| ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
| บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=56227 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 3 |
| เจ้าของ: | Rosarin [ 18 ก.ค. 2018, 10:50 ] |
| หัวข้อกระทู้: | บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด |
บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด เพราะตายแล้วเกิดทันที เข้าร่างใหม่เร็วแบบกะพริบตา ไปเกิดในภพภูมิใหม่แล้ว ไม่มีวิญญาณล่องลอย แบบที่ทำให้ดูในหนังละคร จิตเกิดดับสืบต่อไม่ขาดสาย ดังนั้นการบวชจูงแล้วคิดว่าคนตาย จะได้ไปสวรรค์จึงเป็นพฤติกรรมของมิจฉาทิฏฐิ
|
|
| เจ้าของ: | กรัชกาย [ 18 ก.ค. 2018, 10:54 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด |
Rosarin เขียน: rolleyes บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด เพราะตายแล้วเกิดทันที เข้าร่างใหม่เร็วแบบกะพริบตา ไปเกิดในภพภูมิใหม่แล้ว ไม่มีวิญญาณล่องลอย แบบที่ทำให้ดูในหนังละคร จิตเกิดดับสืบต่อไม่ขาดสาย ดังนั้นการบวชจูงแล้วคิดว่าคนตาย จะได้ไปสวรรค์จึงเป็นพฤติกรรมของมิจฉาทิฏฐิ บวชจูง อะไรอ่ะนะ ไม่เข้าใจ ขอชัดๆ แบบไม่ต้องตีความนะขอรับ |
|
| เจ้าของ: | กรัชกาย [ 18 ก.ค. 2018, 10:55 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด |
เริ่มเห็นลายลูกศิษย์สำนักนี้ชัดขึ้นแล้ว คิกๆๆ นึกถึงเพลงนี้ได้ https://www.youtube.com/watch?v=Guf3H1ls8TU |
|
| เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 18 ก.ค. 2018, 11:01 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด |
ใช่..จูงศพ...วนรอบเมร..ก่อนจะนำขึ้นเผา..รึเปล่าคับ.. |
|
| เจ้าของ: | Rosarin [ 18 ก.ค. 2018, 11:33 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด |
กบนอกกะลา เขียน: ใช่..จูงศพ...วนรอบเมร..ก่อนจะนำขึ้นเผา..รึเปล่าคับ.. ใช่ค่ะ ยังมีอีก เคาะโลงศพเรียกเหมือนเข้าใจว่า มีวิญญาณคนตายลอยมากินข้าว เรียกศพฟังพระเทศนาในงานศพ เขาสวดให้คนเป็นฟังให้รู้จักว่า กุสลาอกุศลาอัพยากตาทำมา ทั้งหมดที่ยังไม่รู้ต้องรู้ถ้าไม่รู้ ก็เกิดไม่หยุดและหยุดกิเลสไม่อยู่อิอิ เพราะลืมตาปริบๆนี้แหละกิเลสไหลนับไม่ถ้วน ถ้าไม่ฟังพระพุทธพจน์เพื่อให้คิดถูกตามแปลว่ามีกิเลสเยอะค่ะ
|
|
| เจ้าของ: | กรัชกาย [ 18 ก.ค. 2018, 11:41 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด |
Rosarin เขียน: กบนอกกะลา เขียน: ใช่..จูงศพ...วนรอบเมร..ก่อนจะนำขึ้นเผา..รึเปล่าคับ.. ใช่ค่ะ ยังมีอีก เคาะโลงศพเรียกเหมือนเข้าใจว่า มีวิญญาณคนตายลอยมากินข้าว เรียกศพฟังพระเทศนาในงานศพ เขาสวดให้คนเป็นฟังให้รู้จักว่า กุสลาอกุศลาอัพยากตาทำมา ทั้งหมดที่ยังไม่รู้ต้องรู้ถ้าไม่รู้ ก็เกิดไม่หยุดและหยุดกิเลสไม่อยู่อิอิ เพราะลืมตาปริบๆนี้แหละกิเลสไหลนับไม่ถ้วน ถ้าไม่ฟังพระพุทธพจน์เพื่อให้คิดถูกตามแปลว่ามีกิเลสเยอะค่ะ มันเป็นความเชื่อของเขา ก็เหมือนคุณโรสเชื่อมิจฉาทิฏฐิแห่งโฮมสะเตย์นั่นแล ลืมตาปริบๆ กระพริบตาถี่ๆ |
|
| เจ้าของ: | Rosarin [ 18 ก.ค. 2018, 11:47 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: rolleyes บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด เพราะตายแล้วเกิดทันที เข้าร่างใหม่เร็วแบบกะพริบตา ไปเกิดในภพภูมิใหม่แล้ว ไม่มีวิญญาณล่องลอย แบบที่ทำให้ดูในหนังละคร จิตเกิดดับสืบต่อไม่ขาดสาย ดังนั้นการบวชจูงแล้วคิดว่าคนตาย จะได้ไปสวรรค์จึงเป็นพฤติกรรมของมิจฉาทิฏฐิ บวชจูง อะไรอ่ะนะ ไม่เข้าใจ ขอชัดๆ แบบไม่ต้องตีความนะขอรับ กรัชกาย เขียน: เริ่มเห็นลายลูกศิษย์สำนักนี้ชัดขึ้นแล้ว คิกๆๆ นึกถึงเพลงนี้ได้ https://www.youtube.com/watch?v=Guf3H1ls8TU นี่ก็ไม่รู้อะไรก็มั่วไป ปัญญาสะสมมาไม่เท่ากัน อันว่ากะพริบตานั้นโรสพูดเองตรงกับ สิ่งที่โรสรู้ครบ6ทางอายตนะก่อนกะพริบตานะคะ บ้านธัมมะไม่ได้บอกเพราะดูฟังคลิปไม่ได้คุยกะคลิปเลยสาบานได้ คลิปไม่รู้อะไรเลยนะนั่นน่ะแต่จิตคนที่ดูน่ะคิดกุศลหรืออกุศลเอาเองเข้าใจไหมคะ ไม่มีคนมีแต่คลิปคือมีแต่จิตรู้นามรูปตรงผัสสะคือปรมัตถสัจจะของจริงรู้ที่กายใจตนเองเท่านั้นไม่ส่งออก
|
|
| เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 18 ก.ค. 2018, 12:04 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด |
Rosarin เขียน: กบนอกกะลา เขียน: ใช่..จูงศพ...วนรอบเมร..ก่อนจะนำขึ้นเผา..รึเปล่าคับ.. ใช่ค่ะ ยังมีอีก เคาะโลงศพเรียกเหมือนเข้าใจว่า มีวิญญาณคนตายลอยมากินข้าว เรียกศพฟังพระเทศนาในงานศพ เขาสวดให้คนเป็นฟังให้รู้จักว่า กุสลาอกุศลาอัพยากตาทำมา ทั้งหมดที่ยังไม่รู้ต้องรู้ถ้าไม่รู้ ก็เกิดไม่หยุดและหยุดกิเลสไม่อยู่อิอิ เพราะลืมตาปริบๆนี้แหละกิเลสไหลนับไม่ถ้วน ถ้าไม่ฟังพระพุทธพจน์เพื่อให้คิดถูกตามแปลว่ามีกิเลสเยอะค่ะ ![]() เขาใช้สอนคนเป็นอะป้าว?... เกิดใหม่ทันที...ก็ไม่ใครเถียงนะ...เป็นโอปปาติกะ..ก็คือการเกิดใหม่...ชาวบ้านอาจเรียกว่าวิญญาณ...ซึ่งคนละวิญญาณในความหมายของขันธ์5...อันนี้ก็ต้องเข้าใจชาวบ้านพูด..นะ การทำบุญอุทิศให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว....มีผลได้จริง ตรงนี้คุนโรส..ก็คงไม่ค้านกระมัง... |
|
| เจ้าของ: | Rosarin [ 18 ก.ค. 2018, 12:53 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด |
กบนอกกะลา เขียน: Rosarin เขียน: กบนอกกะลา เขียน: ใช่..จูงศพ...วนรอบเมร..ก่อนจะนำขึ้นเผา..รึเปล่าคับ.. ใช่ค่ะ ยังมีอีก เคาะโลงศพเรียกเหมือนเข้าใจว่า มีวิญญาณคนตายลอยมากินข้าว เรียกศพฟังพระเทศนาในงานศพ เขาสวดให้คนเป็นฟังให้รู้จักว่า กุสลาอกุศลาอัพยากตาทำมา ทั้งหมดที่ยังไม่รู้ต้องรู้ถ้าไม่รู้ ก็เกิดไม่หยุดและหยุดกิเลสไม่อยู่อิอิ เพราะลืมตาปริบๆนี้แหละกิเลสไหลนับไม่ถ้วน ถ้าไม่ฟังพระพุทธพจน์เพื่อให้คิดถูกตามแปลว่ามีกิเลสเยอะค่ะ ![]() เขาใช้สอนคนเป็นอะป้าว?... เกิดใหม่ทันที...ก็ไม่ใครเถียงนะ...เป็นโอปปาติกะ..ก็คือการเกิดใหม่...ชาวบ้านอาจเรียกว่าวิญญาณ...ซึ่งคนละวิญญาณในความหมายของขันธ์5...อันนี้ก็ต้องเข้าใจชาวบ้านพูด..นะ การทำบุญอุทิศให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว....มีผลได้จริง ตรงนี้คุนโรส..ก็คงไม่ค้านกระมัง... ถ้าเข้าใจถูกตามคำสอนจะต่างกับสิ่งที่ทำตามประเพณีตามๆกันมาค่ะ จิตแต่ละขณะสืบต่อมาแต่ละชาติ ปฏิสนธิ..............จุติจิต นี้คือ1ชาติ การสืบต่อของจิตคือวิญญาณธาตุหรือวิญญาณขันธ์ เต็มๆตามอภิธรรมก็คือจิตเจตสิกรูปพาเกิดนิพพานไม่เกิด ที่รู้ว่าเกิดเป็นคนแล้วคือเป็นผลของกรรมดีหนึ่งมาให้ผล ประมวลกรรมทั้งหมดจากจุติจิตที่แล้วมาปฏิสนธิจิตชาตินี้ มาจากผลกรรมในอดีตชาติไหนไม่รู้มาให้ผลคือประมวล มาซึ่งเหตุปัจจัยชาติใหม่ที่ขณะสุดท้ายของชาติก่อน สืบต่อผ่านภวังคจิต(อากาศธาตุ)มาปฏิสนธิจิต1ขณะแรกชาติใหม่ ไม่มีเวลาพักล่องลอยไปไหนเลยค่ะคือ ...จุติจิต ปฏิสนธิจิต......จุติจิต ปฏิสนธิจิต........จุติจิต ปฏิสนธิจิต... จุดคือวิถีจิตและทวารทั้ง6ช่องว่างคือภวังคจิตคั่นรวมตอนหลับสนิทด้วยค่ะถูกกำหนดมาแล้วมีแล้ว แต่ไม่รู้ว่ามีและกำลังเกิดดับตลอดเวลาอย่างรวดเร็วจนไม่เห็นความเกิดดับแม้แต่ขณะเดียวไม่รู้ว่าไม่มี จิตเกิดดับทีละ1ขณะเกิดดับสลับกันและเกิดมีขึ้นใหม่ทุกขณะไม่ซ้ำเดิมแม้แต่ขณะเดียวค่ะ มีการเกิดดับทุกขณะค่ะ...เป็นขณิกมรณะตายจากสิ่งที่มีทุกขณะค่ะ...แม้แต่ตัวจิตเองมีนิดนึงแล้วก็ดับ คือไม่มีทุกขณะอยู่แล้วตั้งแต่เข้าใจขั้นการฟังเพราะจิตเกิดดับทีละ1ขณะจากไม่มีจึงมีนิดนึงแล้วดับที่จิต รอเกิดเมื่อมีทวารและวิถีจิตปรากฏและหลงยึดถือว่าเป็นเราเขาสัตว์บุคคลตัวตนจนกว่าจะเริ่มฟังเพื่อ สะสมปัญญาคือความรู้ถูกความเข้าใจถูกความคิดเห็นถูกตามขณะกำลังฟังจึงคิดถูกตามได้ค่ะ
|
|
| เจ้าของ: | กรัชกาย [ 18 ก.ค. 2018, 14:28 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด |
Rosarin เขียน: กบนอกกะลา เขียน: Rosarin เขียน: กบนอกกะลา เขียน: ใช่..จูงศพ...วนรอบเมร..ก่อนจะนำขึ้นเผา..รึเปล่าคับ.. ใช่ค่ะ ยังมีอีก เคาะโลงศพเรียกเหมือนเข้าใจว่า มีวิญญาณคนตายลอยมากินข้าว เรียกศพฟังพระเทศนาในงานศพ เขาสวดให้คนเป็นฟังให้รู้จักว่า กุสลาอกุศลาอัพยากตาทำมา ทั้งหมดที่ยังไม่รู้ต้องรู้ถ้าไม่รู้ ก็เกิดไม่หยุดและหยุดกิเลสไม่อยู่อิอิ เพราะลืมตาปริบๆนี้แหละกิเลสไหลนับไม่ถ้วน ถ้าไม่ฟังพระพุทธพจน์เพื่อให้คิดถูกตามแปลว่ามีกิเลสเยอะค่ะ ![]() เขาใช้สอนคนเป็นอะป้าว?... เกิดใหม่ทันที...ก็ไม่ใครเถียงนะ...เป็นโอปปาติกะ..ก็คือการเกิดใหม่...ชาวบ้านอาจเรียกว่าวิญญาณ...ซึ่งคนละวิญญาณในความหมายของขันธ์5...อันนี้ก็ต้องเข้าใจชาวบ้านพูด..นะ การทำบุญอุทิศให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว....มีผลได้จริง ตรงนี้คุนโรส..ก็คงไม่ค้านกระมัง... ถ้าเข้าใจถูกตามคำสอนจะต่างกับสิ่งที่ทำตามประเพณีตามๆกันมาค่ะ จิตแต่ละขณะสืบต่อมาแต่ละชาติ ปฏิสนธิ..............จุติจิต นี้คือ1ชาติ การสืบต่อของจิตคือวิญญาณธาตุหรือวิญญาณขันธ์ เต็มๆตามอภิธรรมก็คือจิตเจตสิกรูปพาเกิดนิพพานไม่เกิด ที่รู้ว่าเกิดเป็นคนแล้วคือเป็นผลของกรรมดีหนึ่งมาให้ผล ประมวลกรรมทั้งหมดจากจุติจิตที่แล้วมาปฏิสนธิจิตชาตินี้ มาจากผลกรรมในอดีตชาติไหนไม่รู้มาให้ผลคือประมวล มาซึ่งเหตุปัจจัยชาติใหม่ที่ขณะสุดท้ายของชาติก่อน สืบต่อผ่านภวังคจิต(อากาศธาตุ)มาปฏิสนธิจิต1ขณะแรกชาติใหม่ ไม่มีเวลาพักล่องลอยไปไหนเลยค่ะคือ ...จุติจิต ปฏิสนธิจิต......จุติจิต ปฏิสนธิจิต........จุติจิต ปฏิสนธิจิต... จุดคือวิถีจิตและทวารทั้ง6ช่องว่างคือภวังคจิตคั่นรวมตอนหลับสนิทด้วยค่ะถูกกำหนดมาแล้วมีแล้ว แต่ไม่รู้ว่ามีและกำลังเกิดดับตลอดเวลาอย่างรวดเร็วจนไม่เห็นความเกิดดับแม้แต่ขณะเดียวไม่รู้ว่าไม่มี จิตเกิดดับทีละ1ขณะเกิดดับสลับกันและเกิดมีขึ้นใหม่ทุกขณะไม่ซ้ำเดิมแม้แต่ขณะเดียวค่ะ มีการเกิดดับทุกขณะค่ะ...เป็นขณิกมรณะตายจากสิ่งที่มีทุกขณะค่ะ...แม้แต่ตัวจิตเองมีนิดนึงแล้วก็ดับ คือไม่มีทุกขณะอยู่แล้วตั้งแต่เข้าใจขั้นการฟังเพราะจิตเกิดดับทีละ1ขณะจากไม่มีจึงมีนิดนึงแล้วดับที่จิต รอเกิดเมื่อมีทวารและวิถีจิตปรากฏและหลงยึดถือว่าเป็นเราเขาสัตว์บุคคลตัวตนจนกว่าจะเริ่มฟังเพื่อ สะสมปัญญาคือความรู้ถูกความเข้าใจถูกความคิดเห็นถูกตามขณะกำลังฟังจึงคิดถูกตามได้ค่ะ ![]() คุณโรสก็คิดว่าตัวเองเข้าใจคำสอน นั่งกระพริบตาก็ว่าถูกตรงคำสอน คิกๆๆ |
|
| เจ้าของ: | Rosarin [ 18 ก.ค. 2018, 14:38 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กบนอกกะลา เขียน: Rosarin เขียน: กบนอกกะลา เขียน: ใช่..จูงศพ...วนรอบเมร..ก่อนจะนำขึ้นเผา..รึเปล่าคับ.. ใช่ค่ะ ยังมีอีก เคาะโลงศพเรียกเหมือนเข้าใจว่า มีวิญญาณคนตายลอยมากินข้าว เรียกศพฟังพระเทศนาในงานศพ เขาสวดให้คนเป็นฟังให้รู้จักว่า กุสลาอกุศลาอัพยากตาทำมา ทั้งหมดที่ยังไม่รู้ต้องรู้ถ้าไม่รู้ ก็เกิดไม่หยุดและหยุดกิเลสไม่อยู่อิอิ เพราะลืมตาปริบๆนี้แหละกิเลสไหลนับไม่ถ้วน ถ้าไม่ฟังพระพุทธพจน์เพื่อให้คิดถูกตามแปลว่ามีกิเลสเยอะค่ะ ![]() เขาใช้สอนคนเป็นอะป้าว?... เกิดใหม่ทันที...ก็ไม่ใครเถียงนะ...เป็นโอปปาติกะ..ก็คือการเกิดใหม่...ชาวบ้านอาจเรียกว่าวิญญาณ...ซึ่งคนละวิญญาณในความหมายของขันธ์5...อันนี้ก็ต้องเข้าใจชาวบ้านพูด..นะ การทำบุญอุทิศให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว....มีผลได้จริง ตรงนี้คุนโรส..ก็คงไม่ค้านกระมัง... ถ้าเข้าใจถูกตามคำสอนจะต่างกับสิ่งที่ทำตามประเพณีตามๆกันมาค่ะ จิตแต่ละขณะสืบต่อมาแต่ละชาติ ปฏิสนธิ..............จุติจิต นี้คือ1ชาติ การสืบต่อของจิตคือวิญญาณธาตุหรือวิญญาณขันธ์ เต็มๆตามอภิธรรมก็คือจิตเจตสิกรูปพาเกิดนิพพานไม่เกิด ที่รู้ว่าเกิดเป็นคนแล้วคือเป็นผลของกรรมดีหนึ่งมาให้ผล ประมวลกรรมทั้งหมดจากจุติจิตที่แล้วมาปฏิสนธิจิตชาตินี้ มาจากผลกรรมในอดีตชาติไหนไม่รู้มาให้ผลคือประมวล มาซึ่งเหตุปัจจัยชาติใหม่ที่ขณะสุดท้ายของชาติก่อน สืบต่อผ่านภวังคจิต(อากาศธาตุ)มาปฏิสนธิจิต1ขณะแรกชาติใหม่ ไม่มีเวลาพักล่องลอยไปไหนเลยค่ะคือ ...จุติจิต ปฏิสนธิจิต......จุติจิต ปฏิสนธิจิต........จุติจิต ปฏิสนธิจิต... จุดคือวิถีจิตและทวารทั้ง6ช่องว่างคือภวังคจิตคั่นรวมตอนหลับสนิทด้วยค่ะถูกกำหนดมาแล้วมีแล้ว แต่ไม่รู้ว่ามีและกำลังเกิดดับตลอดเวลาอย่างรวดเร็วจนไม่เห็นความเกิดดับแม้แต่ขณะเดียวไม่รู้ว่าไม่มี จิตเกิดดับทีละ1ขณะเกิดดับสลับกันและเกิดมีขึ้นใหม่ทุกขณะไม่ซ้ำเดิมแม้แต่ขณะเดียวค่ะ มีการเกิดดับทุกขณะค่ะ...เป็นขณิกมรณะตายจากสิ่งที่มีทุกขณะค่ะ...แม้แต่ตัวจิตเองมีนิดนึงแล้วก็ดับ คือไม่มีทุกขณะอยู่แล้วตั้งแต่เข้าใจขั้นการฟังเพราะจิตเกิดดับทีละ1ขณะจากไม่มีจึงมีนิดนึงแล้วดับที่จิต รอเกิดเมื่อมีทวารและวิถีจิตปรากฏและหลงยึดถือว่าเป็นเราเขาสัตว์บุคคลตัวตนจนกว่าจะเริ่มฟังเพื่อ สะสมปัญญาคือความรู้ถูกความเข้าใจถูกความคิดเห็นถูกตามขณะกำลังฟังจึงคิดถูกตามได้ค่ะ ![]() คุณโรสก็คิดว่าตัวเองเข้าใจคำสอน นั่งกระพริบตาก็ว่าถูกตรงคำสอน คิกๆๆ ไม่มีใครช่วยใครได้ทำอะไรก็ตามทำตามๆกันด้วยความเห็นผิดคือมีกิเลส ปัญญาเกิดเมื่อเริ่มฟังเข้าใจการจะทิ้งสิ่งที่เคยทำผิดต้องเห็นโทษความไม่รู้ ถ้ายังไม่รู้ต่อไปและไม่รู้ด้วยว่าตนไม่รู้ก็ยึดถือสิ่งที่ตนทำนั้นแหละว่าดีว่าถูก คริคริคริแต่ตามคำสอนน่ะต้องรู้จักคิดตามตามปกติที่คนคิดตามภพภูมิได้ทีละ1คำ และเป็น1คำตรงพยางค์เข้าใจความปกติของคนปกติไหมคะคือความธรรมดาที่เกิดมาแล้วมีตาดีหูดี รู้แล้วว่าเป็นคนแต่ไม่รู้ว่าคนตามปกติคิดตามคำสอนได้ตรงคำตรงขณะไม่ใช่ชื่อคำยาวๆเกิน1พยางค์
|
|
| เจ้าของ: | กรัชกาย [ 18 ก.ค. 2018, 19:42 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด |
Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กบนอกกะลา เขียน: Rosarin เขียน: กบนอกกะลา เขียน: ใช่..จูงศพ...วนรอบเมร..ก่อนจะนำขึ้นเผา..รึเปล่าคับ.. ใช่ค่ะ ยังมีอีก เคาะโลงศพเรียกเหมือนเข้าใจว่า มีวิญญาณคนตายลอยมากินข้าว เรียกศพฟังพระเทศนาในงานศพ เขาสวดให้คนเป็นฟังให้รู้จักว่า กุสลาอกุศลาอัพยากตาทำมา ทั้งหมดที่ยังไม่รู้ต้องรู้ถ้าไม่รู้ ก็เกิดไม่หยุดและหยุดกิเลสไม่อยู่อิอิ เพราะลืมตาปริบๆนี้แหละกิเลสไหลนับไม่ถ้วน ถ้าไม่ฟังพระพุทธพจน์เพื่อให้คิดถูกตามแปลว่ามีกิเลสเยอะค่ะ ![]() เขาใช้สอนคนเป็นอะป้าว?... เกิดใหม่ทันที...ก็ไม่ใครเถียงนะ...เป็นโอปปาติกะ..ก็คือการเกิดใหม่...ชาวบ้านอาจเรียกว่าวิญญาณ...ซึ่งคนละวิญญาณในความหมายของขันธ์5...อันนี้ก็ต้องเข้าใจชาวบ้านพูด..นะ การทำบุญอุทิศให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว....มีผลได้จริง ตรงนี้คุนโรส..ก็คงไม่ค้านกระมัง... ถ้าเข้าใจถูกตามคำสอนจะต่างกับสิ่งที่ทำตามประเพณีตามๆกันมาค่ะ จิตแต่ละขณะสืบต่อมาแต่ละชาติ ปฏิสนธิ..............จุติจิต นี้คือ1ชาติ การสืบต่อของจิตคือวิญญาณธาตุหรือวิญญาณขันธ์ เต็มๆตามอภิธรรมก็คือจิตเจตสิกรูปพาเกิดนิพพานไม่เกิด ที่รู้ว่าเกิดเป็นคนแล้วคือเป็นผลของกรรมดีหนึ่งมาให้ผล ประมวลกรรมทั้งหมดจากจุติจิตที่แล้วมาปฏิสนธิจิตชาตินี้ มาจากผลกรรมในอดีตชาติไหนไม่รู้มาให้ผลคือประมวล มาซึ่งเหตุปัจจัยชาติใหม่ที่ขณะสุดท้ายของชาติก่อน สืบต่อผ่านภวังคจิต(อากาศธาตุ)มาปฏิสนธิจิต1ขณะแรกชาติใหม่ ไม่มีเวลาพักล่องลอยไปไหนเลยค่ะคือ ...จุติจิต ปฏิสนธิจิต......จุติจิต ปฏิสนธิจิต........จุติจิต ปฏิสนธิจิต... จุดคือวิถีจิตและทวารทั้ง6ช่องว่างคือภวังคจิตคั่นรวมตอนหลับสนิทด้วยค่ะถูกกำหนดมาแล้วมีแล้ว แต่ไม่รู้ว่ามีและกำลังเกิดดับตลอดเวลาอย่างรวดเร็วจนไม่เห็นความเกิดดับแม้แต่ขณะเดียวไม่รู้ว่าไม่มี จิตเกิดดับทีละ1ขณะเกิดดับสลับกันและเกิดมีขึ้นใหม่ทุกขณะไม่ซ้ำเดิมแม้แต่ขณะเดียวค่ะ มีการเกิดดับทุกขณะค่ะ...เป็นขณิกมรณะตายจากสิ่งที่มีทุกขณะค่ะ...แม้แต่ตัวจิตเองมีนิดนึงแล้วก็ดับ คือไม่มีทุกขณะอยู่แล้วตั้งแต่เข้าใจขั้นการฟังเพราะจิตเกิดดับทีละ1ขณะจากไม่มีจึงมีนิดนึงแล้วดับที่จิต รอเกิดเมื่อมีทวารและวิถีจิตปรากฏและหลงยึดถือว่าเป็นเราเขาสัตว์บุคคลตัวตนจนกว่าจะเริ่มฟังเพื่อ สะสมปัญญาคือความรู้ถูกความเข้าใจถูกความคิดเห็นถูกตามขณะกำลังฟังจึงคิดถูกตามได้ค่ะ ![]() คุณโรสก็คิดว่าตัวเองเข้าใจคำสอน นั่งกระพริบตาก็ว่าถูกตรงคำสอน คิกๆๆ ไม่มีใครช่วยใครได้ทำอะไรก็ตามทำตามๆกันด้วยความเห็นผิดคือมีกิเลส ปัญญาเกิดเมื่อเริ่มฟังเข้าใจการจะทิ้งสิ่งที่เคยทำผิดต้องเห็นโทษความไม่รู้ ถ้ายังไม่รู้ต่อไปและไม่รู้ด้วยว่าตนไม่รู้ก็ยึดถือสิ่งที่ตนทำนั้นแหละว่าดีว่าถูก คริคริคริแต่ตามคำสอนน่ะต้องรู้จักคิดตามตามปกติที่คนคิดตามภพภูมิได้ทีละ1คำ และเป็น1คำตรงพยางค์เข้าใจความปกติของคนปกติไหมคะคือความธรรมดาที่เกิดมาแล้วมีตาดีหูดี รู้แล้วว่าเป็นคนแต่ไม่รู้ว่าคนตามปกติคิดตามคำสอนได้ตรงคำตรงขณะไม่ใช่ชื่อคำยาวๆเกิน1พยางค์ คิดว่าตัวเองไม่มีกิเลสไปแระ คิกๆๆ |
|
| เจ้าของ: | Rosarin [ 18 ก.ค. 2018, 20:31 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด |
ต้องคิดนะคะว่าคำตถาคตทำให้รู้จักตนเองว่ามีกิเลส คนที่คิดว่าตนเองมีปัญญาแล้วรู้แล้วเพราะจำได้หมด นั่นแหละคือมานะทิฏฐิถือตนว่าเป็นปัญญาแค่สัญญา ปัญญาเกิดจากฟังถ้าชาตินี้ไม่เคยคิดตรงตามการฟัง นี่แหละเรียกว่าไม่เคยคิดตามคำสอนได้จึงไม่รู้ว่ากิเลส เกิดตอนลืมตาตื่นมีวิถีจิตและมีทวารครบ6ทางอายตนะ และปัญญาเริ่มแย่งเก้าอี้ดนตรีได้นั่งตอนเริ่มคิดถูกตามคำสอนได้ค่ะ
|
|
| เจ้าของ: | กรัชกาย [ 18 ก.ค. 2018, 20:35 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด |
Rosarin เขียน: Kiss ต้องคิดนะคะว่าคำตถาคตทำให้รู้จักตนเองว่ามีกิเลส คนที่คิดว่าตนเองมีปัญญาแล้วรู้แล้วเพราะจำได้หมด นั่นแหละคือมานะทิฏฐิถือตนว่าเป็นปัญญาแค่สัญญา ปัญญาเกิดจากฟังถ้าชาตินี้ไม่เคยคิดตรงตามการฟัง นี่แหละเรียกว่าไม่เคยคิดตามคำสอนได้จึงไม่รู้ว่ากิเลส เกิดตอนลืมตาตื่นมีวิถีจิตและมีทวารครบ6ทางอายตนะ และปัญญาเริ่มแย่งเก้าอี้ดนตรีได้นั่งตอนเริ่มคิดถูกตามคำสอนได้ค่ะ ![]() ไหนจัดวิธีปฏิบัติเพื่อกำจัดกิเลสทางอายตนะ 6 แบบโฮมสะเตย์หน่อยสิ 1. ทาง ตา (จักขุ) 2. ทาง หู (โสต) 3. ทางจมูก (ฆาน) 4. ทาง ลิ้น (ชิวหา) 5. ทาง กาย (กาย) 6. ทาง ใจ (มโน) |
|
| เจ้าของ: | Rosarin [ 19 ก.ค. 2018, 04:57 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: Kiss ต้องคิดนะคะว่าคำตถาคตทำให้รู้จักตนเองว่ามีกิเลส คนที่คิดว่าตนเองมีปัญญาแล้วรู้แล้วเพราะจำได้หมด นั่นแหละคือมานะทิฏฐิถือตนว่าเป็นปัญญาแค่สัญญา ปัญญาเกิดจากฟังถ้าชาตินี้ไม่เคยคิดตรงตามการฟัง นี่แหละเรียกว่าไม่เคยคิดตามคำสอนได้จึงไม่รู้ว่ากิเลส เกิดตอนลืมตาตื่นมีวิถีจิตและมีทวารครบ6ทางอายตนะ และปัญญาเริ่มแย่งเก้าอี้ดนตรีได้นั่งตอนเริ่มคิดถูกตามคำสอนได้ค่ะ ![]() ไหนจัดวิธีปฏิบัติเพื่อกำจัดกิเลสทางอายตนะ 6 แบบโฮมสะเตย์หน่อยสิ 1. ทาง ตา (จักขุ) 2. ทาง หู (โสต) 3. ทางจมูก (ฆาน) 4. ทาง ลิ้น (ชิวหา) 5. ทาง กาย (กาย) 6. ทาง ใจ (มโน) ตัวตนน่ะกำหนดได้ก็คือมิจฉามรรค แต่สัมมามรรคกำหนดล่วงหน้าไม่ได้ แล้วแต่เหตุปัจจัยว่าอะไรจะปรากฏ จึงต้องฝึกจิตให้ระลึกตรงทีละ1คำ ก็ใข้ตัวตนกำหนดอยู่ดีแต่ต้องพึ่ง การฟังเพื่อเพิ่มปัญญาเพราะขณะ ที่จะรู้สึกความจริงของสติปัฏฐาน คือสติสัมปชัญญะรู้เร็วขึ้นมา ตั้งแต่ตอนเริ่มฟังจนชัดขึ้น เร็วขึ้นชำนาญขึ้นตามวิสยรูป7 รู้สึกคำไหนชัดก็ระลึกตามตรงๆ อบรมจิตเจริญปัญญาต้องเริ่มที่ฟังคำสอนทุกครั้งค่ะ ปล่อยวางทีละคำรู้สึกตรงคำตรงขณะให้ได้ก่อนนะคะ อนาคตกำหนดล่วงหน้าไม่ได้ต้องพึ่งคำตถาคตในการคิดพูดทำสุตะคือตั้งใจฟังเพื่อเข้าใจเท่านั้น
|
|
| หน้า 1 จากทั้งหมด 3 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
| Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |
|