วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 17:48  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2018, 10:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2018, 00:09
โพสต์: 203

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แนบไฟล์:
028ปรมัตถ์05.02.61.jpg
028ปรมัตถ์05.02.61.jpg [ 148.52 KiB | เปิดดู 848 ครั้ง ]


อย่าติดสมมุติโลกมากนักเลย

ติดจนเหนียวจนแน่น แกะไม่ออก

จนไม่สามารถแยกได้ ว่า สิ่งใดคือความจริงสิ่งใดคือสมมติ..

ความจริงแท้มีสิ่งเดียว คือ ปรมัตถธรรม ซึ่งเกิดจากจิต..

ที่เหลือคือสิ่งสมมติเท่านั้น..

ถ้าจะถามว่า สิ่งใดคือปรมัติธรรม..

ปรมัตถธรรมคือ สิ่งที่เกิดจากการทำงานของจิตเจตสิก..ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ

การทำงานของจิตเจตสิกที่เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัยตามธรรมชาติ

ตามครรลองทำงานของจิตเจตสิกในรูปแบบการทำงานของขันธ์ทั้งห้า..

ปรมัตถธรรมมีสองแบบ

อย่างแรกคือ การแสดงออกของปรมัติธรรม ที่เจือไปด้วยกิเลส

กับ ปรมัติธรรมที่ไม่เจือไปด้วยกิเลสตัณหาอุปาทาน
.
.
.
การแสดงออกของปรมัตถธรรมที่เจือไปด้วยกิเลส

ก็อย่างที่เราๆแสดงออกกันปกติในทุกๆวัน..

เมื่อมีเรื่องกระทบใจในทางยินดีก็สุขใจหัวเราะ

อาการหัวเราะนี่แหละเรียกว่า ปรมัตถธรรม.
.
.
.
ส่วนการแสดงออกของปรมัตถธรรมที่ไม่มีกิเลสตัณหาอุปาทานเจืออยู่

จะทำตามจริตที่เกิดจากการบ่มเพาะมาตั้งแต่เด็ก

ตามนิสัยสันดานที่ได้สะสมมาตั้งแต่เกิด
.
.
.
แต่แบบที่มีกิเลสจะมีทั้งจริตและกิเลสเจือๆออกมา

แบบไม่มีกิเลสจะไม่มีกิเลสตัณหาอุปาทานเจือออกมาเลย

ในทุกๆการกระทำ ซึ่งคนภายนอกไม่สามารถดูออก

นอกจากบุคคลนั้นๆที่แสดงออกมาเท่านั้นถึงจะรู้ตนได้


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 143 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร