วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 13:49  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มี.ค. 2018, 04:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


"คนเราหลงกันอยู่ที่หนัง
หนังเป็นเครื่องปกปิด
สิ่งที่ไม่น่าดูเอาไว้
ถ้าถลกหนังออก
อวัยวะทุกส่วน
ก็หาส่วนที่น่าดูไม่ได้เลย
เน่าเปื่อย ผุพัง สลายไป
ไม่มีส่วนไหน ที่จะถือได้ว่า
เป็นของมั่นคง
-:- หลวงปู่แหวน สุจิณโณ -:-




"มีสติรู้ตัว พูดจาให้น้อยลง
พูดเท่าที่จำเป็นจะต้องพูด
ด้วยความมีสติ รู้ตัวอยู่
การพูดมาก
มีโอกาสพูดผิด ได้มาก
ไม่เกิดประโยชน์
แล้วยังเป็นโทษอีกด้วย
เป็นผู้ฟังแล้วตามคิด
เลือกจำสิ่งดีๆ มาใช้
จะได้ประโยชน์กว่า
คนพูดมาก มักขาดสติง่าย
เป็นผู้ฟังที่โทษน้อย หรือไม่มีเลย
แต่เป็นผู้ได้รู้มากกว่าผู้พูด"
-:- หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร -:-




"ถ้าโยมให้ความสำคัญ
กับการแต่งใจให้งาม
เท่ากับการแต่งกายให้สวย
สังคมเราคงจะน่าอยู่กว่านี้มาก"
-:- พระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ -:-




"ข้อคิดจากหลวงปู่ชา สุภทฺโท"
......ภาวนาไม่ใช่ว่าจะไปนั่งหลับตาภาวนา บางคนก็มาวัดทุกวัน วันพระก็มานั่งหลับตาภาวนา พอกลับไปบ้านทิ้งเลย ทะเลาะกับลูกกับผัว ทะเลาะกับใครต่อใคร เขาเข้าใจว่าเวลานั้น เขาออกจากการภาวนาแล้ว
เมื่อจะภาวนาก็มานั่งหลับตาเอาบุญน่ะ เอามาแสดงอวดกัน โชว์กัน ว่าฉันมาภาวนานะ แต่พอออกจากวัดไปแล้วบุญไม่ไปด้วย เอาแต่บาปไปเท่านั้น ไม่มีอดกลั้น ไม่ประพฤติธรรมไม่ปฏิบัติธรรม อะไรต่ออะไรหลายๆ อย่าง.




ท่านพ่อลี ธมฺมธโร สอนว่า ... "ร่างกาย เป็นผู้ไม่รับทุกข์รับสุขอะไรกับเราด้วยเลย ตัวจิตผู้เดียวเป็นผู้รับ เหมือนคนที่เอามีดไปฟันเขาตาย เขาจะไม่จับมืดไปลงโทษ แต่เขาจะต้องจับตัวคนที่ฆ่าไป"



“ทำดีแม้น้อย ด้วยใจอันบริสุทธิ์ ดีกว่าทำมากด้วยใจริษยาหรือความเย่อหยิ่งจองหอง และมายาสาไถย ทำเล็กน้อยแต่ให้ดีจริง ๆ ทำด้วยความเมตตากรุณาย่อมเป็นคุณประโยชน์มาก เหมือนแก้วหัวแหวนอันมีน้ำบริสุทธิ์ก็ย่อมจะมีค่ามาก ตายเสียด้วยทำความดี ประเสริฐกว่าที่ เป็นอยู่ด้วยทำความชั่ว เพราะว่าตายด้วยทำความดีนั้น จะมีสิ่งที่ต้องเสียไปก็แต่เพียงร่างกาย เท่านั้น แต่จิตนั้นจะผ่องใสเป็นปกติดีอยู่ เป็นอยู่ด้วยทำความชั่วนั้น ถึงจะดีก็แต่ร่างกายเท่านั้น แต่จิตใจนั้นจะเศร้าหมองหาดีไม่
.
จิตนั้นสำคัญยิ่งกว่าร่างกาย เหมือนเพชรอันมีค่าควรจะสงวนรักษาไว้ให้ดียิ่งกว่าเรือนแหวน อันเป็นแต่ทองคำสามัญ ความดีฝ่ายโลกนั้นคือ ถ้ามนุษย์จะทำสิ่งอันใดเหมือน ๆกันแล้ว ให้เกิดเป็นความสุขความเจริญแก่กันแลกันทวียิ่งขึ้นได้อย่างนั้น พึงรู้เถอะว่าเป็นความดีฝ่ายโลก ความดีฝ่ายธรรมนั้นคือ ถ้ามนุษย์จะทำสิ่งอันใดแล้ว จิตนั้นจะวิมุติหลุดพ้นจากโลกไปได้ และ พึงรู้เถิดว่าเป็นความดีฝ่ายธรรม”
.
หลวงปู่ลี กุสลธโร วัดป่าภูผาแดง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
คัดจากหนังสือ “ธรรมลี เศรษฐีธรรม” หลวงปู่ลี กุสลธโร
พระอริยเจ้าผู้เป็นดั่งเศรษฐีธรรม โดยพระมหาธีรนาถ อคฺคธีโร






การชนะคนอื่นแม้จะคูณด้วยล้านก็ไม่มีการวิเศษวิโสอะไร
ชนะแล้วก็ก่อกรรมก่อเวร ตัวเองก็เป็นทุกข์
ยังก่อกรรมก่อเวรติดพันกันไปไม่มีที่สิ้นสุด
แต่การมาชนะตัวเอง คือความโลภ ความโกรธ ราคะตัณหา
ที่เป็นตัวฟืนตัวไฟเผาไหม้อยู่ภายในใจนี้ เพียงคนเดียวเท่านั้น
นี่เรียกว่าเป็นผู้ประเสริฐสุด ชนะตนเองเพียงคนเดียว
........................................................................
หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์เนื่องในโอกาสที่คณะโต๊ะอีหม่ามของศาสนาอิสลาม
มาสนทนากับหลวงตา ณ กุฏิหลวงตา สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ
เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๙ เวลา ๑๑.๐๐ น.
"ตีเข้าหาธรรมแล้วศาสนาใดก็เป็นธรรม"




บุญและบาปย่อมแบ่งสัตว์ทั้งหลายให้ต่ำช้าหรือประณีต
สมกับโบราณเป็นผู้บัณฑิต ท่านแสดงอานิสงส์ไว้ ดังนี้
• ผู้ใดมีใจงดเว้นจากปาณาติบาต
ผู้นั้นเมื่อเกิดเป็นมนุษย์อายุยืน
• ผู้ใดเบียดเบียนผู้อื่นให้เจ็บกายได้ทุกข์เพราะทุบตี
ผู้นั้นเมื่อเกิดเป็นมนุษย์เป็นผู้มีโรคมาก
• ผู้ใดงดเว้นจากเบียดเบียน
ผู้นั้นเมื่อเกิดเป็นมนุษย์เป็นผู้มีโรคน้อย
• ผู้ใดมักโกรธแรงกล้า
ผู้นั้นเมื่อเกิดเป็นมนุษย์มีพรรณสรีระกายทุรพลเศร้าหมองไม่ผ่องใสงดงาม
• ผู้ใดสกัดกลั้นโกรธหนักเสียให้เบาบาง
ผู้นั้นเมื่อเกิดเป็นมนุษย์มีพรรณสรีระกายวิเศษผ่องใสงดงาม
• ผู้ใดมีความริษยาในลาภสักการะของผู้อื่นแรงกล้าแน่นหนาอยู่ในสันดาน
ผู้นั้นเมื่อเกิดเป็นมนุษย์มีศักดาเดชานุภาพน้อย
• ผู้ใดไม่ริษยามีสันดานชุ่มด้วยมุทิตาในลาภสักการะของผู้อื่น
ผู้นั้นเมื่อเกิดเป็นมนุษย์มีศักดาเดชานุภาพมาก
• ผู้ใดไม่บริจาคจำแนกแจกทาน
ผู้นั้นเมื่อเกิดเป็นมนุษย์มีโภคทรัพย์น้อยยากจนไม่ไพบูลย์
• ผู้ใดมักจำแนกแจกทาน
ผู้นั้นเมื่อเกิดเป็นมนุษย์มีโภคทรัพย์สมบัติมากไม่ขัดสน
• ผู้ใดมีสันดานกระด้างมีมานะในสันดานมาก
ผู้นั้นเมื่อเกิดเป็นมนุษย์เป็นผู้เกิดในตระกูลต่ำ
• ผู้ใดไม่กระด้างเป็นผู้อ่อนน้อมไม่มีมานะเป็นเหตุ
ผู้นั้นเมื่อเกิดเป็นมนุษย์เกิดในตระกูลสูง
• ผู้ใดไม่หมั่นเข้าไปหาสมณพราหมณ์ ถามถึงบาปบุญคุณโทษ
ผู้นั้นเมื่อเกิดเป็นมนุษย์เป็นผู้มีปัญญาทุรพลโฉดเขลา
• ผู้ใดหมั่นเข้าไปถามบาปบุญคุณโทษกับสมณพราหมณ์
ผู้นั้นเมื่อเกิดเป็นมนุษย์เป็นผู้มีปัญญามาก
.
ลิขิตธรรม หลวงปู่ลี กุสลธโร วัดป่าภูผาแดง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
คัดจากหนังสือ “ธรรมลี เศรษฐีธรรม” หลวงปู่ลี กุสลธโร
พระอริยเจ้าผู้เป็นดั่งเศรษฐีธรรม โดยพระมหาธีรนาถ อคฺคธีโร




บางคนถือเอาการไปเที่ยววัดว่าเป็นบุญ
ถ้าอานิสงส์ของการเข้าวัด เกิดเพราะกายอย่างเดียว
พวกกระรอก กระแต นก หนู หรือสัตว์อื่น ๆ ซึ่งอาศัยอยู่ในวัด
ก็น่าจะได้บุญมากกว่าคน ซึ่งมักจะอยู่ไม่นานเลย
มันสำคัญที่ใจ ถ้าโยมมาถวายจังหันหรือจำศีล แต่มาคุยกันเรื่องทางโลก
เอาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาพูดกัน ก็เท่ากับเอาโลกมาทับวัด
มาวัดต้องเข้าใจความหมายและจุดมุ่งหมายของการเข้าวัดอย่างแท้จริง
.
หลวงปู่ชา สุภัทโท




กราบน้อมบูชาแด่พระรัตนตรัยและหลวงปู่แบนด้วยเศียรเกล้า
“คำสอนของพระพุทธเจ้าทรงเปรียบสติเหมือนหนทางไว้เหมือนกันว่า มรรคก็คือสติ มรรคทั้งแปดก็รวมอยู่ที่สติองค์เดียวนี้
ในเมื่อสติคอยระวังรักษาใจ
เราก็เดินไปตามทางที่พระพุทธเจ้าท่านทรงแนะนำบอกสอนหรือชี้ทางเอาไว้นั้น ไม่ออกนอกลู่ทาง
ผลของการไม่ออกนอกลู่นอกทางก็คือ ได้รับความสงบร่มเย็นใจ
เมตตาธรรมโอวาท
หลวงปู่แบน ธนากโร




#วิธีหนีกรรมชั่ว
"..ความชั่วทั้งหลายอย่าได้ไปทำ เพราะทำแล้วเป็นของๆตน..
ไม่มีการตกหล่น จึงว่ากรรมเป็นของที่น่ากลัว..
แล้วจะหลีกหนีไปไหนล่ะ ก็หนีด้วยการเว้นจากกรรมชั่ว..
หนีอย่างนี้ เว้นอย่างนี้ จึงจะเป็นการหนีจากกรรมชั่วที่ถูกต้อง
แล้วสามารถที่จะพ้นจากกรรมชั่วด้วย..
นี่คิดดูสิ แม้แต่พระโมคคัลลานะ ท่านหนีได้เสียเมื่อไร?..
เมื่อไม่มีทางที่จะหลีกเลี่ยง ก็มีอยู่ทางเดียว คือเว้นจากกรรมชั่ว
แล้วก็ทำกรรมดีให้มากๆ..ผลของกรรมดีก็จะมีกำลังมากขึ้นๆ.."
-พระภาวนาวิสุทธิญาณเถร (แบน ธนากโร)
วัดดอยธรรมเจดีย์ สกลนคร




"ท่านพระอาจารย์มั่นสอนเราว่า
คนเช่นนี้บวชมาแล้วก็ไม่เรียกว่า พระ
ยิ่งเราเป็นบรรพชิตด้วยแล้ว มันมักมีโรคอยู่ 4 อย่าง
แทรกซ้อนชอนไช เข้าไปสู่หัวใจพระเณรโดยไม่รู้ตัว
1.โรคมักมาก ใจไม่รู้จักพอด้วยผ้านุ่งผ้าห่ม
อาหารการกิน ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค
เที่ยวแสวงหาแต่สิ่งเหล่านี้ ไม่รู้จักลดละปล่อยวาง
ไปที่ไหนก็แบกหามสิ่งเหล่านี้ไปด้วย
2.เมื่อเกิดโรคมักมากแล้ว โรคลามกจกเปรต
ก็ตามๆ กันมา ทำได้ทุกอย่างที่จะให้คนนับถือ
เพื่อที่จะได้ลาภสักการะมาปรนเปรอ
ความหิวโหยของใจที่ไร้ศีลธรรม
3.เมื่อจิตใจมันสกปรกลามกเข้าเต็มเปาแล้ว
ย่อมพยายามวิ่งเต้นขวนขวายเพื่อที่จะได้มา
ซึ่งความนับถือและลาภสักการะและการสรรเสริญ
อย่างไร้ยางอาย หน้าด้านต่อศีลต่อธรรม
4.พระประเภทที่จิตใจเป็นอย่างนี้
มักเข้าไปสู่สกุลที่ร่ำรวย ทำทุกวิถีทางที่จะให้เขานับถือ มักจะกล่าวธรรมะปลอมๆ อันไพเราะเพราะพริ้ง
เป็นฉากหน้า ซ่อนเร้นความละโมบไว้ในเบื้องหลัง
แสดงตนเป็นประดุจไม่มีความโลภ ทั้งๆ ที่มี
ความโลภจัด มีขันติอดทนอดกลั้นเพื่อให้เขานับถือ
ขอให้พวกท่านนำไปพิจารณา อย่าเป็นพระเพราะ
เพียงว่าศีรษะโล้นเฉยๆ คนไม่มีศีลมีวัตร คนพูดจา
เหลาะแหละ มากด้วยความอิจฉาและความโลภ
คนเช่นนี้แม้บวชมาแล้วก็ไม่เรียกว่า พระ ..."
โอวาทธรรมพ่อแม่ครูอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต เมตตาสอนพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท




คำถาม : คุณแม่ใส่บาตรด้วยเงินเป็นประจำ จะอธิบายอย่างไรดีว่าไม่ควรถวายเงินลงในบาตร
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต : ก็ต้องบอกว่ามันผิดพระวินัย คือผิดศีลของพระ พระนี้ไม่สามารถรับเงินทองกับมือได้ การเอาใส่ไปในบาตรก็ถือว่าเป็นการให้กับมือ ถ้าอยากจะถวายปัจจัยต้องฝากลูกศิษย์ ถ้ามีเด็กเดินมาช่วยหิ้วของช่วยหิ้วอาหาร อย่างนี้ฝากเด็กไว้ก็ได้ แต่อย่าไปใส่ในบาตร แล้วก็บอกเด็กว่าช่วยเอาไปถวายหลวงพี่ หลวงพ่อให้ด้วยตอนที่ท่านกลับไปที่วัด และหลวงพ่อ หลวงพี่ก็จะได้สั่งให้เด็กเอาไปเก็บไว้ในที่สมควร แล้วเวลาท่านต้องการซื้ออะไร ท่านก็จะบอกให้ลูกศิษย์ไปจัดการหาซื้อมาให้
แต่พระเองนี้ พระพุทธเจ้าห้ามไม่ให้แตะต้อง ห้ามไม่ให้พกเงินทองเหมือนกับญาติโยมที่พกติดตัวไปไหนมาไหนได้แล้วก็ซื้อข้าวซื้อของอะไรต่างๆ ได้ ต้องผ่านบุคคลอื่น เพราะทำเองไม่ได้ เพราะท่านไม่อยากจะให้พระมายุ่งกับเรื่องของเงินของทอง เพราะว่ามันจะทำให้เกิดกิเลสขึ้นมาได้ จะทำให้แทนที่จะมาฆ่ากิเลส กลับมาเลี้ยงกิเลส มันจะขัดกับเจตนารมย์ของการออกบวช
การออกบวชนี้ บวชเพื่อตัดกิเลสตัณหาความอยากได้สิ่งต่างๆ พอมีเงินมีทองปั๊บ มันก็มีสะพานให้ตอบสนองความอยากได้ เห็นมือถือรุ่นใหม่ก็อยากจะได้ เห็นอะไรต่างๆ ที่น่าชอบน่าชมก็อยากจะได้ พอมีเงินก็ไปเดินช้อปปิ้งกันเองเลยเดี๋ยวนี้ ไปซื้ออะไรตามที่ความอยากต้องการ อันนี้ก็จะทำให้ใจไม่สงบ ใจฟุ้งซ่านแล้วก็จะเกิดกามารมณ์ เกิดกามราคะขึ้นมา ก็จะดับมันไม่ได้ พอดับมันไม่ได้ก็มี ๒ ทาง เสพกามทั้งขณะที่อยู่ในผ้าเหลือง หรือไม่เช่นนั้นก็สิกขาลาเพศไปเพื่อไปเสพ ถ้าเสพในขณะที่อยู่ในผ้าเหลืองก็ปาราชิก ก็ขาดจากความเป็นพระไป ไม่ว่าจะมีผู้อื่นรู้หรือไม่ก็ตาม ตนเองย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าตนนั้นไม่ได้เป็นพระแล้ว ตนละเมิดกฎข้อที่ ๑ คือ ปาราชิกแล้ว อันนี้ก็เป็นภัยอันตรายต่อนักบวช
ในเบื้องต้นนี้พระพุทธเจ้าห้ามไม่ให้รับเลย ไม่ว่าจะฝากไว้กับใครก็ตาม แต่ต่อมามีผู้มาบวชแล้วมีความจำเป็นที่จะต้องซื้อยูก ซื้อยา หรือซื้อของบางอย่าง เพราะเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพที่ไม่สามารถที่จะหาได้จากการบิณฑบาต หรือจากศรัทธา เพราะเขาไม่รู้ว่าท่านต้องการยา หรือต้องการอะไรเป็นกรณีพิเศษ ก็เลยมีคนขอร้องว่าช่วยอนุโลมผ่อนผันให้หน่อย พระพุทธเจ้าก็เลยอนุโลมว่า ถวายได้ แต่ต้องไม่ถวายให้กับพระโดยตรง ให้ไปฝากไว้กับลูกศิษย์ หรือคนที่พระไว้ใจได้ และเวลาที่พระต้องการที่จะซื้อยา หรือซื้ออะไรที่จำเป็น ก็ให้เขาไปซื้อไปจัดการมาให้ ถือว่าเป็นเงินของผู้ให้ ไม่ใช่เป็นเงินของพระ ถ้าเกิดพระไปบอกคนที่ถือเงินไว้ แล้วเขาบอกว่าเขาเอาไปใช้หมดแล้ว พระก็ไปทำอะไรเขาไม่ได้ ทำได้ก็เพียงไปบอกผู้ให้ว่า นายคนนี้ที่เราบอกว่าฝากเงินไว้ เขาไม่เอามาทำตามเจตนารมย์ ดังนั้น คราวหน้าอย่าไปฝากไว้กับคนนี้ ก็บอกได้เพียงเท่านี้ แต่เงินที่เขาเอาไปใช้หมดก็ถือว่าไม่ใช่เงินของพระ พระไม่ต้องไปเสียอกเสียใจ ไม่ต้องไปเดือดเนื้อร้อนใจแต่อย่างใด นี่คือหลักของการให้เงินทองกับพระ
ถ้าอยากจะถวายเงินก็รอไปที่วัดก็ได้ ที่วัดมีตู้บริจาคก็เอาไปใส่ตู้ หรือมีสำนักงานมีคนคอยรับเงินบริจาคก็เอาไปมอบให้กับคนที่เขาทำหน้าที่เหล่านี้อยู่ ก็ได้บุญเหมือนกัน ไม่ต้องใส่ไปในบาตรถึงจะได้บุญ มันได้บุญแต่มันได้โทษกับพระ เพราะทำให้พระขัดกับหลักพระธรรมวินัย.
"ธรรมะบนเขา"... โดยพระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต




ผู้เพิ่นมีวาสนาเพิ่นว่า ตกไปบ่อนได๋
กะดี เกิดมาหยังกะดี
ผู้มีบาปไปเกิดไสกะบ่ดี
ไปเกิดเป็นใหญ่เป็นโต
กะไปหาความลำบากให้ผู้อื่น
หลวงปู่บุญมี ปริปุณฺโณ
วัดป่าศิลาพร อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร




ไม่มีอะไรเหนือธรรม ธรรมย่อมชนะอธรรม
ธรรมก็คือ พุทโธ คือ สติ อธรรมก็คือ กิเลส ธรรมย่อมชนะอธรรม แต่คนเรากลับไปคิดว่า คนดีต้องชนะคนชั่ว อันนี้ไม่ใช่ มักไปคิดว่าคนดีจะต้องชนะคนชั่วเสมอ ไม่หรอก คนชั่วต่างหากชนะคนดี เพราะคนดีไม่มีอะไรไปต่อสู้กับคนชั่ว
ธรรม ที่ชนะ อธรรม นี้หมายถึง ธรรม ก็คือ ความดีภายในใจ ธรรมภายในใจ ความดีภายในใจ คือ สติ ปัญญา
อธรรม ก็คือ ความไม่ดีภายในใจ คือ กิเลส ตัณหา
ธรรม ที่ชนะ อธรรม พระพุทธเจ้าท่านทรงใช้ธรรมชนะอธรรมมาแล้ว พระพุทธเจ้าท่านทรงใช้ สติ ปัญญา ชนะ กิเลส ตัณหา ชนะความโลภ ความโกรธ ความหลงมาแล้ว
การชนะ ไม่ใช่ไปชนะคนอื่น ให้ชนะกิเลสภายในใจเรา พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้สอนให้เราไปเอาชัยชนะกับคนอื่น มีแต่สอนให้ยอมแพ้คนอื่น ให้อยู่เฉยๆ ให้ชนะใจตัวเราเอง ใครเขาด่าเรา เราก็ยอมให้เขาด่าไป ปล่อยให้เขาด่าไป อย่าไปด่ากลับ ใครเขาตีเรา เราก็อย่าไปตีกลับ นี่คือ การชนะใจตัวเอง ชนะความโลภ ชนะความโกรธ ชนะความอยากที่จะชนะคนอื่น เพราะจะนำไปสู่ความวุ่นวาย นำไปสู่ปัญหา นำไปสู่การทำร้ายโต้ตอบกันไปมาไม่มีวันสิ้นสุด เช่นการจองเวร จองกรรมกัน ตายไปเจอกันภพใหม่ชาติใหม่ก็จองเวรจองกรรมกันต่อ แต่ถ้าเราไม่ไปจองเวรจองกรรมกับเขา มันก็จบ
นี่คือ สิ่งที่เราควรที่จะให้ความสำคัญ คือ ธรรมภายในในเรา ต้องเป็นธรรมที่ฆ่ากิเลสภายในใจเรา ด้วยการปฏิบัติ ด้วยการเจริญสติ พุทโธ พุทโธ ไป เดี๋ยวก็ได้สติธรรมขึ้นมาภายในใจ ถ้าพิจารณาไตรลักษณ์ อริยสัจ๔ เราก็จะได้ปัญญาขึ้นมา ต้องมีสติมีปัญญา ถ้าความโลภความโกรธ ความหลง ปรากฏขึ้นมากี่ตัว ก็ฆ่ามันได้หมดเลย ทำลายมันได้หมดเลย
ฉะนั้น ต้องพยายามฝึกสติ สร้างธรรมะขึ้นมาภายในใจ ถ้ามีธรรมะแล้วก็จะชนะอธรรม ชนะกิเลสตัญหาภายในใจ เมื่อไม่มีอธรรมกิเลสตัณหา ใจเราก็จะสงบ นี่คือธรรมที่จะต้องมาสร้างภายในใจเรา คือ สติ และ ปัญญา
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ธรรมะบนเขา ณ จุลศาลา เขตปฏิบัติธรรมเขาชีโอน
วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ชลบุรี
วันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๑




ถาม : การแชร์ธรรมะของครูบาอาจารย์ จะได้อานิสงส์อย่างไร
พระอาจารย์ : การแชร์ธรรมะ ก็ได้ทำทาน ได้ธรรมทาน การให้ธรรมะชนะการให้ทั้งปวง บางทีเราส่งธรรมะดีๆให้เพื่อนไป แล้วขณะนั้นเขากำลังเสียใจเศร้าใจ พอเขาอ่านธรรมะปั๊บ เขาได้หายทุกข์เลย หรือคนกำลังคิดฆ่าตัวตายพอดี พอมาได้อ่านธรรมะแล้ว โอ้ย! เรื่องอะไรจะต้องไปฆ่าตัวตาย ฆ่ากิเลสดีกว่า
เหมือนองคุลีมาล องคุลีมาลก็จะไปฆ่าคน พอพระพุทธเจ้าบอก อย่าไปฆ่าคน ให้ฆ่ากิเลส องคุลีมาลพอหันมาฆ่ากิเลส ก็เลยได้เป็นพระอรหันต์เลย
การแชร์ธรรมะ อานิสงส์ก็คือ การให้ธรรมทานนั่นเอง
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ธรรมะบนเขา ณ จุลศาลา เขตปฏิบัติธรรมเขาชีโอน
วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ชลบุรี
วันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๑




"เรื่องปฏิปทานี่สำคัญ พวกเราส่วนมากทุกวันนี้ มีตั้งแต่ฟังเฉย ๆ แต่ไม่ค่อยจะปฏิบัติกัน เพราะฉะนั้นความจริงจึงไม่ค่อยจะปรากฏ ฟังเทศน์นับตั้งแต่สถานีวิทยุเสียงธรรม โดยเฉพาะหลวงปู่ใหญ่บ้านตาด ถ้าเรื่องเทศน์ไม่มีใครเกินหลวงปู่ใหญ่บ้านตาด เรื่องธรรมเข้มข้นแค่ไหนไม่มีใครเกินองค์ท่าน แต่พวกเราฟังแล้วก็ผ่านไป เรื่องการฟังธรรมะจึงเป็นเรื่องสนุก เป็นเรื่องปกติธรรมดาไป ไม่ใช่ฟังเพื่อจะเอามาเป็นคติ เอามาปฏิบัติเพื่อจะก้าวให้ถึงความจริง
นี่แหละจุดบกพร่องของชาวพุทธปัจจุบัน ถึงปฏิบัติไม่ค่อยได้มรรคได้ผล ไม่ถึงหลักความจริง หลักเกณฑ์ก็หากันไม่ค่อยได้ เพราะเราฟังเฉย ๆ ปฏิบัติไม่พอกิเลสจะร้อนก้นพวกเราก็ร้อนตัวเสียแล้ว ถึงบอกว่าให้ฟังให้จริง น้อมเข้ามาให้เห็นความจริงให้ได้ ไม่อย่างนั้นก็ว่างเปล่าเช่นเคย วันแล้ววันเล่า วันไหนก็เหมือนวันนี้ เหมือนเก่าเหมือนเดิม การปฏิบัติเลยไม่ได้หน้าได้หลัง ไม่ได้หลักได้เกณฑ์ ครูบาอาจารย์ท่านเทศน์มาหมดแล้ว เหลือแต่การปฏิบัติอย่างเดียว ตรงนี้แหละ ที่พวกเราบกพร่อง..."
โอวาทธรรมพระอาจารย์โสภา สมโณ




"พวกเรานี่ยังหลงอยู่แต่ในมหาสมุทร ยังล่องลอยอยู่กับคลื่นลม คลื่นเล็กคลื่นใหญ่ ยังหลงดิ้นกันอยู่กับคลื่น ไม่หาวิธีพาตัวเองให้ถึงฝั่ง พระพุทธเจ้าท่านสั่งสอนให้เราตระเกียกตระกาย พาตัวเองขึ้นจากฝั่ง ให้สุขสงบร่มเย็น หมู่สาวกที่เชื่อก็ได้อยู่อย่างเป็นสุขร่มเย็นบนฝั่งแล้ว แต่บางคนก็คิดว่าตนเองสงบแล้ว สุขแล้ว นี่บางที่หลงเข้าใจตัวเองผิด คลื่นที่นิ่งมันก็ยังเป็นคลื่นอยู่ เคยเห็นมั้ย คลื่นที่มันนิ่งๆ มันก็มีนะ เป็นคลื่นใต้น้ำ รอวันลมพัดแรงเป็นคลื่นใหญ่ซัดให้เรืออับจมลงได้ เราก็ตกเป็นอาหารเป็นเหยื่อของปลา เป็นอาหารของกิเลส
พระพุทธเจ้า ท่านสอนวิธีตัดเครื่องผูก พวกเรานี่ไม่สนใจ สนแต่จะหาวิธีผูกยังไงเพื่อจะให้แน่นเข้า ยึดเข้า สนแต่จะผูกให้ได้มากๆ กอบโกยให้ได้มากๆ หลงแต่ที่จะเป็นเหยื่อปลา เหยื่อยักษ์ เหยื่อมาร เหยื่อกิเลส
พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เราเข้าร่วมอยู่ในพรรคเดียวกับท่าน คือพรรคพระพุทธเจ้า ท่านสอนให้เราหยุดดิ้นอยู่กับคลื่น หลงดิ้นอยู่ในทะเล ท่านให้เราขึ้นจากฝั่ง ลูกศิษย์ของพรรคพระพุทธเจ้า ไม่แม้แต่ส่งจิตออกนอกไปให้พรรคมาร พรรคกิเลสนะ เราเองเลือกดูนะ ว่าจะอยู่พรรคพระพุทธเจ้า หรือพรรคกิเลส..."
*** โอวาทธรรมคำสอนพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่แบน ธนากโร วัดดอยธรรมเจดีย์ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร ***




ของในโลกไม่มีอะไรที่จะประเสริฐกว่าคำพูดว่า "พุทโธ"
อะไรที่จะเสมอเหมือนหรือประเสริฐสุดยิ่งกว่าคุณธรรมของพระพุทธเจ้าไม่มี...
โอวาทธรรมคำสอยพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่แบน ธนากโร วัดดอยธรรมเจดีย์




เพ่งอย่างเดียว ก็จะไม่เจริญก้าวหน้า
ถ้าพิจารณาโดยไม่มีกำลัง สมาธิก็จะไม่เจริญก้าวหน้า
ต้องอาศัยทั้งสองทางด้วยกัน
รวมความว่า ปฏิบัติในทางจิตในทางปัญญา
หลวงปู่บัวเกตุ ปทุมสิโร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มี.ค. 2018, 06:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2018, 06:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2758


 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 142 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร