วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 18:32  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 29 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2018, 11:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บรรดาคำโจมตีติเตียนเหล่านั้น บางรายก็มองเห็นได้แก่แรกอ่าน แรกฟังว่าพลาด เกิดจากความเข้าใจไม่ถูก บางรายก็ทำให้เกิดแง่คิดที่ประโยชน์ บางรายก็ช่วยชี้จุดให้ได้ตรวจสอบตัวของเราเอง หรือสอบสวนสืบค้นหาความจริง

โดยมาก คำติดเตียน แม้ที่นับว่ามีเหตุผล มีส่วนถูกต้อง ก็มักสับสน ระหว่างพฤติการณ์ของชาวพุทธ กับ คำสอนที่แท้จริง คือมองดูพฤติการณ์ต่างๆของชาวพุทธ ที่เขาเห็นว่าเป็นโทษ แล้วจับเอาคำสอนบางแง่บางจุดที่เห็นว่าสอดคล้องสมกับพฤติการณ์เหล่านั้นขึ้นมาติเตียน น้อยนักที่จะตีเข้าไปถึงแก่นสารแห่งพุทธธรรมแท้จริง

คำติเตียนเช่นนี้ ย่อมสามารถใช้เป็นเครื่องปลุกให้ชาวพุทธพิจารณาตรวจสอบตนเอง แล้วแก้ไขปรับปรุงพฤติกรรมของตน ให้ถูกต้องตรงตามหลักธรรมที่แท้จริง หรือในแง่ตัวคำสอน เมื่อมองเห็นแง่เห็นจุดที่จะศึกษาตรวจสอบใหม่ๆแล้วไปสืบค้นคำสอนดู พบประเด็นธรรมที่เป็นคำตอบแก้ข้อกล่าวหาหรือคำตำหนิเหล่านั้นได้ มองเห็นความดีงามประเสริฐของธรรม ก็ทำให้เอิบอิ่มใจ ปลื้มปีติในธรรม

เป็นอย่างที่พุทธสาวกครั้งพุทธกาลเปล่งอุทานว่า “อโห พุทฺโธ, อโห ธมฺโม, อโห ธมฺมสฺส สฺวากฺขาตตา(ม.ม.13/518/474 ฯลฯ) พูดเป็นไทยว่า พระพุทธเจ้านี่ท่านเลิศล้ำจริง พระธรรมนี่เลิศล้ำจริง พระธรรมตรัสไว้ดีแล้ว เลิศล้ำจริง หรืออย่างสั้นว่า “อโห ธมฺมสุธมฺมตา” * แปลง่ายๆว่า พระธรรม ช่างเป็นธรรมดีงามเลิศล้ำแท้ (ขุ.เถร. 26/363/339; 364/340 ฯลฯ)

เมื่อแรงใจเช่นนี้เกิดขึ้นแล้ว ก็จะมีความปรารถนาเป็นฉันทะอันแรงกล้า อยากจะประกาศความดีงามของธรรมให้เป็นที่รู้ทั่วกัน หรืออยากจะชวนผู้อื่นทั้งหลายให้ได้เห็นได้ชมความเลิศล้ำของธรรมนั้นด้วย

เข้าทำนองที่ผู้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า และพระธรรม กล่าวความไว้ในบาลีว่า

โส อหํ วิจริสฺสามิ คามา คามํ ปุรา ปุรํ
นมสฺสมาโน สมฺพุทฺธํ ธมฺมสฺส จ สุธมฺมตํ
(สํ.ส. 15/846/316 ฯลฯ)

แปลความว่า “ข้า ฯ นี้จักท่องเที่ยวไป ตลอดทุกบ้าน ตลอดทุกเมือง พร่ำนบน้อมองค์พระสัมพุทธและพระธรรมที่สุดดี” หรืออย่างที่พระเถรสาวกมักกล่าวกันสั้นๆว่า “ปสฺส ธมฺมสุธมฺมตํ(เชิญ มาชมความที่ธรรมเป็นธรรมดีหรือมาดูสิ ธรรมเป็นธรรมดีแท้)


การเขียนหนังสือพุทธธรรม ก็ย่อมได้อาศัยความซาบซึ้ง และฉันทะอย่างนี้ เป็นแรงดลใจที่สำคัญ และอีกประการหนึ่ง เพราะเห็นที่ได้เขียนพุทธธรรมในฐานะผู้ศึกษา การเขียนนี้ จึงเป็นการเขียนเพื่อการศึกษาของตนเองด้วย และจึงยินดีรับฟังคำทักท้วง แนะนำ ตลอดจนแก้ไขปรับปรุง ในเมื่อพบส่วนพลาดพลั้งบกพร่อง ตามคำบอกกล่าวด้วย ท่าทีแห่งความมีเมตตากรุณาหวังดีต่อกัน และด้วยความมีฉันทะต่อธรรม ที่จะให้งานสัมฤทธิ์ความสมบูรณ์ต่อไป

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2018, 12:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อันตรายอย่างหนึ่ง ต่อความความก้าวหน้าในธรรม ซึ่งหาได้ไม่ยากนัก ก็คือ บางท่านมีความเชื่อความเห็นหรือความรู้บางอย่าง ซึ่งได้รับมาอย่างคลุมเครือ และยึดถือเอาไว้ว่าเป็นพระพุทธศาสนา แล้วยึดถือถือมั่นในความเชื่อความเห็น หรือความรู้นั่นแน่นหนารุนแรง จนเป็นเหตุบังหน้าบังตาตนเอง ทำให้ไม่ยอมรับฟังแม้แต่พระดำรัสของพระพุทธเจ้าเอง อาจถึงกับปฏิเสธคำสอนของพระพุทธเจ้าว่าไม่ใช่พระพุทธศาสนา

การมีท่าทีอย่างผู้ศึกษา ย่อมมีส่วนป้องกันอันตรายนี้ได้ เพราะเหตุที่เปิดใจกว้างรับฟังเสมอ พร้อมกับมีฐานของตนเองมั่นอยู่พอสมควร เมื่อได้ยินสิ่งที่ขัดแย้งกับข้อที่เคยยึดถือ ก็ทำให้พยายามสืบค้นให้รู้ชัดว่านั่นคืออะไร ทำให้ความรู้ความเข้าใจที่มีอยู่ชัดเจนขึ้น และได้ความรู้ความเข้าใจใหม่ๆ ก้าวหน้าไป

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2018, 12:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องหนึ่งที่ควรกล่าวถึงไว้ด้วย คือ ปัญหาเกี่ยวกับการใช้ถ้อยคำซึ่งมีความหมายคลาดเคลื่อน เลือนกลาย แปลกออกไปตามกาลสมัย

ตัวอย่างสำคัญ คือ คำว่า “ปฏิบัติธรรม” ซึ่งความหมายที่แท้ ควรได้แก่ การนำเอาธรรมไปใช้ในการดำเนินชีวิต หรือการดำเนินชีวิตตามธรรม
แต่ปัจจุบัน มักเข้าใจคำนี้ในความหมายว่า เป็นการฝึกอบรมทางจิตปัญญาขั้นหนึ่งระดับหนึ่งโดยเฉพาะ ซึ่งมีลักษณะเป็นรูปแบบ และทำไปตามแบบแผนที่ได้กำหนดวางไว้ หนังสือนี้เองก็ได้พลอยใช้ตามความหมายแคบๆ อย่างนี้ด้วยหลายแห่ง ผู้ศึกษาพึงอ่านโดยตระหนักตามคำชี้แจงนี้

ที่กลายไปจนน่าขำ ก็คือ คำว่า “ศึกษา” ที่มาคู่กันกับ “ปฏิบัติ” เป็น ศึกษาและปฏิบัติ ความจริงแต่เดิมนั้น ศึกษาหรือสิกขานั่นแหละ คือตัวแท้ของการปฏิบัติ หรือเป็นตัวการปฏิบัตินั่นเอง เพราะสิกขา ได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญา ซึ่งเป็นเรื่องของการปฏิบัติฝึกหัดอบรม* (วินย.อ.1/264 ฯลฯ) โดยเฉพาะการเจริญปัญญา หรือทำให้เกิดปัญญา ย่อมเป็นการปฏิบัติระดับสูงสุด ซึ่งจะทำให้บรรลุผลคือปฏิเวธ
ต่อมา คำว่าศึกษาคงถูกใช้ในความหมายของการเล่าเรียน อาจถึงกับเล่าเรียนโดยไม่ต้องคิด หรือคิดอย่างเลื่อนลอย คิดฟุ้งซ่านไป ไม่มีหลักไม่มีระเบียบ คำว่า “ศึกษา” จึงมีความหมายกลายมาเท่ากับคำว่า “ปริยัติ”

อีกคำหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของความหมายตามหลัก ไม่ใช่ความหมายเลือนกลาย คือ คำว่า “บาลี” หรือ “พระบาลี” กับคำว่า “ภาษาบาลี” บาลี หรือพระบาลี หมายถึง ข้อความจากพระไตรปิฎก ซึ่งแยกต่างจากคัมภีร์รุ่นหลัง มีอรรถกถา เป็นต้น (ดูการใช้ เช่น ในวิสุทฺธิ. 1/135; 3/19 ฯลฯ)
ส่วนภาษาบาลี หมายถึง ภาษาที่ใช้จารึกรักษาพระบาลีนั้น มักเรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่า ภาษามคธ
ทั้งพระไตรปิฎก และคัมภีร์รุ่นหลัง เช่น อรรถกถา เป็นต้นนั้น มีจารึกไว้เป็นภาษาบาลี คือ อรรถกถา เป็นต้น ก็ใช้ภาษาบาลีด้วย
แต่คำว่า บาลีหรือพระบาลี หมายถึง พระไตรปิฎก เท่านั้น ไม่ใช่อรรถกาถา ฎีกา หรือคัมภีร์อื่นๆ ว่า บาลี และพระบาลี มีใช้ในหนังสือนี้มากมายหลายแห่ง ผู้ศึกษาพึงเข้าใจตามนี้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2018, 12:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พุทธธรรมฉบับนี้ ถือหลักฐานทางคัมภีร์เป็นสำคัญ จึงเต็มไปด้วยข้อความที่แปลจากคัมภีร์ภาษาบาลี ทั้งพระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกา และคัมภีร์อื่นๆ
สำหรับพระบาลี คือ ความในพระไตรปิฎกนั้น แม้ว่าจะแปลตรงจากฉบับเดิมที่เป็นภาษาบาลี เพราะเป็นหลักฐานขั้นต้น แต่ก็ได้อาศัย พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับหลวง เป็นที่ปรึกษา ได้รับประโยชน์มิใช่น้อย
ส่วนคัมภีร์ภาษาบาลีรุ่นหลังต่อๆมา ที่แปลเป็นภาษาไทยแล้ว มีจำนวนน้อย อันใดพออาศัยได้ ก็ได้ใช้ปรึกษาบ้าง ประกอบบ้าง ไปตามควร คัมภีร์ใดยังไม่ได้พิมพ์ในประเทศไทย หรืออุปกรณ์การศึกษาค้นคว้า คัมภีร์ใดๆ ยังไม่ได้จัดทำในประเทศไทย ก็ได้อาศัยงานที่พิมพ์ในประเทศอังกฤษบ้าง พม่าบ้าง เป็นส่วนเสริม จึงขอจารึกคุณความเกื้อกูลที่ได้รับจากแหล่งเหล่านั้นไว้ ณ ที่นี้ด้วย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2018, 12:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนึ่ง ในบางตอนของข้อเขียนนี้ ได้แสดงความหมายภาษาอังกฤษของศัพท์สำคัญๆไว้ด้วย โดยเหตุผลอย่างน้อย ๓ อย่าง คือ

ประการแรก ในภาษาไทยปัจจุบัน ได้มีผู้นำศัพท์ธรรมบางคำมาใช้เป็นศัพท์บัญญัติ สำหรับคำในภาษาอังกฤษ ที่มีความหมายไม่ตรงกับศัพท์ธรรมนั้น อันอาจทำให้ความเข้าใจคลาดเคลื่อนได้ จึงนำความหมายในภาษาอังกฤษ มาแสดงควบไว้ด้วย เพื่อไม่ให้ผู้อ่านถือไปตามความหมายที่มีผู้บัญญัติใช้ใหม่ในภาษาไทย


ประการที่สอง จำต้องยอมรับความจริงว่า นักศึกษาวิชาการสมัยใหม่จำนวนไม่น้อย เข้าใจความหมายในภาษาไทยได้ชัดเจนขึ้น ในเมื่อเห็นคำภาษาอังกฤษควบอยู่ด้วย


ประการที่สาม ตำราภาษาต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาในปัจจุบันนี้ มีจำนวนมาก การรู้ความหมายศัพท์ธรรมที่นิยมใช้ในภาษาอังกฤษ ย่อมเป็นประโยชน์แก่นักศึกษาที่ต้องการค้นคว้าอย่างกว้างขวางต่อไป

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2018, 12:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2018, 12:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ถามชาวพุทธครับ
1.หลวงพ่อประยุทธ์ ชอบสอนขัดกับพระไตรปิฏกบ่อยๆ เหมือนสมาชิกท่านหนึ่งอ้างจริงไหม?
2.หลวงพ่อประยุทธ์ บิดเบือนคำสอนพุทธที่บอกว่านิพพานเป็นอนัตตาจริงไหม?
3.หลวงพ่อประยุทธ์ ไม่สนับสนุนการปฏิบัติสมาธิจริงหรือ? อาทิ โจมตีว่าสมาธิคือยาเสพติด สมถะเป็นเรื่องไร้สาระ
4.สรุป คุณเห็นด้วยหรือไม่ว่า หลวงพ่อประยุทธ์ไม่ใช่ปราชญ์ น่ากังขา ไม่คุณค่าพอที่จะอ้างอิงความคิดอะไรในเชิงวิชาการได้ทั้งนั้น
เครดิต ชาวพุทธท่านหนึ่ง กล่าวถึงหลวงพ่อ!

รูปภาพ




https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... ater&ifg=1




สมาธิดูลิงค์นี้

viewtopic.php?f=1&t=56183

เล็กๆ ซึ่งอยู่ในหมวด อธิจิตตสิกขา จริงๆยาว

เรื่องสมาธิถ้าใครไม่ทำแล้วพูดก็คือเดานั่นเอง :b1: วิธีฝึกจิตให้เกิดสมาธินั้นมีมากมายหลายวิธี

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2018, 16:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คัมภีร์ 1. ลึกซึ้ง 2. ตำราที่นับถือว่า สำคัญหรือเป็นของสูง, หนังสือสำคัญที่ถือเป็นหลักเป็นแบบแผน เช่น คัมภีร์ศาสนา คัมภีร์โหราศาสตร์

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2018, 10:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


(คคห.บางส่วน จากเสฐียรพงษ์)

ฯลฯ

ส่วนที่ผมอยากจะเน้นก็คือ กรรมและวิบากแห่งกรรมของท่านเจ้าคุณ ท่านเจ้าคุณได้ทำกรรมอันเป็นกุศลหรือกรรมดีไว้มากมาย จึงได้รับวิบากหรือผลแห่งกรรมดีที่ทำไว้นั้น คือได้รับการยกย่องว่าเป็นพระนักปราชญ์ ผู้มีความเชี่ยวชาญในพระพุทธศาสนา ยากจะหาใครเหมือนในยุคปัจจุบัน

ความสำเร็จที่ว่านี้ มิใช่อยู่ๆ มันมีมาเอง แต่เป็นผลของการสร้างสรรค์ เป็นผลของการศึกษาอบรมมาเป็นระยะเวลาอันยาวนานและต่อเนื่อง ลองย้อนหลังดูจะเห็นความจริงข้อนี้

สามเณรประยุทธ์ อารยางกูร ก่อนบวชได้เรียนจบมัธยมปีที่ 3 บวชมาแล้วมีวิริยะอุตสาหะอย่างยิ่ง เรียนนักธรรมและบาลีจนจบนักธรรมชั้นเอก และเปรียญธรรม 9 ประโยค

ขณะที่เรียนนักธรรมและบาลีอยู่นั้น สามเณรประยุทธ์ไปสมัครเรียนที่มหาวิทยาลัยสงฆ์ด้วย เรียนควบคู่กันไประหว่างปริยัติธรรม (ธรรมะและบาลี) กับมหาวิทยาลัยสงฆ์ ซึ่งจะต้องให้ความพากเพียรอย่างหนัก พระ-เณรบางรูปไม่สามารถทำอย่างนี้ได้ เพราะ “หนักเกินไป”

แต่สามเณรประยุทธ์สามารถทำได้ ทั้งๆ ที่สุขภาพร่างกายไม่ค่อยจะแข็งแรง มีโรคประจำตัวหลายอย่าง หลังจากจบเปรียญ 9 ประโยคไม่กี่ปี ก็จบพุทธศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ 1)

จบแล้ว ท่านเจ้าคุณไม่ยอม “จบ” อยู่แค่นั้น ศึกษาค้นคว้าพระไตรปิฎกมากขึ้น จนกระทั่งมีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น ไม่ได้ค้นคว้าเฉพาะในแวดวงพระพุทธศาสนา ศาสตร์ต่างๆ ที่จำเป็น และเห็นว่าจะเป็น “สื่อ” สำหรับถ่ายทอดพระพุทธศาสนาได้ เช่น ปรัชญา จิตวิทยา ประวัติศาสตร์ ฯลฯ ท่านก็อ่านและศึกษาอยู่เสมอ

ตั้งแต่จบพุทธศาสตรบัณฑิตมา ท่านเจ้าคุณไม่เคยไปศึกษาปริญญาโท ปริญญาเอกต่อเหมือนพระ-เณรอื่นๆ ไม่เคยผ่านการศึกษาจากต่างประเทศ แต่ที่น่าทึ่งก็คือ ภาษาอังกฤษของท่านเจ้าคุณ เป็นภาษาอังกฤษของผู้เชี่ยวชาญ ตัวท่านเรียกได้ว่าเป็น “นาย” ของภาษาอังกฤษอย่างแท้จริง แม้สำเนียงจะไม่เป็นฝรั่งเปี๊ยบ แต่ความรู้ความเชี่ยวชาญภาษาอังกฤษ นักปราชญ์ฝรั่งเองยังยกย่อง

ความสามารถอันน่าอัศจรรย์นี้ ท่านได้มาจากที่ไหน

ท่านฝึกฝนอบรมตัวเองตลอดเวลา ผสมกับมันสมองอันเป็นเลิศอยู่แล้ว ท่านจึงมีความสามารถทางด้านนี้อย่างน่าทึ่ง จนกระทั่งได้รับนิมนต์ไปสอนยังมหาวิทยาลัยดังๆ เช่น มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เป็นต้น

ถ้าท่านย้อนดูความหลังแล้ว ท่านจะไม่แปลกใจดอกครับ ทำไมอดีตสามเณรน้อยที่สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงด้วยซ้ำจึงกลายเป็นนักปราชญ์ มีผลงานเป็นที่ยกย่องโดยทั่วไป

ความพากเพียรพยายามฝึกฝนตนเองด้วยปณิธานอันแน่วแน่นี้เอง ที่ได้สร้างสรรค์นักปราชญ์ที่ยิ่งใหญ่ขึ้นในวงการพระศาสนา สมดังพระบาลีพุทธวจนะว่า

อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา บัณฑิตย่อมฝึกฝนตนเอง

https://www.matichonweekly.com/column/article_118558

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ค. 2018, 12:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ถามชาวพุทธครับ
1.หลวงพ่อประยุทธ์ ชอบสอนขัดกับพระไตรปิฏกบ่อยๆ เหมือนสมาชิกท่านหนึ่งอ้างจริงไหม?
2.หลวงพ่อประยุทธ์ บิดเบือนคำสอนพุทธที่บอกว่านิพพานเป็นอนัตตาจริงไหม?
3.หลวงพ่อประยุทธ์ ไม่สนับสนุนการปฏิบัติสมาธิจริงหรือ? อาทิ โจมตีว่าสมาธิคือยาเสพติด สมถะเป็นเรื่องไร้สาระ
4.สรุป คุณเห็นด้วยหรือไม่ว่า หลวงพ่อประยุทธ์ไม่ใช่ปราชญ์ น่ากังขา ไม่คุณค่าพอที่จะอ้างอิงความคิดอะไรในเชิงวิชาการได้ทั้งนั้น
เครดิต ชาวพุทธท่านหนึ่ง กล่าวถึงหลวงพ่อ!

รูปภาพ




https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... ater&ifg=1




สมาธิดูลิงค์นี้

viewtopic.php?f=1&t=56183

เล็กๆ ซึ่งอยู่ในหมวด อธิจิตตสิกขา จริงๆยาว

เรื่องสมาธิถ้าใครไม่ทำแล้วพูดก็คือเดานั่นเอง :b1: วิธีฝึกจิตให้เกิดสมาธินั้นมีมากมายหลายวิธี

Kiss
:b32:
สมาธิมีแล้วทุกขณะจิตไม่เคยขาด
ชื่อสมาธิทุก1ขณะจิตที่เป็นปรมัตถธรรมตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าคือ เอกัคตาเจตสิก
เพราะจิตแต่ละ1ทางไม่เกิดนอกทางมั่นคงมากคือเรียกว่าเป็นสมาธิมีแล้วแต่ไม่รู้เลยอยากไปทำ
คือเมื่อไม่เริ่มฟังพระพุทธพจน์ก็คือเป็นมิจฉาสมาธิตลอดทุกขณะจิตไม่เกิดสัมมาแทรกเข้ามาเลย
ชาตินี้เกิดมาแล้วได้อัตภาพที่สามารถมองเห็นทุกอย่างได้พบคำสอนด้วยทำมาเยอะขาดอย่างเดียวคือฟังค่ะ
https://youtu.be/101cfbifuF4
:b13:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ค. 2018, 20:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ถามชาวพุทธครับ
1.หลวงพ่อประยุทธ์ ชอบสอนขัดกับพระไตรปิฏกบ่อยๆ เหมือนสมาชิกท่านหนึ่งอ้างจริงไหม?
2.หลวงพ่อประยุทธ์ บิดเบือนคำสอนพุทธที่บอกว่านิพพานเป็นอนัตตาจริงไหม?
3.หลวงพ่อประยุทธ์ ไม่สนับสนุนการปฏิบัติสมาธิจริงหรือ? อาทิ โจมตีว่าสมาธิคือยาเสพติด สมถะเป็นเรื่องไร้สาระ
4.สรุป คุณเห็นด้วยหรือไม่ว่า หลวงพ่อประยุทธ์ไม่ใช่ปราชญ์ น่ากังขา ไม่คุณค่าพอที่จะอ้างอิงความคิดอะไรในเชิงวิชาการได้ทั้งนั้น
เครดิต ชาวพุทธท่านหนึ่ง กล่าวถึงหลวงพ่อ!

รูปภาพ




https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... ater&ifg=1




สมาธิดูลิงค์นี้

viewtopic.php?f=1&t=56183

เล็กๆ ซึ่งอยู่ในหมวด อธิจิตตสิกขา จริงๆยาว

เรื่องสมาธิถ้าใครไม่ทำแล้วพูดก็คือเดานั่นเอง :b1: วิธีฝึกจิตให้เกิดสมาธินั้นมีมากมายหลายวิธี

Kiss
:b32:
สมาธิมีแล้วทุกขณะจิตไม่เคยขาด
ชื่อสมาธิทุก1ขณะจิตที่เป็นปรมัตถธรรมตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าคือ เอกัคตาเจตสิก
เพราะจิตแต่ละ1ทางไม่เกิดนอกทางมั่นคงมากคือเรียกว่าเป็นสมาธิมีแล้วแต่ไม่รู้เลยอยากไปทำ
คือเมื่อไม่เริ่มฟังพระพุทธพจน์ก็คือเป็นมิจฉาสมาธิตลอดทุกขณะจิตไม่เกิดสัมมาแทรกเข้ามาเลย
ชาตินี้เกิดมาแล้วได้อัตภาพที่สามารถมองเห็นทุกอย่างได้พบคำสอนด้วยทำมาเยอะขาดอย่างเดียวคือฟังค่ะ
https://youtu.be/101cfbifuF4
:b13:
:b32: :b32:


มันมีแต่ชื่อ ก็เหมือนโรสนั่นแหละ มีแต่ชื่อ แต่ไม่มีสมาธิ ไม่เชื่อลองหลับตาจับลมหายใจเข้ากับลมหายใจออกดูสิ จิตมันจะอยู่ลมเข้า-ลมออกได้สักกี่กะพริบตา

หรือจะเอาแบบนี้ ลองไปหลับตาจับอาการพอง-กับยุบดูสิ จิตมันจะอยู่กับพองกับยุบได้สักกี่กะพริบตา ไปๆไปลองทำดู :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ค. 2018, 20:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ถามชาวพุทธครับ
1.หลวงพ่อประยุทธ์ ชอบสอนขัดกับพระไตรปิฏกบ่อยๆ เหมือนสมาชิกท่านหนึ่งอ้างจริงไหม?
2.หลวงพ่อประยุทธ์ บิดเบือนคำสอนพุทธที่บอกว่านิพพานเป็นอนัตตาจริงไหม?
3.หลวงพ่อประยุทธ์ ไม่สนับสนุนการปฏิบัติสมาธิจริงหรือ? อาทิ โจมตีว่าสมาธิคือยาเสพติด สมถะเป็นเรื่องไร้สาระ
4.สรุป คุณเห็นด้วยหรือไม่ว่า หลวงพ่อประยุทธ์ไม่ใช่ปราชญ์ น่ากังขา ไม่คุณค่าพอที่จะอ้างอิงความคิดอะไรในเชิงวิชาการได้ทั้งนั้น
เครดิต ชาวพุทธท่านหนึ่ง กล่าวถึงหลวงพ่อ!

รูปภาพ




https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... ater&ifg=1




สมาธิดูลิงค์นี้

viewtopic.php?f=1&t=56183

เล็กๆ ซึ่งอยู่ในหมวด อธิจิตตสิกขา จริงๆยาว

เรื่องสมาธิถ้าใครไม่ทำแล้วพูดก็คือเดานั่นเอง :b1: วิธีฝึกจิตให้เกิดสมาธินั้นมีมากมายหลายวิธี

Kiss
:b32:
สมาธิมีแล้วทุกขณะจิตไม่เคยขาด
ชื่อสมาธิทุก1ขณะจิตที่เป็นปรมัตถธรรมตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าคือ เอกัคตาเจตสิก
เพราะจิตแต่ละ1ทางไม่เกิดนอกทางมั่นคงมากคือเรียกว่าเป็นสมาธิมีแล้วแต่ไม่รู้เลยอยากไปทำ
คือเมื่อไม่เริ่มฟังพระพุทธพจน์ก็คือเป็นมิจฉาสมาธิตลอดทุกขณะจิตไม่เกิดสัมมาแทรกเข้ามาเลย
ชาตินี้เกิดมาแล้วได้อัตภาพที่สามารถมองเห็นทุกอย่างได้พบคำสอนด้วยทำมาเยอะขาดอย่างเดียวคือฟังค่ะ
https://youtu.be/101cfbifuF4
:b13:
:b32: :b32:


มันมีแต่ชื่อ ก็เหมือนโรสนั่นแหละ มีแต่ชื่อ แต่ไม่มีสมาธิ ไม่เชื่อลองหลับตาจับลมหายใจเข้ากับลมหายใจออกดูสิ จิตมันจะอยู่ลมเข้า-ลมออกได้สักกี่กะพริบตา

หรือจะเอาแบบนี้ ลองไปหลับตาจับอาการพอง-กับยุบดูสิ จิตมันจะอยู่กับพองกับยุบได้สักกี่กะพริบตา ไปๆไปลองทำดู :b1:

Kiss
ใจเย็นๆค่อยๆไตร่ตรองว่าอะไรเป็นอะไร
จิตเห็นเป็นสภาพธรรมเดียวที่มีแสงสว่าง
รูปที่ปรากฏตอนลืมตาคือนิมิตอดีตสีค่ะ
แปลว่าจิตเห็น1ขณะมันดับตั้งนานแล้ว
เอาง่ายแค่หลับตารูปที่เห็นก็ไม่มีแล้ว
คิดเอาว่ายังอยู่ยังมีเหมือนเดิมแต่ว่า
ความจริงคือหลับตารู้สึกทางกาย
ได้ยินเสียงรู้รสรับสัมผัสแต่ไม่เห็น
แสดงว่าขาดอายตนะทางตาตอนหลับตา
เหลืออายตนะแค่5ทางทีนี้ไปนั่งทำสมาธิ
แล้วมโนเห็นโน่นนี่นั่นมันเป็นมิจฉาสมาธิ
แล้วพอนั่งแล้วไม่สงบเจ็บปวดเกิดโทสะ
พอนั่งได้สงบเบาสบายก็ติดอยากทำอีก
เพราะติดอันเก่าอยากได้สบายๆแบบเดิม
เป็นตัวเรากำหนดจดจ้องเพื่อบังคับให้ได้
แต่สภาพธรรมเกิดดับตามเหตุตามปัจจัย
เลือกให้เป็นไปตามต้องการไม่ได้ผิดทันที
จึงกลายเป็นมิจฉาสมาธิเพราะขณะทำสมาธิ
ไม่มีสภาพธรรมอื่นๆเกิดร่วมด้วยเป็นความไม่รู้
ส่วนการมีขณิกสมาธิมันเป็นปกติที่จิตทุกดวงมี
และการปรุงแต่งจิตครบ6อายตนะมีความจริงให้
รับรู้ขณะกำลังระลึกตามคำสอนจริงๆปัญญารู้ชัด
แทรกเข้าได้ตอนที่เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรทันทีค่ะ
จึงเป็นสัมมาสมาธิเกิดตามหลังจากมิจฉาสมาธิไงคะ
ประมาทการฟังพระพุทธพจน์ไม่ได้เลยเพราะมีอวิชชาปิดบัง
:b12:
:b4: :b4:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 26 ก.ค. 2018, 20:26, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ค. 2018, 20:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ถามชาวพุทธครับ
1.หลวงพ่อประยุทธ์ ชอบสอนขัดกับพระไตรปิฏกบ่อยๆ เหมือนสมาชิกท่านหนึ่งอ้างจริงไหม?
2.หลวงพ่อประยุทธ์ บิดเบือนคำสอนพุทธที่บอกว่านิพพานเป็นอนัตตาจริงไหม?
3.หลวงพ่อประยุทธ์ ไม่สนับสนุนการปฏิบัติสมาธิจริงหรือ? อาทิ โจมตีว่าสมาธิคือยาเสพติด สมถะเป็นเรื่องไร้สาระ
4.สรุป คุณเห็นด้วยหรือไม่ว่า หลวงพ่อประยุทธ์ไม่ใช่ปราชญ์ น่ากังขา ไม่คุณค่าพอที่จะอ้างอิงความคิดอะไรในเชิงวิชาการได้ทั้งนั้น
เครดิต ชาวพุทธท่านหนึ่ง กล่าวถึงหลวงพ่อ!

รูปภาพ




https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... ater&ifg=1




สมาธิดูลิงค์นี้

viewtopic.php?f=1&t=56183

เล็กๆ ซึ่งอยู่ในหมวด อธิจิตตสิกขา จริงๆยาว

เรื่องสมาธิถ้าใครไม่ทำแล้วพูดก็คือเดานั่นเอง :b1: วิธีฝึกจิตให้เกิดสมาธินั้นมีมากมายหลายวิธี

Kiss
:b32:
สมาธิมีแล้วทุกขณะจิตไม่เคยขาด
ชื่อสมาธิทุก1ขณะจิตที่เป็นปรมัตถธรรมตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าคือ เอกัคตาเจตสิก
เพราะจิตแต่ละ1ทางไม่เกิดนอกทางมั่นคงมากคือเรียกว่าเป็นสมาธิมีแล้วแต่ไม่รู้เลยอยากไปทำ
คือเมื่อไม่เริ่มฟังพระพุทธพจน์ก็คือเป็นมิจฉาสมาธิตลอดทุกขณะจิตไม่เกิดสัมมาแทรกเข้ามาเลย
ชาตินี้เกิดมาแล้วได้อัตภาพที่สามารถมองเห็นทุกอย่างได้พบคำสอนด้วยทำมาเยอะขาดอย่างเดียวคือฟังค่ะ
https://youtu.be/101cfbifuF4
:b13:
:b32: :b32:


มันมีแต่ชื่อ ก็เหมือนโรสนั่นแหละ มีแต่ชื่อ แต่ไม่มีสมาธิ ไม่เชื่อลองหลับตาจับลมหายใจเข้ากับลมหายใจออกดูสิ จิตมันจะอยู่ลมเข้า-ลมออกได้สักกี่กะพริบตา

หรือจะเอาแบบนี้ ลองไปหลับตาจับอาการพอง-กับยุบดูสิ จิตมันจะอยู่กับพองกับยุบได้สักกี่กะพริบตา ไปๆไปลองทำดู :b1:

Kiss
ใจเย็นๆค่อยๆไตร่ตรองว่าอะไรเป็นอะไร
จิตเห็นเป็นสภาพธรรมเดียวที่มีแสงสว่าง
รูปที่ปรากฏตอนลืมตาคือนิมิตอดีตสีค่ะ
แปลว่าจิตเห็น1ขณะมันดับตั้งนานแล้ว
เอาง่ายแค่หลับตารูปที่เห็นก็ไม่มีแล้ว
คิดเอาว่ายังอยู่ยังมีเหมือนเดิมแต่ว่า
ความจริงคือหลับตารู้สึกทางกาย
ได้ยินเสียงรู้รสรับสัมผัสแต่ไม่เห็น
แสดงว่าขาดอายตนะทางตาตอนหลับตา
เหลืออายตนะแค่5ทางทีนี้ไปนั่งทำสมาธิ
แล้วมโนเห็นโน่นนี่นั่นมันเป็นมิจฉาสมาธิ
แล้วพอนั่งแล้วไม่สงบเจ็บปวดเกิดโทสะ
พอนั่งได้สงบเบาสบายก็ติดอยากทำอีก
เพราะติดอันเก่าอยากได้สบายๆแบบเดิม
เป็นตัวเรากำหนดจดจ้องเพื่อบังคับให้ได้
แต่สภาพธรรมเกิดดับตามเหตุตามปัจจัย
เลือกให้เป็นไปตามต้องการไม่ได้ผิดทันที
จึงกลายเป็นมิจฉาสมาธิเพราะขณะทำสมาธิ
ไม่มีสภาธรรมอื่นๆเกิดร่วมด้วยเป็นความไม่รู้
ส่วนการมีขณิกสมาธิมันเป็นปกติที่จิตทุกดวงมี
และการปรุงแต่งจิตครบ6อายตนะมีความจริงให้
รับรู้ขณะกำลังระลึกตามคำสอนจริงๆปัญญารู้ชัด
แทรกเข้าได้ตอนที่เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรทันทีค่ะ
จึงเป็นสัมมาสมาธิเกิดตามหลังจากมิจฉาสมาธิไงคะ
ประมาทการฟังพระพุทธพจน์ไม่ได้เลยเพราะมีอวิชชาปิดบัง
:b12:
:b4: :b4:



ทุกที ถามไม่เคยได้คำตอบ คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2018, 20:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นี่สิชัดเลย

รูปภาพ


ทำสมาธิกันทำไม :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 29 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 140 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร