วันเวลาปัจจุบัน 19 มี.ค. 2024, 10:52  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 49 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2018, 15:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หมอชี้หยุด ”มะเร็ง” ต้องรักษาให้ตรงจุด-ไม่ขาดกำลังใจ

มะเร็งนับเป็นโรคร้ายอันดับหนึ่งที่คุกคามชีวิต ของคนไทย เมื่อรู้ว่าป่วยด้วยโรคมะเร็ง ผู้ป่วยมักมีความกังวลใจ หดหู่ หรืออาจเกิดภาวะซึมเศร้า

แต่ขึ้นชื่อว่า “โรค” ก็ต้องมีทางดูแลรักษาและป้องกัน ดังนั้นในการเสวนา “สู้มะเร็งอย่างไร…ให้ใจเป็นสุข” โรงพยาบาลพญาไท 2 จึงได้นำแนวคิด “เราเป็นทีมเดียวกัน” มาใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็ง เพราะตระหนักดีว่าการดูแลจิตใจของผู้ป่วย เป็นเรื่องสำคัญ ที่ต้องทำควบคู่ไปกับการใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางของทีมแพทย์และพยาบาล ประกอบกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีก้าวหน้าในการรักษาให้ตรงจุด เพื่อหยุดโรคมะเร็ง


ในระหว่างการรักษานั้นปัจจัยสำคัญมาก คือกำลังใจ การคิดบวกที่ช่วยจะเพิ่มประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่ดี ในการรักษา ดังนั้นการดูแลผู้ป่วย โดยใช้ใจ ในการสร้างความเชื่อมั่นว่าเราจะเป็น “ทีมเดียวกัน” เป็นเรื่องที่เราต้องทำควบคู่ไปกับการดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็ง

“เราบอกผู้ป่วย และญาติเสมอว่าบางครั้งเราท้อแท้ได้ เพราะมันเป็นเรื่องความเจ็บป่วย ที่เสี่ยงถึงชีวิต แต่เราต้องพยายามดึงจิตใจของเราขึ้น พยายามมองบวกให้มากๆ โลกนี้ยังมีสิ่งสวยงามให้เราดู ให้เราทำอีกมากมาย”

https://www.khaosod.co.th/lifestyle/news_915362

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2018, 16:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สภาพกาย จิต สัมพันธ์ อาจแบ่งได้เป็น สามระดับ ตามขั้นของพัฒนาการทางจิต

ขั้นต่ำสุด ทุกข์กาย ซ้ำทุกข์ใจ คือ ผลต่อกาย กระทบจิตด้วย พอไม่สบายกาย ใจก็พลอยไม่สบายด้วย ซ้ำเติมตัวเองให้หนักขึ้น

ขั้นกลาง ทุกข์กาย อยู่แค่กาย คือ จำกัดขอบเขตของผลกระทบได้ ความทุกข์ความไม่สบายมีอยู่แค่ไหน ก็รับรู้ตามที่เป็นแค่นั้น วางใจได้ ไม่ให้ทุกข์ทับถมลุกลาม

ขั้นสูง ใจสบาย ช่วยกายคลายทุกข์ คือ เมื่อร่างกายทุกข์ ไม่สบาย นอกจากไม่เก็บไปก่อทุกข์แก่ใจแล้ว ยังสามารถใช้สมรรถภาพที่เข้มแข็ง และคุณภาพที่ดีงามของจิต ส่งผลดีกลับมาช่วยกายได้อีกด้วย

(พุทธธรรมหน้า ๗๘๙ ตอนว่าด้วยประโยชน์ของสมาธิ ในชีวิตประจำวัน)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 เม.ย. 2018, 09:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พึงพิจารณาในแง่กำลังใจ เกณฑ์ทหารจับฉลากถูกใบแดง ตย.

รูปภาพ


ไม่ต้องถึงขั้นเจ็บไข้ได้ป่วยหรอก ต่อให้ร่างกายแข็งแรงๆปกติๆนี่แหละ ถ้าประสบเหตุการณ์ดีร้ายฉับพลันทันที ตั้งรับไม่ทันก็หมดแรงเป็นลมทรุดได้

https://khaomamanew168.blogspot.com/201 ... st_86.html

ดังนั้น กำลังจิตกำลังใจสำคัญ บางคนสักเต็มตัว พอหมอจะฉีดยา เห็นเข็มเท่านั้่นแหละร้องไห้ ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 เม.ย. 2018, 19:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


(โรคมีสองอย่าง คือ โรคทางกาย กับโรคทางจิตใจ)

มีพุทธพจน์ที่ตรัสสอนคหบดีผู้เฒ่าคนหนึ่งว่า

"ท่านพึงศึกษาฝึกสอนตน ดังนี้ว่า ถึงแม้ร่างกายของเราจะป่วยออดแอด แต่จิตของเราจักไม่ป่วยออดแอดไปด้วย" (สํ.ข.17/2/3) และตรัสแก่ภิกษุทั้งหลายว่า โรคมี ๒ อย่าง คือ โรคทางกาย และโรคทางจิต

"สัตว์ที่ยืนยันได้ว่า ตนปราศจากโรคทางจิต แม้เพียงครู่หนึ่งนั้น หาได้ยาก ยกเว้นแต่พระขีณาสพ"
(องฺ.จตุกฺก.21/156/192)


โรคทางกายนี่มีเยอะแยะตาแปะไก๋ ตัวอย่าง เช่น

อาพาธ ความเจ็บป่วย, โรค, (ในภาษาไทย ใช้แก่ภิกษุสามเณร แต่ในภาษาบาลี ใช้ได้ทั่วไป) อาพาธต่างๆมีมากมาย เรียกตามชื่ออวัยวะที่เป็นบ้าง เรียกตามอาการบ้าง บางทีแยกตามสมุฏฐานว่า

ปิตฺตสมุฏฐานา อาพาธา, (ความเจ็บไข้ มีดีเป็นสมุฏฐาน ... ปิตตะ น้ำดี, น้ำจากต่อมตับ,โรคดีเดือด)

เสมฺหสมุฏฐานา อาพาธา , (ความเจ็บไข้ มีเสมหะเป็นสมุฏฐาน)

วาตสมุฏฐานา อาพาธา, (ความเจ็บไข้ มีลมเป็นสมุฏฐาน)

สนฺติปาติกา อาพาธา, (ความเจ็บไข้ เกิดจากสันนิบาต) ( คือประชุมกันแห่งสมุฏฐานทั้งสาม) ไข้สันนิบาต คือ ความเจ็บไข้ที่เกิดขึ้นแต่ ดี เสมหะ และลม ทั้งสามเจือกัน

อุตุปริณามชา อาพาธา, (ความเจ็บไข้เกิดแต่ฤดูแปรปรวน, ความเจ็บไข้เพราะดินฟ้าอากาศผันแปร)

วิสมปริหารชา อาพาธา , (ความเจ็บไข้ที่เกิดจากการบริหารร่างกายไม่สม่ำเสมอ คือ ผลัดเปลี่ยนอิริยาบถไม่พอดี

โอปกฺกมิกา อาพาธา, (ความเจ็บไข้เกิดจากความพยายามหรือจากคนทำให้, เจ็บป่วยเพราะการกระทำของคน คือตนเองเพียรเกินกำลัง หรือถูกเขากระทำ เช่น ถูกจองจำ ใส่ขื่อคา เป็นต้น)

กมฺมวิปากชา อาพาธา (ความเจ็บไข้เกิดแต่วิบากแห่งกรรม)

สมุฏฐาน ที่เกิด, ที่ตั้ง, เหตุ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 เม.ย. 2018, 13:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จิตแพทย์แนะ 2 กลุ่มเสี่ยงหลัง ‘บุพเพ’ ลาจอ เหตุพลัดพรากจากสิ่งที่ประทับใจ

รูปภาพ


https://www.matichon.co.th/news/908346

พญ.มธุรดา กล่าวว่า ส่วนกลุ่มผู้ป่วยที่มีปัญหาทางสุขภาพจิต ที่ติดละครบุพเพสันนิวาสก็อาจจะมีอาการมากกว่ากลุ่มอื่นโดยมี 2 กลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่
1.กลุ่มผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ที่พอดูละครก็จะมีความสุขแต่พอละครจบก็อาจจะรู้สึกเหมือนมีอะไรหายไป และ

2.กลุ่มคนที่ติดโซเชียลมีเดีย ที่เพื่อนที่เป็นคอเดียวกันจะหายไป ก็อาจจะอินมากเป็นพิเศษพอละครจบ อาจจะเหมือนอะไรบางอย่างในชีวิตหายไป ดังนั้นเราจะต้องมาสร้างความสุขให้ตัวเองโดยการคิดดี พูดดี ทำดี เพื่อเสริมกำลังใจ และ
ที่สำคัญคือสารแห่งความสุขนั้น เราสามารถสร้างด้วยตัวเองได้ โดยไม่ต้องดูละครเพียงอย่างเดียว แต่หันทำในสิ่งที่ชอบ เช่น เดินเล่น ออกกำลังกาย เพราะละครจะสร้างความสุขเพียงชั่วครั้งชั่วคราว มีเริ่มต้นก็มีตอนจบ
แต่สิ่งที่อยู่กับตัวเราอย่างสารแห่งความสุขที่ไม่มีขายเราสร้างขึ้นมาเอง และที่สำคัญที่สุดคือการหันมาดูแลสุขภาพตัวเอง ในกลุ่มผู้ป่วยก็อย่าลืมรับประทานยาด้วย

https://scontent.fbkk5-3.fna.fbcdn.net/ ... e=5B28CED4

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2018, 20:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วิธีสร้างความสุข (นิรามิสสุข) เบื้องต้นให้กับตนเองและทั้งรักษาโรคบางอย่างด้วย (ตัดมา)


แล้วกำหนดคำบริกรรมในใจแผ่เมตตาให้สัตว์ทั้งหลายไม่มีประมาณในทิศเบื้องหน้า จากนั้นก็เบื้องหลัง ฯลฯ พอครบทุกทิศแล้ว ก็กำหนดแผ่ไปในทุกทิศพร้อมกันไม่มีประมาณ กำหนดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น จากนั้นผมก็รู้สึกเหมือนกาย ขยายตามที่กำหนดแผ่เมตตาไปด้วย รู้สึกว่ากายขยายไปทุกทิศ ความรู้สึกนี้มันเกิดในเวลาแค่แปปเดียว
กายขยายไปทุกทิศจนรู้สึกว่ากายหายไป คือไม่มีกาย เวลานี้รู้สึกว่าความรู้สึกของเราเหมือนจุ่มอยู่ในปิติ มีแต่ความสุขไปหมด
จากนั้น ผมก็คิดขึ้นมาว่า "มีความสุขขนาดนี้ในโลกด้วยหรือ ความสุขนี้ดีกว่าความสุขในโลกที่เราเคยพบมาทั้งหมด โอ ความสุขนี้แค่นั่งก็ได้แล้ว คนทั้งโลกมัวแต่วุ่นวายทำอะไรกันอยู่ บางคนทำทุจริตต่างๆเพื่อหาเงินมาสนองความสุขตน ทำไปทำไมนะ มันเทียบกับความสุขที่เกิดจากความสงบนี้ไม่ได้เลย ความสุขนี้ไม่ต้องไขว่คว้ามาก อยู่กับตัวเองแท้ๆ คน (ส่วนใหญ่) ในโลกกลับไม่รู้"

จากนั้น ผมก็สังเกตลมหายใจ ก็รู้สึกว่าลมหายใจตอนนี้มันละเอียดมาก ถึงค่อยเข้าใจคำว่าลมหายใจหยาบลมหายใจละเอียดว่าเป็นยังไง ก่อนหน้านี้เข้าใจว่าคือลมหายใจแรงๆเบาๆซะอีก :)

ความรู้สึกจากการเกิดสมาธิครั้งแรกนี้มันเหมือนจุ่มค้างอยู่ปิติ แต่ไม่เห็นนิมิตอะไรทั้งสิ้นเลยนะครับ แต่รู้สึกจิตเวลานี้ไม่มีนิวรณ์เลย คือมีความรู้พร้อมอยู่
จากนั้นผมก็รู้สึกยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วคิดไปเรื่อยว่า "นี่คือปฐมฌาณหรือเปล่านี่ ปฐมฌาณเกิดกับเราหรือ" จนจิตเริ่มไม่เป็นสมาธิ เริ่มปั่นป่วน หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงห้องข้างๆตะโกนเสียงดัง (คาดว่าน่าจะดูบอล) ผมก็เลยหลุดออกมาจากสภาวะนั้น

http://larndham.org/index.php?/topic/27 ... ntry393770

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2018, 18:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สุข ความสบาย, ความสำราญ, ความฉ่ำชื่นรื่นกายใจ หมวดหนึ่ง มี ๒
คือ
๑. สามิสสุข สุขอิงอามิส คืออาศัยกามคุณ

๒. นิรามิสสุข สุขไม่อิงอามิส คือ อิงเนกขัมมะ หรือสุขที่เป็นอิสระ ไม่ขึ้นต่อวัตถุ


กามคุณ ส่วนที่น่าปรารถนาน่าใคร่ มี ๕ อย่าง คือ รูป เสียง กลิ่น รส และโผฏฐัพพะ (สัมผัสทางกาย) ที่น่าใคร่น่าพอใจ (= กามสุข)


ปัสสัทธิ ความสงบกายสงบใจ, ความสงบใจและอารมณ์, ความสงบเย็น, ความผ่อนคลายกายใจ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2018, 18:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


https://www.khaosod.co.th/monitor-news/news_967517

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2018, 22:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นพ.คณิน ไตรพิพิธสิริวัฒน์ แพทย์ด้านเวชศาสตร์ป้องกันและฟื้นฟูแห่งศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ ร.พ.บำรุงราษฎร์ แนะหลีกเลี่ยงสารพิษรอบตัว ปลูกต้นไม้ในบ้าน เพิ่มอากาศบริสุทธิ์

สิ่งแวดล้อมรอบตัวเราทุกวันนี้เต็มไปด้วยสารพิษต่างๆ มากมาย ทั้งยาฆ่าแมลงที่ตกค้างในอาหาร สารระเหยจากสีทาบ้านและสารปนเปื้อนในน้ำดื่ม โดยที่ในแต่ละปี มีสารพิษเพิ่มมากขึ้นถึง 300,000 ชนิดเลยทีเดียว

แม้ว่าร่างกายจะกำจัดสารพิษต่างๆ ได้เองเป็นส่วนใหญ่ การที่ร่างกายต้องเผชิญกับสารพิษเป็นเวลานานและต่อเนื่องกันก็สามารถจะส่งผลเสียต่อร่างกายจนเกิดโรคร้ายได้ เช่น โรคมะเร็ง และยังก่อให้เกิดโรคต่างๆ อันเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ภูมิแพ้ ผื่นตามผิวหนัง หอบหืด และอาการอักเสบต่างๆ


ส่วนน้ำผึ้ง ขิง และพริก ก็เป็นอาหารที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ที่ช่วยต่อสู้กับโรคหวัดต่างๆ ได้อีกด้วย โดยที่น้ำผึ้งเป็นสารต่อสู้กับแบคทีเรียตามธรรมชาติ ขิง และพริก ช่วยให้ระบบหมุนเวียนโลหิตทำงานได้ดี

นอกจากสารอาหารที่สำคัญแล้วการดื่มน้ำก็เป็นปัจจัยสำคัญต่อการมีสุขภาพที่ดีอีกด้วย โดยที่ความชุ่มชื้นช่วยให้เซลล์มีสุขภาพที่ดีและทำงานเป็นปกติในการต่อสู้กับแบคทีเรียและไวรัส โดยเฉพาะนักกีฬาและคนทำงานในออฟฟิศที่มักจะประสบกับภาวะร่างกายขาดน้ำเป็นประจำ รวมทั้งการออกกำลังเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย โดยทั่วไปในทางการแพทย์จะยึดหลัก 30 นาทีของการออกกำลังปานกลาง จะช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และลดระยะเวลาการปรับกลับสู่สมดุลของร่างกาย

https://www.khaosod.co.th/lifestyle/news_1089515

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2018, 10:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แม่ชีปลง นั่งดูชาวบ้านนับพันคน มาจากทั่วสารทิศ แห่ถอนต้น ‘อังกาบหนู’ ทั้งที่บอกให้แค่เด็ดใบไป แต่ก็ดีใจที่มีคนเอาไปปลูกเพื่อขยายพันธุ์ จะได้แบ่งบุญกุศลให้คนหายป่วยมะเร็ง

https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_1474890

ความทุกข์มีสองอย่าง คือ ทุกข์ทางกาย กับ ทุกข์ทางใจ ทุกข์ทางกายก็เกิดจากโรคภัยไข้เจ็บ ทุกข์ทางใจก็ทุกข์เพราะกิเลส

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2018, 11:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


"เตือนสมุนไพร อังกาบหนู ไม่ได้มีผลวิจัยว่ารักษามะเร็งได้แถมเป็นพิษด้วย !"

กระแสแห่กินสมุนไพร มาใหม่อีกตัวแล้วครับ ... คราวนี้ชื่อว่า "อังกาบหนู" อ้างว่าสามารถรักษาโรคมะเร็งได้ โดยเริ่มจากเจ้าอาวาสวัดโบสถ์ ต.เมืองบางขลัง อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย เอามาเผยแพร่ พร้อมเรื่องเล่าว่าได้สูตรมาจากความฝัน แล้วมีคนเอาไปใช้ตามจนหายจากมะเร็งได้ ทำเอาญาติโยมแห่แหนกันไปเก็บใบต้นอังกาบหนูที่วัดกันจนเกลี้ยงเลย .... แต่จริงๆ แล้ว ไม่เคยมีผลการวิจัยเลยว่าอังกาบหนูจะรักษามะเร็งได้นะ แถมมีความเป็นพิษด้วย ระวังอันตรายครับ

https://www.facebook.com/OhISeebyAjarnJ ... =3&theater

“อังกาบหนู” นั้น ตามข้อมูลเรื่องสรรพคุณทางสมุนไพรไทย (https://www.springnews.co.th/view/327265) ระบุว่า มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ Barleria prionitis Lunn. ชื่ออื่นๆ คือ เขี้ยวแก้ว เขี้ยวเนื้อ มันไก่ โดย #ราก ใช้แก้ ไข้ #เปลือก ใช้ขับเสมหะ ขับเหงื่อ #ใบ แก้ปวดฟัน แก้กลากเกลื้อน ป้องกันส้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2018, 17:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แพทย์แผนไทยฯ แจงชัด อังกาบหนู รักษามะเร็งไม่ได้ ย้ำใช้มากเป็นหมัน-สเปิร์มลด

ด้าน ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า จากข้อมูลความเป็นพิษของอังกาบหนูนั้น ซึ่งเคยศึกษาทั้งในสารสกัดน้ำมัน และในน้ำ และทดลองในหนู ไม่พบความผิดปกติ ดังนั้นขอให้สบายใจได้ หรืออีกกรณีมีการศึกษาพบว่ารากของต้นอังกาบหนู หากกินมากมีผลทำให้สเปิร์มลดลง อาจทำให้เป็นหมัน

อย่างไรก็ตามการใช้สมุนไพรต่างๆ ต้องมีความรู้ และใช้ให้ถูก อย่างอังกาบหนูนั้นมีความสามารถในการแก้อักเสบ รักษาแผลเปื่อยต่างๆ เช่น ถ้าต้มกินก็ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร รวมถึงริดสีดวง เป็นต้น หรือต้มดื่มเป็นชาแก้หวัด ไอ เจ็บคอโดยใช้อังกาบหนูประมาณ 30 กรัมต้มหม้อเล็ก ดื่มวันละ 3 แก้ว แต่ไม่ควรดื่มติดต่อกันระยะเวลานาน อย่างไรก็ตามทางรพ.อภัยภูเบศร เล็งศึกษาเป็นเจลรักษาแผลที่เกิดจากโรคมือ เท้า ปาก แต่ยังไม่ทันได้เริ่ม

รูปภาพ


https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_1482122

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2018, 11:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อตับป่วย ภาวะตับขาดน้ำหล่อเลี้ยง อาจเริ่มจากอารมณ์ ขี้โมโห โกรธา

รูปภาพ


เมื่อตับป่วย เทพเซอุสทรงพระประชวร

ภาวะตับขาดน้ำหล่อเลี้ยงอาจเริ่มจากอารมณ์ขี้โมโหโกรธา

ในภาวะนั้นตับซึ่งเป็นธาตุไม้ แทนที่จะได้รับน้ำอันชุ่มฉ่ำที่หล่อเลี้ยงให้เติบโต ไม้ต้นของตนเองนั้นกลับตกอยู่ในภาวะไฟไหม้ป่า ถูกเผาไหม้อย่างรุนแรงจนเกิดสภาพผิวหน้าแดง ใจร้อน โกรธง่าย ขาดอารมณ์ขัน น้ำเสียงกระด้าง อารมณ์หุนหันพลันแล่น

ความแห้งเกร็งจะปรากฏให้เห็นตามกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ

นั่นคือ คนที่กำลังโกรธจะใบหน้าบึ้งตึง เส้นเอ็นยึดเกร็งเพราะเตรียมตัวต่อสู้หรืออาละวาด กระดูกและข้อต่อก็แข็งกระด้างไปด้วย

https://www.matichonweekly.com/lifestyle/article_132697

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2018, 13:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กึสุ ฆตฺวา สุขํ เสติ - กึสุ ฆตฺวา น โสจติ
กิสฺสสฺสุ เอกธมฺมสฺส - วธํ โรเจสิ โคตม.


บุคคลฆ่าอะไรได้สิ จึงอยู่เป็นสุข ฆ่าอะไรได้สิ จึงไม่เศร้าโศก
ข้าแต่พระโคดม พระองค์ย่อมชอบใจซึ่งการฆ่าธรรมอะไรสิ ซึ่งเป็นธรรมอันเอก.


โกธํ ฆตฺวา สุขํ เสติ – โกธํ ฆตฺวา น โสจติ
โกธสฺส วิสมูลสฺส - มธุรคฺคสฺส พฺราหฺมณ
วธํ อริยา ปสํสนฺติ – ตญฺหิ ฆตฺวา น โสจติ.


บุคคลฆ่าความโกรธได้แล้ว จึงอยู่เป็นสุข ฆ่าความโกรธได้แล้ว จึงไม่เศร้าโศก
พราหมณ์ พระอริยเจ้าทั้งหลาย ย่อมสรรเสริญการฆ่าความโกรธ อันมีรากเป็นพิษ มียอดหวาน เพราะบุคคลนั้น ฆ่าความโกรธได้แล้ว ย่อมไม่เศร้าโศก.

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2018, 21:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุครับ
สาระดีๆ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 49 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 35 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร