วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 21:41  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 76 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2018, 21:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นแค่สี..ไม่มีคน...ไม่ใช่สิ่งที่พระพุทธ์องค์สอน

ที่พระองค์สอน..เป็นอย่างไร...?

อ้างคำพูด:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓
อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต

วิปัลลาสสูตร


[๔๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัญญาวิปลาส จิตวิปลาส ทิฐิวิปลาส ๔
ประการนี้ ๔ ประการเป็นไฉน คือ สัญญาวิปลาส จิตวิปลาส ทิฐิวิปลาส
ในสิ่งที่ไม่เที่ยงว่าเที่ยง ๑ ในสิ่งที่เป็นทุกข์ว่าเป็นสุข ๑ ในสิ่งที่ไม่ใช่ตนว่า
เป็นตน ๑ ในสิ่งที่ไม่งามว่างาม ๑ สัญญาวิปลาส จิตวิปลาส ทิฐิวิปลาส
๔ ประการนี้แล

ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัญญาไม่วิปลาส จิตไม่วิปลาส ทิฐิไม่
วิปลาส ๔ ประการนี้ ๔ ประการเป็นไฉน คือ สัญญาไม่วิปลาส จิตไม่
วิปลาส ทิฐิไม่วิปลาส ในสิ่งที่ไม่เที่ยงว่าไม่เที่ยง ๑ ในสิ่งที่เป็นทุกข์ว่าเป็นทุกข์ ๑
ในสิ่งที่ไม่ใช่ตนว่าไม่ใช่ตน ๑ ในสิ่งที่ไม่งามว่าไม่งาม ๑ สัญญาไม่วิปลาส
จิตไม่วิปลาส ทิฐิไม่วิปลาส ๔ ประการนี้แล ฯ


เหล่าสัตว์ผู้ถูกมิจฉาทิฐิกำจัด มีจิตฟุ้งซ่าน มีความสำคัญผิด
มีความสำคัญในสิ่งที่ไม่เที่ยงว่าเที่ยง สำคัญในสิ่งที่เป็นทุกข์
ว่าเป็นสุข สำคัญในสิ่งที่ไม่ใช่ตนว่าเป็นตน และสำคัญในสิ่งที่
ไม่งามว่างาม สัตว์คือชนเหล่านั้น ชื่อว่าประกอบแล้วในเครื่อง
ประกอบของมาร ไม่เป็นผู้เกษมจากโยคะ มีปรกติไปสู่ชาติ
และมรณะ ย่อมไปสู่สงสาร ก็ในกาลใด พระพุทธเจ้าทั้งหลาย
ผู้กระทำแสงสว่าง บังเกิดขึ้นในโลก พระพุทธเจ้าเหล่านั้น
ย่อมประกาศธรรมนี้เป็นเครื่องให้สัตว์ถึงความสงบทุกข์


ชนเหล่านั้น ผู้มีปัญญา ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าเหล่านั้น
แล้ว ได้จิตของตน ได้เห็นสิ่งไม่เที่ยงโดยความเป็นของไม่เที่ยง
ได้เห็นทุกข์โดยความเป็นทุกข์ ได้เห็นสิ่งที่ไม่ใช่ตนว่าไม่ใช่ตน
ได้เห็นสิ่งที่ไม่งามโดยความเป็นของไม่งาม
สมาทานสัมมาทิฐิ จึงล่วงทุกข์ทั้งปวงได้ ฯ

จบสูตรที่ ๙



สัญญาวิปลาส...
สำคัญในสิ่งที่ไม่ใช่ตนว่าเป็นตน

ส่วนสัญญาไม่วิปลาส...
ได้เห็นสิ่งที่ไม่ใช่ตนว่าไม่ใช่ตน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2018, 08:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คำว่า...ไม่ใช่ตน..กับ..ไม่ใช่คน..นั้นต่างกันฟ้ากับเหว

ตัวอย่างเช่น...นี้เป็นรูปลักษณ์ของคน

รูปภาพ


ใครเห็นก็รู้ว่าเป็นรูปของคน...ไม่ใช่นกไม่ใช่กา..หากเห็นกำลังเดินในตลาด...ก็ว่านี้เป็นคน
หากใครรู้ชื่อ..ก็บอกว่า..นี้คือตูน...บ้างก็ว่า..พี่ตูนบ้าง..น้องตูนบ้าง..หลานตูนบ้าง...ตามสมมุติเปรียบเทียบ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2018, 09:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เห็นแค่สี..ไม่มีคน...ไม่ใช่สิ่งที่พระพุทธ์องค์สอน

ที่พระองค์สอน..เป็นอย่างไร...?

อ้างคำพูด:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓
อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต

วิปัลลาสสูตร


[๔๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัญญาวิปลาส จิตวิปลาส ทิฐิวิปลาส ๔
ประการนี้ ๔ ประการเป็นไฉน คือ สัญญาวิปลาส จิตวิปลาส ทิฐิวิปลาส
ในสิ่งที่ไม่เที่ยงว่าเที่ยง ๑ ในสิ่งที่เป็นทุกข์ว่าเป็นสุข ๑ ในสิ่งที่ไม่ใช่ตนว่า
เป็นตน ๑ ในสิ่งที่ไม่งามว่างาม ๑ สัญญาวิปลาส จิตวิปลาส ทิฐิวิปลาส
๔ ประการนี้แล

ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัญญาไม่วิปลาส จิตไม่วิปลาส ทิฐิไม่
วิปลาส ๔ ประการนี้ ๔ ประการเป็นไฉน คือ สัญญาไม่วิปลาส จิตไม่
วิปลาส ทิฐิไม่วิปลาส ในสิ่งที่ไม่เที่ยงว่าไม่เที่ยง ๑ ในสิ่งที่เป็นทุกข์ว่าเป็นทุกข์ ๑
ในสิ่งที่ไม่ใช่ตนว่าไม่ใช่ตน ๑ ในสิ่งที่ไม่งามว่าไม่งาม ๑ สัญญาไม่วิปลาส
จิตไม่วิปลาส ทิฐิไม่วิปลาส ๔ ประการนี้แล ฯ


เหล่าสัตว์ผู้ถูกมิจฉาทิฐิกำจัด มีจิตฟุ้งซ่าน มีความสำคัญผิด
มีความสำคัญในสิ่งที่ไม่เที่ยงว่าเที่ยง สำคัญในสิ่งที่เป็นทุกข์
ว่าเป็นสุข สำคัญในสิ่งที่ไม่ใช่ตนว่าเป็นตน และสำคัญในสิ่งที่
ไม่งามว่างาม สัตว์คือชนเหล่านั้น ชื่อว่าประกอบแล้วในเครื่อง
ประกอบของมาร ไม่เป็นผู้เกษมจากโยคะ มีปรกติไปสู่ชาติ
และมรณะ ย่อมไปสู่สงสาร ก็ในกาลใด พระพุทธเจ้าทั้งหลาย
ผู้กระทำแสงสว่าง บังเกิดขึ้นในโลก พระพุทธเจ้าเหล่านั้น
ย่อมประกาศธรรมนี้เป็นเครื่องให้สัตว์ถึงความสงบทุกข์


ชนเหล่านั้น ผู้มีปัญญา ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าเหล่านั้น
แล้ว ได้จิตของตน ได้เห็นสิ่งไม่เที่ยงโดยความเป็นของไม่เที่ยง
ได้เห็นทุกข์โดยความเป็นทุกข์ ได้เห็นสิ่งที่ไม่ใช่ตนว่าไม่ใช่ตน
ได้เห็นสิ่งที่ไม่งามโดยความเป็นของไม่งาม
สมาทานสัมมาทิฐิ จึงล่วงทุกข์ทั้งปวงได้ ฯ

จบสูตรที่ ๙



สัญญาวิปลาส...
สำคัญในสิ่งที่ไม่ใช่ตนว่าเป็นตน

ส่วนสัญญาไม่วิปลาส...
ได้เห็นสิ่งที่ไม่ใช่ตนว่าไม่ใช่ตน

:b12:
สัญญาตัวเองวิปลาสก็ไม่รู้มองสิเห็นสีสัก1สีไหมมีแต่เห็นเป็นกลุ่มๆชิ
ปัญญาน่ะเป็นความจริงจากการตรัสรู้คือทศพลญาณของพระพุทธเจ้ารู้ยัง
ผู้ที่จะเห็นสีแล้วมาประกาศคำสอนว่าเห็นสีเพียง1สีดับทันทีคือพระพุทธเจ้าคนต่อไป
ไม่ดูตาม้าตาเรือหรือไงคะะะะะตาเนื้อปกติตามปกติลืมตาดูเดี๋ยวนี้มันเป็นเงาอดีตสีแล้ว
รูปมีอายุยืนกว่าจิตถึง17ขณะแค่จิตเห็นดับแค่3ขณะกิเลสไหลไปในอารมณ์ที่จิตรู้ครบ6ทาง
กะพริบตามันนับขณะไม่ได้เลยแล้วยังจะมาขัดแย้งอะไรกับคำจริงของตถาคตก็บอกให้ฟังก่อนไงคะ
ตถาคตตรัสรู้ความจริงและแสดงความจริงที่ทุกคนมีแล้วกำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยมีแล้วตามกรรม
ถ้าไม่ฟังเพื่อให้คิดเห็นถูกตามทีละน้อยแต่ละวันก็ดูแล้วก็คิดผิดไปตามที่ตนเห็นมันเป็นมิจฉามรรคจึงต้องฟัง
:b34:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2018, 09:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
คำว่า...ไม่ใช่ตน..กับ..ไม่ใช่คน..นั้นต่างกันฟ้ากับเหว

ตัวอย่างเช่น...นี้เป็นรูปลักษณ์ของคน

รูปภาพ


ใครเห็นก็รู้ว่าเป็นรูปของคน...ไม่ใช่นกไม่ใช่กา..หากเห็นกำลังเดินในตลาด...ก็ว่านี้เป็นคน
หากใครรู้ชื่อ..ก็บอกว่า..นี้คือตูน...บ้างก็ว่า..พี่ตูนบ้าง..น้องตูนบ้าง..หลานตูนบ้าง...ตามสมมุติเปรียบเทียบ

:b12:
ไม่ใช่คนและไม่ใช่ตนเหมือนกันคือเป็นธัมมะไงคะ
ธัมมะแปลว่าสิ่งที่มีจริงเป็นสมมุติและสัจจะ555
ปกติมีคนกับไม่มีคนต่างกันตรงที่อริยบุคคลมีปัญญาประจักษ์ความจริงเข้าใจก่อนไงคะ
พึ่งคำจริงตถาคตจากการฟังให้ตรงสัจจะที่ตนกำลังมีได้ทีละน้อยไม่มีมากเกิน1ขณะเลย
ประมาทการฟังชาตินั้นไม่เกิดปัญญาตลอดชีวิตทั้งที่ได้อัตภาพคนแล้วรู้ตัวหรือยังคะ555
:b32: :b32: :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 24 ก.ค. 2018, 15:29, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2018, 09:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
เห็นแค่สี..ไม่มีคน...ไม่ใช่สิ่งที่พระพุทธ์องค์สอน

ที่พระองค์สอน..เป็นอย่างไร...?

อ้างคำพูด:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓
อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต

วิปัลลาสสูตร


[๔๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัญญาวิปลาส จิตวิปลาส ทิฐิวิปลาส ๔
ประการนี้ ๔ ประการเป็นไฉน คือ สัญญาวิปลาส จิตวิปลาส ทิฐิวิปลาส
ในสิ่งที่ไม่เที่ยงว่าเที่ยง ๑ ในสิ่งที่เป็นทุกข์ว่าเป็นสุข ๑ ในสิ่งที่ไม่ใช่ตนว่า
เป็นตน ๑ ในสิ่งที่ไม่งามว่างาม ๑ สัญญาวิปลาส จิตวิปลาส ทิฐิวิปลาส
๔ ประการนี้แล

ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัญญาไม่วิปลาส จิตไม่วิปลาส ทิฐิไม่
วิปลาส ๔ ประการนี้ ๔ ประการเป็นไฉน คือ สัญญาไม่วิปลาส จิตไม่
วิปลาส ทิฐิไม่วิปลาส ในสิ่งที่ไม่เที่ยงว่าไม่เที่ยง ๑ ในสิ่งที่เป็นทุกข์ว่าเป็นทุกข์ ๑
ในสิ่งที่ไม่ใช่ตนว่าไม่ใช่ตน ๑ ในสิ่งที่ไม่งามว่าไม่งาม ๑ สัญญาไม่วิปลาส
จิตไม่วิปลาส ทิฐิไม่วิปลาส ๔ ประการนี้แล ฯ


เหล่าสัตว์ผู้ถูกมิจฉาทิฐิกำจัด มีจิตฟุ้งซ่าน มีความสำคัญผิด
มีความสำคัญในสิ่งที่ไม่เที่ยงว่าเที่ยง สำคัญในสิ่งที่เป็นทุกข์
ว่าเป็นสุข สำคัญในสิ่งที่ไม่ใช่ตนว่าเป็นตน และสำคัญในสิ่งที่
ไม่งามว่างาม สัตว์คือชนเหล่านั้น ชื่อว่าประกอบแล้วในเครื่อง
ประกอบของมาร ไม่เป็นผู้เกษมจากโยคะ มีปรกติไปสู่ชาติ
และมรณะ ย่อมไปสู่สงสาร ก็ในกาลใด พระพุทธเจ้าทั้งหลาย
ผู้กระทำแสงสว่าง บังเกิดขึ้นในโลก พระพุทธเจ้าเหล่านั้น
ย่อมประกาศธรรมนี้เป็นเครื่องให้สัตว์ถึงความสงบทุกข์


ชนเหล่านั้น ผู้มีปัญญา ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าเหล่านั้น
แล้ว ได้จิตของตน ได้เห็นสิ่งไม่เที่ยงโดยความเป็นของไม่เที่ยง
ได้เห็นทุกข์โดยความเป็นทุกข์ ได้เห็นสิ่งที่ไม่ใช่ตนว่าไม่ใช่ตน
ได้เห็นสิ่งที่ไม่งามโดยความเป็นของไม่งาม
สมาทานสัมมาทิฐิ จึงล่วงทุกข์ทั้งปวงได้ ฯ

จบสูตรที่ ๙



สัญญาวิปลาส...
สำคัญในสิ่งที่ไม่ใช่ตนว่าเป็นตน

ส่วนสัญญาไม่วิปลาส...
ได้เห็นสิ่งที่ไม่ใช่ตนว่าไม่ใช่ตน

:b12:
สัญญาตัวเองวิปลาสก็ไม่รู้มองสิเห็นสีสัก1สีไหมมีแต่เห็นเป็นกลุ่มๆชิ
ปัญญาน่ะเป็นความจริงจากการตรัสรู้คือทศพลญาณของพระพุทธเจ้ารู้ยัง
ผู้ที่จะเห็นสีแล้วมาประกาศคำสอนว่าเห็นสีเพียง1สีดับทันทีคือพระพุทธเจ้าคนต่อไป
ไม่ดูตาม้าตาเรือหรือไงคะะะะะตาเนื้อปกติตามปกติลืมตาดูเดี๋ยวนี้มันเป็นเงาอดีตสีแล้ว
รูปมีอายุยืนกว่าจิตถึง17ขณะแค่จิตเห็นดับแค่3ขณะกิเลสไหลไปในอารมณ์ที่จิตรู้ครบ6ทาง
กะพริบตามันนับขณะไม่ได้เลยแล้วยังจะมาขัดแย้งอะไรกับคำจริงของตถาคตก็บอกให้ฟังก่อนไงคะ
ตถาคตตรัสรู้ความจริงและแสดงความจริงที่ทุกคนมีแล้วกำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยมีแล้วตามกรรม
ถ้าไม่ฟังเพื่อให้คิดเห็นถูกตามทีละน้อยแต่ละวันก็ดูแล้วก็คิดผิดไปตามที่ตนเห็นมันเป็นมิจฉามรรคจึงต้องฟัง
:b34:
:b32: :b32:

:b12:
คิดเหตุผลออกกันไหมแม้พระสารีบุตรผู้เลิศปัญญาก็มีได้คนเดียว
พระพุทธเจ้าก็มีแค่คนเดียวตัวเองน่ะยังเกิดอยู่คือปัญญาน้อยไงคะ
จึงต้องฟังเพื่อสะสมปัญญาทีละขณะให้ทันกิเลสไม่รู้นั่นแหละจากฟัง
เพราะจิตเกิดดับทีละ1ขณะสลับกันครบ6ทางเดี๋ยวนี้ที่กะพริบตาแล้ว
ถ้าไม่รู้ตรง1ทางที่กำลังมีตามกำลังปัญญานะคะอวิชชาก็พาไปทำไงคะ
จิตเห็นจึงไม่เกิดกุศลและตนเองไม่รู้ไม่ทันการเกิดดับจึงไม่รู้ขณะที่3ที่ดับ
แสดงว่าไม่รู้เลยว่ามีสีเห็นทีไรก็มีแต่คนสัตว์วัตถุไงคะสัญญาวิปลาสเดี๋ยวนี้
เริ่มฟังได้แล้วค่ะเพราะฟังคือกุศลที่ประกอบด้วยปัญญาสูงสุดคือสุตมยปัญญา
onion onion onion


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 24 ก.ค. 2018, 12:14, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2018, 10:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes
ฟังเพื่อเข้าใจเท่านั้นค่ะแต่ได้สะสมปัญญาเพิ่มขึ้นตามเป็นจริงของสุตมยปัญญาคือใช้จิตได้ยินตรงความจริง
https://youtu.be/hPzUFixXx-U
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2018, 20:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เห็นแค่สี..ไม่มีคน...ไม่ใช่สิ่งที่พระพุทธ์องค์สอน

ที่พระองค์สอน..เป็นอย่างไร...?

อ้างคำพูด:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓
อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต

วิปัลลาสสูตร


[๔๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัญญาวิปลาส จิตวิปลาส ทิฐิวิปลาส ๔
ประการนี้ ๔ ประการเป็นไฉน คือ สัญญาวิปลาส จิตวิปลาส ทิฐิวิปลาส
ในสิ่งที่ไม่เที่ยงว่าเที่ยง ๑ ในสิ่งที่เป็นทุกข์ว่าเป็นสุข ๑ ในสิ่งที่ไม่ใช่ตนว่า
เป็นตน ๑ ในสิ่งที่ไม่งามว่างาม ๑ สัญญาวิปลาส จิตวิปลาส ทิฐิวิปลาส
๔ ประการนี้แล

ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัญญาไม่วิปลาส จิตไม่วิปลาส ทิฐิไม่
วิปลาส ๔ ประการนี้ ๔ ประการเป็นไฉน คือ สัญญาไม่วิปลาส จิตไม่
วิปลาส ทิฐิไม่วิปลาส ในสิ่งที่ไม่เที่ยงว่าไม่เที่ยง ๑ ในสิ่งที่เป็นทุกข์ว่าเป็นทุกข์ ๑
ในสิ่งที่ไม่ใช่ตนว่าไม่ใช่ตน ๑ ในสิ่งที่ไม่งามว่าไม่งาม ๑ สัญญาไม่วิปลาส
จิตไม่วิปลาส ทิฐิไม่วิปลาส ๔ ประการนี้แล ฯ


เหล่าสัตว์ผู้ถูกมิจฉาทิฐิกำจัด มีจิตฟุ้งซ่าน มีความสำคัญผิด
มีความสำคัญในสิ่งที่ไม่เที่ยงว่าเที่ยง สำคัญในสิ่งที่เป็นทุกข์
ว่าเป็นสุข สำคัญในสิ่งที่ไม่ใช่ตนว่าเป็นตน และสำคัญในสิ่งที่
ไม่งามว่างาม สัตว์คือชนเหล่านั้น ชื่อว่าประกอบแล้วในเครื่อง
ประกอบของมาร ไม่เป็นผู้เกษมจากโยคะ มีปรกติไปสู่ชาติ
และมรณะ ย่อมไปสู่สงสาร ก็ในกาลใด พระพุทธเจ้าทั้งหลาย
ผู้กระทำแสงสว่าง บังเกิดขึ้นในโลก พระพุทธเจ้าเหล่านั้น
ย่อมประกาศธรรมนี้เป็นเครื่องให้สัตว์ถึงความสงบทุกข์


ชนเหล่านั้น ผู้มีปัญญา ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าเหล่านั้น
แล้ว ได้จิตของตน ได้เห็นสิ่งไม่เที่ยงโดยความเป็นของไม่เที่ยง
ได้เห็นทุกข์โดยความเป็นทุกข์ ได้เห็นสิ่งที่ไม่ใช่ตนว่าไม่ใช่ตน
ได้เห็นสิ่งที่ไม่งามโดยความเป็นของไม่งาม
สมาทานสัมมาทิฐิ จึงล่วงทุกข์ทั้งปวงได้ ฯ

จบสูตรที่ ๙



สัญญาวิปลาส...
สำคัญในสิ่งที่ไม่ใช่ตนว่าเป็นตน

ส่วนสัญญาไม่วิปลาส...
ได้เห็นสิ่งที่ไม่ใช่ตนว่าไม่ใช่ตน



กบนอกกะลา เขียน:
คำว่า...ไม่ใช่ตน..กับ..ไม่ใช่คน..นั้นต่างกันฟ้ากับเหว

ตัวอย่างเช่น...นี้เป็นรูปลักษณ์ของคน

รูปภาพ


ใครเห็นก็รู้ว่าเป็นรูปของคน...ไม่ใช่นกไม่ใช่กา..หากเห็นกำลังเดินในตลาด...ก็ว่านี้เป็นคน
หากใครรู้ชื่อ..ก็บอกว่า..นี้คือตูน...บ้างก็ว่า..พี่ตูนบ้าง..น้องตูนบ้าง..หลานตูนบ้าง...ตามสมมุติเปรียบเทียบ


กลับมาดู..คำที่ว่า..ไม่ใช่ตน..อีกครั้ง

อ้างคำพูด:
สัญญาวิปลาส...
สำคัญในสิ่งที่ไม่ใช่ตนว่าเป็นตน

ส่วนสัญญาไม่วิปลาส...
ได้เห็นสิ่งที่ไม่ใช่ตนว่าไม่ใช่ตน


"ไม่ใช่ตน"

จะเข้าใจว่าอะไรคือ "ไม่ใช่ตน".. ก็ต้องมารู้จักคำว่า.."ตน"..ก่อน..ว่า.."ตน"..(ในที่นี้)..หมายถึงอะไร?

กักกาย..มีฐานความรู้ในพุทธธรรม..พอจะอธิบายให้ดูหน่อยได้มั้ย?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2018, 20:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2018, 20:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อย่าเอาแต่หัวเราะ...มันไม่มีประโยชน์..

คุณโรส...หากรู้..ก็ตอบหน่อยซิ..."ตน" หมายถึงอะไร..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2018, 20:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


แปะใว้ก่อน..

อ้างคำพูด:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๔ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๑
ธรรมสังคณีปกรณ์


[๖๗๐] ธรรมอันโสดาปัตติมรรคประหาณ เป็นไฉน?
สัญโญชน์ ๓ คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส.

[๖๗๑] บรรดาสัญโญชน์ ๓ นั้น สักกายทิฏฐิ เป็นไฉน?
ปุถุชนในโลกนี้ ผู้ไร้การศึกษา ไม่ได้เห็นพระอริยเจ้า ไม่ฉลาดในธรรมของพระอริยเจ้า
ไม่ได้ฝึกฝนในธรรมของพระอริยเจ้า ไม่ได้เห็นสัตบุรุษไม่ฉลาดในธรรมของสัตบุรุษ ไม่ได้ฝึกฝน
ในธรรมของสัตบุรุษ
ย่อมเห็นรูปเป็นตน หรือเห็นตนมีรูป เห็นรูปในตน เห็นตนในรูป
ย่อมเห็นเวทนาเป็นตน หรือเห็นตนมีเวทนา เห็นเวทนาในตน เห็นตนในเวทนา

ย่อมเห็นสัญญาเป็นตน หรือเห็นตนมีสัญญา เห็นสัญญาในตน เห็นตนในสัญญา

ย่อมเห็นสังขารเป็นตน หรือเห็นตนมีสังขาร เห็นสังขารในตน เห็นตนในสังขาร

ย่อมเห็นวิญญาณเป็นตน หรือเห็นตนมีวิญญาณ เห็นวิญญาณในตน เห็นตนในวิญญาณ

ทิฏฐิ ความเห็นไปข้างทิฏฐิ ป่าชัฏคือทิฏฐิ กันดารคือทิฏฐิ ความเห็นเป็นข้าศึกต่อสัมมาทิฏฐิ ความผันแปรแห่งทิฏฐิ สัญโญชน์คือทิฏฐิ ความยึดถือ ความยึดมั่น ความตั้งมั่น ความถือผิด ทางชั่ว ทางผิด ภาวะที่ผิด ลัทธิเป็นบ่อเกิดแห่งความพินาศ การถือโดยวิปลาส มีลักษณะเช่นว่านี้ อันใด นี้เรียกว่า สักกายทิฏฐิ.


http://www.84000.org/tipitaka/book/v.ph ... 832&Z=5897


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2018, 20:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อย่าเอาแต่หัวเราะ...มันไม่มีประโยชน์..

คุณโรส...หากรู้..ก็ตอบหน่อยซิ..."ตน" หมายถึงอะไร..

ข้างบนโน้นก็ตอบแล้วไม่ดูหรือคะ
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
คำว่า...ไม่ใช่ตน..กับ..ไม่ใช่คน..นั้นต่างกันฟ้ากับเหว

ตัวอย่างเช่น...นี้เป็นรูปลักษณ์ของคน

รูปภาพ


ใครเห็นก็รู้ว่าเป็นรูปของคน...ไม่ใช่นกไม่ใช่กา..หากเห็นกำลังเดินในตลาด...ก็ว่านี้เป็นคน
หากใครรู้ชื่อ..ก็บอกว่า..นี้คือตูน...บ้างก็ว่า..พี่ตูนบ้าง..น้องตูนบ้าง..หลานตูนบ้าง...ตามสมมุติเปรียบเทียบ

:b12:
ไม่ใช่คนและไม่ใช่ตนเหมือนกันคือเป็นธัมมะไงคะ
ธัมมะแปลว่าสิ่งที่มีจริงเป็นสมมุติและสัจจะ555
ปกติมีคนกับไม่มีคนต่างกันตรงที่อริยบุคคลมีปัญญาประจักษ์ความจริงเข้าใจก่อนไงคะ
พึ่งคำจริงตถาคตจากการฟังให้ตรงสัจจะที่ตนกำลังมีได้ทีละน้อยไม่มีมากเกิน1ขณะเลย
ประมาทการฟังชาตินั้นไม่เกิดปัญญาตลอดชีวิตทั้งที่ได้อัตภาพคนแล้วรู้ตัวหรือยังคะ555
:b32: :b32: :b32:

:b12:
ไม่มีใครเลยสักคนมีแต่สภาพธรรมเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยต้องอาศัยฟังโดยใช้หลักกาลามสูตร10ตรงๆ
มีตนเป็นที่พึ่งคือพึ่งตาที่ไปบอดพึ่งหูที่ไม่หนวกฟังเพื่อสะสมปัญญาจากการฟังพระพุทธพจน์ไม่มีทางอื่น
เพราะปัญญาเริ่มที่ฟังถ้าตนไม่พาตนฟังตนก็จะไม่มีปัญญาตนเข้าใจไหมคะพาตนเริ่มทำสุตมยปัญญา
มีกิเลสเป็นเพื่อนหนึ่งตัณหาเป็นเพื่อน2ถ้าไม่พึ่งคิดตามคำตถาคตก็คือตนไม่มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2018, 20:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


มีสติหน่อย..

"ตน" หมายถึงอะไร?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2018, 20:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
มีสติหน่อย..

"ตน" หมายถึงอะไร?

1ใน
จิต
เจตสิก
รูป
นิพพาน
เลือกรู้ได้แค่1ดับคนทั้งตัวไม่ฟังแล้วจะแยกออกไหมคะอิอิ...ฟังพระพุทธพจน์ :b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2018, 21:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b9: :b9: :b9:

นี้งัย...เห็นรึยังว่า..คุณโรสก็ไม่รู้..ว่า.."ตน" หมายถึงอะไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2018, 21:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


รอกักกาย..รึเช่นนั้น...มาเฉลยดีกว่า..

เบื่อสัญญาวิปลาส..


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 76 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 132 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร