แนบไฟล์:
026พูดถูกหมดเลย02.02.61.jpg [ 75.29 KiB | เปิดดู 1228 ครั้ง ]
แม้ไม่มีความยึดมั่นถือมั่น
แต่ความคิดปรุงแต่งมันเป็นการทำงานตามธรรมชาติของขันธ์ห้า
มันยังต้องปรุงแต่งอยู่ดีนะแหละ ถ้าเรายังไม่ตายลงไป
.
.
.
ขันธ์ห้า..คือธรรมชาติอย่างหนึ่ง
การทำงานของขันธ์ทั้งห้าก็คือธรรมชาติอย่างหนึ่ง
การไม่ยึดถือยึดมั่นก็คือการปล่อยการยึดมั่นเท่านั้น
แต่ขันธ์ห้าก็ยังทำงานปกติของมันอยู่ดี
สังขารขันธ์มันยังปรุงของมัน
สัญญามันยังทำงานของมันและทำงานร่วมกับสังขารเสมอ
.
.
.
อรหันต์ผล ก็ยังปรุง แต่ปรุงไปในทางที่ไม่ใช่อกุศล
เคยเห็นครูบาอาจารย์ท่านตำหนิ ท่านด่าไหม
เห็นท่านเทศน์ไปก็ขึ้นไปเรื่อยๆไหม..
มีแต่สมถะเท่านั้นที่หยุดสังขารสัญญา และเวทนา
แต่การไม่ยึดถือยึดมั่น ขันธ์ทั้งห้ายังทำงานได้ปรกติทุกตัวเท่านั้นเอง
.
.
.
ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติตามเหตุปัจจัยไป..ตามครรลองตามวิถี..แค่นั้น
ตัณหาดับทุกข์ดับทันที แต่จะรู้ทุกข์ได้ด้วยวิญญาณขันธ์
เวทนาทางกาย รับรู้..แต่เวทนาทางจิตดับสูญ...ไม่มี
วิปัสสนาญาณดับทุกข์ด้วยการดับตัณหา...สมถะดับทุกข์ด้วยการเข้าสมาธิ
.
.
.
มองทางสมถะก็ถูกแบบสมถะ มองแบบวิปัสสนาญาณก็ถูกแบบวิปัสสนาญาณ
แต่เมื่อพระสัมมา บอกสอน พร่ำสอนจนท่านนิพพาน
ก็เพื่อว่า จะกวาดเหล่าสัตว์ให้พ้นวัฏฏะ
การมองการดับทุกข์ จึงมองทางวิปัสสนา
เพื่อให้ผลสูงสุดตามคำสอนของพระสัมมาที่ได้กล่าวไว้
.
.
.
จริงๆถูกทั้งสองทางนั่นแหละ..
แต่เมื่อเราพูด ต้องพูดให้ตรงที่สุดเพื่อให้ถึงนิพพาน
ถูกมาก ถูกมากกว่า ถูกมากที่สุด....
เมื่อพูดต้องเลือกพูดถูกมากที่สุดเพื่อส่วนกลาง..ก็แค่นั้นเอง
.
.
.
เราจะไม่เลือกพูดถูก..เพื่อให้ถูกใจตัวเอง
แต่เราต้องเลือกถูกที่สุดตามคำสอนของพระสัมมาเป็นหลักใหญ่
ถูกที่สุดต้องถึงนิพพานได้จริง
เชือกเส้นเดียว พูดถูกตอนต้น พูดถูกตอนกลาง พูดถูกตอนปลาย..มันก็ถูกหมด
.
.
แต่เมื่อต้องสื่อจริง ต้องพูดถึงถูกตอนปลาย
ปลายสุดเพราะมันใกล้นิพพานมากที่สุด
เจตนามีแค่นั้นเอง ในการสื่อ ออกสู่สาธารณะ
