วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 23:42  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 44 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ค. 2018, 15:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ค. 2018, 15:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อผมมาอยู่วัดชลประทาน ฯ ปีแรก ทีนี้คลองน้ำปากเกร็ด ตรงอ้อมเกร็ดนั้น น้ำมารวมกัน มีคนนั่งทางในว่า เห็นพระพุทธรูปทองคำอยู่ในน้ำ ๓ องค์ สมัยกรุงแตกเอามาทิ้งไว้ในน้ำ ๓ องค์ เวลานั้นอธิบดีกรมตำรวจ พลตำรวจเอกประเสริฐ รุจิรวงศ์ กับคุณแม่มาสนับสนุนเลย
กางเต็นท์บริเวณทำพิธีอยู่ ๗ วัน ๗ คืน พิธีสวดมนต์เรียกพระให้ขึ้น หย่อนสายสิญจน์ลงไปแล้วจะดึงขึ้นมา มีคนมาบอกผม ผมบอกว่า ถ้าไอ้พวกนั้นดึงพระขึ้นมาได้ผมจะให้เตะ ท้าเลย ว่าผมจะให้เตะกัน ๓ ที คนคงไปพูด
ชาวบ้านบอกว่า ขอให้ขึ้นมาเถอะ จริงๆนะ กูจะถลกสบงท่านปัญญา เตะให้เจ็บเสียที เขามาบอก
ผมก็บอกว่า ไม่ต้องถลกดอก ผมจะถลกให้เอง ทำไมมันจึงโง่กันขนาดนั้น จะเอาสายสิญจน์ดึงขึ้นมาได้อย่างไร พระเป็นทองใหญ่ๆ
ถ้าลองดึงทรายแล้วทรายติดขึ้นมาสักขยุ้มหนึ่งค่อยยังชั่วหน่อย น่าจะทำต่อไป เรือแพเต็มไปหมด มาจากบางไทร อยุธยา บางบัวทอง จากกรุงเทพฯ พวกแม่ค้าพลอยร่ำรวยเศรษฐกิจดีขึ้นหน่อย ได้ขายขนมกัน พระที่วัดนี้เขาไปดูกันบ้า ผมไม่ได้ไปดู

ผลที่สุด เหลว ๗ วันไม่ขึ้นสักที่ พอไม่ขึ้นหมอทางในก็พูดว่า ก็ไอ้เที่ยวพูดกัน ปากไม่ดี พูดอย่างนั้น ท่านจะขึ้นมาได้อย่างไร เลยไม่ศักดิ์สิทธิ์ นี่แหละ วิธีการของมนุษย์ มีวิธีการต่างๆ เยอะแยะที่จะต้ม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ค. 2018, 15:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ยิ่งไปบ้านนอก ห่างไกลความเจริญ ยิ่งไปต้มได้ง่าย หลอกลวงได้ง่ายมาก เช่น ตะพานหินมีอยู่คราวหนึ่งมีพระธุดงค์ ๓ องค์ ปักกลดอยู่เสมอ ชาวบ้านเลื่อมใสศรัทธาอยู่มาก บอกว่าอีกสามวันจะเป็นฤกษ์ดี ทำอะไร จะทำของวิเศษให้ชาวบ้าน คือ ให้เอาทองมา แล้วจะเสกเป็นของศักดิ์สิทธิ์ ชาวบ้านก็เชื่อ เป็นแหวนบ้าง สายสร้อยบ้าง
แต่ท่านบอกว่าต้องหาสถานที่เป็นบ้านมิดชิด มีรั้วรอบขอบชิด ไม่ให้คนเข้ามากวนในวันทำพิธีสัก ๓ วัน เอามาให้แล้วก็ทำพิธี ๓ วัน ไม่ให้คนเข้า ไม่ให้ใครเข้าไปยุ่ง ทำอยู่ในบ้าน
พอครบ ๓ วัน ก็เปิดให้เข้าไปดูในบริเวณ พระ ๓ องค์ พร้อมด้วยทองจำนวนไม่ใช่น้อย ก็อันตรธานไปแล้ว นี่เพราะอะไรจึงถูกต้มอย่างนี้ เพราะเชื่อเรื่องเหลวไหล เชื่อเรื่องมงคลตื่นข่าว

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ค. 2018, 15:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องที่ผมเจ็บใจที่สุด ก็คือเรื่องที่เชียงใหม่ มันต้มอยู่ตั้ง ๓ เดือน แต่งตัวเป็นพระ ชื่อพระบุศรินทร์ ชื่อสวย นั่งรถคันใหญ่ โอลสโมบิลท์ เข้าไปพบนายตำรวจ ผู้กำกับเลยด้วย เอาไปฝากไว้วัดไชยประเกียรติ์ สมภารวัดวัดไชยประเกียรติ์ก็เกรงใจผู้กำกับ เลยรับไป แหม ออกอุบายต่างๆ ทำเป็นคนเคร่งครัด
ออกอุบายว่า จะไปทอดผ้าป่า ทอดผ้าป่าได้เงินมาเก็บเงินจนหมด แล้วจ่ายเช็คให้ไว้ บอกว่ามีโทรเลขมาจากกรุงเทพ ฯ แล้วบอก ลูกไม่ต้องเป็นห่วงบวชต่อไปสบาย เงินทองนี้พ่อได้เข้าธนาคารไว้แล้ว ๔ แสน เดือนหน้าจะเข้าให้อีก ๕ แสน
ลูกปฏิบัติสมณธรรมไปเถอะ เอาเถอะโยมไม่ใช่คนกระจอกงอกง่อยนะ พวกคุณนายทั้งนั้นแหละ คุณนายผู้กำกับ คุณนายสรรพากร คุณนายสรรพสามิต คุณนายทหาร ไปนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อ อยู่กับไอ้บ้าๆองค์นั้น มากมายก่ายกอง ล้อมหน้าล้อมหลัง ต้องหาพิณพาทย์มาไว้หนึ่งวง จะนอนก็ต้องดีบรรเลงพิณพาทย์ และต้องมีเด็กมาฟ้อนรำให้คนดูกัน ไปทอดผ้าป่าโรงเรียน เซ็นเช็คไว้ให้ ไปทอดผ้าป่าเข้าคณะจังหวัด ให้เงินสดเข้าคุณจังหวัด เป็นอย่างนี้แหละ


พออยู่มา ก็บอกว่าวันเพ็ญเดือน ๑๐ ที่จะถึง วันเพ็ญดี จะทำตะกรุด ๓ กษัตริย์ ผู้ใดอยากได้ก็ให้เอาทองเอาเงินมา
เขาเอามาให้กันเยอะแยะ ให้ทำ ทำกันไปกันมาเรื่องมันแดงขึ้นเพราะเช็คเด้ง ร้านถ่ายรูป คือพออะไรต้องถ่ายรูป บันทึกประวัติไว้หมด เพื่อให้โยมดู โยมเห็นไหม ฉันไปทำบุญที่นั่นที่นี่ สาธุ โอ้ ท่านเจ้าทำดีแท้ เที่ยวชมใหญ่ ร้านถ่ายรูปราคาสามพันแล้ว
ถ่ายไปถ่ายมา ให้เช็คไว้ไปเบิกเงินไม่ได้ ไม่มีเงิน ก็ให้เด็กไปหา บอกว่ามารับเงินค่าถ่ายรูป ข้าเซ็นเช็คให้ไปแล้วนี่หว่า ไอ้ร้านขี้ประติ๋ว อย่างนี้มันจะมาอวดดี ดูถูกเสียด้วย
เด็กมาบอกเจ้าของร้าน เลยเจ้าของร้านไปเอง เจ้าของร้านเป็นคนใจธรรมะ ผมมาเอาเงินสด เช็คไม่เอา เงินสดก็ไม่มีให้ ไม่มีสตางค์นี่ มีแต่เช็คเด้ง เดี๋ยวร้านโน้น เดี๋ยวร้านนี้เช็คเด้ง ก็เอะอะกันขึ้น
ชิ้นสุดท้ายค่าอาหารก็เช็คเด้ง กินอาหารเช้าเพลส่งเช็คเด้งให้ทั้งนั้น เด้งทั้งนั้น ก็ก่อเรื่องให้ตำรวจจับ

คุณนายทั้งหลาย อย่าเพิ่งไปจับท่าน เงินยังไม่มา ท่านไม่ใช่คนยากคนจน ท่านมีเหมืองเจ้าฟ้าอยู่ภูเก็ต ภูเก็ตมันมีจริง เหมืองเจ้าฟ้า ผมเป็นเด็กพเนจร ยังไปเป็นลูกจ้างเขาเลยสมัยนั้น มันโกหกว่าเป็นลูกนายเหมือง คนเชียงใหม่ไม่รู้จักคนภูเก็ตเจ้าของเหมือง เขาชื่อหลวงอนุภาค ภูเกิดการ ตายไปแล้ว ลูกเขาไม่ได้บวชดอก เขามีสตางค์ ไอ้นี่มันปลอมมา


ผลที่สุดก็ว่ากันอยู่คืนหนึ่ง กว่าจะจบ สึกได้ พอสึกเสร็จแล้วเข้าไปในห้อง พบขวดแม่โขงที่กินไว้แล้วเต็มเลย กินไม่หมดก็มี ญาติโยมก็ว่านั่นน่าซี่ ตอนเย็นคุยด้วยนั่งโงกเงก สงสัยถามว่าเป็นอย่างไร บอกว่าโยมอะไรก็ไม่ทราบ เอายาอะไรมาให้ฉันเม็ดตะกี้ มันมึนยังไงชอบกล ความจริงฟาดแม่โขงเข้าไป แล้วก็พอดีเขาจับคืนนั้น

ผมไปอยู่เชียงใหม่ แล้วก็เลยไปเทศน์ที่พุทธสถาน เทศน์บอกว่า พี่น้องทั้งหลาย เห็นไหม ฉันจากเชียงใหม่ไป ๑๐ ปี แล้วความโง่มันเกิดขึ้นสักเท่าไร พระสงฆ์องค์เจ้าที่อยู่กันนี่ ไม่มีหูมีตาเลย ไม่รู้จักหาทางช่วยญาติโยมทั้งหลาย ให้พ้นจากมิจฉาชนที่จะมาหลอกต้มพี่น้อง ให้หลอกอยู่ได้ตั้ง ๓ เดือน นี่มันเรื่องอะไร
ความจริงมีพระที่รู้แต่พูดไม่ขึ้น พอไปพูดขึ้นท่านเจ้าคณะจังหวัดท่านบอกว่า เพื่อนดีอย่าไปว่าท่าน
เจ้าคณะท่านก็ว่าเพื่อนดี ก็เพื่อนเอาสินบนไปให้เสียแล้ว ญาติโยมถูกต้มไปงอมตามๆกัน เป็นอย่างนี้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ค. 2018, 15:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นี่แหละ โทษของความเชื่อเหลวไหล ที่มันมีอยู่ในจิตสันดานของพุทธบริษัท ต้องแก้แล้ว ถ้าเราไม่แก้ความเชื่ออย่างนี้นะ จะถูกโจมตีจากผู้ไม่ปรารถนาดี (ท่านว่าพวกคอมมูนิสต์) ว่าพุทธศาสนานี่งมงาย ความจริงไม่ใช่ พระพุทธศาสนาบริสุทธิ์ ดังทองคำธรรมชาติ แต่ทว่ามันมีตะกอนเข้ามาจับเกาะอยู่ เขาเรียกว่า เนื้อร้าย โรคเนื้อร้ายมาเกาะกินพุทธศาสนา มีมากเวลานี้ ถ้าเราไม่ตัดเนื้อร้ายนี้ออก จะเป็นพิษเป็นภัยต่อไปข้างหน้า คนจะเจ็บปวดเรื่อยๆ
เด็กมันเปิดนิทรรศการ เพราะอะไร ? นิทรรศการธรรมศาสตร์ ผ่าตัดพระพุทธศาสนา ผมดูแล้วมันเลือกรูปมาผ่าตัดเหมาะทั้งนั้น พระเจิมป้าย พระรดน้ำมนต์ พระปลุกเสกลงเลขยันต์ พระสอนธรรมะไม่มีเลยในรายการนั้น เพราะมันมุ่งร้าย ไม่ใช่นิทรรศการเพื่อประโยชน์อะไร แต่เพื่อให้เห็นว่าพระสงฆ์องค์เจ้าไม่ได้เรื่อง ไอ้ที่ได้เรื่องไม่ว่า มันเป็นอย่างนี้ มันก็เสียหาย


ถึงเวลาที่พวกเราทั้งหลาย ควรจะกลับจิตกลับใจกัน หันเข้าหาแสงสว่างทางธรรมะกันอย่างแท้จริง เรื่องเหลวไหลไม่ได้สาระแก่นสาร ซึ่งเขาเรียกว่า มงคลตื่นข่าว หรือ สีลัพพตปรามาส ไม่ได้เรื่อง ไม่เป็นสาระ ต้องค่อยๆแก้ ในบางทีเรายังแก้ไม่ได้ แต่เราต้องทำความเข้าใจกับญาติโยม ทำเพื่ออะไร ให้เขารู้นิดรู้หน่อยสะกิดขึ้นด้วยแหลมคมในคำพูด เท่าที่เราจะทำได้ นานๆ ไปเขามองเห็นขึ้นได้เอง อย่าไปนึกว่าเรื่องนี้มันแก้ไม่ได้ เราต้องค่อยๆแก้ แก้ไม่หมดในอายุเรา ลูกเราหลานเราศิษย์เราช่วยแก้ต่อไป ค่อยทำดีขึ้น เราศึกษาอย่างนี้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ค. 2018, 17:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาแล้วนั้น คอการเมืองจะได้ยินคำพูดจากปากฝ่ายคนดีอยู่คำหนึ่ง คำนั่นก็คือ "ปฏิรูป" จะปฏิรูปนั่นจะปฏิรูปนี่เสียก่อน เช่น ปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปตำรวจ ปฏิรูปศาสนา ฯลฯ แต่น้อยนักจะเข้าใจความหมายคำว่า "ปฏิรูป" ในเมื่อไม่เข้าใจสิ่งที่ตัวพูด แล้วจะปฏิรูปอะไรๆได้ยังไง

ความหมาย คำว่า ปฏิรูป

ปฏิรูป สมควร, เหมาะสม, ปรับปรุงให้สมควร, ถ้าอยู่ในคำสมาสแปลว่า “เทียม” “ปลอม” “ไม่แท้” เช่น สัทธรรมปฏิรูป แปลว่า “สัทธรรมเทียม” หรือ “ธรรมปลอม”

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ค. 2018, 17:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูพระพุทธเจ้าปฏิรูปเป็นตัวอย่าง


พระพุทธเจ้าของเราเป็นนักปฏิรูป Reformist ไม่ใช่ Revolutionist ทรงเปลี่ยนแปลงแต่ไม่ทำลายของเก่า จะยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น
ชายคนหนึ่งตื่นแต่เช้า (สิงคาลมาณพ) นุ่งผ้าเปียก ห่มผ้าเปียกไปยืนไหว้ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ไหว้ทิศเหนือ ทิศใต้ ทุกวันไม่เคยขาด

พระพุทธเจ้าเสด็จผ่านมาทางนั้นทุกวัน เห็นเจ้านั่นเสมอ เลยไปถาม หนูไหว้อะไร ?
ไหว้ทิศ พระเจ้าข้า
ใครบอกให้ไหว้อย่างนี้ ?
คุณพ่อก่อนตายสั่งไว้ว่าให้ไหว้ทิศ

อารยชนเขาไม่ทำกันอย่างนี้นะ เธอไม่เข้าใจความหมายของคุณพ่อเธอที่สอนเธอให้ไหว้ทิศ ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก พ่อของเธอไม่ได้อธิบาย แต่ได้ตายเสียก่อน พูดว่าเธอต้องไหว้ทิศตลอดเวลา พูดยังไม่ทันจบก็หมดลมตายเสียก่อน เลยเขาก็ไหว้อย่างนั้น อารยชนเขาไม่ทำอย่างนั้น อารยชนเขาไม่ไหว้ทิศอย่างนั้น

ทิศตะวันออกมันเกี่ยวข้องกับเราอย่างไร ทิศต่างๆ คืออะไร พระองค์จึงได้ทรงแสดงธรรมเรื่องทิศ ๖ ให้นายหนุ่มคนนั้นฟังว่า
ทิศตะวันออก นี้คือ บิดามารดา (ปุริมถิมทิศ คือทิศเบื้องหน้า มารดาบิดา)
ทิศใต้ คือ ครูอาจารย์ (ทักขิณทิศ คือทิศเบื้องขวา อาจารย์)
ทิศเหนือ คือ มิตรสหาย (อุตตรทิศ คือทิศเบื้องซ้าย มิตร)
ทิศเบื้องหลัง คือ บุตรภรรยา (ปัจฉิมทิศ คือทิศเบื้องหลัง บุตรภรรยา)
ทิศเบื้องบน คือ สมณพราหมณ์ (อุปริมทิศ คือทิศเบื้องบน สมณพราหมณ์)
ทิศเบื้องต่ำ คือ ทาสคนใช้ (เหฏฐิมทิศ คือทิศเบื้องต่ำ บ่าว)


เราควรจะปฏิบัติต่อคนเหล่านั้นอย่างไร ปฏิบัติพ่อแม่อย่างไร ปฏิบัติต่อครูอาจารย์อย่างไร นี่แหละเป็นการปฏิรูป ทรงเปลี่ยนแปลงให้สิ่งที่เขาทำนั้นให้มันถูกต้องขึ้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ค. 2018, 17:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ยังมีตัวอย่างอีกมากกมาย เช่น พวกพราหมณ์ไปทำ ปุพพเปตพลี วันสารทน่ะ เขาเอาอาหารมากองที่ป่าช้า กองใหญ่ราวกับจอมปลวก เพราะคนมาเยอะ มาถึงก็กองๆ แล้วก็จุดธูป จุดเทียนบูชากันไปตามเรื่อง

พระพุทธเจ้าเสด็จมาถึง เธอทำอะไร ? ก็บอกว่า ทำ ปุพพเปตพลี อุทิศให้แก่ผู้ตาย

อารยชนเขาไม่ทำกันอย่างนี้นะ เพราะอินเดียเป็นเผ่าอารยะเหมือนกัน ชอบใช้คำพูดว่า อารยชนเขาไม่ทำกันอย่างนี้

ทูลถามว่า ทำอย่างไร ?

ก็บอกว่าให้เอาอาหารนี้ไปให้แก่สมณะชีพราหมณ์ที่ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ หรือให้แก่คนยากคนจนที่ไม่มีอาหารจะกินจะใช้ แล้วเราก็อุทิศส่วนบุญกุศลไปให้ ไม่ใช่เราเอาอาหารมากองให้ทานอย่างนี้ มันเน่าบูดอยู่บนดินเสียไปเปล่าๆ พระองค์ไปแก้วิธีการให้เป็นบุญกุศลขึ้น ให้มีประโยชน์ นี่คือปฏิรูป

ถ้าเราศึกษาตามพระสูตรต่างๆ แล้วจะเห็นว่าพระองค์ทรงเปลี่ยนแปลงมาก เขาบูชายัญก็ไปเปลี่ยนเสีย ให้สงเคราะห์อย่างอื่น เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อบุคคลอื่น นี่เป็นตัวอย่างปฏิรูปกิจกรรมทั้งหลายให้มันดีขึ้นให้เป็นไปในทางถูกทางธรรม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2018, 08:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ในวงการพุทธศาสนาสมัยแรกทีเดียว บริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่มีอะไร แล้วต่อมาก็ค่อยมีสิ่งนั้นสิ่งนี้หลายประการ เช่นว่า การสวดมนต์ตามบ้าน เป็นตัวอย่าง ครั้งโบราณกาล ครั้งพระพุทธเจ้าไม่มี มามีขึ้นในสมัยลังกา
ในลังกายุคนั้นมีคน ๒ ศาสนา พวกทมิฬกับถือศาสนาพราหมณ์ พวกสิงหลนับถือพุทธศาสนา

พวกทมิฬเขาสร้างบ้านสร้างเรือนแล้ว เขานิมนต์พราหมณ์มาสวด เรียกว่า ทำบ้านให้อบอุ่น มีสิริมงคล เขามานั่งสวด คือ เอาคัมภีร์มาอ่านพระเวทย์มานั่งอ่าน ๓ คืน แล้วเจ้าของบ้านเข้าอยู่ได้

พวกชาวพุทธเห็นว่าเขาทำอย่างนั้น มันเข้าทีดีเหมือนกัน ก็อยากทำบ้าง พระท่านก็เลยคัดเลือกพระสูตรต่างๆ มารวมกันเรียกว่า ๗ ตำนาน ๑๒ ตำนาน มงคลสูตร รันตสูตรที่เรามาสวดกันตามบ้านอยู่เวลานี้

แต่ที่ลังกาเขาสวด เขาสวดได้บุญมากกว่าบ้านเรา เขาสวด ๓ วัน ๗ วัน ไม่ใช่น้อยๆ เขาทำเป็นมณฑปสำหรับพระนั่ง กลางบ้านเลย เป็นวงกลมประดับประกาสวยงาม แล้วพระก็นั่งเป็นวงกลม ๙ องค์ แล้วก็สวด
เวลาสวดชาวบ้านต้องมานั่งหมดเลย ถือสายสิญจน์ด้วย พระถือเส้นหนึ่ง ชาวบ้านถือเส้นหนึ่ง พนมมือแต้ นั่งสงบจิตสงบใจ
พระสวดเขาก็ฟัง แล้วขณะที่สวดมนต์นี้ เขาจะไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่มีการดื่มของมึนเมา ไม่มีการสนุกสนาน อยู่ในบ้านต้องสำรวมระวังรักษาจิตใจให้สงบ อยู่ในศีลในธรรม เขาทำอย่างนั้น พิธีการเขาเป็นอย่างนั้น
วันสุดท้ายสวดเสร็จก็เลี้ยงพระ ถวายอาหารคาวหวานให้พระ แบ่งใส่ถุงให้พระนำไปฉันที่วัดต่อไป เขาทำอย่างนี้


เมืองเราบนบ้านสวดมนต์ ใต้ถุนเลี้ยงกันเมาแอ๋ บางทีรับศีลว่าไม่ดังดอก พระพูดว่า ปาณาติปาตา เวรมณี ดังๆ แต่โยมเงียบเลย ไม่มีเสียงดอก พอพระไปแล้ว ก็เลี้ยงกัน กินเหล้ากัน

ถามว่ารับศีลอย่างไร ทำไมดื่มเหล้า ก็ผมรับศีลสี่ข้อเท่านั้นนี่ครับ คนไทยเรามันเก่ง เลี่ยงเก่ง พระยังไม่ทันไป ใต้ถุนเลี้ยงกันแล้ว ไปสวดมนต์บ้านอย่างนั้น จะไปเป็นมงคลได้อย่างไร มงคลมันต้องแก้บ้าง คือสวดแล้ว อย่าสวดเฉยๆ ต้องพูดให้เขาฟังนิดหน่อยหลังจากฉันอาหาร หรือก่อนจะพรมน้ำมนต์ พูดให้เขาฟัง ให้เขาประพฤติในธรรมให้ถูกต้อง แล้วก็บอกว่า น้ำมนต์พรมไปอย่างนั้นเอง แต่ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจด้วย ควรประพฤติธรรมด้วย ไม่ใช่รดน้ำมนต์แล้วจะวิเศษขึ้นมา ไม่ใช่อย่างนั้น รดน้ำมนต์แล้วกินเหล้า เปิดบ่อนการพนัน ทำอะไรๆ ไม่เข้าเรื่อง ค่อยๆสอนเขาไปๆ ในสิ่งที่เขาทำ เพื่อจะได้รู้เรื่องนี้ นานๆไป ความคิดความเห็น เขาก็จะค่อยๆ เปลี่ยนไปเอง เพราะเข้าใจถูก แต่เรื่องนี้ เป็นหน้าที่ของพระเราที่จะต้องไปทำความเข้าใจญาติโยมเท่านั้น


พวกเราที่มาบวชแล้ว ควรรับมตินี้ไปพิจารณา แล้วค่อยแก้ไขไปตามเรื่อง ทำอะไรอย่าไปขัดใจเขารุนแรง แต่ต้องรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ในใจคิดอยู่ให้ถูกต้องเสมอ ไม่เป็นทุกข์เพราะไม่ได้ทำอย่างนั้นทำอย่างนี้ แต่งานเขาว่าวันไม่ดี อย่าได้ไปเป็นทุกข์ อยู่กันให้ดี ไม่วาวันไหนมันก็เรียบร้อย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2018, 08:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วันหนึ่ง ไปนั่งอยู่ที่วัดสงขลา เด็กมันจะหมั้นกัน เด็กมาหาสมภาร สมภารลุกขึ้น ผมถามว่าจะไปไหน ก็จะไปเอาตำราหน่อย
ผมว่าไม่ต้องลุกขึ้นดอก ผมตำรามันอยู่ในหัวแล้ว ตำราเรียบร้อย เขาไปหาวันนั้น ประมาณขึ้น ๒ ค่ำเลย บอกว่า ๙ ค่ำดีโยม ตั้งเวลาให้เขาหน่อย วันขึ้น ๙ ค่ำ สวมแหวนเวลาไหนดี ก็บอกว่า ๙ โมงเช้าก็แล้วกัน ไม่ได้ดูอะไรดอก ว่ามันไปอย่างนั้นเอง เวลา ๙ โมง มันเหมาะพอดี เจ้าบ่าวมา เจ้าสาวเตรียมตัวพร้อม เป็นการหมั้นกันไป เสร็จแล้วมันก็แต่งงานกันไป มีลูกมีเต้า ไม่เห็นมีอะไร มันเรื่องสมมติ หมอไม่เก่งเอง ไปเชื่อตำรามากเกินไป

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2018, 08:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มีอยู่องค์หนึ่ง เอากระดูกเข้าบัว (ทางใต้เรียกบัว หมายถึงเจดีย์บรรจุกระดูก) แกให้ฤกษ์ไม่ไหวสักที กลางดึกตีสามตีสี่ เจ้าของบ้านต้องตื่นมาเอากระดูกพ่อแม่มาเข้าบัว นิมนต์พระมาบังสุกุล
พระบางองค์บอกว่าไม่บังสุกุลละ นอนดีกว่า มันเรื่องอะไร
แต่พระองค์นี้แกเป็นหมอดู ผมเทศน์เอาบ่อยๆ ต่อหน้าเลย เจ้าคุณปัญญา ฯ ไม่ถืออะไรเก่าๆ
ผมก็บอกว่า ผมนี่มันถือของเก่าที่สุดเลย คือของพระพุทธเจ้า ของคนอื่นไม่ถือ เพื่อให้คนอื่นเขาเข้าใจบ้าง ไม่ต้องอะไรก็ได้ ดูให้มันเหมาะก็แล้วกัน แต่ทว่าญาติโยมเขาถือรุนแรงก็ต้องมาดูเสียหน่อย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2018, 08:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เคยมี เคยมีเด็ก ๒ คน จะแต่งงานกัน สองคนนี่ไม่ถือ แต่พ่อแม่ถือ เลยมาบอก หนูจะมาถามหลวงพ่อหน่อย ว่าจะแต่งงานวันไหนดี ถ้าไปบอกคุณพ่อคุณแม่ ว่าหลวงพ่อบอกท่านจะเชื่อได้ ได้ซี่ แล้วหนูจะพร้อมกันเมื่อไรล่ะ อะไรต่ออะไรมันพร้อมไหมล่ะ เรื่องทุกอย่างพิมพ์บัตร พิมพ์การ์ด ให้เสร็จทันพร้อมทุกประการวันไหนล่ะ
ขนาดสักกลางๆเดือนดีค่ะ ถ้าอย่างนั้น ก็เอาวันพฤหัสบดีที่ ๑๕ เดือนนี้แหละ วันพอเหมาะพอดี ให้แต่งงานกันวันนี้ เดี๋ยวนี้ก็อยู่กันเรียบร้อยดี ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน
ก็เขารักกันเหมือนจะกลืนกินกันอยู่แล้ว ฤกษ์รดน้ำ ฤกษ์สวมแหวนมันไม่ใช่ฤกษ์แท้ดอก
แต่งงานแท้มันอยู่ตรงไหน มันอยู่ตรงที่แทงกันนั่นแหละ :b32: แล้วไอ้ตรงนี้ใครมันดูบ้าง มันจะดูกันเรอะ เดี๋ยวรอดูหน่อย ดูฤกษ์ก่อน เวลานั้นมันไม่ดูฤกษ์ดอก มันเป็นเรื่องเหลวไหลไม่ได้สาระ ขอให้นำไปพิจารณาดูให้ดีที่กล่าวมานี้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2018, 19:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จบตอน จากหนังสือนี้ หน้า ๕๙๓

http://g-picture2.wunjun.com/6/full/40e ... s=614x1024

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2018, 07:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาแล้วนั้น คอการเมืองจะได้ยินคำพูดจากปากฝ่ายคนดีอยู่คำหนึ่ง คำนั่นก็คือ "ปฏิรูป" จะปฏิรูปนั่นจะปฏิรูปนี่เสียก่อน เช่น ปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปตำรวจ ปฏิรูปศาสนา ฯลฯ แต่น้อยนักจะเข้าใจความหมายคำว่า "ปฏิรูป" ในเมื่อไม่เข้าใจสิ่งที่ตัวพูด แล้วจะปฏิรูปอะไรๆได้ยังไง

ความหมาย คำว่า ปฏิรูป

ปฏิรูป สมควร, เหมาะสม, ปรับปรุงให้สมควร, ถ้าอยู่ท้ายในคำสมาสแปลว่า “เทียม” “ปลอม” “ไม่แท้” เช่น สัทธรรมปฏิรูป แปลว่า “สัทธรรมเทียม” หรือ “ธรรมปลอม”


ปฏิรูป (คคห. ที่อ้างอิงตก "ท้าย" ไป)

รูปภาพ


‘ศุภชัย’ เหน็บ ‘อิสสระ’ แต่ก่อนล้มระบบเลือกตั้ง ตอนนี้ทิ้ง กปปส. ทำเนียนไปรอเลือกตั้ง

https://www.matichon.co.th/news/949150

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 44 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 154 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร