ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=56227
หน้า 1 จากทั้งหมด 3

เจ้าของ:  Rosarin [ 18 ก.ค. 2018, 10:50 ]
หัวข้อกระทู้:  บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด

rolleyes
บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด
เพราะตายแล้วเกิดทันที
เข้าร่างใหม่เร็วแบบกะพริบตา
ไปเกิดในภพภูมิใหม่แล้ว
ไม่มีวิญญาณล่องลอย
แบบที่ทำให้ดูในหนังละคร
จิตเกิดดับสืบต่อไม่ขาดสาย
ดังนั้นการบวชจูงแล้วคิดว่าคนตาย
จะได้ไปสวรรค์จึงเป็นพฤติกรรมของมิจฉาทิฏฐิ
:b20:
:b4: :b4:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 18 ก.ค. 2018, 10:54 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด

Rosarin เขียน:
rolleyes
บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด
เพราะตายแล้วเกิดทันที
เข้าร่างใหม่เร็วแบบกะพริบตา
ไปเกิดในภพภูมิใหม่แล้ว
ไม่มีวิญญาณล่องลอย
แบบที่ทำให้ดูในหนังละคร
จิตเกิดดับสืบต่อไม่ขาดสาย
ดังนั้นการบวชจูงแล้วคิดว่าคนตาย
จะได้ไปสวรรค์จึงเป็นพฤติกรรมของมิจฉาทิฏฐิ



บวชจูง อะไรอ่ะนะ ไม่เข้าใจ ขอชัดๆ แบบไม่ต้องตีความนะขอรับ

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 18 ก.ค. 2018, 10:55 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด

เริ่มเห็นลายลูกศิษย์สำนักนี้ชัดขึ้นแล้ว คิกๆๆ

นึกถึงเพลงนี้ได้

https://www.youtube.com/watch?v=Guf3H1ls8TU

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 18 ก.ค. 2018, 11:01 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด

ใช่..จูงศพ...วนรอบเมร..ก่อนจะนำขึ้นเผา..รึเปล่าคับ..

เจ้าของ:  Rosarin [ 18 ก.ค. 2018, 11:33 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด

กบนอกกะลา เขียน:
ใช่..จูงศพ...วนรอบเมร..ก่อนจะนำขึ้นเผา..รึเปล่าคับ..

:b12:
ใช่ค่ะ
ยังมีอีก
เคาะโลงศพเรียกเหมือนเข้าใจว่า
มีวิญญาณคนตายลอยมากินข้าว
เรียกศพฟังพระเทศนาในงานศพ
เขาสวดให้คนเป็นฟังให้รู้จักว่า
กุสลาอกุศลาอัพยากตาทำมา
ทั้งหมดที่ยังไม่รู้ต้องรู้ถ้าไม่รู้
ก็เกิดไม่หยุดและหยุดกิเลสไม่อยู่อิอิ
เพราะลืมตาปริบๆนี้แหละกิเลสไหลนับไม่ถ้วน
ถ้าไม่ฟังพระพุทธพจน์เพื่อให้คิดถูกตามแปลว่ามีกิเลสเยอะค่ะ
:b13:
:b4: :b4:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 18 ก.ค. 2018, 11:41 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด

Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ใช่..จูงศพ...วนรอบเมร..ก่อนจะนำขึ้นเผา..รึเปล่าคับ..

:b12:
ใช่ค่ะ
ยังมีอีก
เคาะโลงศพเรียกเหมือนเข้าใจว่า
มีวิญญาณคนตายลอยมากินข้าว
เรียกศพฟังพระเทศนาในงานศพ
เขาสวดให้คนเป็นฟังให้รู้จักว่า
กุสลาอกุศลาอัพยากตาทำมา
ทั้งหมดที่ยังไม่รู้ต้องรู้ถ้าไม่รู้
ก็เกิดไม่หยุดและหยุดกิเลสไม่อยู่อิอิ
เพราะลืมตาปริบๆนี้แหละกิเลสไหลนับไม่ถ้วน
ถ้าไม่ฟังพระพุทธพจน์เพื่อให้คิดถูกตามแปลว่ามีกิเลสเยอะค่ะ



มันเป็นความเชื่อของเขา ก็เหมือนคุณโรสเชื่อมิจฉาทิฏฐิแห่งโฮมสะเตย์นั่นแล ลืมตาปริบๆ กระพริบตาถี่ๆ

เจ้าของ:  Rosarin [ 18 ก.ค. 2018, 11:47 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด

กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
rolleyes
บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด
เพราะตายแล้วเกิดทันที
เข้าร่างใหม่เร็วแบบกะพริบตา
ไปเกิดในภพภูมิใหม่แล้ว
ไม่มีวิญญาณล่องลอย
แบบที่ทำให้ดูในหนังละคร
จิตเกิดดับสืบต่อไม่ขาดสาย
ดังนั้นการบวชจูงแล้วคิดว่าคนตาย
จะได้ไปสวรรค์จึงเป็นพฤติกรรมของมิจฉาทิฏฐิ


บวชจูง อะไรอ่ะนะ ไม่เข้าใจ ขอชัดๆ แบบไม่ต้องตีความนะขอรับ

:b12:
กรัชกาย เขียน:
เริ่มเห็นลายลูกศิษย์สำนักนี้ชัดขึ้นแล้ว คิกๆๆ

นึกถึงเพลงนี้ได้

https://www.youtube.com/watch?v=Guf3H1ls8TU

:b32:
นี่ก็ไม่รู้อะไรก็มั่วไป
ปัญญาสะสมมาไม่เท่ากัน
อันว่ากะพริบตานั้นโรสพูดเองตรงกับ
สิ่งที่โรสรู้ครบ6ทางอายตนะก่อนกะพริบตานะคะ
บ้านธัมมะไม่ได้บอกเพราะดูฟังคลิปไม่ได้คุยกะคลิปเลยสาบานได้
คลิปไม่รู้อะไรเลยนะนั่นน่ะแต่จิตคนที่ดูน่ะคิดกุศลหรืออกุศลเอาเองเข้าใจไหมคะ
ไม่มีคนมีแต่คลิปคือมีแต่จิตรู้นามรูปตรงผัสสะคือปรมัตถสัจจะของจริงรู้ที่กายใจตนเองเท่านั้นไม่ส่งออก
:b32: :b32:

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 18 ก.ค. 2018, 12:04 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด

Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ใช่..จูงศพ...วนรอบเมร..ก่อนจะนำขึ้นเผา..รึเปล่าคับ..

:b12:
ใช่ค่ะ
ยังมีอีก
เคาะโลงศพเรียกเหมือนเข้าใจว่า
มีวิญญาณคนตายลอยมากินข้าว
เรียกศพฟังพระเทศนาในงานศพ
เขาสวดให้คนเป็นฟังให้รู้จักว่า
กุสลาอกุศลาอัพยากตาทำมา
ทั้งหมดที่ยังไม่รู้ต้องรู้ถ้าไม่รู้
ก็เกิดไม่หยุดและหยุดกิเลสไม่อยู่อิอิ
เพราะลืมตาปริบๆนี้แหละกิเลสไหลนับไม่ถ้วน
ถ้าไม่ฟังพระพุทธพจน์เพื่อให้คิดถูกตามแปลว่ามีกิเลสเยอะค่ะ
:b13:
:b4: :b4:


เขาใช้สอนคนเป็นอะป้าว?...

เกิดใหม่ทันที...ก็ไม่ใครเถียงนะ...เป็นโอปปาติกะ..ก็คือการเกิดใหม่...ชาวบ้านอาจเรียกว่าวิญญาณ...ซึ่งคนละวิญญาณในความหมายของขันธ์5...อันนี้ก็ต้องเข้าใจชาวบ้านพูด..นะ

การทำบุญอุทิศให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว....มีผลได้จริง
ตรงนี้คุนโรส..ก็คงไม่ค้านกระมัง...

เจ้าของ:  Rosarin [ 18 ก.ค. 2018, 12:53 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด

กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ใช่..จูงศพ...วนรอบเมร..ก่อนจะนำขึ้นเผา..รึเปล่าคับ..

:b12:
ใช่ค่ะ
ยังมีอีก
เคาะโลงศพเรียกเหมือนเข้าใจว่า
มีวิญญาณคนตายลอยมากินข้าว
เรียกศพฟังพระเทศนาในงานศพ
เขาสวดให้คนเป็นฟังให้รู้จักว่า
กุสลาอกุศลาอัพยากตาทำมา
ทั้งหมดที่ยังไม่รู้ต้องรู้ถ้าไม่รู้
ก็เกิดไม่หยุดและหยุดกิเลสไม่อยู่อิอิ
เพราะลืมตาปริบๆนี้แหละกิเลสไหลนับไม่ถ้วน
ถ้าไม่ฟังพระพุทธพจน์เพื่อให้คิดถูกตามแปลว่ามีกิเลสเยอะค่ะ
:b13:
:b4: :b4:


เขาใช้สอนคนเป็นอะป้าว?...

เกิดใหม่ทันที...ก็ไม่ใครเถียงนะ...เป็นโอปปาติกะ..ก็คือการเกิดใหม่...ชาวบ้านอาจเรียกว่าวิญญาณ...ซึ่งคนละวิญญาณในความหมายของขันธ์5...อันนี้ก็ต้องเข้าใจชาวบ้านพูด..นะ

การทำบุญอุทิศให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว....มีผลได้จริง
ตรงนี้คุนโรส..ก็คงไม่ค้านกระมัง...

tongue
:b12:
ถ้าเข้าใจถูกตามคำสอนจะต่างกับสิ่งที่ทำตามประเพณีตามๆกันมาค่ะ
จิตแต่ละขณะสืบต่อมาแต่ละชาติ ปฏิสนธิ..............จุติจิต นี้คือ1ชาติ
การสืบต่อของจิตคือวิญญาณธาตุหรือวิญญาณขันธ์
เต็มๆตามอภิธรรมก็คือจิตเจตสิกรูปพาเกิดนิพพานไม่เกิด
ที่รู้ว่าเกิดเป็นคนแล้วคือเป็นผลของกรรมดีหนึ่งมาให้ผล
ประมวลกรรมทั้งหมดจากจุติจิตที่แล้วมาปฏิสนธิจิตชาตินี้
มาจากผลกรรมในอดีตชาติไหนไม่รู้มาให้ผลคือประมวล
มาซึ่งเหตุปัจจัยชาติใหม่ที่ขณะสุดท้ายของชาติก่อน
สืบต่อผ่านภวังคจิต(อากาศธาตุ)มาปฏิสนธิจิต1ขณะแรกชาติใหม่
ไม่มีเวลาพักล่องลอยไปไหนเลยค่ะคือ ...จุติจิต ปฏิสนธิจิต......จุติจิต ปฏิสนธิจิต........จุติจิต ปฏิสนธิจิต...
จุดคือวิถีจิตและทวารทั้ง6ช่องว่างคือภวังคจิตคั่นรวมตอนหลับสนิทด้วยค่ะถูกกำหนดมาแล้วมีแล้ว
แต่ไม่รู้ว่ามีและกำลังเกิดดับตลอดเวลาอย่างรวดเร็วจนไม่เห็นความเกิดดับแม้แต่ขณะเดียวไม่รู้ว่าไม่มี
จิตเกิดดับทีละ1ขณะเกิดดับสลับกันและเกิดมีขึ้นใหม่ทุกขณะไม่ซ้ำเดิมแม้แต่ขณะเดียวค่ะ
มีการเกิดดับทุกขณะค่ะ...เป็นขณิกมรณะตายจากสิ่งที่มีทุกขณะค่ะ...แม้แต่ตัวจิตเองมีนิดนึงแล้วก็ดับ
คือไม่มีทุกขณะอยู่แล้วตั้งแต่เข้าใจขั้นการฟังเพราะจิตเกิดดับทีละ1ขณะจากไม่มีจึงมีนิดนึงแล้วดับที่จิต
รอเกิดเมื่อมีทวารและวิถีจิตปรากฏและหลงยึดถือว่าเป็นเราเขาสัตว์บุคคลตัวตนจนกว่าจะเริ่มฟังเพื่อ
สะสมปัญญาคือความรู้ถูกความเข้าใจถูกความคิดเห็นถูกตามขณะกำลังฟังจึงคิดถูกตามได้ค่ะ
:b12:
:b4: :b4:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 18 ก.ค. 2018, 14:28 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด

Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ใช่..จูงศพ...วนรอบเมร..ก่อนจะนำขึ้นเผา..รึเปล่าคับ..

:b12:
ใช่ค่ะ
ยังมีอีก
เคาะโลงศพเรียกเหมือนเข้าใจว่า
มีวิญญาณคนตายลอยมากินข้าว
เรียกศพฟังพระเทศนาในงานศพ
เขาสวดให้คนเป็นฟังให้รู้จักว่า
กุสลาอกุศลาอัพยากตาทำมา
ทั้งหมดที่ยังไม่รู้ต้องรู้ถ้าไม่รู้
ก็เกิดไม่หยุดและหยุดกิเลสไม่อยู่อิอิ
เพราะลืมตาปริบๆนี้แหละกิเลสไหลนับไม่ถ้วน
ถ้าไม่ฟังพระพุทธพจน์เพื่อให้คิดถูกตามแปลว่ามีกิเลสเยอะค่ะ
:b13:
:b4: :b4:


เขาใช้สอนคนเป็นอะป้าว?...

เกิดใหม่ทันที...ก็ไม่ใครเถียงนะ...เป็นโอปปาติกะ..ก็คือการเกิดใหม่...ชาวบ้านอาจเรียกว่าวิญญาณ...ซึ่งคนละวิญญาณในความหมายของขันธ์5...อันนี้ก็ต้องเข้าใจชาวบ้านพูด..นะ

การทำบุญอุทิศให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว....มีผลได้จริง
ตรงนี้คุนโรส..ก็คงไม่ค้านกระมัง...

tongue
:b12:
ถ้าเข้าใจถูกตามคำสอนจะต่างกับสิ่งที่ทำตามประเพณีตามๆกันมาค่ะ
จิตแต่ละขณะสืบต่อมาแต่ละชาติ ปฏิสนธิ..............จุติจิต นี้คือ1ชาติ
การสืบต่อของจิตคือวิญญาณธาตุหรือวิญญาณขันธ์
เต็มๆตามอภิธรรมก็คือจิตเจตสิกรูปพาเกิดนิพพานไม่เกิด
ที่รู้ว่าเกิดเป็นคนแล้วคือเป็นผลของกรรมดีหนึ่งมาให้ผล
ประมวลกรรมทั้งหมดจากจุติจิตที่แล้วมาปฏิสนธิจิตชาตินี้
มาจากผลกรรมในอดีตชาติไหนไม่รู้มาให้ผลคือประมวล
มาซึ่งเหตุปัจจัยชาติใหม่ที่ขณะสุดท้ายของชาติก่อน
สืบต่อผ่านภวังคจิต(อากาศธาตุ)มาปฏิสนธิจิต1ขณะแรกชาติใหม่
ไม่มีเวลาพักล่องลอยไปไหนเลยค่ะคือ ...จุติจิต ปฏิสนธิจิต......จุติจิต ปฏิสนธิจิต........จุติจิต ปฏิสนธิจิต...
จุดคือวิถีจิตและทวารทั้ง6ช่องว่างคือภวังคจิตคั่นรวมตอนหลับสนิทด้วยค่ะถูกกำหนดมาแล้วมีแล้ว
แต่ไม่รู้ว่ามีและกำลังเกิดดับตลอดเวลาอย่างรวดเร็วจนไม่เห็นความเกิดดับแม้แต่ขณะเดียวไม่รู้ว่าไม่มี
จิตเกิดดับทีละ1ขณะเกิดดับสลับกันและเกิดมีขึ้นใหม่ทุกขณะไม่ซ้ำเดิมแม้แต่ขณะเดียวค่ะ
มีการเกิดดับทุกขณะค่ะ...เป็นขณิกมรณะตายจากสิ่งที่มีทุกขณะค่ะ...แม้แต่ตัวจิตเองมีนิดนึงแล้วก็ดับ
คือไม่มีทุกขณะอยู่แล้วตั้งแต่เข้าใจขั้นการฟังเพราะจิตเกิดดับทีละ1ขณะจากไม่มีจึงมีนิดนึงแล้วดับที่จิต
รอเกิดเมื่อมีทวารและวิถีจิตปรากฏและหลงยึดถือว่าเป็นเราเขาสัตว์บุคคลตัวตนจนกว่าจะเริ่มฟังเพื่อ
สะสมปัญญาคือความรู้ถูกความเข้าใจถูกความคิดเห็นถูกตามขณะกำลังฟังจึงคิดถูกตามได้ค่ะ
:b12:
:b4: :b4:



คุณโรสก็คิดว่าตัวเองเข้าใจคำสอน นั่งกระพริบตาก็ว่าถูกตรงคำสอน คิกๆๆ

เจ้าของ:  Rosarin [ 18 ก.ค. 2018, 14:38 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด

กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ใช่..จูงศพ...วนรอบเมร..ก่อนจะนำขึ้นเผา..รึเปล่าคับ..

:b12:
ใช่ค่ะ
ยังมีอีก
เคาะโลงศพเรียกเหมือนเข้าใจว่า
มีวิญญาณคนตายลอยมากินข้าว
เรียกศพฟังพระเทศนาในงานศพ
เขาสวดให้คนเป็นฟังให้รู้จักว่า
กุสลาอกุศลาอัพยากตาทำมา
ทั้งหมดที่ยังไม่รู้ต้องรู้ถ้าไม่รู้
ก็เกิดไม่หยุดและหยุดกิเลสไม่อยู่อิอิ
เพราะลืมตาปริบๆนี้แหละกิเลสไหลนับไม่ถ้วน
ถ้าไม่ฟังพระพุทธพจน์เพื่อให้คิดถูกตามแปลว่ามีกิเลสเยอะค่ะ
:b13:
:b4: :b4:


เขาใช้สอนคนเป็นอะป้าว?...

เกิดใหม่ทันที...ก็ไม่ใครเถียงนะ...เป็นโอปปาติกะ..ก็คือการเกิดใหม่...ชาวบ้านอาจเรียกว่าวิญญาณ...ซึ่งคนละวิญญาณในความหมายของขันธ์5...อันนี้ก็ต้องเข้าใจชาวบ้านพูด..นะ

การทำบุญอุทิศให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว....มีผลได้จริง
ตรงนี้คุนโรส..ก็คงไม่ค้านกระมัง...

tongue
:b12:
ถ้าเข้าใจถูกตามคำสอนจะต่างกับสิ่งที่ทำตามประเพณีตามๆกันมาค่ะ
จิตแต่ละขณะสืบต่อมาแต่ละชาติ ปฏิสนธิ..............จุติจิต นี้คือ1ชาติ
การสืบต่อของจิตคือวิญญาณธาตุหรือวิญญาณขันธ์
เต็มๆตามอภิธรรมก็คือจิตเจตสิกรูปพาเกิดนิพพานไม่เกิด
ที่รู้ว่าเกิดเป็นคนแล้วคือเป็นผลของกรรมดีหนึ่งมาให้ผล
ประมวลกรรมทั้งหมดจากจุติจิตที่แล้วมาปฏิสนธิจิตชาตินี้
มาจากผลกรรมในอดีตชาติไหนไม่รู้มาให้ผลคือประมวล
มาซึ่งเหตุปัจจัยชาติใหม่ที่ขณะสุดท้ายของชาติก่อน
สืบต่อผ่านภวังคจิต(อากาศธาตุ)มาปฏิสนธิจิต1ขณะแรกชาติใหม่
ไม่มีเวลาพักล่องลอยไปไหนเลยค่ะคือ ...จุติจิต ปฏิสนธิจิต......จุติจิต ปฏิสนธิจิต........จุติจิต ปฏิสนธิจิต...
จุดคือวิถีจิตและทวารทั้ง6ช่องว่างคือภวังคจิตคั่นรวมตอนหลับสนิทด้วยค่ะถูกกำหนดมาแล้วมีแล้ว
แต่ไม่รู้ว่ามีและกำลังเกิดดับตลอดเวลาอย่างรวดเร็วจนไม่เห็นความเกิดดับแม้แต่ขณะเดียวไม่รู้ว่าไม่มี
จิตเกิดดับทีละ1ขณะเกิดดับสลับกันและเกิดมีขึ้นใหม่ทุกขณะไม่ซ้ำเดิมแม้แต่ขณะเดียวค่ะ
มีการเกิดดับทุกขณะค่ะ...เป็นขณิกมรณะตายจากสิ่งที่มีทุกขณะค่ะ...แม้แต่ตัวจิตเองมีนิดนึงแล้วก็ดับ
คือไม่มีทุกขณะอยู่แล้วตั้งแต่เข้าใจขั้นการฟังเพราะจิตเกิดดับทีละ1ขณะจากไม่มีจึงมีนิดนึงแล้วดับที่จิต
รอเกิดเมื่อมีทวารและวิถีจิตปรากฏและหลงยึดถือว่าเป็นเราเขาสัตว์บุคคลตัวตนจนกว่าจะเริ่มฟังเพื่อ
สะสมปัญญาคือความรู้ถูกความเข้าใจถูกความคิดเห็นถูกตามขณะกำลังฟังจึงคิดถูกตามได้ค่ะ
:b12:
:b4: :b4:



คุณโรสก็คิดว่าตัวเองเข้าใจคำสอน นั่งกระพริบตาก็ว่าถูกตรงคำสอน คิกๆๆ

:b12:
ไม่มีใครช่วยใครได้ทำอะไรก็ตามทำตามๆกันด้วยความเห็นผิดคือมีกิเลส
ปัญญาเกิดเมื่อเริ่มฟังเข้าใจการจะทิ้งสิ่งที่เคยทำผิดต้องเห็นโทษความไม่รู้
ถ้ายังไม่รู้ต่อไปและไม่รู้ด้วยว่าตนไม่รู้ก็ยึดถือสิ่งที่ตนทำนั้นแหละว่าดีว่าถูก
คริคริคริแต่ตามคำสอนน่ะต้องรู้จักคิดตามตามปกติที่คนคิดตามภพภูมิได้ทีละ1คำ
และเป็น1คำตรงพยางค์เข้าใจความปกติของคนปกติไหมคะคือความธรรมดาที่เกิดมาแล้วมีตาดีหูดี
รู้แล้วว่าเป็นคนแต่ไม่รู้ว่าคนตามปกติคิดตามคำสอนได้ตรงคำตรงขณะไม่ใช่ชื่อคำยาวๆเกิน1พยางค์
:b32: :b32:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 18 ก.ค. 2018, 19:42 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด

Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ใช่..จูงศพ...วนรอบเมร..ก่อนจะนำขึ้นเผา..รึเปล่าคับ..

:b12:
ใช่ค่ะ
ยังมีอีก
เคาะโลงศพเรียกเหมือนเข้าใจว่า
มีวิญญาณคนตายลอยมากินข้าว
เรียกศพฟังพระเทศนาในงานศพ
เขาสวดให้คนเป็นฟังให้รู้จักว่า
กุสลาอกุศลาอัพยากตาทำมา
ทั้งหมดที่ยังไม่รู้ต้องรู้ถ้าไม่รู้
ก็เกิดไม่หยุดและหยุดกิเลสไม่อยู่อิอิ
เพราะลืมตาปริบๆนี้แหละกิเลสไหลนับไม่ถ้วน
ถ้าไม่ฟังพระพุทธพจน์เพื่อให้คิดถูกตามแปลว่ามีกิเลสเยอะค่ะ
:b13:
:b4: :b4:


เขาใช้สอนคนเป็นอะป้าว?...

เกิดใหม่ทันที...ก็ไม่ใครเถียงนะ...เป็นโอปปาติกะ..ก็คือการเกิดใหม่...ชาวบ้านอาจเรียกว่าวิญญาณ...ซึ่งคนละวิญญาณในความหมายของขันธ์5...อันนี้ก็ต้องเข้าใจชาวบ้านพูด..นะ

การทำบุญอุทิศให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว....มีผลได้จริง
ตรงนี้คุนโรส..ก็คงไม่ค้านกระมัง...

tongue
:b12:
ถ้าเข้าใจถูกตามคำสอนจะต่างกับสิ่งที่ทำตามประเพณีตามๆกันมาค่ะ
จิตแต่ละขณะสืบต่อมาแต่ละชาติ ปฏิสนธิ..............จุติจิต นี้คือ1ชาติ
การสืบต่อของจิตคือวิญญาณธาตุหรือวิญญาณขันธ์
เต็มๆตามอภิธรรมก็คือจิตเจตสิกรูปพาเกิดนิพพานไม่เกิด
ที่รู้ว่าเกิดเป็นคนแล้วคือเป็นผลของกรรมดีหนึ่งมาให้ผล
ประมวลกรรมทั้งหมดจากจุติจิตที่แล้วมาปฏิสนธิจิตชาตินี้
มาจากผลกรรมในอดีตชาติไหนไม่รู้มาให้ผลคือประมวล
มาซึ่งเหตุปัจจัยชาติใหม่ที่ขณะสุดท้ายของชาติก่อน
สืบต่อผ่านภวังคจิต(อากาศธาตุ)มาปฏิสนธิจิต1ขณะแรกชาติใหม่
ไม่มีเวลาพักล่องลอยไปไหนเลยค่ะคือ ...จุติจิต ปฏิสนธิจิต......จุติจิต ปฏิสนธิจิต........จุติจิต ปฏิสนธิจิต...
จุดคือวิถีจิตและทวารทั้ง6ช่องว่างคือภวังคจิตคั่นรวมตอนหลับสนิทด้วยค่ะถูกกำหนดมาแล้วมีแล้ว
แต่ไม่รู้ว่ามีและกำลังเกิดดับตลอดเวลาอย่างรวดเร็วจนไม่เห็นความเกิดดับแม้แต่ขณะเดียวไม่รู้ว่าไม่มี
จิตเกิดดับทีละ1ขณะเกิดดับสลับกันและเกิดมีขึ้นใหม่ทุกขณะไม่ซ้ำเดิมแม้แต่ขณะเดียวค่ะ
มีการเกิดดับทุกขณะค่ะ...เป็นขณิกมรณะตายจากสิ่งที่มีทุกขณะค่ะ...แม้แต่ตัวจิตเองมีนิดนึงแล้วก็ดับ
คือไม่มีทุกขณะอยู่แล้วตั้งแต่เข้าใจขั้นการฟังเพราะจิตเกิดดับทีละ1ขณะจากไม่มีจึงมีนิดนึงแล้วดับที่จิต
รอเกิดเมื่อมีทวารและวิถีจิตปรากฏและหลงยึดถือว่าเป็นเราเขาสัตว์บุคคลตัวตนจนกว่าจะเริ่มฟังเพื่อ
สะสมปัญญาคือความรู้ถูกความเข้าใจถูกความคิดเห็นถูกตามขณะกำลังฟังจึงคิดถูกตามได้ค่ะ
:b12:
:b4: :b4:



คุณโรสก็คิดว่าตัวเองเข้าใจคำสอน นั่งกระพริบตาก็ว่าถูกตรงคำสอน คิกๆๆ

:b12:
ไม่มีใครช่วยใครได้ทำอะไรก็ตามทำตามๆกันด้วยความเห็นผิดคือมีกิเลส
ปัญญาเกิดเมื่อเริ่มฟังเข้าใจการจะทิ้งสิ่งที่เคยทำผิดต้องเห็นโทษความไม่รู้

ถ้ายังไม่รู้ต่อไปและไม่รู้ด้วยว่าตนไม่รู้ก็ยึดถือสิ่งที่ตนทำนั้นแหละว่าดีว่าถูก
คริคริคริแต่ตามคำสอนน่ะต้องรู้จักคิดตามตามปกติที่คนคิดตามภพภูมิได้ทีละ1คำ
และเป็น1คำตรงพยางค์เข้าใจความปกติของคนปกติไหมคะคือความธรรมดาที่เกิดมาแล้วมีตาดีหูดี
รู้แล้วว่าเป็นคนแต่ไม่รู้ว่าคนตามปกติคิดตามคำสอนได้ตรงคำตรงขณะไม่ใช่ชื่อคำยาวๆเกิน1พยางค์


คิดว่าตัวเองไม่มีกิเลสไปแระ คิกๆๆ

เจ้าของ:  Rosarin [ 18 ก.ค. 2018, 20:31 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด

Kiss
ต้องคิดนะคะว่าคำตถาคตทำให้รู้จักตนเองว่ามีกิเลส
คนที่คิดว่าตนเองมีปัญญาแล้วรู้แล้วเพราะจำได้หมด
นั่นแหละคือมานะทิฏฐิถือตนว่าเป็นปัญญาแค่สัญญา
ปัญญาเกิดจากฟังถ้าชาตินี้ไม่เคยคิดตรงตามการฟัง
นี่แหละเรียกว่าไม่เคยคิดตามคำสอนได้จึงไม่รู้ว่ากิเลส
เกิดตอนลืมตาตื่นมีวิถีจิตและมีทวารครบ6ทางอายตนะ
และปัญญาเริ่มแย่งเก้าอี้ดนตรีได้นั่งตอนเริ่มคิดถูกตามคำสอนได้ค่ะ
:b32: :b32:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 18 ก.ค. 2018, 20:35 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด

Rosarin เขียน:
Kiss
ต้องคิดนะคะว่าคำตถาคตทำให้รู้จักตนเองว่ามีกิเลส
คนที่คิดว่าตนเองมีปัญญาแล้วรู้แล้วเพราะจำได้หมด
นั่นแหละคือมานะทิฏฐิถือตนว่าเป็นปัญญาแค่สัญญา
ปัญญาเกิดจากฟังถ้าชาตินี้ไม่เคยคิดตรงตามการฟัง
นี่แหละเรียกว่าไม่เคยคิดตามคำสอนได้จึงไม่รู้ว่ากิเลส
เกิดตอนลืมตาตื่นมีวิถีจิตและมีทวารครบ6ทางอายตนะ
และปัญญาเริ่มแย่งเก้าอี้ดนตรีได้นั่งตอนเริ่มคิดถูกตามคำสอนได้ค่ะ
:b32: :b32:


ไหนจัดวิธีปฏิบัติเพื่อกำจัดกิเลสทางอายตนะ 6 แบบโฮมสะเตย์หน่อยสิ

1. ทาง ตา (จักขุ)
2. ทาง หู (โสต)
3. ทางจมูก (ฆาน)
4. ทาง ลิ้น (ชิวหา)
5. ทาง กาย (กาย)
6. ทาง ใจ (มโน)

เจ้าของ:  Rosarin [ 19 ก.ค. 2018, 04:57 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: บวชจูงน่าจะเป็นความเห็นผิด

กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ต้องคิดนะคะว่าคำตถาคตทำให้รู้จักตนเองว่ามีกิเลส
คนที่คิดว่าตนเองมีปัญญาแล้วรู้แล้วเพราะจำได้หมด
นั่นแหละคือมานะทิฏฐิถือตนว่าเป็นปัญญาแค่สัญญา
ปัญญาเกิดจากฟังถ้าชาตินี้ไม่เคยคิดตรงตามการฟัง
นี่แหละเรียกว่าไม่เคยคิดตามคำสอนได้จึงไม่รู้ว่ากิเลส
เกิดตอนลืมตาตื่นมีวิถีจิตและมีทวารครบ6ทางอายตนะ
และปัญญาเริ่มแย่งเก้าอี้ดนตรีได้นั่งตอนเริ่มคิดถูกตามคำสอนได้ค่ะ
:b32: :b32:


ไหนจัดวิธีปฏิบัติเพื่อกำจัดกิเลสทางอายตนะ 6 แบบโฮมสะเตย์หน่อยสิ

1. ทาง ตา (จักขุ)
2. ทาง หู (โสต)
3. ทางจมูก (ฆาน)
4. ทาง ลิ้น (ชิวหา)
5. ทาง กาย (กาย)
6. ทาง ใจ (มโน)

Kiss
:b12:
ตัวตนน่ะกำหนดได้ก็คือมิจฉามรรค
แต่สัมมามรรคกำหนดล่วงหน้าไม่ได้
แล้วแต่เหตุปัจจัยว่าอะไรจะปรากฏ
จึงต้องฝึกจิตให้ระลึกตรงทีละ1คำ
ก็ใข้ตัวตนกำหนดอยู่ดีแต่ต้องพึ่ง
การฟังเพื่อเพิ่มปัญญาเพราะขณะ
ที่จะรู้สึกความจริงของสติปัฏฐาน
คือสติสัมปชัญญะรู้เร็วขึ้นมา
ตั้งแต่ตอนเริ่มฟังจนชัดขึ้น
เร็วขึ้นชำนาญขึ้นตามวิสยรูป7
รู้สึกคำไหนชัดก็ระลึกตามตรงๆ
อบรมจิตเจริญปัญญาต้องเริ่มที่ฟังคำสอนทุกครั้งค่ะ
ปล่อยวางทีละคำรู้สึกตรงคำตรงขณะให้ได้ก่อนนะคะ
อนาคตกำหนดล่วงหน้าไม่ได้ต้องพึ่งคำตถาคตในการคิดพูดทำสุตะคือตั้งใจฟังเพื่อเข้าใจเท่านั้น
:b4: :b4:

หน้า 1 จากทั้งหมด 3 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/