Kiss
ครั้งพุทธกาลก่อนบวชทุกคนที่ได้ฟังธัมมะจากพระโอษฐ์
เข้าใจคำสอนและออกบวชเพื่อสละกิจแบบชาวบ้านทั้งหมด
คือสละสมบัติที่เคยมีออกบวชเพื่อเรียนธัมมะครองจีวรแค่3ผืน
และบิณฑบาตเป็นกิจวัตรไม่ทำอาชีพไม่รับเงินไม่ทำสงเคราะห์ใคร
ไม่ว่าจะเป็นกาลสมัยใดก็ตามคำของตถาคตจริงถึงที่สุดเปลี่ยนไม่ได้
สำหรับการบวชสมัยนี้บวชด้วยความไม่รู้แถมยังทำผิดแล้วไม่รับผิดชอบ
ยังจะเปลี่ยนแปลงสิกขาบทต่างๆให้มาเข้ากับกิเลสตนเองบาปต้องตกนรกน๊า
ฆราวาสที่ศึกษาคำจริงจนเข้าใจได้ประกาศความจริงให้รู้โดยเพ่งโทษติเตียนแล้ว
ยังโพนทะนาคือทำเสียงดังๆถึงความผิดปกติที่ผู้บวชปฏิบัติโดยไม่เคารพพระธรรมวินัย
บวชแล้วไม่สละกลับรับเงินมาใช้จ่ายอย่างชาวบ้านจริงใจที่จะบวชหรือไม่เพราะปฏิบัติไม่ตรง
ถ้ามีสำนวนก็เหมาะกับคำว่าคดในข้องอในกระดูกเป็นอันเข้าใจนะคะว่าผู้กล่าวตามคำตถาคตให้
ผู้บวชเห็นโทษคือผู้ชี้ขุมทรัพย์คืออริยทรัพย์คือปัญญา/บวชรับเงินเป็นอกุศลปิดกั้นมรรคผลนิพพาน

Kiss
พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ล่วงหน้าว่า
พันปีที่3จะบรรลุธรรมได้แค่อนาคามี
แปลว่าไม่บวชก็ได้ถูกไหมคะเพราะ
ครั้งพุทธกาลบวชเมื่อถึงพระอรหันต์
แล้วยุคนี้บวชรับเงินปิดกั้นมรรคผลนิพพาน
ขอยืนยันอีกครั้งปัญญาเกิดได้ตามลำดับ
ไม่เริ่มที่สุตมยปัญญาแปลว่าปัญญาไม่เพิ่ม
ปฏิบัติไทยแปลงจากบาลีปะติปัตติ
เปลี่ยนปตัวหลังเป็นบคือปะติบัตติ
ความหมายของปะติแปลว่าเฉพาะ
ปัตติแปลว่าถึงต้องแปลบาลีเป็นไทย
ให้ตรงภาษาตั้งต้นปะติบัตติแปลว่า
ถึงเฉพาะธัมมะที่กำลังปรากฏว่ามี
ตรงตามที่กำลังฟังเข้าใจถูกที่กายใจตน
ส่วนปฏิบัติคนไทยแปลว่าทำคือเข้าใจผิด
ใช้ตาและหูที่ได้มาชาตินี้ฟังทีละคำ
ใครไม่ฟังเกิดมาตายเปล่าค่ะ

Kiss
คิดว่าเห็นที่กำลังเห็นอยู่ผิดไหมคะ
นั่นแหละเรียกว่าความเห็นผิด
ก็กำลังเห็นผิดจริงๆมิใช่หรือ
ตรงจริงไหมกำลังดูและอ่าน
คือจิตคิดนึกอ่านหลังเห็นดับ

ลมหายใจหาย เหมือนไม่หายใจ

ผมฝึกนั่งสมาธิมาได้เกือบ 2 เดือนแล้วครับ แรกๆก็จับลมหายใจ คู่ กับ พุทโธ แต่ตอนนี้จับลมหายใจอย่างเดียวแล้ว พอถึงจุดหนึ่ง ลมหายใจค่อยๆหายจนเหมือนไม่หายใจ ความรู้สึกอึดอัดมาก เหมือนขาดอากาศหายใจ ผมก็ต้องพยายามหายใจตลอดเลยครับ เป็นแบบนี้ตลอด ไปต่อไม่ได้ ควรทำไงครับ หรือผมคิดไปเอง ขอความรู้หน่อยครับจะเอาไปปรับแก้

Kiss
คิดว่าเห็นที่กำลังเห็นอยู่ผิดไหมคะ
นั่นแหละเรียกว่าความเห็นผิด
ก็กำลังเห็นผิดจริงๆมิใช่หรือ
ตรงจริงไหมกำลังดูและอ่าน
คือจิตคิดนึกอ่านหลังเห็นดับ

จักขุ - ตา -รูป
โสต -หู -เสียง
ฆาน -จมูก -กลิ่น
ชิวหา - ลิ้น -รส
กาย -กาย -สัมผัส
มโน -ใจ - คิดเรื่องในใจ

นี่แหละได้คนๆหนึ่งแล้วมองในแง่ภาษาสมมติกันว่าคน มองอีกชั้นหนึ่งก็เป็นธรรมะ ให้มองสองชั้น

ถ้าคุณโรสว่าไม่จริง ก็เถียงมา

ลิงค์ปัญญาสามระดับ

viewtopic.php?f=1&t=52468

ไม่แน่นะ บางคนฟังแล้วไม่เกิดปัญญา ฟังหูซ้ายทะลุหูขวา

Kiss
พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ล่วงหน้าว่า
พันปีที่3จะบรรลุธรรมได้แค่อนาคามี
แปลว่าไม่บวชก็ได้ถูกไหมคะเพราะ
ครั้งพุทธกาลบวชเมื่อถึงพระอรหันต์
แล้วยุคนี้บวชรับเงินปิดกั้นมรรคผลนิพพาน
ขอยืนยันอีกครั้งปัญญาเกิดได้ตามลำดับ
ไม่เริ่มที่สุตมยปัญญาแปลว่าปัญญาไม่เพิ่ม
ปฏิบัติไทยแปลงจากบาลีปะติปัตติ
เปลี่ยนปตัวหลังเป็นบคือปะติบัตติ
ความหมายของปะติแปลว่าเฉพาะ
ปัตติแปลว่าถึงต้องแปลบาลีเป็นไทย
ให้ตรงภาษาตั้งต้นปะติบัตติแปลว่า
ถึงเฉพาะธัมมะที่กำลังปรากฏว่ามี
ตรงตามที่กำลังฟังเข้าใจถูกที่กายใจตน
ส่วนปฏิบัติคนไทยแปลว่าทำคือเข้าใจผิด
ใช้ตาและหูที่ได้มาชาตินี้ฟังทีละคำ
ใครไม่ฟังเกิดมาตายเปล่าค่ะ

ส่วนปฏิบัติคนไทยแปลว่าทำคือเข้าใจผิด

Kiss
พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ล่วงหน้าว่า
พันปีที่3จะบรรลุธรรมได้แค่อนาคามี
แปลว่าไม่บวชก็ได้ถูกไหมคะเพราะ
ครั้งพุทธกาลบวชเมื่อถึงพระอรหันต์
แล้วยุคนี้บวชรับเงินปิดกั้นมรรคผลนิพพาน
ขอยืนยันอีกครั้งปัญญาเกิดได้ตามลำดับ
ไม่เริ่มที่สุตมยปัญญาแปลว่าปัญญาไม่เพิ่ม
ปฏิบัติไทยแปลงจากบาลีปะติปัตติ
เปลี่ยนปตัวหลังเป็นบคือปะติบัตติ
ความหมายของปะติแปลว่าเฉพาะ
ปัตติแปลว่าถึงต้องแปลบาลีเป็นไทย
ให้ตรงภาษาตั้งต้นปะติบัตติแปลว่า
ถึงเฉพาะธัมมะที่กำลังปรากฏว่ามี
ตรงตามที่กำลังฟังเข้าใจถูกที่กายใจตน
ส่วนปฏิบัติคนไทยแปลว่าทำคือเข้าใจผิด
ใช้ตาและหูที่ได้มาชาตินี้ฟังทีละคำ
ใครไม่ฟังเกิดมาตายเปล่าค่ะ

ใช้ตาและหูที่ได้มาชาตินี้ฟังทีละคำ

ใครไม่ฟังเกิดมาตายเปล่าค่ะ

Kiss
ครั้งพุทธกาลก่อนบวชทุกคนที่ได้ฟังธัมมะจากพระโอษฐ์
เข้าใจคำสอนและออกบวชเพื่อสละกิจแบบชาวบ้านทั้งหมด
คือสละสมบัติที่เคยมีออกบวชเพื่อเรียนธัมมะครองจีวรแค่3ผืน
และบิณฑบาตเป็นกิจวัตรไม่ทำอาชีพไม่รับเงินไม่ทำสงเคราะห์ใคร
ไม่ว่าจะเป็นกาลสมัยใดก็ตามคำของตถาคตจริงถึงที่สุดเปลี่ยนไม่ได้
สำหรับการบวชสมัยนี้บวชด้วยความไม่รู้แถมยังทำผิดแล้วไม่รับผิดชอบ
ยังจะเปลี่ยนแปลงสิกขาบทต่างๆให้มาเข้ากับกิเลสตนเองบาปต้องตกนรกน๊า
ฆราวาสที่ศึกษาคำจริงจนเข้าใจได้ประกาศความจริงให้รู้โดยเพ่งโทษติเตียนแล้ว
ยังโพนทะนาคือทำเสียงดังๆถึงความผิดปกติที่ผู้บวชปฏิบัติโดยไม่เคารพพระธรรมวินัย
บวชแล้วไม่สละกลับรับเงินมาใช้จ่ายอย่างชาวบ้านจริงใจที่จะบวชหรือไม่เพราะปฏิบัติไม่ตรง
ถ้ามีสำนวนก็เหมาะกับคำว่าคดในข้องอในกระดูกเป็นอันเข้าใจนะคะว่าผู้กล่าวตามคำตถาคตให้
ผู้บวชเห็นโทษคือผู้ชี้ขุมทรัพย์คืออริยทรัพย์คือปัญญา/บวชรับเงินเป็นอกุศลปิดกั้นมรรคผลนิพพาน