะเดี๋ยวนี้ได้ทันทีดูคลิปย้อนหลังหลายปีจะได้รู้ตามปัจจุบันของตนตามได้นะ
https://youtu.be/AjanfTdYhBA



เหมือนบอกคุณโรสหลายครั้งแล้วว่า ที่คุณโรสฟังนั่นน่าไม่ใช่คำตถาคต ฟังแม่สุจินๆๆๆๆ แม่สุจินเอาความคิดความเห็นของตัวไปใส่ปากตถาคต ผิดจากพูดสะที่ไหนล่ะ

ให้ตามไปฟังคลิปย้อนหลังอีกตั้งหลายปี นั่นไม่ใช่ปัจจุบัน มันเป็นอดีตไปแล้ว

๗-๘ ปี ที่คุณโรสติดตามฟังมา เสียเวลาเปล่า นี่ก็พูดบอกไปแล้วหลายหนแล้ว :b13:

:b32:
เข้าใจคำว่าเดี๋ยวนี้ไหมคะ
ไม่รู้ความจริงของเห็นที่กำลังปรากฏ
ว่ามีแค่สี1สีไม่ใช่คนสัตว์วัตถุคือกำลังมีจิตวิปลาส
จำคลาดเคลื่อนแล้วไม่เคยคิดถูกตรงตามคำสอนว่ามีแค่เห็นสีตรงไหมคะ
จำแต่อดีตคำไม่จำเลยว่าตนเองกำลังเห็นอยู่และไม่ได้กำลังฟังจึงไม่มีปัญญาเกิดเพิ่มไงคะ
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2018, 14:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
คำสอนตรงจริงเดี๋ยวนี้ทุกคำ
ไม่ใช่อยากรู้ความหมายของ
โพธิปักขิยธรรมก็ไปค้นมาอ่าน
แต่ไม่รู้เลยว่าเดี๋ยวนี้วิปลาสแล้ว
เมื่อไหนหนอจะเริ่มคิดได้แล้วเริ่มฟัง
เพื่อตามรู้ตรงคำตรงขณะตรงจริงเพื่อ
เข้าใจเหตุและผลถูกตามได้เท่านั้นนะคะ
ฟังความจริงที่จิตกำลังมีเดี๋ยวนี้ไม่มีใครเลยสักคน
https://m.youtube.com/watch?v=101cfbifuF4
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2018, 14:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


cool
บวชคือสละอย่างแท้จริง...จริงๆเดี๋ยวนี้
คือพร้อมแล้วที่จะสละทรัพย์บ้านเรือน
ลูกเมียสามีญาติพี่น้องไม่กลับไปรับมา
เพื่อเป็นภาระให้ห่วงและกังวลใดๆเลย
มีแค่บาตรจีวรและอัฏฐบริขารเท่านั้น
ตนรู้จักตนดีกว่าใครทำตามสิกขาบท
ได้หรือไม่ได้ถ้าไม่บอกภิกษุด้วยกัน
ยังไม่ได้เลยแล้วทำงุบงิบสะสมเนี่ย
ภพภูมิไหนเป็นที่ไปคงทราบดีแล้ว
ไม่ปลงอาบัติก็ต้องลาสิกขาน๊า
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2018, 18:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
คำสอนตรงจริงเดี๋ยวนี้ทุกคำ
ไม่ใช่อยากรู้ความหมายของ
โพธิปักขิยธรรมก็ไปค้นมาอ่าน
แต่ไม่รู้เลยว่าเดี๋ยวนี้วิปลาสแล้ว
เมื่อไหนหนอจะเริ่มคิดได้แล้วเริ่มฟัง
เพื่อตามรู้ตรงคำตรงขณะตรงจริงเพื่อ
เข้าใจเหตุและผลถูกตามได้เท่านั้นนะคะ
ฟังความจริงที่จิตกำลังมีเดี๋ยวนี้ไม่มีใครเลยสักคน
https://m.youtube.com/watch?v=101cfbifuF4
onion onion onion


ฟังคำตถาคตหรือขอรับ :b10:

คุณโรสเขาเป็นอะไรแก้ไขยังไงคับนี่
อ้างคำพูด:

จิตสร้างคำหยาบคายลามกกับพระรัตนตรัย ทำไงดีครับ

มันเริ่มจากคำหยาบเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อน แล้วพอมันเกิดขึ้น
ผมจะรู้สึกแย่ แล้วพอเวลาผ่านไป ผมอยากปฏิบัติธรรม
ให้ได้ตามหลักมรรค 8 จิตมันเริ่มรู้ว่าต้องระวังให้มากขึ้น
กลายเป็นเกร็งมากขึ้น มีคำหยาบมากขึ้นกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ผมก็พยายามทำใจว่าใจจริงเราเคารพ
พระรัตนตรัย กลายเป็นทำศึกสองด้าน ด้านหนึ่งระวัง
ไม่ให้จิตสร้างคำหยาบ ด้านหนึ่งเจริญปัญญา

ผมควรจะทำอย่างไรดีครับ มันจะทำให้มรรค 8 ด่าง
พร้อยมั้ยครับ ย้ำอีกทีว่าใจผมเคารพพระรัตนตรัย
ในรอบหลายปีมานี่ ไม่เคยมีวาจาหรือการกระทำที่
ลบหลู่พระรัตนตรัยครับ มีแต่คำหยาบที่จิตผลิตมา
หลอกหลอนวันละหลาย ๆ ประโยค

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2018, 04:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


....'' จิตสร้างคำหยาบคายลามกกับพระรัตนตรัย ทำไงดีครับ '' ...
ระลึกรู้ครับ แล้วมองให้เห็นเป็นเพียงจิตดวงหนึ่ง จิตราคะ โทสะ โมหะ
ระหว่างที่ทำกระบวนการเหล่านี้ อกุศลธรรมดับ กุศลธรรมเกิด ถ้าทำด้วย
ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา เท่ากับการระลึกรู้จิตที่สร้างคำหยาบคายนั้น
เป็นการเจริญสติปัฏฐาน ๔ สัมมปทาน ๔ อิทธิบาท ๔ จะยังโพชฌงค์ ๗
ให้บริบูรณ์ ถ้าเกิดขึ้นระลึกรู้ได้เร็ว ระงับได้เร็ว เรียกว่ามีอินทรีย์ ๕ พละ ๕
ถ้าทุกอย่างพอเหมาะดีแล้ว ทุกอย่างจะรวมกันเป็นมรรคสมังคี จัดการกับทุกข์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2018, 07:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
....'' จิตสร้างคำหยาบคายลามกกับพระรัตนตรัย ทำไงดีครับ '' ...

ระลึกรู้ครับ แล้วมองให้เห็นเป็นเพียงจิตดวงหนึ่ง จิตราคะ โทสะ โมหะ
ระหว่างที่ทำกระบวนการเหล่านี้ อกุศลธรรมดับ กุศลธรรมเกิด ถ้าทำด้วย
ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา เท่ากับการระลึกรู้จิตที่สร้างคำหยาบคายนั้น
เป็นการเจริญสติปัฏฐาน ๔ สัมมปทาน ๔ อิทธิบาท ๔ จะยังโพชฌงค์ ๗
ให้บริบูรณ์ ถ้าเกิดขึ้นระลึกรู้ได้เร็ว ระงับได้เร็ว เรียกว่ามีอินทรีย์ ๕ พละ ๕
ถ้าทุกอย่างพอเหมาะดีแล้ว ทุกอย่างจะรวมกันเป็นมรรคสมังคี จัดการกับทุกข์


การมองให้เห็นเป็นเพียง...จิตดวงหนึ่ง..ที่เกิดดับไป...ไม่มีสาระอะไร..นั้นนะ

ในทางปฏิบัติ...หากมองให้เป็นอย่างนั้นเลย..(จิตดวงหนึ่ง..ที่เกิดดับไป...ไม่มีสาระอะไร)...อาจไม่ประสพความสำเร็จ..

เพราะ..ในใจมีความยึดถือความเป็นตัวตนของเรา..อยู่..แม้ว่าปากหรือความคิด..จะท่องว่า..มันไม่ใช่เรา..มันไม่ใช่เรา..ก็ตาม

ว่าง..ว่าง...จะมาต่อ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2018, 11:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
คำสอนตรงจริงเดี๋ยวนี้ทุกคำ
ไม่ใช่อยากรู้ความหมายของ
โพธิปักขิยธรรมก็ไปค้นมาอ่าน
แต่ไม่รู้เลยว่าเดี๋ยวนี้วิปลาสแล้ว
เมื่อไหนหนอจะเริ่มคิดได้แล้วเริ่มฟัง
เพื่อตามรู้ตรงคำตรงขณะตรงจริงเพื่อ
เข้าใจเหตุและผลถูกตามได้เท่านั้นนะคะ
ฟังความจริงที่จิตกำลังมีเดี๋ยวนี้ไม่มีใครเลยสักคน
https://m.youtube.com/watch?v=101cfbifuF4
onion onion onion


ฟังคำตถาคตหรือขอรับ :b10:

คุณโรสเขาเป็นอะไรแก้ไขยังไงคับนี่
อ้างคำพูด:

จิตสร้างคำหยาบคายลามกกับพระรัตนตรัย ทำไงดีครับ

มันเริ่มจากคำหยาบเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อน แล้วพอมันเกิดขึ้น
ผมจะรู้สึกแย่ แล้วพอเวลาผ่านไป ผมอยากปฏิบัติธรรม
ให้ได้ตามหลักมรรค 8 จิตมันเริ่มรู้ว่าต้องระวังให้มากขึ้น
กลายเป็นเกร็งมากขึ้น มีคำหยาบมากขึ้นกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ผมก็พยายามทำใจว่าใจจริงเราเคารพ
พระรัตนตรัย กลายเป็นทำศึกสองด้าน ด้านหนึ่งระวัง
ไม่ให้จิตสร้างคำหยาบ ด้านหนึ่งเจริญปัญญา

ผมควรจะทำอย่างไรดีครับ มันจะทำให้มรรค 8 ด่าง
พร้อยมั้ยครับ ย้ำอีกทีว่าใจผมเคารพพระรัตนตรัย
ในรอบหลายปีมานี่ ไม่เคยมีวาจาหรือการกระทำที่
ลบหลู่พระรัตนตรัยครับ มีแต่คำหยาบที่จิตผลิตมา
หลอกหลอนวันละหลาย ๆ ประโยค

:b32:
ลามกก็เป็นตัวตนลามกต่อพระรัตยตรัยก็คือไม่เห็นคุณค่าของพระพุทธศาสนาไงคะ
1พระพุทธรัตนะคือพระพุทธเจ้าคือศาสดาเจ้าของคำสอนที่เป็นพระรัตนตรัยสูงสุด
2พระธรรมรัตนะคือพระธรรมและพระวินัยที่บันทึกเต็มพระไตรปิฎกคืออริยทรัพย์แทนศาสดา
3พระสังฆรัตนะคือเสขะและอเสขะบุคคลทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิตที่เข้าถึงอริยสัจจธรรมแล้ว
ส่วนปุถุชนก็ย่อมมีปกติตามที่สะสมตามอุปนิสัยที่ไม่รู้ว่าการฟังเปิดทางให้ปัญญาแทรกเข้าท่ามกลางกิเลสค่ะ
https://youtu.be/PWONjd3hGno
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2018, 12:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b9:

เห็นว่าตรงตามคำสอน และน่าจะเป็นประโยชน์ ถ้าไม่เห็นด้วยก็ข้ามไปครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2018, 16:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:

จิตสร้างคำหยาบคายลามกกับพระรัตนตรัย ทำไงดีครับ

มันเริ่มจากคำหยาบเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อน แล้วพอมันเกิดขึ้น
ผมจะรู้สึกแย่ แล้วพอเวลาผ่านไป ผมอยากปฏิบัติธรรม
ให้ได้ตามหลักมรรค 8 จิตมันเริ่มรู้ว่าต้องระวังให้มากขึ้น
กลายเป็นเกร็งมากขึ้น มีคำหยาบมากขึ้นกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ผมก็พยายามทำใจว่าใจจริงเราเคารพ
พระรัตนตรัย กลายเป็นทำศึกสองด้าน ด้านหนึ่งระวัง
ไม่ให้จิตสร้างคำหยาบ ด้านหนึ่งเจริญปัญญา

ผมควรจะทำอย่างไรดีครับ มันจะทำให้มรรค 8 ด่าง
พร้อยมั้ยครับ ย้ำอีกทีว่าใจผมเคารพพระรัตนตรัย
ในรอบหลายปีมานี่ ไม่เคยมีวาจาหรือการกระทำที่
ลบหลู่พระรัตนตรัยครับ มีแต่คำหยาบที่จิตผลิตมา
หลอกหลอนวันละหลาย ๆ ประโยค

.......................................

ความเห็นนะคะ


ความอยากโชว์ว่าจะเป็นคนดี มันทำให้ปิดบังความจริง

การเล่าเรื่องก็งำมงำมงำๆ พูดสวยไพเราะตามแบบฉบับคนที่ไม่อาจเล่ารายละเอียดความจริงทั้งหมดได้

ก่อนอื่นคุณ ต้องแสดงความซื่อสัตย์ต่อตนเอง ก่อน
ยอมรับเสียก่อน ว่านั่นแหละตัวตนของตัวเองที่แท้จริง
ตัวเองมีตะกอนแห่งความชั่วช้าลามก ที่สะสมมาข้ามภพข้ามชาติมาจนถึงปัจจุบัน
ยังเลว ยังชั่วอยู่ ยังไม่เข้าใจ ยังไม่เคารพ ยังไม่ศรัทธา ไม่สำนึกในพระคุณ

ใจจริงคุณเคารพพระรัตนตรัยแค่ไหน
เคยด่าพ่อแม่บุพการี ครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณของคุณ แบบนี้หรือไม่หละคะ
ถ้าไม่เคยด่าว่า
ก็แสดงชัดเจนอยู่แล้ว ว่า คุณเคารพพระรัตนตรัยได้มากน้อยแค่ไหน
เท่าปากว่าหรือเปล่า
คุณก็จะเห็นเอง รู้เอง จะสำนึกได้เองค่ะ

ยอมรับความจริงเสียก่อน ว่าตนเองมีความเลว มีความชั่วช้าลามก ถึงกะปรามาสพระคุณพระรัตนตรัย

นั่นแหละถึงะเริ่มรู้ และเข้าใจ สามารถปรับปรุงตัวไปในทางที่ดีได้

และอีกอย่าง คุณดันปล่อยให้ผ่านเลยมาจนถึงตอนนี้
โดยหาจิตสำนึก ที่จะคิดไปกราบขอบูชา กราบขอขมาพระรัตนตรัยไม่ได้เลย

กรรมหนักหนามีโทษมาก กลับทำทองไม่รู้ร้อน

เพราะหลงว่าตนเป็นคนดี ปฎิบัติธรรม เคารพพระรัตนตรัย
แต่ความจริงก้นบึ้งในใจ ที่แสดงออกมา มันไม่ใช่เรย

กลับไปว่า จิตมันห่วย ชั่วช้าลามก ทั้งๆที่นั่นแหละคือตัวตนที่แท้จริงของตนเอง ที่แสนเลว แสนชั่ว สะสมติดตามข้ามภพข้ามชาติมาจนปัจจุบันค่ะ

ก็มีบางคนอาจจะอ้างว่า จิตไม่ใช่ของเรา บังคับบัญชาไม่ได้
แล้วจะไปทุกข์เดือดร้อนทำไมคะ
ในเมือเวลาลงนรกก็ไม่ใช่เรา

ยิ่งดีไปใหญ่ จิตมันจะได้ไปนรก ไม่มายุ่งกะเราในโลกนี้ไง 555











โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2018, 20:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
Love J. เขียน:
....'' จิตสร้างคำหยาบคายลามกกับพระรัตนตรัย ทำไงดีครับ '' ...

ระลึกรู้ครับ แล้วมองให้เห็นเป็นเพียงจิตดวงหนึ่ง จิตราคะ โทสะ โมหะ
ระหว่างที่ทำกระบวนการเหล่านี้ อกุศลธรรมดับ กุศลธรรมเกิด ถ้าทำด้วย
ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา เท่ากับการระลึกรู้จิตที่สร้างคำหยาบคายนั้น
เป็นการเจริญสติปัฏฐาน ๔ สัมมปทาน ๔ อิทธิบาท ๔ จะยังโพชฌงค์ ๗
ให้บริบูรณ์ ถ้าเกิดขึ้นระลึกรู้ได้เร็ว ระงับได้เร็ว เรียกว่ามีอินทรีย์ ๕ พละ ๕
ถ้าทุกอย่างพอเหมาะดีแล้ว ทุกอย่างจะรวมกันเป็นมรรคสมังคี จัดการกับทุกข์


การมองให้เห็นเป็นเพียง...จิตดวงหนึ่ง..ที่เกิดดับไป...ไม่มีสาระอะไร..นั้นนะ

ในทางปฏิบัติ...หากมองให้เป็นอย่างนั้นเลย..(จิตดวงหนึ่ง..ที่เกิดดับไป...ไม่มีสาระอะไร)...อาจไม่ประสพความสำเร็จ..

เพราะ..ในใจมีความยึดถือความเป็นตัวตนของเรา..อยู่..แม้ว่าปากหรือความคิด..จะท่องว่า..มันไม่ใช่เรา..มันไม่ใช่เรา..ก็ตาม

ว่าง..ว่าง...จะมาต่อ..


Love J. เขียน:
:b9:

เห็นว่าตรงตามคำสอน และน่าจะเป็นประโยชน์ ถ้าไม่เห็นด้วยก็ข้ามไปครับ


ไม่ใช่ไม่เห็นด้วย...
เพียงจะบอกว่า..การจะทำให้เห็นว่า..สิ่งที่ผุดคือคำด่า..นั้นเป็นเพียง..สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป..ไม่มีสาระอะไร..ให้ได้นั้น..ทำอย่างไร...ต่างหา่ก..

ลำพัง...การกำหนดให้เห็นว่าเป็นจิตเกิดดับ..ไปเลยโดยไม่มีพื้นฐานความเข้าใจ..อาจเป็นการสะกดจิตตนเอง...ทำให้ไม่เกิดปัญญาในญาณที่ควรจะเป็น...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ส.ค. 2018, 13:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Love J. เขียน:
....'' จิตสร้างคำหยาบคายลามกกับพระรัตนตรัย ทำไงดีครับ '' ...

ระลึกรู้ครับ แล้วมองให้เห็นเป็นเพียงจิตดวงหนึ่ง จิตราคะ โทสะ โมหะ
ระหว่างที่ทำกระบวนการเหล่านี้ อกุศลธรรมดับ กุศลธรรมเกิด ถ้าทำด้วย
ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา เท่ากับการระลึกรู้จิตที่สร้างคำหยาบคายนั้น
เป็นการเจริญสติปัฏฐาน ๔ สัมมปทาน ๔ อิทธิบาท ๔ จะยังโพชฌงค์ ๗
ให้บริบูรณ์ ถ้าเกิดขึ้นระลึกรู้ได้เร็ว ระงับได้เร็ว เรียกว่ามีอินทรีย์ ๕ พละ ๕
ถ้าทุกอย่างพอเหมาะดีแล้ว ทุกอย่างจะรวมกันเป็นมรรคสมังคี จัดการกับทุกข์


การมองให้เห็นเป็นเพียง...จิตดวงหนึ่ง..ที่เกิดดับไป...ไม่มีสาระอะไร..นั้นนะ

ในทางปฏิบัติ...หากมองให้เป็นอย่างนั้นเลย..(จิตดวงหนึ่ง..ที่เกิดดับไป...ไม่มีสาระอะไร)...อาจไม่ประสพความสำเร็จ..

เพราะ..ในใจมีความยึดถือความเป็นตัวตนของเรา..อยู่..แม้ว่าปากหรือความคิด..จะท่องว่า..มันไม่ใช่เรา..มันไม่ใช่เรา..ก็ตาม

ว่าง..ว่าง...จะมาต่อ..


Love J. เขียน:
:b9:

เห็นว่าตรงตามคำสอน และน่าจะเป็นประโยชน์ ถ้าไม่เห็นด้วยก็ข้ามไปครับ


ไม่ใช่ไม่เห็นด้วย...
เพียงจะบอกว่า..การจะทำให้เห็นว่า..สิ่งที่ผุดคือคำด่า..นั้นเป็นเพียง..สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป..ไม่มีสาระอะไร..ให้ได้นั้น..ทำอย่างไร...ต่างหา่ก..

ลำพัง...การกำหนดให้เห็นว่าเป็นจิตเกิดดับ..ไปเลยโดยไม่มีพื้นฐานความเข้าใจ..อาจเป็นการสะกดจิตตนเอง...ทำให้ไม่เกิดปัญญาในญาณที่ควรจะเป็น...

:b32:
ถ้าโยมไม่รู้ว่าพระมีเงินจะมาขอไหมคะคริคริคริ
ใจไม่อยากให้หร็อกแต่ถ้าบอกว่าไม่มีก็กลัวบาปไง
มันบาปตั้งแต่ตั้งใจรับแล้วถ้ารู้ว่าพระคือใครจะรับเงินม๊ะ
คนรับก็ไม่รู้คนให้ก็ไม่รู้ก็ทำแบบไม่รู้ทำผิดแต่ไม่เคยคิดเหตุผล
ไม่เคยฟังว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไรมีแต่ตัณหาทาโสเป็นทาสความอยากมีกิเลสไงคะ
และถ้าเป็นภิกษุในธรรมวินัยที่ถึงโสดาบันท่านไม่รับเงินแน่นอนเพราะรู้จักตนและที่รับน่ะไม่ใช่บรรพชิต
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ส.ค. 2018, 17:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่อื่นก็ตั้งกระทู้ถามไถ่กันเหมือนกัน ตัวอย่าง เช่น

อ้างคำพูด:
การปฏิบัติธรรม ตามแนวของ อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เป็นอย่างไรครับ

ฟังดูเป็นวิชาการ ที่ต้องพิจารณาตามอย่างละเอียด

แต่ส่วนตัวรู้สึกแห้งแล้ง ขาดความสดชื่นและอิ่มเอม แม้สิ่งที่อาจารย์สุจินต์สอน จะเป็นข้อเท็จจริงหลายๆอย่างที่ชาวพุทธควรรู้ ควรตระหนัก

อีกด้านหนึ่ง จากที่ฟังๆ มา เข้าใจว่า แนวของ อาจารย์สุจินต์ ไม่มีกรรมฐาน เหมือนแนวทางอื่นๆ เช่นวัดป่า ที่เน้น กรรมฐานมากๆ

https://pantip.com/topic/38001354



คคห. 1 ตอบว่า

อ้างคำพูด:
บอกเลยว่ามโนอย่างแท้จริง เพราะมโนไปอนาคตธรรม
ยกตัวอย่างเช่น
ให้รู้ว่าตนไม่ใช่คน สัตว์ สิ่งของ
สิ่งนี้เป็นอารมณ์ของพระอรหันต์
ให้ตนไปรู้รสนิพพาน
ตนไม่ได้พระอริยะจะไปรู้รสนิพพานไม่ได้
เป็นโสดาบันจึงจะรู้รสนิพพาน

เขาสอนเหมือนตนเป็นพระอรหันต์ไปแล้ว

คนที่ฟังก็มโนตาม แต่ปฏิบัติตามไม่ได้ เพราะต่างคนต่างมโนไป

ใครมีกามราคะมากก็มโนไปอีกทาง
ใครมีโทสะมากก็มโนไปอีกทาง
ใครที่โลภมากก็มโนไปอีกทาง
ใครโมหะมากก็มโนไปอีกทาง
การปฏิบัติสมาธิพร้อมเจริญสติปัฏฐาน
เป็นการแก้ไขการมโน แก้การฟุ้งซ่าน



ถูกต้องเลย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ส.ค. 2018, 18:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
สรุปได้อีกครั้งว่า สำนักบ้านธัมมะ เป็นธรรมะเลียนแบบอย่างว่าไว้ เป็นความคิดแบบนิครนถ์ สมมติไปแนะนำให้สาวกทำกรรมฐาน บอกได้เลยว่า เพี้ยนทั้งสำนัก :b32: เรียนอภิธรรมต้นแบบจากสำนัก อ.แนบ อ้อมน้อย

cool
เพราะไม่มีปัญญาไหนทั้งจักรวาลเลยนะนอกจากทศพลญาณที่รู้ว่าเห็นเพียงสีจึงต้องฟังดับมิจฉาทิฏฐิค่ะ
:b32: :b32:
https://youtu.be/Ucgs0GXEoEY


ชัดเจนเข้าใจผิดจริงๆ ทั้งคุณโรสทั้้งเจ้าสำนัก

แบบเขาหมายถึง รูป ตัวอย่าง ตา เห็น รูป (สี) หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ฯลฯ แต่คุณโรสเลอะไปโน่น

เขาจัดตามอายตนะภายใน กับ อายตนะภายนอก

:b12:
เขียนภาษาที่อ่านแล้วเข้าใจเลยดีกว่าไหม
อายตนะคือที่ประชุมรวมกันครบ6ทางคือ
กายใจตนเองกำลังมีอายตนะก็ไม่รู้คือมีจิต
ถ้าไม่มีจิตแปลว่าตายอะไรอะไรจะมีได้ไหม
จิตเห็นสี/ตาไม่เห็นค่ะ/ตาแค่กระทบรูปสีเป็นจิตเห็นสี


ฟังพระพุทธพจน์ก่อนไม่มีจิตนะคะ
จิตเห็นค่ะ
ลูกกะตาไม่ได้เห็นค่ะ
คนตาบอดก็มีลูกกะตาค่ะแต่ไม่เห็น
เพราะรูปพิเศษตรงกลางตาเป็นรูปที่เกิดจากกรรมจึงทำให้ตาไม่บอด
https://youtu.be/Ucgs0GXEoEY
:b4: :b4:



ไม่มีลูกตา จิต (จักขุวิญญาณ) ทำงานได้ไหม อ้าว มันอาศัยกันและกัน ถ้าคุณโรสเป็นต้นไม่เชื่อ
เอาไม้เสียบลูกชิ้นแทงตาสะให้บอดสิ จิตมันจะมองเห็นไหม คิกๆๆ อ้าว ใครไม่เชื่อลองดูได้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์

ถึงได้บอกว่าสำนักบ้านธัมมะสุดโต่งตกขอบโลก :b35:

:b32:
สุนัขและแมวเต็มวัดเลย
สุนัขและแมวเห็นเหมือนคนแต่วิบากที่เกิดเป็นดิรัจฉานเขาได้ยินแต่คิดตามไม่ได้คนต้องมีตาและหูไม่พิการ
คนที่ไม่ฟังพระธรรมต่างอะไรจากสัตว์เพราะไม่เพียรสะสมปัญญาคนถึงจะฟังรู้เรื่อง
ตาเนื้อเห็นเป็นผลของกรรมแต่วิบากอาจทำให้บอดวันไหนก็ได้
คุณรู้หรือคะว่าที่ตาคุณไม่บอดวันนี้เป็นผลจากกรรมชาติไหน
เกิดมากี่อสงไขยแล้วคุณรู้หรือคริคริคริ


มีผลบังคับแล้ว ต่อไปใครนำหมาปล่อยวัด ปรับ 40,000 บาท

https://www.dailynews.co.th/regional/582636

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ส.ค. 2018, 18:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
tongue
Love J. เขียน:
มีความศรัทธา ฟังตาม ปฏิบัติตาม รู้ตาม เห็นตามคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัส ...... ดีแล้ว ชอบแล้ว ประเสริฐแล้ว เป็นมงคลยิ่งแล้ว อนุโมทนาสาธุครับ คุณ Rosarin :b8: :b8: :b8:

สุตมยปัญญาต้องฟังเสียงตรงสัทบัญญัติเข้าใจความจริงตรงความหมายของเสียงเข้าใจตามเป็นธรรมดา
รู้ว่าที่กายตนกำลังปรากฏอะไรที่กำลังปรากฏตรงจริงๆคนอื่นจะรู้แทนกายใจตนไม่ได้และต้องพึ่งคำตถาคต
จึงจะอบรมจิตให้เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏตามรู้รูปที่กำลังปรากฏได้เท่านั้นค่ะคือตรงวิสยรูป7ทีละ1ค่ะ
สาธุค่ะ
:b8:


มาอีกแระทีละ 1 คำ เช่น คำว่า "สติ" ส 1 คำ ติ 1 คำ ฟังทีละคำอย่างนี้นะ

นิพพาน นิพ 1 พาน 1 อย่างนี้นะ



อ้างคำพูด:
สุตมยปัญญาต้องฟังเสียงตรงสัทบัญญัติ


ยกตัวอย่างให้เห็นสิขอรับ

:b12:
ก็เริ่มฟังสิคะสังขารขันธ์จะได้เริ่มปรุงแต่งจิตตามคำตถาคต
ฟังความจริงตามคำสอนพร้อมระลึกวิสยรูป7ที่กายใจตนเอง
คือการรู้ตรงฐานที่ตั้งครบธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6ทีละ1สัจจะตรงๆ
คือการขัดเกลาล้างสิ่งที่ตนกำลังไม่รู้ออกทีละ1ขณะคือตามรู้1จริง
คือเอกัคตารมณ์ที่กายใจตนเองตามเสียงรู้ตรงลักษณะที่กำลังมีจริงๆ
:b1:
:b32: :b32:



ให้ยกตัวอย่างมาให้ดู แบบ ยก สติ นิพพาน แล้วแยกเป็นคำๆเงี้ย จะได้เห็นชัดๆ

:b12:
ใช้ใจในการตั้งใจฟังอย่าถือทิฏฐิมานะว่าตนจำบัญญัติคำได้มาก
ตายทุกขณะแปลว่าสัญญาจำสิ่งใหม่ตลอดแต่ยึดอันเก่าที่ไม่จริง
สติต้องกำลังระลึกความจริงที่กำลังลืมตาดูเดี๋ยวนี้ว่าตรงกับคำไหน
ทุกคำในพระไตรปิฎกคือเดี๋ยวนี้แล้วตัวเองน่ะรู้ความจริงตรงหรือยัง
ก่อนกะพริบตามีสภาพธรรมปรากฏครบ6ทางนับไม่ถ้วนต้องรู้ตรง1จริง
หลังกะพริบตาไม่ตรง1คำวาจาสัจจะที่กำลังปรากฏที่กายใจตนเองแปลว่า
มีกิเลสอาสาวะไหลไปในอารมณ์ที่จิตรู้ครบ6ทางอายตนะคือความจริงตนเป็นอวิชชา
:b32: :b32:
เพียรฟังอ.สุจินต์ไปเรื่อยๆนะคะโดยไม่เข้าข้างใครเลยฟังด้วยความเคารพพระพุทธเจ้าทำฟังจะไม่เสียเวลา
พิสูจน์ความจริงตรงปัจจุบันขณะเดี๋ยวนี้ได้ทันทีดูคลิปย้อนหลังหลายปีจะได้รู้ตามปัจจุบันของตนตามได้นะ
https://youtu.be/AjanfTdYhBA



นั่นไง ถึงได้บอกว่า ศิษย์บ้านธัมมะฟังเจ้าสำนักพูดแล้วคิดฟุ้งไปตามอำนาจกิเลสของคนๆ ถ้าให้ถามร้อยคนก็ได้ร้อยอย่างร้อยแบบ ไม่เชื่อถามคุณปฤษฎีก็ได้ ทำนองให้วาดรูปผีให้ต่างคนต่างวาดก็ได้ผีร้อยแบบ




พันทิพก็มีผู้ตั้งกระทู้ถาม เช่นว่า


อ้างคำพูด:
การปฏิบัติธรรม ตามแนวของ อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เป็นอย่างไรครับ

ฟังดูเป็นวิชาการ ที่ต้องพิจารณาตามอย่างละเอียด

แต่ส่วนตัวรู้สึกแห้งแล้ง ขาดความสดชื่นและอิ่มเอม แม้สิ่งที่อาจารย์สุจินต์สอน จะเป็นข้อเท็จจริงหลายๆอย่างที่ชาวพุทธควรรู้ ควรตระหนัก

อีกด้านหนึ่ง จากที่ฟังๆ มา เข้าใจว่า แนวของ อาจารย์สุจินต์ ไม่มีกรรมฐาน เหมือนแนวทางอื่นๆ เช่นวัดป่า ที่เน้น กรรมฐานมากๆ

https://pantip.com/topic/38001354



คคห. 1 ตอบว่า

อ้างคำพูด:
บอกเลยว่ามโนอย่างแท้จริง เพราะมโนไปอนาคตธรรม

ยกตัวอย่างเช่น

ให้รู้ว่าตนไม่ใช่คน สัตว์ สิ่งของ
สิ่งนี้เป็นอารมณ์ของพระอรหันต์
ให้ตนไปรู้รสนิพพาน
ตนไม่ได้พระอริยะจะไปรู้รสนิพพานไม่ได้
เป็นโสดาบันจึงจะรู้รสนิพพาน
เขาสอนเหมือนตนเป็นพระอรหันต์ไปแล้ว
คนที่ฟังก็มโนตาม แต่ปฏิบัติตามไม่ได้ เพราะต่างคนต่างมโนไป
ใครมีกามราคะมากก็มโนไปอีกทาง
ใครมีโทสะมากก็มโนไปอีกทาง
ใครที่โลภมากก็มโนไปอีกทาง
ใครโมหะมากก็มโนไปอีกทาง
การปฏิบัติสมาธิพร้อมเจริญสติปัฏฐาน
เป็นการแก้ไขการมโน แก้การฟุ้งซ่าน


คคห. ลงกันเด๊ะ

ถึงได้บอกว่า ศิษย์บ้านธัมมะฟังเจ้าสำนักพูดแล้วคิดฟุ้งไปตามอำนาจกิเลสของคนๆ ถ้าให้ถามร้อยคนก็ได้ร้อยอย่างร้อยแบบ ไม่เชื่อถามคุณปฤษฎีก็ได้ ทำนองให้วาดรูปผีให้ต่างคนต่างวาดก็ได้ผีร้อยแบบ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 66 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 193 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร