วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 18:58  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 55 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ค. 2018, 11:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ถามต่อไป

อ้างคำพูด:
กะพริบตาหอมและเหม็นไปแล้วทำอะไรได้ไหม

ดับเป็นกิเลสใหม่แล้วไปเริ่มต้นฟังคำสอนเดี๋ยวนี้

ถ้ายังคิดไม่ออกให้ท่องว่าเดี๋ยวนี้ต้องรู้ว่ากำลังมีกิเลสอิอิ


ที่น่าสนใจคือคคห.ที่เน้นตัวแดง

นี่แสดงว่า มีตาก็ต้องเอาไม้เสียบลูกชิ้นปิ้งแทงตาให้บอดสะ เพื่อไม่ให้เห็น กิเลสจะได้ไม่เกิด

มีหูก็เอาตะเกียบแทงให้เยื่อหูพังทะลายสะ เพื่อไม่ได้ยินเสียง กิเลสจะได้ไม่เกิด

ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจก็ทำนองเดียว ทำให้มันฉิบหายให้หมด คิกๆๆ เพื่อไม่ให้กิเลสมันเกิด

อย่างนี้ใช่ไหมคุณโรสที่รักของคนอื่น อิอิ

ตอบชัดๆ


ให้ตอบนี่ เอาชัดๆ

:b4:
อุจจาระนี่เหม็นหรือหอมคะ
ตอนดมกลิ่นไม่มีอะไรปน
มีแต่รูปของกลิ่นไม่มีแสง
เพราะแสงเกิดตอนลืมตา
แค่กะพริบตาก็มืดแล้วนะคะ
และรูปแต่ละทางเกิดทีละครั้ง
และไม่มีรูปทางใดเกิดพร้อมกันได้
ทุกรูปเกิดดับสลับกันเกิดที่จิตดับที่จิต
ไม่มีอะไรเลยนอกจากจิตทีละ1ที่เกิดดับมีคนไหม
:b12:
:b4: :b4:



ขี้ใครหอม ถามแปลก ถามมั่งตดตัวเอง กับ ตดคนอื่น ตดใครหอม ตดใครเหม็น ตดตัวเอง หรือตดคนอื่น เอ้า

คิกๆๆ คุยไปคุยมาเล่นขี้จนได้ :b32: จะบ้าตาย

Kiss
รู้ตัวแล้วว่าตัวเองขี้เหม็น
นี่แหละเรียกว่ามีกิเลส555
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ค. 2018, 16:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ถามต่อไป

อ้างคำพูด:
กะพริบตาหอมและเหม็นไปแล้วทำอะไรได้ไหม

ดับเป็นกิเลสใหม่แล้วไปเริ่มต้นฟังคำสอนเดี๋ยวนี้

ถ้ายังคิดไม่ออกให้ท่องว่าเดี๋ยวนี้ต้องรู้ว่ากำลังมีกิเลสอิอิ


ที่น่าสนใจคือคคห.ที่เน้นตัวแดง

นี่แสดงว่า มีตาก็ต้องเอาไม้เสียบลูกชิ้นปิ้งแทงตาให้บอดสะ เพื่อไม่ให้เห็น กิเลสจะได้ไม่เกิด

มีหูก็เอาตะเกียบแทงให้เยื่อหูพังทะลายสะ เพื่อไม่ได้ยินเสียง กิเลสจะได้ไม่เกิด

ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจก็ทำนองเดียว ทำให้มันฉิบหายให้หมด คิกๆๆ เพื่อไม่ให้กิเลสมันเกิด

อย่างนี้ใช่ไหมคุณโรสที่รักของคนอื่น อิอิ

ตอบชัดๆ


ให้ตอบนี่ เอาชัดๆ

:b4:
อุจจาระนี่เหม็นหรือหอมคะ
ตอนดมกลิ่นไม่มีอะไรปน
มีแต่รูปของกลิ่นไม่มีแสง
เพราะแสงเกิดตอนลืมตา
แค่กะพริบตาก็มืดแล้วนะคะ
และรูปแต่ละทางเกิดทีละครั้ง
และไม่มีรูปทางใดเกิดพร้อมกันได้
ทุกรูปเกิดดับสลับกันเกิดที่จิตดับที่จิต
ไม่มีอะไรเลยนอกจากจิตทีละ1ที่เกิดดับมีคนไหม
:b12:
:b4: :b4:



ขี้ใครหอม ถามแปลก ถามมั่งตดตัวเอง กับ ตดคนอื่น ตดใครหอม ตดใครเหม็น ตดตัวเอง หรือตดคนอื่น เอ้า

คิกๆๆ คุยไปคุยมาเล่นขี้จนได้ :b32: จะบ้าตาย

Kiss
รู้ตัวแล้วว่าตัวเองขี้เหม็น
นี่แหละเรียกว่ามีกิเลส555
:b32: :b32:


ขี้หอมไม่มีกิเลสดิ อิอิ ขี้เหม็นมีกิเลส คิดได้งัย :b29:

นี่เรากำลังพูดอยู่กับใครน๋อนี่

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2018, 23:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ถามต่อไป

อ้างคำพูด:
กะพริบตาหอมและเหม็นไปแล้วทำอะไรได้ไหม

ดับเป็นกิเลสใหม่แล้วไปเริ่มต้นฟังคำสอนเดี๋ยวนี้

ถ้ายังคิดไม่ออกให้ท่องว่าเดี๋ยวนี้ต้องรู้ว่ากำลังมีกิเลสอิอิ


ที่น่าสนใจคือคคห.ที่เน้นตัวแดง

นี่แสดงว่า มีตาก็ต้องเอาไม้เสียบลูกชิ้นปิ้งแทงตาให้บอดสะ เพื่อไม่ให้เห็น กิเลสจะได้ไม่เกิด

มีหูก็เอาตะเกียบแทงให้เยื่อหูพังทะลายสะ เพื่อไม่ได้ยินเสียง กิเลสจะได้ไม่เกิด

ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจก็ทำนองเดียว ทำให้มันฉิบหายให้หมด คิกๆๆ เพื่อไม่ให้กิเลสมันเกิด

อย่างนี้ใช่ไหมคุณโรสที่รักของคนอื่น อิอิ

ตอบชัดๆ


ให้ตอบนี่ เอาชัดๆ

:b4:
อุจจาระนี่เหม็นหรือหอมคะ
ตอนดมกลิ่นไม่มีอะไรปน
มีแต่รูปของกลิ่นไม่มีแสง
เพราะแสงเกิดตอนลืมตา
แค่กะพริบตาก็มืดแล้วนะคะ
และรูปแต่ละทางเกิดทีละครั้ง
และไม่มีรูปทางใดเกิดพร้อมกันได้
ทุกรูปเกิดดับสลับกันเกิดที่จิตดับที่จิต
ไม่มีอะไรเลยนอกจากจิตทีละ1ที่เกิดดับมีคนไหม
:b12:
:b4: :b4:



ขี้ใครหอม ถามแปลก ถามมั่งตดตัวเอง กับ ตดคนอื่น ตดใครหอม ตดใครเหม็น ตดตัวเอง หรือตดคนอื่น เอ้า

คิกๆๆ คุยไปคุยมาเล่นขี้จนได้ :b32: จะบ้าตาย

Kiss
รู้ตัวแล้วว่าตัวเองขี้เหม็น
นี่แหละเรียกว่ามีกิเลส555
:b32: :b32:


ขี้หอมไม่มีกิเลสดิ อิอิ ขี้เหม็นมีกิเลส คิดได้งัย :b29:

นี่เรากำลังพูดอยู่กับใครน๋อนี่

:b32:
สนทนากับคนที่รู้จักกิเลสตนเองเขาเรียกว่า
จะเริ่มมีปัญญารู้ไหมล่ะคะว่าตัวเองขึ้เหม็น
ตถาคตสอนให้รู้จักตนเองตามปกติจริงๆ
ไม่มีการอ้อมค้อมไปไหนบอกให้รู้ชัดๆ
แม่นยำเที่ยงแท้แน่นอนไม่มีเปลี่ยน
จริงอย่างไรตรงก็อย่างนั้นและ
ตรงอย่างไรก็จริงอย่างนั้น
เปลี่ยนไม่ได้ต้องตามรู้
ตามทีละคำตรงจริง
ที่กำลังปรากฏว่า
กำลังมีเดี๋ยวนี้
ไม่รู้ก็คือไม่รู้
แปลว่ามีกิเลส
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2018, 05:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ถามต่อไป

อ้างคำพูด:
กะพริบตาหอมและเหม็นไปแล้วทำอะไรได้ไหม

ดับเป็นกิเลสใหม่แล้วไปเริ่มต้นฟังคำสอนเดี๋ยวนี้

ถ้ายังคิดไม่ออกให้ท่องว่าเดี๋ยวนี้ต้องรู้ว่ากำลังมีกิเลสอิอิ


ที่น่าสนใจคือคคห.ที่เน้นตัวแดง

นี่แสดงว่า มีตาก็ต้องเอาไม้เสียบลูกชิ้นปิ้งแทงตาให้บอดสะ เพื่อไม่ให้เห็น กิเลสจะได้ไม่เกิด

มีหูก็เอาตะเกียบแทงให้เยื่อหูพังทะลายสะ เพื่อไม่ได้ยินเสียง กิเลสจะได้ไม่เกิด

ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจก็ทำนองเดียว ทำให้มันฉิบหายให้หมด คิกๆๆ เพื่อไม่ให้กิเลสมันเกิด

อย่างนี้ใช่ไหมคุณโรสที่รักของคนอื่น อิอิ

ตอบชัดๆ


ให้ตอบนี่ เอาชัดๆ

:b4:
อุจจาระนี่เหม็นหรือหอมคะ
ตอนดมกลิ่นไม่มีอะไรปน
มีแต่รูปของกลิ่นไม่มีแสง
เพราะแสงเกิดตอนลืมตา
แค่กะพริบตาก็มืดแล้วนะคะ
และรูปแต่ละทางเกิดทีละครั้ง
และไม่มีรูปทางใดเกิดพร้อมกันได้
ทุกรูปเกิดดับสลับกันเกิดที่จิตดับที่จิต
ไม่มีอะไรเลยนอกจากจิตทีละ1ที่เกิดดับมีคนไหม
:b12:
:b4: :b4:



ขี้ใครหอม ถามแปลก ถามมั่งตดตัวเอง กับ ตดคนอื่น ตดใครหอม ตดใครเหม็น ตดตัวเอง หรือตดคนอื่น เอ้า

คิกๆๆ คุยไปคุยมาเล่นขี้จนได้ :b32: จะบ้าตาย

Kiss
รู้ตัวแล้วว่าตัวเองขี้เหม็น
นี่แหละเรียกว่ามีกิเลส555
:b32: :b32:


ขี้หอมไม่มีกิเลสดิ อิอิ ขี้เหม็นมีกิเลส คิดได้งัย :b29:

นี่เรากำลังพูดอยู่กับใครน๋อนี่

:b32:
สนทนากับคนที่รู้จักกิเลสตนเองเขาเรียกว่า
จะเริ่มมีปัญญารู้ไหมล่ะคะว่าตัวเองขึ้เหม็น
ตถาคตสอนให้รู้จักตนเองตามปกติจริงๆ
ไม่มีการอ้อมค้อมไปไหนบอกให้รู้ชัดๆ
แม่นยำเที่ยงแท้แน่นอนไม่มีเปลี่ยน
จริงอย่างไรตรงก็อย่างนั้นและ
ตรงอย่างไรก็จริงอย่างนั้น
เปลี่ยนไม่ได้ต้องตามรู้
ตามทีละคำตรงจริง
ที่กำลังปรากฏว่า
กำลังมีเดี๋ยวนี้
ไม่รู้ก็คือไม่รู้
แปลว่ามีกิเลส
:b12:
:b4: :b4:



กิเลส กิเลส กิเลส อะไรๆก็กิเลส ถามตรงๆ ตอบตรงๆสักทีนะขอรับผม

กิเลส กิเลสเนี่ย คุณโรสว่ามันเป็นอะไรอ่ะ ไหนบอกชัดๆสิขอรับโผม :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ค. 2018, 20:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


รูปภาพ

อ้างคำพูด:
.......................
พระคุณเจ้าท่านตอบได้ดีมากๆ

#หลวงพ่อรูปหนึ่งท่านได้เทศน์ให้คุณโยมป้าสุจินต์ฟังเพราะท่านป้าสงสัยว่า...

เรื่อง #พระเล่นเฟสบุคทำไม?
......หลวงพ่อท่านก็ได้อธิบายโดยย่อว่า...

เฟสบุคก็เหมือนมีดมีคมปลายแหลม
.....
ใช้หั่นผักผลไม้ได้ ใช้แทงตัวเองก็ได้
ใช้เผยแพร่ธรรมก็ได้ ภาพและข้อความไหน?ดีก็เซฟไว้ในสมอง ภาพและข้อความไหนไม่ดีทำให้ใจเป็นทุกข์ ก็ลบทิ้งไป
.....
ทั้งโยมสุจินต์กับพระ คงไม่ใช้มีดหรือเฟสบุคแทงตัวเองเป็นแน่แท้
.....
กิเลสก็ขัดเกลา ดูเฟสก็ดูว่าใครเป็นภัยต่อพระพุทธศาสนา
.....
เหมือนเงินตรา จะใช้บริจาคทำบุญก็ได้ จะใช้จ้างมือปืนยิงคนก็ได้ จะใช้ทำบุญก็ได้
จะใช้ทำบาปก็ได้ จะดีหรือชั่วไม่ได้อยู่ที่เงิน อยู่ที่ตัวบุคลนั้นจะเห็นคุณค่าของเงิน
.....
เฟสก็เช่นกัน พระจะใช้เป็นสะพานบุญก็ได้ จะใช้เป็นสะพานบาปก็ได้ ถ้าพระท่านไม่ปรารถนานิพพานชาตินี้
ก็ใช้สร้างคุณประโยชน์ต่อพระศาสนาใน
ชาตินี้ได้
.....
พระที่เผยแพร่ธรรมทางโซเชียลมีเดียก็รวดเร็วถึงห้องนอนได้ นอนฟังได้
มันไม่เหมือนสมัยที่ยังไม่มีเทคโนโลยีนี้
คือต้องจาริกไป เดินไป แล้วไปเทศนา มันก็ต้องเหนื่อย
.....
อย่างเรานี้ ถ้าอยากเทศน์เฟสบุคไลฟ์ ก็เทศน์ได้เลย คนฟัง 5 คน อาตมาก็พอใจ ในสมัยครั้งพุทธกาลพระพุทธเจ้าแสดงธรรมให้คนฟัง 100 คน ได้ดวงตาเห็นธรรมเพียง 1 คน พระองค์ก็ถือว่าคุ้มค่า ไม่ใช่เอาไปไลฟ์ในทางที่ไม่ดี และโยมไม่ต้องให้ใครเสียเงินติดกันเทศน์ โยมสุจินต์ควรมองสองด้าน คือด้านคุณและด้านโทษ ด้านบวกและด้านลบ

ด้านคุณก็มีมาก ด้านโทษก็มีเยอะถ้าพระใช้ไม่ถูกธรรมวินัย
.....
คนเรามีอิสรคิดในกรอบที่ดีงาม
เมื่อพระใช้เฟสในกรอบที่ดีงาม ในการเผยแพร่พระธรรมก็ย่อมทำได้
มิใช่มีแต่โยมจะใช้เผยแพร่ธรรมได้เฉพาะโยมป้าสุจินต์เท่านั้น พระสงฆ์องค์เณรถือว่าเป็นหน้าที่สำคัญที่จะต้องเผยแผ่ธรรม
......
โยมอย่ามีโมหาคติ
คือลำเอียงเพราะหลง
ใช้อัตโนมติของตนติเตียนพระ
.....
เรื่องเห็นภัยในวัฏสงสาร...มันก็เป็นเรื่อง
ต้องไปเรื่อยๆ ในระหว่างเดินทางในสังสารวัฏ
พระก็เห็นภัย แต่เมื่อยังไม่บรรลุธรรม
เกิดชาติใหม่ก็ค่อยว่ากันต่อไป
โยมตัดภัยในวัฏสงสารได้ก่อนพระ อาตมาก็ขออนุโมทนาบุญกับโยมป้าสุจินต์ด้วย
แต่อาตมานี้ของดการเสพผู้หญิง (งดการมีเพศสัมพันธุ์) งดการอยู่การครองเรือน เสียสละจากเพศฆราวาส ก็รู้สึกอดทนมากมายหลายประการ และจางคลายความกำหนัดที่เคยเป็นเมื่อก่อนครั้งยังไม่ได้บวช หรืออาจจะเป็นด้วยอำนาจเนกขัมมะบารมีที่ได้สั่งสมมาก็อาจจะเป็นได้

.....
เอวัง โหตุ.
....................

https://www.facebook.com/unclethamma?hc ... RGroN1wgvQ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ค. 2018, 21:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
รูปภาพ


รูปภาพ

อ้างคำพูด:
.......................
พระคุณเจ้าท่านตอบได้ดีมากๆ

#หลวงพ่อรูปหนึ่งท่านได้เทศน์ให้คุณโยมป้าสุจินต์ฟังเพราะท่านป้าสงสัยว่า...

เรื่อง #พระเล่นเฟสบุคทำไม?
......หลวงพ่อท่านก็ได้อธิบายโดยย่อว่า...

เฟสบุคก็เหมือนมีดมีคมปลายแหลม
.....
ใช้หั่นผักผลไม้ได้ ใช้แทงตัวเองก็ได้
ใช้เผยแพร่ธรรมก็ได้ ภาพและข้อความไหน?ดีก็เซฟไว้ในสมอง ภาพและข้อความไหนไม่ดีทำให้ใจเป็นทุกข์ ก็ลบทิ้งไป
.....
ทั้งโยมสุจินต์กับพระ คงไม่ใช้มีดหรือเฟสบุคแทงตัวเองเป็นแน่แท้
.....
กิเลสก็ขัดเกลา ดูเฟสก็ดูว่าใครเป็นภัยต่อพระพุทธศาสนา
.....
เหมือนเงินตรา จะใช้บริจาคทำบุญก็ได้ จะใช้จ้างมือปืนยิงคนก็ได้ จะใช้ทำบุญก็ได้
จะใช้ทำบาปก็ได้ จะดีหรือชั่วไม่ได้อยู่ที่เงิน อยู่ที่ตัวบุคลนั้นจะเห็นคุณค่าของเงิน
.....
เฟสก็เช่นกัน พระจะใช้เป็นสะพานบุญก็ได้ จะใช้เป็นสะพานบาปก็ได้ ถ้าพระท่านไม่ปรารถนานิพพานชาตินี้
ก็ใช้สร้างคุณประโยชน์ต่อพระศาสนาใน
ชาตินี้ได้
.....
พระที่เผยแพร่ธรรมทางโซเชียลมีเดียก็รวดเร็วถึงห้องนอนได้ นอนฟังได้
มันไม่เหมือนสมัยที่ยังไม่มีเทคโนโลยีนี้
คือต้องจาริกไป เดินไป แล้วไปเทศนา มันก็ต้องเหนื่อย
.....
อย่างเรานี้ ถ้าอยากเทศน์เฟสบุคไลฟ์ ก็เทศน์ได้เลย คนฟัง 5 คน อาตมาก็พอใจ ในสมัยครั้งพุทธกาลพระพุทธเจ้าแสดงธรรมให้คนฟัง 100 คน ได้ดวงตาเห็นธรรมเพียง 1 คน พระองค์ก็ถือว่าคุ้มค่า ไม่ใช่เอาไปไลฟ์ในทางที่ไม่ดี และโยมไม่ต้องให้ใครเสียเงินติดกันเทศน์ โยมสุจินต์ควรมองสองด้าน คือด้านคุณและด้านโทษ ด้านบวกและด้านลบ

ด้านคุณก็มีมาก ด้านโทษก็มีเยอะถ้าพระใช้ไม่ถูกธรรมวินัย
.....
คนเรามีอิสรคิดในกรอบที่ดีงาม
เมื่อพระใช้เฟสในกรอบที่ดีงาม ในการเผยแพร่พระธรรมก็ย่อมทำได้
มิใช่มีแต่โยมจะใช้เผยแพร่ธรรมได้เฉพาะโยมป้าสุจินต์เท่านั้น พระสงฆ์องค์เณรถือว่าเป็นหน้าที่สำคัญที่จะต้องเผยแผ่ธรรม
......
โยมอย่ามีโมหาคติ
คือลำเอียงเพราะหลง
ใช้อัตโนมติของตนติเตียนพระ
.....
เรื่องเห็นภัยในวัฏสงสาร...มันก็เป็นเรื่อง
ต้องไปเรื่อยๆ ในระหว่างเดินทางในสังสารวัฏ
พระก็เห็นภัย แต่เมื่อยังไม่บรรลุธรรม
เกิดชาติใหม่ก็ค่อยว่ากันต่อไป
โยมตัดภัยในวัฏสงสารได้ก่อนพระ อาตมาก็ขออนุโมทนาบุญกับโยมป้าสุจินต์ด้วย
แต่อาตมานี้ของดการเสพผู้หญิง (งดการมีเพศสัมพันธุ์) งดการอยู่การครองเรือน เสียสละจากเพศฆราวาส ก็รู้สึกอดทนมากมายหลายประการ และจางคลายความกำหนัดที่เคยเป็นเมื่อก่อนครั้งยังไม่ได้บวช หรืออาจจะเป็นด้วยอำนาจเนกขัมมะบารมีที่ได้สั่งสมมาก็อาจจะเป็นได้

.....
เอวัง โหตุ.
....................

https://www.facebook.com/unclethamma?hc ... RGroN1wgvQ

Kiss
:b12:
ไม่ทราบว่าผู้บวชสมัยนี้กลายเป็นเซียงเมี่ยงไปกันหมดแล้วหรือคะ
กายน่ะค่ะบวชไม่ได้ค่ะการนุ่งห่มผ้ากาสาวพัตรน่ะค่ะต้องรู้ตัวว่า
ตนประกาศออกนอกหน้าต่อสาธารณะว่าละอายที่มีกิเลสมาก
เลยโกนหัวขออนุญาตปฏิญาณตนว่ามีความละอายชั่วมาก
และเกรงกลัวกิเลสมากๆขอมาทำตามสิกขาบทเพื่อที่จะ
เป็นที่เคารพกราบไหว้ของคนที่ไม่บวชแต่ทราบไหมคะ
บวชเสร็จทำแบบชาวบ้านเหมือนชาวโลกเขาทำกันน่ะ
มีความละอายบ้างไหมคะที่ขโมยห่มผ้ากาสาวพัตร
ติดหนี้ไม่รู้กี่แสนโกฏิกัปป์เพราะต้องตกนรกก่อน
ถึงจะมาเป็นเปรตอสุรกายเดรัจฉานอีกตั้งนาน
ประมาทคำสอนแล้วที่ทำผิดโดยไม่ลาสิกขา
ทำตามสิกขาบทไม่ได้น่ะมีแต่ชาวบ้านค่ะ
ที่ไม่ตกนรกนะคะบวชมีเกินอัฏฐบริขาร
กิเลสเพิ่มตามจำนวนที่เกิน8บริขารเลย
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2018, 07:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมไม่ได้มองว่า..โยมผิด..หรือพระถูก..แค่นำเสนอความคิด..มุมมองของผู้อื่นที่มีเท่านั้น...

แม้คุณโรส..ว่าวิจารณ์คนที่บวช..หรือวิจารณ์เหม่าหมดพระ..กระผมก็ไม่เดือดร้อนไปด้วยหรอก..เพราะไม่ได้ตกนรกไปด้วย..

การวิจารณ์..หากใช้คำว่า..พระ..หรือ..นักบวช..ก็เท่ากับวิจารณ์พระหรือนักบวชทั้งหมด...เพราะไม่ได้เจาะจงบุคคล..

ยิ่ง..วิจารณ์ในที่สาธารณะ..ทำให้คนอื่นมีความรู้สึกถึงนักบวชหรือพระทั่วไปในแง่ลบ (ชอบรับเงิน...เป็นเซียงเมี่ยง..ฯลฯ)...ยิ่งหนักหนาสาหัสกว่าเดิม

นี้ก็เพราะ..รู้ไม่ทัน..ไม่ทันจิตว่าเหตุใดต้องวิจารณ์..ไม่ทันจิตที่เก็บกด..ไม่ทันจิตที่ต้องการปกป้องสิ่งที่ตนรักสำนักที่ตนรัก...แนวทางที่ตนรัก..ฯ

สรุป..คือรู้ไม่ทันกิเลสตน...

แสดงว่า..ที่ฝึกมา..ยังใช้ไม่ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2018, 07:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
รูปภาพ


รูปภาพ

อ้างคำพูด:
.......................
พระคุณเจ้าท่านตอบได้ดีมากๆ

#หลวงพ่อรูปหนึ่งท่านได้เทศน์ให้คุณโยมป้าสุจินต์ฟังเพราะท่านป้าสงสัยว่า...

เรื่อง #พระเล่นเฟสบุคทำไม?
......หลวงพ่อท่านก็ได้อธิบายโดยย่อว่า...

เฟสบุคก็เหมือนมีดมีคมปลายแหลม
.....
ใช้หั่นผักผลไม้ได้ ใช้แทงตัวเองก็ได้
ใช้เผยแพร่ธรรมก็ได้ ภาพและข้อความไหน?ดีก็เซฟไว้ในสมอง ภาพและข้อความไหนไม่ดีทำให้ใจเป็นทุกข์ ก็ลบทิ้งไป
.....
ทั้งโยมสุจินต์กับพระ คงไม่ใช้มีดหรือเฟสบุคแทงตัวเองเป็นแน่แท้
.....
กิเลสก็ขัดเกลา ดูเฟสก็ดูว่าใครเป็นภัยต่อพระพุทธศาสนา
.....
เหมือนเงินตรา จะใช้บริจาคทำบุญก็ได้ จะใช้จ้างมือปืนยิงคนก็ได้ จะใช้ทำบุญก็ได้
จะใช้ทำบาปก็ได้ จะดีหรือชั่วไม่ได้อยู่ที่เงิน อยู่ที่ตัวบุคลนั้นจะเห็นคุณค่าของเงิน
.....
เฟสก็เช่นกัน พระจะใช้เป็นสะพานบุญก็ได้ จะใช้เป็นสะพานบาปก็ได้ ถ้าพระท่านไม่ปรารถนานิพพานชาตินี้
ก็ใช้สร้างคุณประโยชน์ต่อพระศาสนาใน
ชาตินี้ได้
.....
พระที่เผยแพร่ธรรมทางโซเชียลมีเดียก็รวดเร็วถึงห้องนอนได้ นอนฟังได้
มันไม่เหมือนสมัยที่ยังไม่มีเทคโนโลยีนี้
คือต้องจาริกไป เดินไป แล้วไปเทศนา มันก็ต้องเหนื่อย
.....
อย่างเรานี้ ถ้าอยากเทศน์เฟสบุคไลฟ์ ก็เทศน์ได้เลย คนฟัง 5 คน อาตมาก็พอใจ ในสมัยครั้งพุทธกาลพระพุทธเจ้าแสดงธรรมให้คนฟัง 100 คน ได้ดวงตาเห็นธรรมเพียง 1 คน พระองค์ก็ถือว่าคุ้มค่า ไม่ใช่เอาไปไลฟ์ในทางที่ไม่ดี และโยมไม่ต้องให้ใครเสียเงินติดกันเทศน์ โยมสุจินต์ควรมองสองด้าน คือด้านคุณและด้านโทษ ด้านบวกและด้านลบ

ด้านคุณก็มีมาก ด้านโทษก็มีเยอะถ้าพระใช้ไม่ถูกธรรมวินัย
.....
คนเรามีอิสรคิดในกรอบที่ดีงาม
เมื่อพระใช้เฟสในกรอบที่ดีงาม ในการเผยแพร่พระธรรมก็ย่อมทำได้
มิใช่มีแต่โยมจะใช้เผยแพร่ธรรมได้เฉพาะโยมป้าสุจินต์เท่านั้น พระสงฆ์องค์เณรถือว่าเป็นหน้าที่สำคัญที่จะต้องเผยแผ่ธรรม
......
โยมอย่ามีโมหาคติ
คือลำเอียงเพราะหลง
ใช้อัตโนมติของตนติเตียนพระ
.....
เรื่องเห็นภัยในวัฏสงสาร...มันก็เป็นเรื่อง
ต้องไปเรื่อยๆ ในระหว่างเดินทางในสังสารวัฏ
พระก็เห็นภัย แต่เมื่อยังไม่บรรลุธรรม
เกิดชาติใหม่ก็ค่อยว่ากันต่อไป
โยมตัดภัยในวัฏสงสารได้ก่อนพระ อาตมาก็ขออนุโมทนาบุญกับโยมป้าสุจินต์ด้วย
แต่อาตมานี้ของดการเสพผู้หญิง (งดการมีเพศสัมพันธุ์) งดการอยู่การครองเรือน เสียสละจากเพศฆราวาส ก็รู้สึกอดทนมากมายหลายประการ และจางคลายความกำหนัดที่เคยเป็นเมื่อก่อนครั้งยังไม่ได้บวช หรืออาจจะเป็นด้วยอำนาจเนกขัมมะบารมีที่ได้สั่งสมมาก็อาจจะเป็นได้

.....
เอวัง โหตุ.
....................

https://www.facebook.com/unclethamma?hc ... RGroN1wgvQ

Kiss
:b12:
ไม่ทราบว่าผู้บวชสมัยนี้กลายเป็นเซียงเมี่ยงไปกันหมดแล้วหรือคะ
กายน่ะค่ะบวชไม่ได้ค่ะการนุ่งห่มผ้ากาสาวพัตรน่ะค่ะต้องรู้ตัวว่า
ตนประกาศออกนอกหน้าต่อสาธารณะว่าละอายที่มีกิเลสมาก
เลยโกนหัวขออนุญาตปฏิญาณตนว่ามีความละอายชั่วมาก
และเกรงกลัวกิเลสมากๆขอมาทำตามสิกขาบทเพื่อที่จะ
เป็นที่เคารพกราบไหว้ของคนที่ไม่บวชแต่ทราบไหมคะ
บวชเสร็จทำแบบชาวบ้านเหมือนชาวโลกเขาทำกันน่ะ
มีความละอายบ้างไหมคะที่ขโมยห่มผ้ากาสาวพัตร
ติดหนี้ไม่รู้กี่แสนโกฏิกัปป์เพราะต้องตกนรกก่อน
ถึงจะมาเป็นเปรตอสุรกายเดรัจฉานอีกตั้งนาน
ประมาทคำสอนแล้วที่ทำผิดโดยไม่ลาสิกขา
ทำตามสิกขาบทไม่ได้น่ะมีแต่ชาวบ้านค่ะ
ที่ไม่ตกนรกนะคะบวชมีเกินอัฏฐบริขาร
กิเลสเพิ่มตามจำนวนที่เกิน8บริขารเลย
:b32: :b32: :b32:

Kiss
อ่านใหม่ช้าๆแล้วคิดไตร่ตรองตามเป็นจริง
เหตุผลคือคำสอนของพระพุทธเจ้าตรงมาก
ไม่เข้าข้างใครเพื่อเอาใจกิเลสใครทั้งนั้น
ผู้กล่าวกล่าวเพราะเข้าใจคำสอนและตรงๆ
ต้องการประกาศต่อสาธารณะให้ทราบว่า
คำสอนตรงจริงทุกกาลสมัยไม่เปลี่ยนไป
มีแต่จิตใจผู้ไม่เข้าใจคำสอนทำผิดไม่รู้ตัว
ผู้กล่าวตั้งใจกล่าวให้เห็นโทษและเตือนให้
พุทธบริษัทตั้งใจศึกษาคำสอนด้วยการฟัง
คำสอนของพระพุทธเจ้าบอกไว้ทั้งดีและชั่ว
บอกตามความเป็นจริงผู้กล่าวไม่ได้เดือดร้อน
เพราะตั้งใจกล่าวเพื่อรักษาพระพุทธศาสนาน๊า
เคารพพระศาสดาสูงสุดเพราะศาสดาคือศาสนาไม่เสื่อมจากใจผู้รู้
ศาสนาคือคำสอนและศาสดายกพระธรรมแทนพระองค์ถูกไหมคะ
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2018, 07:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
รูปภาพ


รูปภาพ

อ้างคำพูด:
.......................
พระคุณเจ้าท่านตอบได้ดีมากๆ

#หลวงพ่อรูปหนึ่งท่านได้เทศน์ให้คุณโยมป้าสุจินต์ฟังเพราะท่านป้าสงสัยว่า...

เรื่อง #พระเล่นเฟสบุคทำไม?
......หลวงพ่อท่านก็ได้อธิบายโดยย่อว่า...

เฟสบุคก็เหมือนมีดมีคมปลายแหลม
.....
ใช้หั่นผักผลไม้ได้ ใช้แทงตัวเองก็ได้
ใช้เผยแพร่ธรรมก็ได้ ภาพและข้อความไหน?ดีก็เซฟไว้ในสมอง ภาพและข้อความไหนไม่ดีทำให้ใจเป็นทุกข์ ก็ลบทิ้งไป
.....
ทั้งโยมสุจินต์กับพระ คงไม่ใช้มีดหรือเฟสบุคแทงตัวเองเป็นแน่แท้
.....
กิเลสก็ขัดเกลา ดูเฟสก็ดูว่าใครเป็นภัยต่อพระพุทธศาสนา
.....
เหมือนเงินตรา จะใช้บริจาคทำบุญก็ได้ จะใช้จ้างมือปืนยิงคนก็ได้ จะใช้ทำบุญก็ได้
จะใช้ทำบาปก็ได้ จะดีหรือชั่วไม่ได้อยู่ที่เงิน อยู่ที่ตัวบุคลนั้นจะเห็นคุณค่าของเงิน
.....
เฟสก็เช่นกัน พระจะใช้เป็นสะพานบุญก็ได้ จะใช้เป็นสะพานบาปก็ได้ ถ้าพระท่านไม่ปรารถนานิพพานชาตินี้
ก็ใช้สร้างคุณประโยชน์ต่อพระศาสนาใน
ชาตินี้ได้
.....
พระที่เผยแพร่ธรรมทางโซเชียลมีเดียก็รวดเร็วถึงห้องนอนได้ นอนฟังได้
มันไม่เหมือนสมัยที่ยังไม่มีเทคโนโลยีนี้
คือต้องจาริกไป เดินไป แล้วไปเทศนา มันก็ต้องเหนื่อย
.....
อย่างเรานี้ ถ้าอยากเทศน์เฟสบุคไลฟ์ ก็เทศน์ได้เลย คนฟัง 5 คน อาตมาก็พอใจ ในสมัยครั้งพุทธกาลพระพุทธเจ้าแสดงธรรมให้คนฟัง 100 คน ได้ดวงตาเห็นธรรมเพียง 1 คน พระองค์ก็ถือว่าคุ้มค่า ไม่ใช่เอาไปไลฟ์ในทางที่ไม่ดี และโยมไม่ต้องให้ใครเสียเงินติดกันเทศน์ โยมสุจินต์ควรมองสองด้าน คือด้านคุณและด้านโทษ ด้านบวกและด้านลบ

ด้านคุณก็มีมาก ด้านโทษก็มีเยอะถ้าพระใช้ไม่ถูกธรรมวินัย
.....
คนเรามีอิสรคิดในกรอบที่ดีงาม
เมื่อพระใช้เฟสในกรอบที่ดีงาม ในการเผยแพร่พระธรรมก็ย่อมทำได้
มิใช่มีแต่โยมจะใช้เผยแพร่ธรรมได้เฉพาะโยมป้าสุจินต์เท่านั้น พระสงฆ์องค์เณรถือว่าเป็นหน้าที่สำคัญที่จะต้องเผยแผ่ธรรม
......
โยมอย่ามีโมหาคติ
คือลำเอียงเพราะหลง
ใช้อัตโนมติของตนติเตียนพระ
.....
เรื่องเห็นภัยในวัฏสงสาร...มันก็เป็นเรื่อง
ต้องไปเรื่อยๆ ในระหว่างเดินทางในสังสารวัฏ
พระก็เห็นภัย แต่เมื่อยังไม่บรรลุธรรม
เกิดชาติใหม่ก็ค่อยว่ากันต่อไป
โยมตัดภัยในวัฏสงสารได้ก่อนพระ อาตมาก็ขออนุโมทนาบุญกับโยมป้าสุจินต์ด้วย
แต่อาตมานี้ของดการเสพผู้หญิง (งดการมีเพศสัมพันธุ์) งดการอยู่การครองเรือน เสียสละจากเพศฆราวาส ก็รู้สึกอดทนมากมายหลายประการ และจางคลายความกำหนัดที่เคยเป็นเมื่อก่อนครั้งยังไม่ได้บวช หรืออาจจะเป็นด้วยอำนาจเนกขัมมะบารมีที่ได้สั่งสมมาก็อาจจะเป็นได้

.....
เอวัง โหตุ.
....................

https://www.facebook.com/unclethamma?hc ... RGroN1wgvQ

Kiss
:b12:
ไม่ทราบว่าผู้บวชสมัยนี้กลายเป็นเซียงเมี่ยงไปกันหมดแล้วหรือคะ
กายน่ะค่ะบวชไม่ได้ค่ะการนุ่งห่มผ้ากาสาวพัตรน่ะค่ะต้องรู้ตัวว่า
ตนประกาศออกนอกหน้าต่อสาธารณะว่าละอายที่มีกิเลสมาก
เลยโกนหัวขออนุญาตปฏิญาณตนว่ามีความละอายชั่วมาก
และเกรงกลัวกิเลสมากๆขอมาทำตามสิกขาบทเพื่อที่จะ
เป็นที่เคารพกราบไหว้ของคนที่ไม่บวชแต่ทราบไหมคะ
บวชเสร็จทำแบบชาวบ้านเหมือนชาวโลกเขาทำกันน่ะ
มีความละอายบ้างไหมคะที่ขโมยห่มผ้ากาสาวพัตร
ติดหนี้ไม่รู้กี่แสนโกฏิกัปป์เพราะต้องตกนรกก่อน
ถึงจะมาเป็นเปรตอสุรกายเดรัจฉานอีกตั้งนาน
ประมาทคำสอนแล้วที่ทำผิดโดยไม่ลาสิกขา
ทำตามสิกขาบทไม่ได้น่ะมีแต่ชาวบ้านค่ะ
ที่ไม่ตกนรกนะคะบวชมีเกินอัฏฐบริขาร
กิเลสเพิ่มตามจำนวนที่เกิน8บริขารเลย
:b32: :b32: :b32:

Kiss
อ่านใหม่ช้าๆแล้วคิดไตร่ตรองตามเป็นจริง
เหตุผลคือคำสอนของพระพุทธเจ้าตรงมาก
ไม่เข้าข้างใครเพื่อเอาใจกิเลสใครทั้งนั้น
ผู้กล่าวกล่าวเพราะเข้าใจคำสอนและตรงๆ
ต้องการประกาศต่อสาธารณะให้ทราบว่า
คำสอนตรงจริงทุกกาลสมัยไม่เปลี่ยนไป
มีแต่จิตใจผู้ไม่เข้าใจคำสอนทำผิดไม่รู้ตัว
ผู้กล่าวตั้งใจกล่าวให้เห็นโทษและเตือนให้
พุทธบริษัทตั้งใจศึกษาคำสอนด้วยการฟัง
คำสอนของพระพุทธเจ้าบอกไว้ทั้งดีและชั่ว
บอกตามความเป็นจริงผู้กล่าวไม่ได้เดือดร้อน
เพราะตั้งใจกล่าวเพื่อรักษาพระพุทธศาสนาน๊า
เคารพพระศาสดาสูงสุดเพราะศาสดาคือศาสนาไม่เสื่อมจากใจผู้รู้
ศาสนาคือคำสอนและศาสดายกพระธรรมแทนพระองค์ถูกไหมคะ
:b8:



อะไรๆก็กิเลสๆๆๆๆๆๆๆๆ คิกๆๆ ถามจริงกิเลสตามที่คุณโรสเข้าใจนี่มันอะไร ตอบชัดๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2018, 08:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ผมไม่ได้มองว่า..โยมผิด..หรือพระถูก..แค่นำเสนอความคิด..มุมมองของผู้อื่นที่มีเท่านั้น...

แม้คุณโรส..ว่าวิจารณ์คนที่บวช..หรือวิจารณ์เหม่าหมดพระ..กระผมก็ไม่เดือดร้อนไปด้วยหรอก..เพราะไม่ได้ตกนรกไปด้วย..

การวิจารณ์..หากใช้คำว่า..พระ..หรือ..นักบวช..ก็เท่ากับวิจารณ์พระหรือนักบวชทั้งหมด...เพราะไม่ได้เจาะจงบุคคล..

ยิ่ง..วิจารณ์ในที่สาธารณะ..ทำให้คนอื่นมีความรู้สึกถึงนักบวชหรือพระทั่วไปในแง่ลบ (ชอบรับเงิน...เป็นเซียงเมี่ยง..ฯลฯ)...ยิ่งหนักหนาสาหัสกว่าเดิม

นี้ก็เพราะ..รู้ไม่ทัน..ไม่ทันจิตว่าเหตุใดต้องวิจารณ์..ไม่ทันจิตที่เก็บกด..ไม่ทันจิตที่ต้องการปกป้องสิ่งที่ตนรักสำนักที่ตนรัก...แนวทางที่ตนรัก..ฯ

สรุป..คือรู้ไม่ทันกิเลสตน...

แสดงว่า..ที่ฝึกมา..ยังใช้ไม่ได้

อ่านให้เข้าใจนะคะแล้วดูพฤติกรรมที่ผิด
คนที่ไม่ทำผิดน่ะไม่มีใครเดือดร้อนอ่ะค่ะ
ก็บอกตรงตามคำสอนใครตำหนิผู้ที่กล่าว
ตามคำตถาคตคือคนที่กล่าวด้วยความไม่รู้
กล่าวตามความจริงไม่ได้กล่าวจาบจ้วงคำสอนถูกไหมคะ
ทุกคนกราบไหว้ใครสูงสุดการปกป้องพระธรรมผิดตรงไหนคะ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2018, 08:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ผมไม่ได้มองว่า..โยมผิด..หรือพระถูก..แค่นำเสนอความคิด..มุมมองของผู้อื่นที่มีเท่านั้น...

แม้คุณโรส..ว่าวิจารณ์คนที่บวช..หรือวิจารณ์เหม่าหมดพระ..กระผมก็ไม่เดือดร้อนไปด้วยหรอก..เพราะไม่ได้ตกนรกไปด้วย..

การวิจารณ์..หากใช้คำว่า..พระ..หรือ..นักบวช..ก็เท่ากับวิจารณ์พระหรือนักบวชทั้งหมด...เพราะไม่ได้เจาะจงบุคคล..

ยิ่ง..วิจารณ์ในที่สาธารณะ..ทำให้คนอื่นมีความรู้สึกถึงนักบวชหรือพระทั่วไปในแง่ลบ (ชอบรับเงิน...เป็นเซียงเมี่ยง..ฯลฯ)...ยิ่งหนักหนาสาหัสกว่าเดิม

นี้ก็เพราะ..รู้ไม่ทัน..ไม่ทันจิตว่าเหตุใดต้องวิจารณ์..ไม่ทันจิตที่เก็บกด..ไม่ทันจิตที่ต้องการปกป้องสิ่งที่ตนรักสำนักที่ตนรัก...แนวทางที่ตนรัก..ฯ

สรุป..คือรู้ไม่ทันกิเลสตน...

แสดงว่า..ที่ฝึกมา..ยังใช้ไม่ได้

อ่านให้เข้าใจนะคะแล้วดูพฤติกรรมที่ผิด
คนที่ไม่ทำผิดน่ะไม่มีใครเดือดร้อนอ่ะค่ะ
ก็บอกตรงตามคำสอนใครตำหนิผู้ที่กล่าว
ตามคำตถาคตคือคนที่กล่าวด้วยความไม่รู้
กล่าวตามความจริงไม่ได้กล่าวจาบจ้วงคำสอนถูกไหมคะ
ทุกคนกราบไหว้ใครสูงสุดการปกป้องพระธรรมผิดตรงไหนคะ
:b32: :b32:



เรามาทำความเข้าใจ คำว่า "ธรรม" "พระธรรม" ให้เข้าใจตรงกันก่อนเห็นท่าจะดีเป็นแน่ทีเดียว

ธรรม ได้แก่ อะไร

พระธรรมได้แก่อะไร

เอาคุณโรสว่าไป ตอบตรงๆคำถามนะขอรับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2018, 14:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ผมไม่ได้มองว่า..โยมผิด..หรือพระถูก..แค่นำเสนอความคิด..มุมมองของผู้อื่นที่มีเท่านั้น...

แม้คุณโรส..ว่าวิจารณ์คนที่บวช..หรือวิจารณ์เหม่าหมดพระ..กระผมก็ไม่เดือดร้อนไปด้วยหรอก..เพราะไม่ได้ตกนรกไปด้วย..

การวิจารณ์..หากใช้คำว่า..พระ..หรือ..นักบวช..ก็เท่ากับวิจารณ์พระหรือนักบวชทั้งหมด...เพราะไม่ได้เจาะจงบุคคล..

ยิ่ง..วิจารณ์ในที่สาธารณะ..ทำให้คนอื่นมีความรู้สึกถึงนักบวชหรือพระทั่วไปในแง่ลบ (ชอบรับเงิน...เป็นเซียงเมี่ยง..ฯลฯ)...ยิ่งหนักหนาสาหัสกว่าเดิม

นี้ก็เพราะ..รู้ไม่ทัน..ไม่ทันจิตว่าเหตุใดต้องวิจารณ์..ไม่ทันจิตที่เก็บกด..ไม่ทันจิตที่ต้องการปกป้องสิ่งที่ตนรักสำนักที่ตนรัก...แนวทางที่ตนรัก..ฯ

สรุป..คือรู้ไม่ทันกิเลสตน...

แสดงว่า..ที่ฝึกมา..ยังใช้ไม่ได้

อ่านให้เข้าใจนะคะแล้วดูพฤติกรรมที่ผิด
คนที่ไม่ทำผิดน่ะไม่มีใครเดือดร้อนอ่ะค่ะ
ก็บอกตรงตามคำสอนใครตำหนิผู้ที่กล่าว
ตามคำตถาคตคือคนที่กล่าวด้วยความไม่รู้
กล่าวตามความจริงไม่ได้กล่าวจาบจ้วงคำสอนถูกไหมคะ
ทุกคนกราบไหว้ใครสูงสุดการปกป้องพระธรรมผิดตรงไหนคะ
:b32: :b32:



เรามาทำความเข้าใจ คำว่า "ธรรม" "พระธรรม" ให้เข้าใจตรงกันก่อนเห็นท่าจะดีเป็นแน่ทีเดียว

ธรรม ได้แก่ อะไร

พระธรรมได้แก่อะไร

เอาคุณโรสว่าไป ตอบตรงๆคำถามนะขอรับ

Kiss
:b12:
ภิกษุณีไม่มีก็ได้ดังนั้นภิกษุก็ไม่มีได้อยู่แล้วใครจะกราบโจรปล้นคำสอน
พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาทรงประกาศศาสนาคือพระธรรมคำสอน
และทรงยกพระธรรมและพระวินัยเป็นศาสดาแทนพระองค์
ศาสดาคือพระธรรม...ศาสนาคือคำสอน...พระธรรมคำสอน
ก็คือพระพุทธเจ้าเมื่อไม่เคารพศาสดาจึงทำผิดพระธรรมวินัย
แสดงว่าภิกษณีทำตามสิกขาบทไม่ได้จึงไม่บวชไงคะแล้วเนี่ย
ภิกษุน่ะทำผิดคือทำตามสิกขาบทไม่ได้ก็ลาสิกขาออกมาสิคะ
แล้วจะเปลี่ยนแปลงคำสอนเพื่อให้ตามใจกิเลสตนเองจะตกนรก
แค่นี้ผู้ชายยังเกิดน้อยลงไม่พอหรือไงคะคำสอนไม่ห้ามลาสิกขา
ล่วงสิกขาบทศีลขาดทะลุแล้วยังไม่สำนึกทำเป็นการประจำผิดไหม
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2018, 19:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ผมไม่ได้มองว่า..โยมผิด..หรือพระถูก..แค่นำเสนอความคิด..มุมมองของผู้อื่นที่มีเท่านั้น...

แม้คุณโรส..ว่าวิจารณ์คนที่บวช..หรือวิจารณ์เหม่าหมดพระ..กระผมก็ไม่เดือดร้อนไปด้วยหรอก..เพราะไม่ได้ตกนรกไปด้วย..

การวิจารณ์..หากใช้คำว่า..พระ..หรือ..นักบวช..ก็เท่ากับวิจารณ์พระหรือนักบวชทั้งหมด...เพราะไม่ได้เจาะจงบุคคล..

ยิ่ง..วิจารณ์ในที่สาธารณะ..ทำให้คนอื่นมีความรู้สึกถึงนักบวชหรือพระทั่วไปในแง่ลบ (ชอบรับเงิน...เป็นเซียงเมี่ยง..ฯลฯ)...ยิ่งหนักหนาสาหัสกว่าเดิม

นี้ก็เพราะ..รู้ไม่ทัน..ไม่ทันจิตว่าเหตุใดต้องวิจารณ์..ไม่ทันจิตที่เก็บกด..ไม่ทันจิตที่ต้องการปกป้องสิ่งที่ตนรักสำนักที่ตนรัก...แนวทางที่ตนรัก..ฯ

สรุป..คือรู้ไม่ทันกิเลสตน...

แสดงว่า..ที่ฝึกมา..ยังใช้ไม่ได้

อ่านให้เข้าใจนะคะแล้วดูพฤติกรรมที่ผิด
คนที่ไม่ทำผิดน่ะไม่มีใครเดือดร้อนอ่ะค่ะ
ก็บอกตรงตามคำสอนใครตำหนิผู้ที่กล่าว
ตามคำตถาคตคือคนที่กล่าวด้วยความไม่รู้
กล่าวตามความจริงไม่ได้กล่าวจาบจ้วงคำสอนถูกไหมคะ
ทุกคนกราบไหว้ใครสูงสุดการปกป้องพระธรรมผิดตรงไหนคะ
:b32: :b32:



เรามาทำความเข้าใจ คำว่า "ธรรม" "พระธรรม" ให้เข้าใจตรงกันก่อนเห็นท่าจะดีเป็นแน่ทีเดียว

ธรรม ได้แก่ อะไร

พระธรรมได้แก่อะไร

เอาคุณโรสว่าไป ตอบตรงๆคำถามนะขอรับ

Kiss
:b12:
ภิกษุณีไม่มีก็ได้ดังนั้นภิกษุก็ไม่มีได้อยู่แล้วใครจะกราบโจรปล้นคำสอน
พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาทรงประกาศศาสนาคือพระธรรมคำสอน
และทรงยกพระธรรมและพระวินัยเป็นศาสดาแทนพระองค์
ศาสดาคือพระธรรม...ศาสนาคือคำสอน...พระธรรมคำสอน
ก็คือพระพุทธเจ้าเมื่อไม่เคารพศาสดาจึงทำผิดพระธรรมวินัย
แสดงว่าภิกษณีทำตามสิกขาบทไม่ได้จึงไม่บวชไงคะแล้วเนี่ย
ภิกษุน่ะทำผิดคือทำตามสิกขาบทไม่ได้ก็ลาสิกขาออกมาสิคะ
แล้วจะเปลี่ยนแปลงคำสอนเพื่อให้ตามใจกิเลสตนเองจะตกนรก
แค่นี้ผู้ชายยังเกิดน้อยลงไม่พอหรือไงคะคำสอนไม่ห้ามลาสิกขา
ล่วงสิกขาบทศีลขาดทะลุแล้วยังไม่สำนึกทำเป็นการประจำผิดไหม
:b32: :b32:



เวนกำ ถามอย่างตอบอย่าง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2018, 19:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ผมไม่ได้มองว่า..โยมผิด..หรือพระถูก..แค่นำเสนอความคิด..มุมมองของผู้อื่นที่มีเท่านั้น...

แม้คุณโรส..ว่าวิจารณ์คนที่บวช..หรือวิจารณ์เหม่าหมดพระ..กระผมก็ไม่เดือดร้อนไปด้วยหรอก..เพราะไม่ได้ตกนรกไปด้วย..

การวิจารณ์..หากใช้คำว่า..พระ..หรือ..นักบวช..ก็เท่ากับวิจารณ์พระหรือนักบวชทั้งหมด...เพราะไม่ได้เจาะจงบุคคล..

ยิ่ง..วิจารณ์ในที่สาธารณะ..ทำให้คนอื่นมีความรู้สึกถึงนักบวชหรือพระทั่วไปในแง่ลบ (ชอบรับเงิน...เป็นเซียงเมี่ยง..ฯลฯ)...ยิ่งหนักหนาสาหัสกว่าเดิม

นี้ก็เพราะ..รู้ไม่ทัน..ไม่ทันจิตว่าเหตุใดต้องวิจารณ์..ไม่ทันจิตที่เก็บกด..ไม่ทันจิตที่ต้องการปกป้องสิ่งที่ตนรักสำนักที่ตนรัก...แนวทางที่ตนรัก..ฯ

สรุป..คือรู้ไม่ทันกิเลสตน...

แสดงว่า..ที่ฝึกมา..ยังใช้ไม่ได้

อ่านให้เข้าใจนะคะแล้วดูพฤติกรรมที่ผิด
คนที่ไม่ทำผิดน่ะไม่มีใครเดือดร้อนอ่ะค่ะ
ก็บอกตรงตามคำสอนใครตำหนิผู้ที่กล่าว
ตามคำตถาคตคือคนที่กล่าวด้วยความไม่รู้
กล่าวตามความจริงไม่ได้กล่าวจาบจ้วงคำสอนถูกไหมคะ
ทุกคนกราบไหว้ใครสูงสุดการปกป้องพระธรรมผิดตรงไหนคะ
:b32: :b32:



เรามาทำความเข้าใจ คำว่า "ธรรม" "พระธรรม" ให้เข้าใจตรงกันก่อนเห็นท่าจะดีเป็นแน่ทีเดียว

ธรรม ได้แก่ อะไร

พระธรรมได้แก่อะไร

เอาคุณโรสว่าไป ตอบตรงๆคำถามนะขอรับ

Kiss
:b12:
ภิกษุณีไม่มีก็ได้ดังนั้นภิกษุก็ไม่มีได้อยู่แล้วใครจะกราบโจรปล้นคำสอน
พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาทรงประกาศศาสนาคือพระธรรมคำสอน
และทรงยกพระธรรมและพระวินัยเป็นศาสดาแทนพระองค์
ศาสดาคือพระธรรม...ศาสนาคือคำสอน...พระธรรมคำสอน
ก็คือพระพุทธเจ้าเมื่อไม่เคารพศาสดาจึงทำผิดพระธรรมวินัย
แสดงว่าภิกษณีทำตามสิกขาบทไม่ได้จึงไม่บวชไงคะแล้วเนี่ย
ภิกษุน่ะทำผิดคือทำตามสิกขาบทไม่ได้ก็ลาสิกขาออกมาสิคะ
แล้วจะเปลี่ยนแปลงคำสอนเพื่อให้ตามใจกิเลสตนเองจะตกนรก
แค่นี้ผู้ชายยังเกิดน้อยลงไม่พอหรือไงคะคำสอนไม่ห้ามลาสิกขา
ล่วงสิกขาบทศีลขาดทะลุแล้วยังไม่สำนึกทำเป็นการประจำผิดไหม
:b32: :b32:



เวนกำ ถามอย่างตอบอย่าง


ความจริงกำลังมีก็ลืมตาดูให้มันรู้ถูกตามตอนฟังนั่นล่ะคือธัมมะ
พระธรรมคือทั้งหมดที่ทรงบัญญัติคำเป็นทศพลญาณจำทำไม
บัญญัติคำจำทุกคำไม่ใช่ปัญญาตนเองเข้าใจป่าวปล่อยวางคำ
เพื่อรู้ตามความเป็นจริงตามที่ตนจะคิดตามได้เท่าที่ปัญญาตนมี
:b55: :b55:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2018, 21:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ผมไม่ได้มองว่า..โยมผิด..หรือพระถูก..แค่นำเสนอความคิด..มุมมองของผู้อื่นที่มีเท่านั้น...

แม้คุณโรส..ว่าวิจารณ์คนที่บวช..หรือวิจารณ์เหม่าหมดพระ..กระผมก็ไม่เดือดร้อนไปด้วยหรอก..เพราะไม่ได้ตกนรกไปด้วย..

การวิจารณ์..หากใช้คำว่า..พระ..หรือ..นักบวช..ก็เท่ากับวิจารณ์พระหรือนักบวชทั้งหมด...เพราะไม่ได้เจาะจงบุคคล..

ยิ่ง..วิจารณ์ในที่สาธารณะ..ทำให้คนอื่นมีความรู้สึกถึงนักบวชหรือพระทั่วไปในแง่ลบ (ชอบรับเงิน...เป็นเซียงเมี่ยง..ฯลฯ)...ยิ่งหนักหนาสาหัสกว่าเดิม


นี้ก็เพราะ..รู้ไม่ทัน..ไม่ทันจิตว่าเหตุใดต้องวิจารณ์..ไม่ทันจิตที่เก็บกด..ไม่ทันจิตที่ต้องการปกป้องสิ่งที่ตนรักสำนักที่ตนรัก...แนวทางที่ตนรัก..ฯ

สรุป..คือรู้ไม่ทันกิเลสตน...

แสดงว่า..ที่ฝึกมา..ยังใช้ไม่ได้


ผมเตือนเรื่องการพูด...
เพราะการพูดของคุณโรส...พูดลอยๆ...เป็นการสร้างให้คนวาดระแวงนักบวช..นี้เท่ากับคุณโรสไปสร้างสัญญาบาปให้กับคนที่เห็นด้วยกับคุณโรส..ได้

ไปสร้างสัญญาประเภทระแวงนักบวชนี้...หากบังเอิญคนนั้นไปผัสสะกับอริยะสงฆ์เข้าแล้วสัญญาแบบนี้ผุดขึ้นมา."เซียงเมี่ยงรึเปล่า?"..."พระสงฆ์ปฏิบัติดีหรือเปล่าน่า?"..คิดดูซิจะบาปขนาดไหน...

Rosarin เขียน:
Kiss
:b12:
ไม่ทราบว่าผู้บวชสมัยนี้กลายเป็นเซียงเมี่ยงไปกันหมดแล้วหรือคะ
กายน่ะค่ะบวชไม่ได้ค่ะการนุ่งห่มผ้ากาสาวพัตรน่ะค่ะต้องรู้ตัวว่า
ตนประกาศออกนอกหน้าต่อสาธารณะว่าละอายที่มีกิเลสมาก
เลยโกนหัวขออนุญาตปฏิญาณตนว่ามีความละอายชั่วมาก
และเกรงกลัวกิเลสมากๆขอมาทำตามสิกขาบทเพื่อที่จะ
เป็นที่เคารพกราบไหว้ของคนที่ไม่บวชแต่ทราบไหมคะ
บวชเสร็จทำแบบชาวบ้านเหมือนชาวโลกเขาทำกันน่ะ
มีความละอายบ้างไหมคะที่ขโมยห่มผ้ากาสาวพัตร

ติดหนี้ไม่รู้กี่แสนโกฏิกัปป์เพราะต้องตกนรกก่อน
ถึงจะมาเป็นเปรตอสุรกายเดรัจฉานอีกตั้งนาน
ประมาทคำสอนแล้วที่ทำผิดโดยไม่ลาสิกขา
ทำตามสิกขาบทไม่ได้น่ะมีแต่ชาวบ้านค่ะ
ที่ไม่ตกนรกนะคะบวชมีเกินอัฏฐบริขาร
กิเลสเพิ่มตามจำนวนที่เกิน8บริขารเลย
:b32: :b32: :b32:


คนสมัยเก่าก่อน...ใช้ระบบ.".ห้าม " ใว้ก่อน...เพื่อป้องกันลูกหลาน..
ดั่งเช่นสุภาษิตที่ว่า.."ชั่วชั่งชี..ดีชั่งสงฆ์" เป็นต้น...เพราะผู้ยังไม่ได้ศึกษาพระธรรม ย่อมไม่ทันจิตอกุศล...เผลอไผล่ทำบาปกรรมได้ง่าย..และเป็นกรรมหนักซะด้วย...

การสร้างสัญญาในแง่ลบต่อนักบวชในที่สาธารณะ...นั้น..ยิ่งเป็นการวิจารณ์แบบหว่านแห่..นี้...ร้ายแรงถึงขั้นทำลายสงฆ์..ได้เลยนะ..ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ..

นักบวช..ก็คือนักบวช...ก็มาจากคนธรรมดาเราเรานี้แหละ...ผิด..ผลาด..ผลั่งเผลออะไรไปบ้าง..ก็เป็นหน้าที่ของอุปัชฌาย์อาจารย์ของเขาจะสั่งสอนเอง...

จำใว้..ว่า..ศีล5ศีล8...ไม่มีหน้าที่สอนศีล227

นอกจากนี้...ยังมีความเห็นของคุณโรส..ที่แสดงถึงความรู้ไม่รอบ...ไม่รอบรู้...ไม่รู้ว่าถูกสอนมาหรือว่านึกคิดเอง...นะ

ดั่งเช่นที่คุณโรสว่า..

Rosarin เขียน:
Kiss
:b12:
ภิกษุณีไม่มีก็ได้ดังนั้นภิกษุก็ไม่มีได้อยู่แล้วใครจะกราบโจรปล้นคำสอน
พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาทรงประกาศศาสนาคือพระธรรมคำสอน
และทรงยกพระธรรมและพระวินัยเป็นศาสดาแทนพระองค์
ศาสดาคือพระธรรม...ศาสนาคือคำสอน...พระธรรมคำสอน
ก็คือพระพุทธเจ้าเมื่อไม่เคารพศาสดาจึงทำผิดพระธรรมวินัย
แสดงว่าภิกษณีทำตามสิกขาบทไม่ได้จึงไม่บวชไงคะแล้วเนี่ย
ภิกษุน่ะทำผิดคือทำตามสิกขาบทไม่ได้ก็ลาสิกขาออกมาสิคะ
แล้วจะเปลี่ยนแปลงคำสอนเพื่อให้ตามใจกิเลสตนเองจะตกนรก
แค่นี้ผู้ชายยังเกิดน้อยลงไม่พอหรือไงคะคำสอนไม่ห้ามลาสิกขา
ล่วงสิกขาบทศีลขาดทะลุแล้วยังไม่สำนึกทำเป็นการประจำผิดไหม
:b32: :b32:


อันนี้..ไม่รู้ขนานหนัก...ไม่รู้ว่า...พระพุทธศาสนาจะอยู่ได้ครบอายุ...ต้องมีครบ..

เน้นนะครับ...ต้องมีครบ..พระพุทธ..พระธรรม..พระสงฆ์
ภิกษุณี..ภิกษุ..ต่างก็เป็นสงฆ์สาวกเหมือนกัน..จะเหลือแค่ภิกษุ..ก็ถือว่า..มีสงฆ์.แม้จะเหลือสัญญาลักษณ์แค่ติ่งหู...ก็ถือว่า..มี
ไม่ใช่เป็นแค่สัญญาลักษณ์..นะ
มันมีอะไรอะไรในนั้น..ไม่ใช่เพียงแค่หลักการเหตุผลที่ว่า..ศึกษาพระธรรมคำสอนแล้วมาสอนชาวบ้าน..เท่านั้น

นี้แหละ..ที่ว่าไม่รู้ขนานหนัก...จึงพูดออกมาว่า..

"ภิกษุณีไม่มีก็ได้ดังนั้นภิกษุก็ไม่มีได้อยู่แล้วใครจะกราบโจรปล้นคำสอน"

เป็นอนัตตริยกรรม...ได้เลย..ทำลายสงฆ์(จากใจคนที่หลงเชื่อตาม)

อย่าพูดแบบคะนองปากเลยคุณโรส...ไม่รู้ขนาดหนักอย่างนี้...ยิ่งพูดยิ่งเข้าตัว..
ที่พูดมา...กิเลส..มานะ..อวิชชา..ของตัวเองทั้งนั้น

อ้างคำพูด:
สรุป..คือรู้ไม่ทันกิเลสตน...

แสดงว่า..ที่ฝึกมา..ยังใช้ไม่ได้


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 55 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 133 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร