ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
สนทนากับคุณ Rosarin เรื่องกิเลส กิเลส http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=56114 |
หน้า 3 จากทั้งหมด 4 |
เจ้าของ: | Rosarin [ 11 ก.ค. 2018, 23:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สนทนากับคุณ Rosarin เรื่องกิเลส กิเลส |
กบนอกกะลา เขียน: กบนอกกะลา เขียน: ผมไม่ได้มองว่า..โยมผิด..หรือพระถูก..แค่นำเสนอความคิด..มุมมองของผู้อื่นที่มีเท่านั้น... แม้คุณโรส..ว่าวิจารณ์คนที่บวช..หรือวิจารณ์เหม่าหมดพระ..กระผมก็ไม่เดือดร้อนไปด้วยหรอก..เพราะไม่ได้ตกนรกไปด้วย.. การวิจารณ์..หากใช้คำว่า..พระ..หรือ..นักบวช..ก็เท่ากับวิจารณ์พระหรือนักบวชทั้งหมด...เพราะไม่ได้เจาะจงบุคคล.. ยิ่ง..วิจารณ์ในที่สาธารณะ..ทำให้คนอื่นมีความรู้สึกถึงนักบวชหรือพระทั่วไปในแง่ลบ (ชอบรับเงิน...เป็นเซียงเมี่ยง..ฯลฯ)...ยิ่งหนักหนาสาหัสกว่าเดิม นี้ก็เพราะ..รู้ไม่ทัน..ไม่ทันจิตว่าเหตุใดต้องวิจารณ์..ไม่ทันจิตที่เก็บกด..ไม่ทันจิตที่ต้องการปกป้องสิ่งที่ตนรักสำนักที่ตนรัก...แนวทางที่ตนรัก..ฯ สรุป..คือรู้ไม่ทันกิเลสตน... แสดงว่า..ที่ฝึกมา..ยังใช้ไม่ได้ ผมเตือนเรื่องการพูด... เพราะการพูดของคุณโรส...พูดลอยๆ...เป็นการสร้างให้คนวาดระแวงนักบวช..นี้เท่ากับคุณโรสไปสร้างสัญญาบาปให้กับคนที่เห็นด้วยกับคุณโรส..ได้ ไปสร้างสัญญาประเภทระแวงนักบวชนี้...หากบังเอิญคนนั้นไปผัสสะกับอริยะสงฆ์เข้าแล้วสัญญาแบบนี้ผุดขึ้นมา."เซียงเมี่ยงรึเปล่า?"..."พระสงฆ์ปฏิบัติดีหรือเปล่าน่า?"..คิดดูซิจะบาปขนาดไหน... Rosarin เขียน: ไม่ทราบว่าผู้บวชสมัยนี้กลายเป็นเซียงเมี่ยงไปกันหมดแล้วหรือคะ กายน่ะค่ะบวชไม่ได้ค่ะการนุ่งห่มผ้ากาสาวพัตรน่ะค่ะต้องรู้ตัวว่า ตนประกาศออกนอกหน้าต่อสาธารณะว่าละอายที่มีกิเลสมาก เลยโกนหัวขออนุญาตปฏิญาณตนว่ามีความละอายชั่วมาก และเกรงกลัวกิเลสมากๆขอมาทำตามสิกขาบทเพื่อที่จะ เป็นที่เคารพกราบไหว้ของคนที่ไม่บวชแต่ทราบไหมคะ บวชเสร็จทำแบบชาวบ้านเหมือนชาวโลกเขาทำกันน่ะ มีความละอายบ้างไหมคะที่ขโมยห่มผ้ากาสาวพัตร ติดหนี้ไม่รู้กี่แสนโกฏิกัปป์เพราะต้องตกนรกก่อน ถึงจะมาเป็นเปรตอสุรกายเดรัจฉานอีกตั้งนาน ประมาทคำสอนแล้วที่ทำผิดโดยไม่ลาสิกขา ทำตามสิกขาบทไม่ได้น่ะมีแต่ชาวบ้านค่ะ ที่ไม่ตกนรกนะคะบวชมีเกินอัฏฐบริขาร กิเลสเพิ่มตามจำนวนที่เกิน8บริขารเลย คนสมัยเก่าก่อน...ใช้ระบบ.".ห้าม " ใว้ก่อน...เพื่อป้องกันลูกหลาน.. ดั่งเช่นสุภาษิตที่ว่า.."ชั่วชั่งชี..ดีชั่งสงฆ์" เป็นต้น...เพราะผู้ยังไม่ได้ศึกษาพระธรรม ย่อมไม่ทันจิตอกุศล...เผลอไผล่ทำบาปกรรมได้ง่าย..และเป็นกรรมหนักซะด้วย... การสร้างสัญญาในแง่ลบต่อนักบวชในที่สาธารณะ...นั้น..ยิ่งเป็นการวิจารณ์แบบหว่านแห่..นี้...ร้ายแรงถึงขั้นทำลายสงฆ์..ได้เลยนะ..ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ.. นักบวช..ก็คือนักบวช...ก็มาจากคนธรรมดาเราเรานี้แหละ...ผิด..ผลาด..ผลั่งเผลออะไรไปบ้าง..ก็เป็นหน้าที่ของอุปัชฌาย์อาจารย์ของเขาจะสั่งสอนเอง... จำใว้..ว่า..ศีล5ศีล8...ไม่มีหน้าที่สอนศีล227 นอกจากนี้...ยังมีความเห็นของคุณโรส..ที่แสดงถึงความรู้ไม่รอบ...ไม่รอบรู้...ไม่รู้ว่าถูกสอนมาหรือว่านึกคิดเอง...นะ ดั่งเช่นที่คุณโรสว่า.. Rosarin เขียน: ภิกษุณีไม่มีก็ได้ดังนั้นภิกษุก็ไม่มีได้อยู่แล้วใครจะกราบโจรปล้นคำสอน พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาทรงประกาศศาสนาคือพระธรรมคำสอน และทรงยกพระธรรมและพระวินัยเป็นศาสดาแทนพระองค์ ศาสดาคือพระธรรม...ศาสนาคือคำสอน...พระธรรมคำสอน ก็คือพระพุทธเจ้าเมื่อไม่เคารพศาสดาจึงทำผิดพระธรรมวินัย แสดงว่าภิกษณีทำตามสิกขาบทไม่ได้จึงไม่บวชไงคะแล้วเนี่ย ภิกษุน่ะทำผิดคือทำตามสิกขาบทไม่ได้ก็ลาสิกขาออกมาสิคะ แล้วจะเปลี่ยนแปลงคำสอนเพื่อให้ตามใจกิเลสตนเองจะตกนรก แค่นี้ผู้ชายยังเกิดน้อยลงไม่พอหรือไงคะคำสอนไม่ห้ามลาสิกขา ล่วงสิกขาบทศีลขาดทะลุแล้วยังไม่สำนึกทำเป็นการประจำผิดไหม อันนี้..ไม่รู้ขนานหนัก...ไม่รู้ว่า...พระพุทธศาสนาจะอยู่ได้ครบอายุ...ต้องมีครบ.. เน้นนะครับ...ต้องมีครบ..พระพุทธ..พระธรรม..พระสงฆ์ ภิกษุณี..ภิกษุ..ต่างก็เป็นสงฆ์สาวกเหมือนกัน..จะเหลือแค่ภิกษุ..ก็ถือว่า..มีสงฆ์.แม้จะเหลือสัญญาลักษณ์แค่ติ่งหู...ก็ถือว่า..มี ไม่ใช่เป็นแค่สัญญาลักษณ์..นะ มันมีอะไรอะไรในนั้น..ไม่ใช่เพียงแค่หลักการเหตุผลที่ว่า..ศึกษาพระธรรมคำสอนแล้วมาสอนชาวบ้าน..เท่านั้น นี้แหละ..ที่ว่าไม่รู้ขนานหนัก...จึงพูดออกมาว่า.. "ภิกษุณีไม่มีก็ได้ดังนั้นภิกษุก็ไม่มีได้อยู่แล้วใครจะกราบโจรปล้นคำสอน" เป็นอนัตตริยกรรม...ได้เลย..ทำลายสงฆ์(จากใจคนที่หลงเชื่อตาม) อย่าพูดแบบคะนองปากเลยคุณโรส...ไม่รู้ขนาดหนักอย่างนี้...ยิ่งพูดยิ่งเข้าตัว.. ที่พูดมา...กิเลส..มานะ..อวิชชา..ของตัวเองทั้งนั้น อ้างคำพูด: สรุป..คือรู้ไม่ทันกิเลสตน... แสดงว่า..ที่ฝึกมา..ยังใช้ไม่ได้ คิดให้ตรงด้วยความวางใจเป็นกลางๆ สาวกแปลว่าผู้ฟังคำสอนเข้าใจค่ะ เป็นสาวกของพระพุทธเจ้านะคะ ต้องฟังคำสอนและประพฤติตามได้ ถ้าไม่เคยฟังคำสอนเลยฟังคือจิตได้ยินถูกไหมคะ สาวกเนี่ยมีอยู่4เหล่า2ประเภทแม่ชีไม่ใช่นักบวช และศีลคือความประพฤติของจิตตามการสะสม ของจิตเจตสิกรูปนิพพานตรงทุกขณะจิตด้วย คือตรงปัจจุบันขณะตามกิเลสของผู้ไม่รู้และ ตามปัญญาของผู้รู้คือผู้ที่ระลึกรู้ตามคำสอน ตรงความจริงที่กำลังมีและรู้ว่าตนกำลังสะสม ตัวธัมมะใดตรงสัจจะที่กายใจตนกำลังมีค่ะ ไม่ใช่มีตัวตนคิดแยกออกไปต่างหากเพื่อ ทำให้ไม่มีตัวตนเพราะไม่เคยฟังเข้าใจ จึงไม่มีการรับรู้ว่าตัวตนไม่มีอยู่แล้ว เพราะสภาพธรรมที่รู้ผ่านอายตนะ6 เดี๋ยวนี้เลยกำลังเกิดดับตรงเหตุปัจจัย มัวแต่ไปทำหลับตาไม่รู้ไม่ชี้ตามๆกันค่ะ ไม่มีกาลามสูตร10เพราะไม่ใช้ปัญญาตน ไตร่ตรองตามคำสอนให้เข้าใจก่อนไปทำ เพราะที่ไปทำตามๆกันอยู่นั้นน่ะอยากรู้ใช่ไหม แต่ตถาคตตรัสรู้ด้วยทศพลญาณไม่มีใครรู้ได้ เพราะผู้ที่จะรู้ได้คือผู้มีทศพลญาณพระองค์ต่อไป ซึ่งถูกกำหนดไว้แล้วและผู้มีปัญญาเป็นอัครสาวกมี1คน และคนที่ยังเกิดอยู่ปัญญาลดลงเรื่อยๆเพราะปฏิบัติ ไม่ตรงตามคำสอนเหมือนครั้งพุทธกาลและการฟังธรรม และการสนทนาธรรมเป็นมงคลชีวิตดูในมงคล38นะคะ ถ้าไม่ฟังพระธรรมที่เป็นพระพุทธพจน์ของแท้ปัญญาก็ไม่เกิดค่ะ เพราะคำสอนตรงมากและต้องเรียนจากการฟังเพื่อคิดถูกตามตรงขณะ แล้วที่กล่าวว่ากะพริบตาไม่ทันแปลว่าสะสมอวิชชาแล้วน่ะค่ะขั้นฟัง ยังเข้าใจถูกตามได้เลยแล้วทำไมจะต้องไปทำหลับตาไม่รู้เพิ่มขึ้น เพราะต้องการไปทำสิ่งที่ตนไม่มีคือฌานจิตถูกไหมคะแล้วทำไม ไม่ไตร่ตรองล่ะคะความจริงต้องรู้ผ่านที่ประชุมรวมกันเดี๋ยวนี้ เพราะทรงแสดงว่ารู้ปัจจุบัน(อดีตและอนาคตรู้ไม่ได้)ก็ที่กะพริบตา คืออนาคตของจิตเห็นแล้วนี่คะมันก็ไม่ทันความจริงตรงขณะแล้วถูกไหมคะ ทรงแสดงความจริงให้เข้าใจถูกตามได้ตรงขณะที่ยังไม่ดับและผู้มีปัญญา ที่ได้เคยสะสมมาแล้วพอฟังรู้ได้ทันทีว่าเป็นคำจริงของตถาคตเพราะ กาลามสูตร10ใช้ตอนกำลังฟังไม่ว่าจะฟังใครพูดก็ตามตถาคตตรัสไว้ว่า คำของตถาคตถึงจะพูดตามได้ทุกคำถ้าไม่ทำให้รู้ความจริงตรงขณะ นั่นไม่ใช่คำของเราตถาคตส่วนใครก็ตามที่กล่าวคำจริงให้ผู้อื่นเข้าใจ ความจริงที่กำลังปรากฏตรงตามที่กำลังฟังตามเป็นจริงคือคำจริงของตถาคต ถ้ามีคนมาคอยเตือนเนี่ยเขาเรียกบุญที่ตนทำมาปรากฏเป็นนิมิตคอยเตือนให้ฟังไม่มีคนเข้าใจไหมคะ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 12 ก.ค. 2018, 02:37 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สนทนากับคุณ Rosarin เรื่องกิเลส กิเลส |
เพิ่มเติมคำว่าชั่วช่างชีดีช่างสงฆ์ให้กบนอกกะลาเข้าใจหน่อยนะคะ ถ้าไม่ฟังคำสอนและไม่ประพฤติตามธรรมวินัยก็ไม่ใช่ภิกษุในธรรมวินัย และแม่ชีก็คืออุบาสิกาดีๆนี่เองไปนอนวัดผิดไหมเมื่อไม่เข้าใจธรรมวินัยอ่ะ คนที่ไม่เข้าใจความจริงไม่มีใครเขาพูดอย่างเราพูดหลอกนะเพราะเข้าใจว่า พระพุทธศาสนาคือคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่เคยเสื่อมแต่จิตผู้ไม่รู้ที่เสื่อมไป จากพระธรรมคือไม่เข้าใจคำสอนจึงไม่รู้ว่าชั่วแล้วตั้งแต่มีความไม่รู้แม้เพียงเล็กน้อย ละชั่วไม่ได้เลยถ้าไม่เคยได้ฌานมาก่อนแล้วมาได้ฟังคำจริงของตถาคตก็คงใบ้บอดหนวก ถ้าไม่เข้าใจสภาวธรรมทั้ง2คือฌานและญาณว่าทำต่างกันอย่างไรก็คงไม่พยายามมาบอกกัน ก็อ่านดูเก่าๆที่โพสต์มาสิคะว่าอันเก่าน่ะทำด้วยความไม่รู้ความจริงตามคำสอนเมื่อรู้แล้วมันเฉยไม่ได้ ก็เห็นๆอยู่ว่าผู้ทำลายคำสอนคือนักบวชในพระพุทธศาสนานี่จะให้ว่ายังไงดีคะทำไม่ได้ก็ลาสิกขาสิคะ คำสอนยังสมบูรณ์ครบถ้วนกล้าคิดจะเปลี่ยนแปลงหรือคะดูชัดนะยุคพันปี3ไม่มีพระอรหันต์บวชรับเงิน ปิดกั้นมรรคผลนิพพานตายคาผ้าเหลืองไปอบายภูมิคือต้องตกนรกไม่มีทางเป็นอย่างอื่นนอกเหนือจากนี้ ตถาคตตรัสคำใดคำนั้นเปลี่ยนแปลงไม่ได้อ่านตรงนี้สวากขาตธรรมตรัสไว้ชอบแล้วแปลว่าเปลี่ยนไม่ได้ เพราะเป็นทศพลญาณเข้าใจไหมเกิดจากตรัสรู้จึงบัญญัติคำต่างๆมาให้ได้ศึกษาลืมตัวไหมที่คิดจะเปลี่ยน |
เจ้าของ: | Rosarin [ 12 ก.ค. 2018, 02:50 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สนทนากับคุณ Rosarin เรื่องกิเลส กิเลส |
ฟังพระพุทธพจน์ถ้าเคารพพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าสูงสุด พระรัตนตรัยมีครบถ้วนสมบูรณ์อยู่บริบูรณ์ดีเพราะพระธรรมวินัยแทนศาสดา พระพุทธศาสนาคือพระรัตนตรัย1พระพุทธรัตนะ2พระธรรมรัตนะ3พระสังฆรัตนะ คือพระศาสดาทรงยกคำสอนแทนพระองค์ไม่ใช่ตัวบุคคลเข้าใจไหมฟังเข้าใจคือเคารพคำสอนค่ะ ในเมื่อบวชทำผิดไม่ละอายและไม่เกรงกลัวบาปก็ต้องประกาศตามคำสอนบอกทางแก่คนหลงทางผิดหรือคะ |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 12 ก.ค. 2018, 03:46 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สนทนากับคุณ Rosarin เรื่องกิเลส กิเลส |
ผมเตือนคุณโรสเรื่องการพูดที่ขาดความรู้..อันจะเป็นการทำลายสงฆ์โดยความคึกคะนอง...โดยความหยิ่งทนงตน...หวังว่าจะมีสตินะ กบนอกกะลา เขียน: กบนอกกะลา เขียน: ผมไม่ได้มองว่า..โยมผิด..หรือพระถูก..แค่นำเสนอความคิด..มุมมองของผู้อื่นที่มีเท่านั้น... แม้คุณโรส..ว่าวิจารณ์คนที่บวช..หรือวิจารณ์เหม่าหมดพระ..กระผมก็ไม่เดือดร้อนไปด้วยหรอก..เพราะไม่ได้ตกนรกไปด้วย.. การวิจารณ์..หากใช้คำว่า..พระ..หรือ..นักบวช..ก็เท่ากับวิจารณ์พระหรือนักบวชทั้งหมด...เพราะไม่ได้เจาะจงบุคคล.. ยิ่ง..วิจารณ์ในที่สาธารณะ..ทำให้คนอื่นมีความรู้สึกถึงนักบวชหรือพระทั่วไปในแง่ลบ (ชอบรับเงิน...เป็นเซียงเมี่ยง..ฯลฯ)...ยิ่งหนักหนาสาหัสกว่าเดิม นี้ก็เพราะ..รู้ไม่ทัน..ไม่ทันจิตว่าเหตุใดต้องวิจารณ์..ไม่ทันจิตที่เก็บกด..ไม่ทันจิตที่ต้องการปกป้องสิ่งที่ตนรักสำนักที่ตนรัก...แนวทางที่ตนรัก..ฯ สรุป..คือรู้ไม่ทันกิเลสตน... แสดงว่า..ที่ฝึกมา..ยังใช้ไม่ได้ ผมเตือนเรื่องการพูด... เพราะการพูดของคุณโรส...พูดลอยๆ...เป็นการสร้างให้คนวาดระแวงนักบวช..นี้เท่ากับคุณโรสไปสร้างสัญญาบาปให้กับคนที่เห็นด้วยกับคุณโรส..ได้ ไปสร้างสัญญาประเภทระแวงนักบวชนี้...หากบังเอิญคนนั้นไปผัสสะกับอริยะสงฆ์เข้าแล้วสัญญาแบบนี้ผุดขึ้นมา."เซียงเมี่ยงรึเปล่า?"..."พระสงฆ์ปฏิบัติดีหรือเปล่าน่า?"..คิดดูซิจะบาปขนาดไหน... Rosarin เขียน: ไม่ทราบว่าผู้บวชสมัยนี้กลายเป็นเซียงเมี่ยงไปกันหมดแล้วหรือคะ กายน่ะค่ะบวชไม่ได้ค่ะการนุ่งห่มผ้ากาสาวพัตรน่ะค่ะต้องรู้ตัวว่า ตนประกาศออกนอกหน้าต่อสาธารณะว่าละอายที่มีกิเลสมาก เลยโกนหัวขออนุญาตปฏิญาณตนว่ามีความละอายชั่วมาก และเกรงกลัวกิเลสมากๆขอมาทำตามสิกขาบทเพื่อที่จะ เป็นที่เคารพกราบไหว้ของคนที่ไม่บวชแต่ทราบไหมคะ บวชเสร็จทำแบบชาวบ้านเหมือนชาวโลกเขาทำกันน่ะ มีความละอายบ้างไหมคะที่ขโมยห่มผ้ากาสาวพัตร ติดหนี้ไม่รู้กี่แสนโกฏิกัปป์เพราะต้องตกนรกก่อน ถึงจะมาเป็นเปรตอสุรกายเดรัจฉานอีกตั้งนาน ประมาทคำสอนแล้วที่ทำผิดโดยไม่ลาสิกขา ทำตามสิกขาบทไม่ได้น่ะมีแต่ชาวบ้านค่ะ ที่ไม่ตกนรกนะคะบวชมีเกินอัฏฐบริขาร กิเลสเพิ่มตามจำนวนที่เกิน8บริขารเลย คนสมัยเก่าก่อน...ใช้ระบบ.".ห้าม " ใว้ก่อน...เพื่อป้องกันลูกหลาน.. ดั่งเช่นสุภาษิตที่ว่า.."ชั่วชั่งชี..ดีชั่งสงฆ์" เป็นต้น...เพราะผู้ยังไม่ได้ศึกษาพระธรรม ย่อมไม่ทันจิตอกุศล...เผลอไผล่ทำบาปกรรมได้ง่าย..และเป็นกรรมหนักซะด้วย... การสร้างสัญญาในแง่ลบต่อนักบวชในที่สาธารณะ...นั้น..ยิ่งเป็นการวิจารณ์แบบหว่านแห่..นี้...ร้ายแรงถึงขั้นทำลายสงฆ์..ได้เลยนะ..ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ.. นักบวช..ก็คือนักบวช...ก็มาจากคนธรรมดาเราเรานี้แหละ...ผิด..ผลาด..ผลั่งเผลออะไรไปบ้าง..ก็เป็นหน้าที่ของอุปัชฌาย์อาจารย์ของเขาจะสั่งสอนเอง... จำใว้..ว่า..ศีล5ศีล8...ไม่มีหน้าที่สอนศีล227 นอกจากนี้...ยังมีความเห็นของคุณโรส..ที่แสดงถึงความรู้ไม่รอบ...ไม่รอบรู้...ไม่รู้ว่าถูกสอนมาหรือว่านึกคิดเอง...นะ ดั่งเช่นที่คุณโรสว่า.. Rosarin เขียน: ภิกษุณีไม่มีก็ได้ดังนั้นภิกษุก็ไม่มีได้อยู่แล้วใครจะกราบโจรปล้นคำสอน พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาทรงประกาศศาสนาคือพระธรรมคำสอน และทรงยกพระธรรมและพระวินัยเป็นศาสดาแทนพระองค์ ศาสดาคือพระธรรม...ศาสนาคือคำสอน...พระธรรมคำสอน ก็คือพระพุทธเจ้าเมื่อไม่เคารพศาสดาจึงทำผิดพระธรรมวินัย แสดงว่าภิกษณีทำตามสิกขาบทไม่ได้จึงไม่บวชไงคะแล้วเนี่ย ภิกษุน่ะทำผิดคือทำตามสิกขาบทไม่ได้ก็ลาสิกขาออกมาสิคะ แล้วจะเปลี่ยนแปลงคำสอนเพื่อให้ตามใจกิเลสตนเองจะตกนรก แค่นี้ผู้ชายยังเกิดน้อยลงไม่พอหรือไงคะคำสอนไม่ห้ามลาสิกขา ล่วงสิกขาบทศีลขาดทะลุแล้วยังไม่สำนึกทำเป็นการประจำผิดไหม อันนี้..ไม่รู้ขนานหนัก...ไม่รู้ว่า...พระพุทธศาสนาจะอยู่ได้ครบอายุ...ต้องมีครบ.. เน้นนะครับ...ต้องมีครบ..พระพุทธ..พระธรรม..พระสงฆ์ ภิกษุณี..ภิกษุ..ต่างก็เป็นสงฆ์สาวกเหมือนกัน..จะเหลือแค่ภิกษุ..ก็ถือว่า..มีสงฆ์.แม้จะเหลือสัญญาลักษณ์แค่ติ่งหู...ก็ถือว่า..มี ไม่ใช่เป็นแค่สัญญาลักษณ์..นะ มันมีอะไรอะไรในนั้น..ไม่ใช่เพียงแค่หลักการเหตุผลที่ว่า..ศึกษาพระธรรมคำสอนแล้วมาสอนชาวบ้าน..เท่านั้น นี้แหละ..ที่ว่าไม่รู้ขนานหนัก...จึงพูดออกมาว่า.. "ภิกษุณีไม่มีก็ได้ดังนั้นภิกษุก็ไม่มีได้อยู่แล้วใครจะกราบโจรปล้นคำสอน" เป็นอนัตตริยกรรม...ได้เลย..ทำลายสงฆ์(จากใจคนที่หลงเชื่อตาม) อย่าพูดแบบคะนองปากเลยคุณโรส...ไม่รู้ขนาดหนักอย่างนี้...ยิ่งพูดยิ่งเข้าตัว.. ที่พูดมา...กิเลส..มานะ..อวิชชา..ของตัวเองทั้งนั้น อ้างคำพูด: สรุป..คือรู้ไม่ทันกิเลสตน... แสดงว่า..ที่ฝึกมา..ยังใช้ไม่ได้ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 12 ก.ค. 2018, 04:08 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สนทนากับคุณ Rosarin เรื่องกิเลส กิเลส |
ทุกคนต่างมีกรรมเป็นของตนมีกรรมเป็นที่ไปแตกต่างกันตามการกระทำนั่นแหละค่ะ ถ้าสมมุติทำไม่ถูกแล้วความจริงจะทำถูกได้ยังไงคะถ้าไม่รับผิดชอบส่วนรวมร่วมกัน สร้างวัดเริ่มมาจากผู้บวชตั้งวัดเพื่อยศเพื่อลาภได้เป็นเจ้าอาวาสแล้วก็ก่อสร้างกวนเงิน สร้างวัตถุใหญ่โตมโหฬารแล้วก็บอกพระพุทธศาสนาเจริญมันเสื่อมแล้วไม่เจริญที่จิตก็ไม่รู้ สมมุติก็แค่สมมุติความจริงเปิดเผยตลอดเวลาแต่ไม่สนใจเทียบสิ่งที่เห็นกับตำราตามเป็นจริง ไม่ชัดก็เอาใหม่รูปปรมัตถ์มี28รูปไม่มีรูปนั่งรูปยืนรูปเดินรูปนอนแล้วสอนอัตตาให้ยืนเดินนั่งนอนผิดไหม คิดออกไหมก็ที่ชวนกันไปนัุ่งหลับตาทำไม่รู้ความจริงของจิตเห็นน่ะต้องตื่นรู้ตามปกติคิดตามเป็นปกติค่ะ ดูสิ่งแวดล้อมรอบตัวสิเวลาได้ยินเสียงรู้กลิ่นรู้รสสัมผัสคิดนึกจะมืดจะมีแสงสว่างแค่ตอนที่มีสิ่งกระทบตาดับ แล้วก็มืดสนิทเพราะสว่างที่ต้องใช้ทำผู้รู้คือตื่นรู้มีตอนลืมตาดูปกติตอนกำลังฟังคำสอนแล้วคิดถูกตามเสียง ขอโทษนะคะรูปปรมัตถสัจจะที่ต้องตามรู้ตรงขณะก่อนดับคือวิสยรูป7ไม่มีคำว่าพระสงฆ์คนเงินวัดโบสถ์กุฏิ แล้วหลงผิดจนใหญ่โตแล้วกำลังคิดก่อการเปลี่ยนแปลงคำสอนให้รับเงินได้คิดดูสิกิเลสใครสนใจฟังบ้างนะ ชาวบ้านเขาก็คิดเป็นไม่ได้โง่และมีตากันทุกคนและหูก็ไม่หนวกความจริงที่ปิดกันให้แซดมีทุกพื้นที่โลกเลย เอาบาตรไปรับบิณฑบาตเงินจากชาวต่างชาติเขาไม่รู้เขาก็ใส่คนที่รู้เลิกคลุกคลีกับพระเพราะมันผิดวินัย555 |
เจ้าของ: | Rosarin [ 12 ก.ค. 2018, 06:37 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สนทนากับคุณ Rosarin เรื่องกิเลส กิเลส |
Rosarin เขียน: Kiss ฟังพระพุทธพจน์ถ้าเคารพพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าสูงสุด พระรัตนตรัยมีครบถ้วนสมบูรณ์อยู่บริบูรณ์ดีเพราะพระธรรมวินัยแทนศาสดา พระพุทธศาสนาคือพระรัตนตรัย1พระพุทธรัตนะ2พระธรรมรัตนะ3พระสังฆรัตนะ คือพระศาสดาทรงยกคำสอนแทนพระองค์ไม่ใช่ตัวบุคคลเข้าใจไหมฟังเข้าใจคือเคารพคำสอนค่ะ ในเมื่อบวชทำผิดไม่ละอายและไม่เกรงกลัวบาปก็ต้องประกาศตามคำสอนบอกทางแก่คนหลงทางผิดหรือคะ มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา มีเว็บไซต์ที่ไป่ตู้ของประเทศจีนคือกูเกิ้ลจีน เผยแพร่คำสอนเป็นภาษาจีนคนจีนเขารู้ เขาบอกว่าพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท ในไทยกำลังเสื่อมและวิกฤติอย่างหนักมาก ถ้าพระสงฆ์ไทยไม่ปฏิรูปตนเองตามคำสอน พิจารณาไตร่ตรองสิคะพระวัดไหนบ้างที่ใช้เงิน เป็นภิกษุในธรรมวินัยมีได้แค่อัฏบริขารคือบริขาร8 มีหน้าที่ทำคันถะธุระและวิปัสสนาธุระเกินนั้นทำตามกิเลสค่ะ |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 12 ก.ค. 2018, 07:05 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สนทนากับคุณ Rosarin เรื่องกิเลส กิเลส |
บทสรุป... อ้างคำพูด: สรุป..คือรู้ไม่ทันกิเลสตน...
แสดงว่า..ที่ฝึกมา..ยังใช้ไม่ได้ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 12 ก.ค. 2018, 08:31 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สนทนากับคุณ Rosarin เรื่องกิเลส กิเลส |
กบนอกกะลา เขียน: บทสรุป... อ้างคำพูด: สรุป..คือรู้ไม่ทันกิเลสตน... แสดงว่า..ที่ฝึกมา..ยังใช้ไม่ได้ คนที่ไม่รู้จักกิเลสนะคะถึงไม่กล้าประกาศน่ะ ล่วงสิกขาบทคืออาบัติทุกชนิดคือผู้ทุศีลค่ะ ยังไม่ปลงอาบัติก็คือปลอมบวชเป็นมิจฉา คนเขากราบน่ะกราบพระรัตนตรัยนะคะ การไม่ปลงอาบัติโดยยังประกาศตัวน่ะ ที่นุ่งห่มจีวรโกนหัวแล้วนะแต่อาบัติ ไม่กระทำคืนคือมุสาชาวบ้านนะคะ ศีลไม่ครบคือทุศีลนับข้อหรือคะ คำว่าทุศีลแปลว่าขาดจากพระ แม้เพียงเล็กน้อยก็โทษมาก ทำไม่ได้ก็ต้องรู้ตัวเองค่ะ ผู้รู้ตามคำสอนเขารู้ตัว ว่ากำลังทำอะไรและ การประกาศเปิดเผย ตามคำสอนทำให้ คำสอนรุ่งเรือง สว่างไสวมอง เห็นกิเลสตน และรู้ว่าผู้บวชมีกิเลสขนาดไหนนะคะ แสดงว่ากบนอกกะลาไม่รู้จักกิเลสตนเอง แล้วจะแก้กิเลสยังไงคะในเมื่อมองกิเลสไม่ออก ปฏิญาณตนขอบวชคือสาบานว่าทำได้เข้าใจไหมคะ มีข้อห้ามเมื่อขอบวชต้องทำตามสิกขาบทไม่มีข้อห้ามลาสิกขานะคะ |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 12 ก.ค. 2018, 09:07 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สนทนากับคุณ Rosarin เรื่องกิเลส กิเลส |
Rosarin เขียน: กบนอกกะลา เขียน: บทสรุป... อ้างคำพูด: สรุป..คือรู้ไม่ทันกิเลสตน... แสดงว่า..ที่ฝึกมา..ยังใช้ไม่ได้ คนที่ไม่รู้จักกิเลสนะคะถึงไม่กล้าประกาศน่ะ ล่วงสิกขาบทคืออาบัติทุกชนิดคือผู้ทุศีลค่ะ ยังไม่ปลงอาบัติก็คือปลอมบวชเป็นมิจฉา คนเขากราบน่ะกราบพระรัตนตรัยนะคะ การไม่ปลงอาบัติโดยยังประกาศตัวน่ะ ที่นุ่งห่มจีวรโกนหัวแล้วนะแต่อาบัติ ไม่กระทำคืนคือมุสาชาวบ้านนะคะ ศีลไม่ครบคือทุศีลนับข้อหรือคะ คำว่าทุศีลแปลว่าขาดจากพระ แม้เพียงเล็กน้อยก็โทษมาก ทำไม่ได้ก็ต้องรู้ตัวเองค่ะ ผู้รู้ตามคำสอนเขารู้ตัว ว่ากำลังทำอะไรและ การประกาศเปิดเผย ตามคำสอนทำให้ คำสอนรุ่งเรือง สว่างไสวมอง เห็นกิเลสตน และรู้ว่าผู้บวชมีกิเลสขนาดไหนนะคะ แสดงว่ากบนอกกะลาไม่รู้จักกิเลสตนเอง แล้วจะแก้กิเลสยังไงคะในเมื่อมองกิเลสไม่ออก ปฏิญาณตนขอบวชคือสาบานว่าทำได้เข้าใจไหมคะ มีข้อห้ามเมื่อขอบวชต้องทำตามสิกขาบทไม่มีข้อห้ามลาสิกขานะคะ ยิ่งพูด..ก็ยิ่งตอกย้ำ...ความไม่ทัน..ของตน..นะคุณโรส อ้างคำพูด: สรุป..คือรู้ไม่ทันกิเลสตน...
แสดงว่า..ที่ฝึกมา..ยังใช้ไม่ได้ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 12 ก.ค. 2018, 12:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สนทนากับคุณ Rosarin เรื่องกิเลส กิเลส |
กบนอกกะลา เขียน: Rosarin เขียน: กบนอกกะลา เขียน: บทสรุป... อ้างคำพูด: สรุป..คือรู้ไม่ทันกิเลสตน... แสดงว่า..ที่ฝึกมา..ยังใช้ไม่ได้ คนที่ไม่รู้จักกิเลสนะคะถึงไม่กล้าประกาศน่ะ ล่วงสิกขาบทคืออาบัติทุกชนิดคือผู้ทุศีลค่ะ ยังไม่ปลงอาบัติก็คือปลอมบวชเป็นมิจฉา คนเขากราบน่ะกราบพระรัตนตรัยนะคะ การไม่ปลงอาบัติโดยยังประกาศตัวน่ะ ที่นุ่งห่มจีวรโกนหัวแล้วนะแต่อาบัติ ไม่กระทำคืนคือมุสาชาวบ้านนะคะ ศีลไม่ครบคือทุศีลนับข้อหรือคะ คำว่าทุศีลแปลว่าขาดจากพระ แม้เพียงเล็กน้อยก็โทษมาก ทำไม่ได้ก็ต้องรู้ตัวเองค่ะ ผู้รู้ตามคำสอนเขารู้ตัว ว่ากำลังทำอะไรและ การประกาศเปิดเผย ตามคำสอนทำให้ คำสอนรุ่งเรือง สว่างไสวมอง เห็นกิเลสตน และรู้ว่าผู้บวชมีกิเลสขนาดไหนนะคะ แสดงว่ากบนอกกะลาไม่รู้จักกิเลสตนเอง แล้วจะแก้กิเลสยังไงคะในเมื่อมองกิเลสไม่ออก ปฏิญาณตนขอบวชคือสาบานว่าทำได้เข้าใจไหมคะ มีข้อห้ามเมื่อขอบวชต้องทำตามสิกขาบทไม่มีข้อห้ามลาสิกขานะคะ ยิ่งพูด..ก็ยิ่งตอกย้ำ...ความไม่ทัน..ของตน..นะคุณโรส อ้างคำพูด: สรุป..คือรู้ไม่ทันกิเลสตน... แสดงว่า..ที่ฝึกมา..ยังใช้ไม่ได้ คุณกบนอกกะลาคะถ้าเราบอกท่านว่าเราถึงวิสยรูป7ตรงขณะทุกขณะจะเชื่อเลยไหมคะ จะถามไหมคะว่าถึงได้ยังไงตอบให้ก็บอกว่าฝึกระลึกตามวิสยรูป7มาแต่7ปีที่แล้วนะคะ พร้อมกับฟังพระพุทธพจน์จากรายการบ้านธัมมะที่เขาสนทนาคำในพระไตรปิฎกไปด้วยค่ะ จากไม่มีความรู้เรื่องจิตเจตสิกรูปนิพพานเลยจนเข้าใจถูกตรงตัวธัมมะจริงๆไปด้วยช้าจนเร็วขึ้น จนรู้สึกตัวทั่วพร้อมทุกขณะจากการฟีงพระพุทธพจน์ตรงคำตรงขณะจึงกล่าวถึงกะพริบตาคือ ความจริงที่ทันทุกขณะมันก็รู้สิ่งที่กำลังปรากฏครบ6ทางอายตนะทั่วตัวเร็วทั่วตัวจะให้ว่ายังไงคะ เข้าใจไหมคะคำสอนแทนศาสดาและศาสนาแปลว่าคำสอนดังนั้นศาสดาคือศาสนาคือพระรัตนตรัยค่ะ เคารพศาสดาได้ด้วยการฟังคำสอนอย่างตั้งใจเรียนความจริงที่กายใจไปด้วยคือมีความจริงให้ดูทันที ไม่ต้องไปไหนเพราะการฟังคือกุศลสูงสุดที่ประกอบด้วยปัญญามีที่พึ่งคือกัลยาณมิตรสูงสุดคือคำสอน เพราะกำลังคิดไตร่ตรองตามคำสอนตรงความจริงที่กำลังมีแล้วเข้าใจสิ่งที่กำลังมีตรงตามที่กำลังฟังคือ พึ่งพระรัตนตรัยคือคำสอนเพื่อระลึกตามเป็นจริงให้คิดเห็นถูกตามได้จนเกิดปัญญาตนรู้ชัดตรงตามได้ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 12 ก.ค. 2018, 12:36 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สนทนากับคุณ Rosarin เรื่องกิเลส กิเลส |
Rosarin เขียน: กบนอกกะลา เขียน: Rosarin เขียน: กบนอกกะลา เขียน: บทสรุป... อ้างคำพูด: สรุป..คือรู้ไม่ทันกิเลสตน... แสดงว่า..ที่ฝึกมา..ยังใช้ไม่ได้ คนที่ไม่รู้จักกิเลสนะคะถึงไม่กล้าประกาศน่ะ ล่วงสิกขาบทคืออาบัติทุกชนิดคือผู้ทุศีลค่ะ ยังไม่ปลงอาบัติก็คือปลอมบวชเป็นมิจฉา คนเขากราบน่ะกราบพระรัตนตรัยนะคะ การไม่ปลงอาบัติโดยยังประกาศตัวน่ะ ที่นุ่งห่มจีวรโกนหัวแล้วนะแต่อาบัติ ไม่กระทำคืนคือมุสาชาวบ้านนะคะ ศีลไม่ครบคือทุศีลนับข้อหรือคะ คำว่าทุศีลแปลว่าขาดจากพระ แม้เพียงเล็กน้อยก็โทษมาก ทำไม่ได้ก็ต้องรู้ตัวเองค่ะ ผู้รู้ตามคำสอนเขารู้ตัว ว่ากำลังทำอะไรและ การประกาศเปิดเผย ตามคำสอนทำให้ คำสอนรุ่งเรือง สว่างไสวมอง เห็นกิเลสตน และรู้ว่าผู้บวชมีกิเลสขนาดไหนนะคะ แสดงว่ากบนอกกะลาไม่รู้จักกิเลสตนเอง แล้วจะแก้กิเลสยังไงคะในเมื่อมองกิเลสไม่ออก ปฏิญาณตนขอบวชคือสาบานว่าทำได้เข้าใจไหมคะ มีข้อห้ามเมื่อขอบวชต้องทำตามสิกขาบทไม่มีข้อห้ามลาสิกขานะคะ ยิ่งพูด..ก็ยิ่งตอกย้ำ...ความไม่ทัน..ของตน..นะคุณโรส อ้างคำพูด: สรุป..คือรู้ไม่ทันกิเลสตน... แสดงว่า..ที่ฝึกมา..ยังใช้ไม่ได้ คุณกบนอกกะลาคะถ้าเราบอกท่านว่าเราถึงวิสยรูป7ตรงขณะทุกขณะจะเชื่อเลยไหมคะ จะถามไหมคะว่าถึงได้ยังไงตอบให้ก็บอกว่าฝึกระลึกตามวิสยรูป7มาแต่7ปีที่แล้วนะคะ พร้อมกับฟังพระพุทธพจน์จากรายการบ้านธัมมะที่เขาสนทนาคำในพระไตรปิฎกไปด้วยค่ะ จากไม่มีความรู้เรื่องจิตเจตสิกรูปนิพพานเลยจนเข้าใจถูกตรงตัวธัมมะจริงๆไปด้วยช้าจนเร็วขึ้น จนรู้สึกตัวทั่วพร้อมทุกขณะจากการฟีงพระพุทธพจน์ตรงคำตรงขณะจึงกล่าวถึงกะพริบตาคือ ความจริงที่ทันทุกขณะมันก็รู้สิ่งที่กำลังปรากฏครบ6ทางอายตนะทั่วตัวเร็วทั่วตัวจะให้ว่ายังไงคะ เข้าใจไหมคะคำสอนแทนศาสดาและศาสนาแปลว่าคำสอนดังนั้นศาสดาคือศาสนาคือพระรัตนตรัยค่ะ เคารพศาสดาได้ด้วยการฟังคำสอนอย่างตั้งใจเรียนความจริงที่กายใจไปด้วยคือมีความจริงให้ดูทันที ไม่ต้องไปไหนเพราะการฟังคือกุศลสูงสุดที่ประกอบด้วยปัญญามีที่พึ่งคือกัลยาณมิตรสูงสุดคือคำสอน เพราะกำลังคิดไตร่ตรองตามคำสอนตรงความจริงที่กำลังมีแล้วเข้าใจสิ่งที่กำลังมีตรงตามที่กำลังฟังคือ พึ่งพระรัตนตรัยคือคำสอนเพื่อระลึกตามเป็นจริงให้คิดเห็นถูกตามได้จนเกิดปัญญาตนรู้ชัดตรงตามได้ มาอีกแระรู้สึกตัวทั่วพร้อม ฝึกระลึกตามวิสยรูป 7 เขาฝึกกันยังไงอ่ะ เอาชัดๆ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 12 ก.ค. 2018, 14:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สนทนากับคุณ Rosarin เรื่องกิเลส กิเลส |
คุณกรัชกายรู้ทฤษฎืเยอะน่าจะหามาแปะให้คนอ่านนะคะ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 12 ก.ค. 2018, 15:02 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สนทนากับคุณ Rosarin เรื่องกิเลส กิเลส |
Rosarin เขียน: กบนอกกะลา เขียน: บทสรุป... อ้างคำพูด: สรุป..คือรู้ไม่ทันกิเลสตน... แสดงว่า..ที่ฝึกมา..ยังใช้ไม่ได้ คนที่ไม่รู้จักกิเลสนะคะถึงไม่กล้าประกาศน่ะ ล่วงสิกขาบทคืออาบัติทุกชนิดคือผู้ทุศีลค่ะ ยังไม่ปลงอาบัติก็คือปลอมบวชเป็นมิจฉา คนเขากราบน่ะกราบพระรัตนตรัยนะคะ การไม่ปลงอาบัติโดยยังประกาศตัวน่ะ ที่นุ่งห่มจีวรโกนหัวแล้วนะแต่อาบัติ ไม่กระทำคืนคือมุสาชาวบ้านนะคะ ศีลไม่ครบคือทุศีลนับข้อหรือคะ คำว่าทุศีลแปลว่าขาดจากพระ แม้เพียงเล็กน้อยก็โทษมาก ทำไม่ได้ก็ต้องรู้ตัวเองค่ะ ผู้รู้ตามคำสอนเขารู้ตัว ว่ากำลังทำอะไรและ การประกาศเปิดเผย ตามคำสอนทำให้ คำสอนรุ่งเรือง สว่างไสวมอง เห็นกิเลสตน***** และรู้ว่าผู้บวชมีกิเลสขนาดไหนนะคะ แสดงว่ากบนอกกะลาไม่รู้จักกิเลสตนเอง แล้วจะแก้กิเลสยังไงคะในเมื่อมองกิเลสไม่ออก ปฏิญาณตนขอบวชคือสาบานว่าทำได้เข้าใจไหมคะ มีข้อห้ามเมื่อขอบวชต้องทำตามสิกขาบทไม่มีข้อห้ามลาสิกขานะคะ ขอเติมหน่อยแก้นิดนึงค่ะตรงกาดอกจัน เห็นกิเลสตน*****ก็เห็นกิเลสผู้อื่น เพราะฟังคำสอนทำให้รู้จักกิเลส ตามความเป็นจริงจึงละชั่วได้ คือละไม่รู้ที่ไหลไปไม่หยุด ด้วยการพึ่งคิดตามทีละคำ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 12 ก.ค. 2018, 16:53 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สนทนากับคุณ Rosarin เรื่องกิเลส กิเลส |
Rosarin เขียน: Kiss คุณกรัชกายรู้ทฤษฎืเยอะน่าจะหามาแปะให้คนอ่านนะคะ อ้าวเป็นงั้นไป ถ่ายไว้เองแท้ๆ แต่ให้คนอื่นล้าง ต่อเมื่อพินาคำพูดนั่นแล้ว ตีความได้สองนัย คือ 1. ตัวเองพูดไปนั่นๆนี่ๆ แต่หารู้ไม่ว่าหมายถึงอะไร ทำนองนกแก้วนกขุนทองพูดภาษาคนได้ 2. เพื่อสื่อให้รู้ว่ากรัชกายรู้ทฤษฎีไม่เท่าไหร่หรอกเอาแปะเลย ส่วนคุณโรสเองว่ารู้ภาคปฏิบัติรู้ลึกกว่า |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 12 ก.ค. 2018, 17:03 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สนทนากับคุณ Rosarin เรื่องกิเลส กิเลส |
Rosarin เขียน: Kiss คุณกรัชกายรู้ทฤษฎืเยอะน่าจะหามาแปะให้คนอ่านนะคะ ว่าดังนั้น ก็เอาตัวอย่างนี้เลย มีนิดเดียวสังเกตดู อ้างคำพูด: หลังจากได้หนังสือสามเล่มนั้นมาแล้ว ผมก็อ่านแค่เล่มแรกก่อน ใจความในเล่มแรกคือ ให้กำหนดรู้ลมหายใจให้ตลอด ในชีวิตประจำวัน จะทำกิจกรรมอะไรก็ให้กำหนดรู้ลมหายใจไปด้วย ยกเว้นเวลาขับรถ หรือเวลาอ่านหนังสือ แต่ก็ให้มีสติรู้อยู่ว่าเราทำอะไรอยู่ ท่านว่าให้กำหนดรู้ลมหายใจเสมือนว่าลมหายใจเป็นกัลยาณมิตร ให้เรายึดกัลยาณมิตรนี้ไว้ หลังจากนั้นผมก็พยายามกำหนดรู้ลมหายใจในชีวิตประจำวัน เวลาเดิน ก็รู้สึกดีครับ รู้สึกเพลินกับการยึดลมหายใจ หลังจากนั้นมีวันหนึ่ง ผมเกิดนึกอยากนั่งสมาธิขึ้นมา ผมก็เลยนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจ ในการนั่งสมาธิครั้งนี้ผมสามารถรับรู้ลมหายใจได้ตลอดสายเป็นเวลานาน แต่ผมก็คิดว่าเวลาจิตเราสงบมากแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้ายังไงเราลองเปลี่ยนวิธีกำหนดดูดีกว่าผมเลยเปลี่ยนวิธีกำหนดในใจเป็นแบบอัปปมัญญา ๔ แล้วกำหนดคำบริกรรมในใจแผ่เมตตาให้สัตว์ทั้งหลายไม่มีประมาณในทิศเบื้องหน้า จากนั้นก็เบื้องหลัง จากนั้นก็เบื้องบน เบื้องล่าง ....กำหนดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น จากนั้นผมก็รู้สึกเหมือนกายผมขยายตามที่กำหนดแผ่เมตตาไปด้วย ...เวลานี้รู้สึกว่าความรู้สึกของเราเหมือนจุ่มอยู่ในปิติ มีแต่ความสุขไปหมด จากนั้นผมก็คิดขึ้นมาว่า "มีความสุขขนาดนี้ในโลกด้วยหรือ ความสุขนี้ดีกว่าความสุขในโลกที่เราเคยพบมาทั้งหมด โอ ความสุขนี้แค่นั่งก็ได้แล้ว คนทั้งโลก มัวแต่วุ่นวายทำอะไรกันอยู่ บางคนทำทุจริตต่างๆเพื่อหาเงินมาสนองความสุขตน ทำไปทำไมนะ มันเทียบกับความสุขที่เกิดจากความสงบนี้ไม่ได้เลย ความสุขนี้ไม่ต้องไขว่คว้ามาก อยู่กับตัวเองแท้ๆ คนในโลกกลับไม่รู้" จากนั้นผมก็สังเกตลมหายใจก็รู้สึกว่าลมหายใจตอนนี้มันละเอียดมาก ถึงค่อยเข้าใจคำว่าลมหายใจหยาบลมหายใจละเอียดว่าเป็นยังไง ก่อนหน้านี้เข้าใจว่าคือลมหายใจแรงๆเบาๆซะอีก :) ความรู้สึกจากการเกิดสมาธิครั้งแรกนี้ มันเหมือนจุ่มค้างปีติอยู่ แต่ไม่เห็นนิมิตอะไรทั้งสิ้น แต่รู้สึกจิตเวลานี้ไม่มีนิวรณ์เลย คือมีความรู้พร้อมอยู่ จากนั้นผมก็รู้สึกยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วคิดไปเรื่อยว่า "นี่คือปฐมฌานหรือเปล่านี่ ปฐมฌานเกิดกับเราหรือ" จนจิตเริ่มไม่เป็นสมาธิ เริ่มปั่นป่วน หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงห้องข้างๆตะโกนเสียงดังก็เลยหลุดออกมาจากสภาวะนั้น พอเห็นเค้าไหมขอรับ |
หน้า 3 จากทั้งหมด 4 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |