ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ดวงตาเห็นธรรม http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=56192 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 12 ก.ค. 2018, 07:11 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | ดวงตาเห็นธรรม | ||
ในภาพเป็นสถูปสวะยัมภูนาถตั้งอยู่บนยอดเขาห่างจากกรุงกาฐมาณฑุไปทางทิศตะวันตก ๓ กิโลเมตร ตัวสถูปตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆประมาณ ๗๗ เมตร เหนือระดับน้ำทะเลของหุบเขากาฐมาณฑุ จึงทำให้เห็นทิวทัศน์เหนือหุบเขาที่แสนงดงาม สถูปแห่งนี้เป็นสถูปที่เก่าแก่ที่สุดของเนปาล อีก ทั้งยังเป็นสถานที่ที่มีการผสมผสานระหว่างศาสนาพุทธกับฮินดู โดยองค์การยูเนสโกได้ทำการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี พ.ศ. ๒๕๒๒ ในจุดสำคัญที่นำมาเป็นHighlight คือดวงตาคู่นั้นท่านหมายถึง "ดวงตาเห็นธรรม" ที่เรามักจะได้ยินกันบ่อย หรืออาจเป็น"ธรรมจักษุ"ในบทสวดธรรมจักรกัปปวัตตนสูตร ดวงตาเห็นธรรม ซึ่งแปลจาก ธรรมจักษุ หมายถึง ความรู้เห็นตามความเป็นจริงด้วยปัญญาว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนี้นที้งหมดมีความดับเป็นธรรมดา ธรรมจักษุโดยทั่วไปจะเห็นในบทสวดธรรมจักร เช่น ที่เกิดขึ้นแก่ท่านโกณฑัญญะ เมื่อสดับธรรมจักร ได้โสดาปัตติมรรค หรือโสดาปัตติมรรคญาณ คือญาณที่ทำให้เป็นพระโสดาบัน
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 13 ก.ค. 2018, 08:49 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ดวงตาเห็นธรรม |
้เรามองให้ความเป็นธรรม อวิชชาไม่ใช่ว่าเขาจะไม่อยากรู้ ที่เราเรียนเราศึกษากันทุกวันนี้ก็เพราะอวิชชาเขาอยากรู้ อวิชชาเขาก็อยากมีปัญญาเหมือนกัน ก็เพราะว่าอวิชชามีความไม่รู้ มันมากจึงเข้าถึงปัญญาได้ยาก คนที่เรียนที่ศึกษาอยู่นั้นไม่ใช่คนมี ปัญญาเพราะความไม่รู้จึงเรียน วิชชาถ้าใครมีจึงได้เอามาแบ่งกัน ถ้าพูดตามหลักธรรมก็คือ อวิชชาเป็นปัจจัยให้วิชชาเกิด หรือ อกุศลเป็นปัจจัยให้กุศลเกิด |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |