ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
เมื่อโลกและธรรมอยู่ร่วมกัน http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=55239 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | สายน้ำเมย [ 27 ม.ค. 2018, 12:54 ] |
หัวข้อกระทู้: | เมื่อโลกและธรรมอยู่ร่วมกัน |
แนบไฟล์: 021อยู่ในธรรมมีสามระดับ24.01.61.jpg [ 42.72 KiB | เปิดดู 4028 ครั้ง ] ![]() ความเมตตาและกรุณาต่อผู้อื่น..ที่มีมากจนเกินความพอดี จนเกินคำว่าอุเบกขา ![]() . . หลายๆคนจึงคิดจะพยายามแก้และชักจูงคนอื่นเขา ให้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ดีในความรู้สึกของตัวเอง พอทุกอย่างที่เกินพอดี.. ![]() . . ความหวังดีนั้นมันกลายเป็นผลร้ายทันที.. ความหวังดีมันกลายเป็น กินเผือกทันที.. ![]() . . ไม่ว่าเราจะเมตตากรุณาผู้อื่นยังไง มันต้องอยู่ในพื้นฐานของอุเบกขานะ.. ความเมตตากรุณานั้นจะไม่ส่งผลร้ายต่อทั้งสองฝ่าย ![]() . . ![]() พิจารณาตัวเอง แก้ไขตัวเอง และอุเบกขาในกรรมของคนอื่น แต่ถ้ามองทางโลก มันกลายเป็น เราไม่มีเมตตาไป เราเห็นแต่ตัวเอง.. เราเอาตัวรอดแต่ตัวเราเองคนเดียวมากไป ในธรรมขั้นลึกๆ โลกกับธรรมสวนทางกันอย่างชัดเจน ![]() . . ![]() ธรรมจะทำให้โลกและการใช้ชีวิตประจำวันทางโลกได้ดีขึ้น สามารถทำกิจโลกได้มีประสิทธิ์ภาพมากขึ้น ธรรมสามารถดึงศักยภาพสูงสุดของเราออกมา และสามารถทำให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองได้สูงสุดและดียิ่งๆขึ้นไป ![]() . . ![]() มันต้องเริ่มใช้ความมั่นคงทางจิต ว่าเราจะเลือกเดินทางธรรมหรือเดินทางโลกดี ![]() . . ![]() โลกไม่ช้ำธรรมไม่ขุ่น มันดีมากๆ.. ธรรมช่วยให้เป็นอย่างนั้นได้ ![]() . . ![]() ต้องเลือกสักทาง.. คนเราไม่สามารถเหยียบเรือสองแคมแล้วทำสองสิ่งได้ดี ดีทางหนึ่งอีกทางหนึ่งจะทรงและอ่อนลงไป ดีทางธรรม โลกจะอ่อนลงไปไม่ก้าวหน้า ดีทางโลก ธรรมจะหยุดนิ่งแล้วไม่สามารถเดินต่อไปได้.. แต่จะอยู่ในโลกอย่างมีความสุขตลอดชีวิต ![]() . . ![]() เมื่อเดินตามธรรมเข้าไปเรื่อยๆ.. โลกจะกลายเป็นเส้นทางที่คับแคบทันที..อยู่ได้ยากมาก เมื่อใจเป็นธรรมและอยู่ในแวดล้อมของโลกๆ กำลังใจมันต้องใช้พลังเป็นอย่างมาก เพื่อให้เราทรงธรรมไว้ได้อย่างบริบูรณ์ และสามารถอยู่กับโลกได้อย่างสงบสุข ต้องอดต้องทนทุกสิ่งที่กระทบและทุกสิ่งที่ผุดขึ้นกลางใจ และยังต้องทรงธรรมไว้ไม่มีเปลี่ยนแปลงในทุกขณะ ![]() . . ![]() และมันจะสวนทางกันตลอดเวลา การอยู่ในโลกด้วยธรรมในระดับลึกๆ จึงต้องใช้กำลังใจมากและต้องใช้กำลังใจสูงสุด อึดและถึกเท่านั้น..มันถึงจะอยู่ในสองโลกได้อย่างสงบสุข ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 27 ม.ค. 2018, 18:16 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เมื่อโลกและธรรมอยู่ร่วมกัน |
เราเข้าโลกเข้าใจธรรมเช้าใจได้ทั้งสองจะไม่อยากเลย ไม่ว่าเป็น โลภะโทสะโทสะ ที่เป็นกิเลสทั้งหลายเรารู้เราเข้าใจ จะอยู่ร่วมกันได้ไม่ยาก ที่เราอยู่ด้วยกันยากเพราะเราไม่เข้าใจต่างหาก กิเลสที่มีในเราเมื่อเขาได้ปัจจัยเขาก็ต้องเกิดทำกิจของเขา เมื่อเขากิจของเขาเราก็ดูเขาไปไม่ต้องรังเกียจหรือหักห้ามอะไรเลย แต่เรามีสติคอยรู้อยู่เท่านั้นพอ |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 27 ม.ค. 2018, 20:07 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เมื่อโลกและธรรมอยู่ร่วมกัน |
เห็นด้วยนะครับ...อุเบกขา..นี้สำคัญนักเชียวแหละ.. โลก..กับ..ธรรมเพื่อความหลุดพ้น..มันสวนทาง..เป็นธรรมดาของมันอยู่แล้ว... ถ้าเราเข้าใจธรรมได้จริง...การสวนทางกันของมัน..ไม่ทำให้ทุกข์ได้หรอก.. ถ้า..ทุกข์..เพราะอาการสวนทางของมัน...แสดงว่า...มีความผิดปกติเกิดขึ้นที่ใจเราแล้ว...ต้องรีบกลับมาดูตัวเราก่อนเลย...ถามใจตัวเองเลยว่า..นี้เจ้ายังแคร์โลกธรรมอยู่ใช่มั้ย...แค่ชาวโลกเขาไม่ยินดีกับแนวทางของตน(ที่อ้างว่าเพื่อความหลุดพ้น)..แค่ชาวโลกเขาไม่ชื่นชมในแนวทางของตน..เจ้าก็ทุกข์เสียแล้ว...เป็นต้น..ซักไซ้ร์ไล่เรียง..ดักหน้าดักหล้ง..จะด้วยสัญญาก็ดี..ปัญญาก็แล้วแต่..ตบตีเข้ามาในร่องในรอยธรรมให้ได้..ให้มันจำนนต่อความเป็นจริง...ให้ได้... สรุป...ที่ทุกข์..เพราะ..ยังไปเอาโลกธรรม.. |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 27 ม.ค. 2018, 20:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เมื่อโลกและธรรมอยู่ร่วมกัน |
กบนอกกะลา เขียน: เห็นด้วยนะครับ...อุเบกขา..นี้สำคัญนักเชียวแหละ.. โลก..กับ..ธรรมเพื่อความหลุดพ้น..มันสวนทาง..เป็นธรรมดาของมันอยู่แล้ว... ถ้าเราเข้าใจธรรมได้จริง...การสวนทางกันของมัน..ไม่ทำให้ทุกข์ได้หรอก.. ถ้า..ทุกข์..เพราะอาการสวนทางของมัน...แสดงว่า...มีความผิดปกติเกิดขึ้นที่ใจเราแล้ว...ต้องรีบกลับมาดูตัวเราก่อนเลย...ถามใจตัวเองเลยว่า..นี้เจ้ายังแคร์โลกธรรมอยู่ใช่มั้ย...แค่ชาวโลกเขาไม่ยินดีกับแนวทางของตน(ที่อ้างว่าเพื่อความหลุดพ้น)..แค่ชาวโลกเขาไม่ชื่นชมในแนวทางของตน..เจ้าก็ทุกข์เสียแล้ว...เป็นต้น..ซักไซ้ร์ไล่เรียง..ดักหน้าดักหล้ง..จะด้วยสัญญาก็ดี..ปัญญาก็แล้วแต่..ตบตีเข้ามาในร่องในรอยธรรมให้ได้..ให้มันจำนนต่อความเป็นจริง...ให้ได้... สรุป...ที่ทุกข์..เพราะ..ยังไปเอาโลกธรรม.. ธรรมมีความหมายกว้าง สรุปก็ว่า โลกก็ธรรม ธรรมก็โลก คนก็ธรรม ธรรมก็คน งงไหม ก็ที่เอามาพูดๆกัน เช่น อุเบกขาอุเบกแขนเอามาจากไหน ถ้าไม่ใช่เอามาจากในคน อ้าว |
เจ้าของ: | สายน้ำเมย [ 27 ม.ค. 2018, 21:30 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เมื่อโลกและธรรมอยู่ร่วมกัน |
ลุงหมาน เขียน: เราเข้าโลกเข้าใจธรรมเช้าใจได้ทั้งสองจะไม่อยากเลย ไม่ว่าเป็น โลภะโทสะโทสะ ที่เป็นกิเลสทั้งหลายเรารู้เราเข้าใจ จะอยู่ร่วมกันได้ไม่ยาก ที่เราอยู่ด้วยกันยากเพราะเราไม่เข้าใจต่างหาก กิเลสที่มีในเราเมื่อเขาได้ปัจจัยเขาก็ต้องเกิดทำกิจของเขา เมื่อเขากิจของเขาเราก็ดูเขาไปไม่ต้องรังเกียจหรือหักห้ามอะไรเลย แต่เรามีสติคอยรู้อยู่เท่านั้นพอ ![]() ![]() แต่อยู่ในธรรมทั้งๆที่อยู่ในโลก..เมยรู้สึกอึดอัดคะ ![]() |
เจ้าของ: | สายน้ำเมย [ 27 ม.ค. 2018, 21:46 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เมื่อโลกและธรรมอยู่ร่วมกัน |
กบนอกกะลา เขียน: เห็นด้วยนะครับ...อุเบกขา..นี้สำคัญนักเชียวแหละ.. โลก..กับ..ธรรมเพื่อความหลุดพ้น..มันสวนทาง..เป็นธรรมดาของมันอยู่แล้ว... ถ้าเราเข้าใจธรรมได้จริง...การสวนทางกันของมัน..ไม่ทำให้ทุกข์ได้หรอก.. ถ้า..ทุกข์..เพราะอาการสวนทางของมัน...แสดงว่า...มีความผิดปกติเกิดขึ้นที่ใจเราแล้ว...ต้องรีบกลับมาดูตัวเราก่อนเลย...ถามใจตัวเองเลยว่า..นี้เจ้ายังแคร์โลกธรรมอยู่ใช่มั้ย...แค่ชาวโลกเขาไม่ยินดีกับแนวทางของตน(ที่อ้างว่าเพื่อความหลุดพ้น)..แค่ชาวโลกเขาไม่ชื่นชมในแนวทางของตน..เจ้าก็ทุกข์เสียแล้ว...เป็นต้น..ซักไซ้ร์ไล่เรียง..ดักหน้าดักหล้ง..จะด้วยสัญญาก็ดี..ปัญญาก็แล้วแต่..ตบตีเข้ามาในร่องในรอยธรรมให้ได้..ให้มันจำนนต่อความเป็นจริง...ให้ได้... สรุป...ที่ทุกข์..เพราะ..ยังไปเอาโลกธรรม.. ทุกข์ ท่านว่า..แปลว่าทนได้ยาก.. แม้ว่าจะทุกข์ทางใจ ทุกข์ทางกาย หรือ ไม่ทุกข์ทางกายแต่ทุกข์ทางใจ หรือ ทุกข์ทางกายแต่ไม่มีผลถึงใจ...มันก็ทุกข์ทั้งนั้น ![]() . . ในความหยาบละเอียดของทุกข์นั้น มันมีความหยาบสุด จนไปถึงละเอียดสุดเสมอ แม้เราไม่ทุกข์อยู่กับทุกข์ปัจจุบัน แต่เราก็ทุกข์กับทุกข์ที่ละเอียดขึ้นไป ที่เรายังไม่สามารถผ่านไปได้... เมื่อยังหายใจทุกข์เสมอคะ...แม้เราจะไม่โดนกระทบทางจิต แต่เมื่อมันลงกาย ธาตุทำงาน ดินน้ำลมไฟทำงาน หดตัวขยายขึ้น มันเกิดขึ้นที่กาย เมื่อเรารับรู้ทางกายจากเหตุปัจจัยมากระทบ โดยเราไม่ใช้สมถะกดอาการไว้ เราย่อมรับรู้ได้จากการที่เรามีวิญญาณขันธ์... ...มันจึงเป็นเหตุว่า...เมื่อยังไม่ตาย ย่อมทุกข์เสมอคะ... . . การเห็นทุกข์แต่ไม่ทุกข์...มันเป็นการไม่รับรู้โทมนัสเวทนา... แต่ส่วนธาตุที่ทำงานในกาย มันยังรับรู้ได้อยู่..ทุกข์เวทนาทางกายจึงเกิดขึ้นได้ แม้ทุกข์ทางกายเกิดแต่ไม่เกิดทุกข์ทางจิต แต่ถือว่ามัน ก็ทุกข์อยู่ดี.. ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 27 ม.ค. 2018, 22:08 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เมื่อโลกและธรรมอยู่ร่วมกัน |
สายน้ำเมย เขียน: ลุงหมาน เขียน: เราเข้าโลกเข้าใจธรรมเช้าใจได้ทั้งสองจะไม่อยากเลย ไม่ว่าเป็น โลภะโทสะโทสะ ที่เป็นกิเลสทั้งหลายเรารู้เราเข้าใจ จะอยู่ร่วมกันได้ไม่ยาก ที่เราอยู่ด้วยกันยากเพราะเราไม่เข้าใจต่างหาก กิเลสที่มีในเราเมื่อเขาได้ปัจจัยเขาก็ต้องเกิดทำกิจของเขา เมื่อเขากิจของเขาเราก็ดูเขาไปไม่ต้องรังเกียจหรือหักห้ามอะไรเลย แต่เรามีสติคอยรู้อยู่เท่านั้นพอ ![]() ![]() แต่อยู่ในธรรมทั้งๆที่อยู่ในโลก..เมยรู้สึกอึดอัดคะ ![]() เอ๊ะ ยังไง ถ้ายังงั้น ธรรมก็ไม่ได้ช่วยให้อยู่ในโลกอย่างมีความสุข คืออยู่อย่างรู้เท่าทันโลกน่าซี่ ![]() เคยได้ยินคนพูดเหมือนกัน พอเขาเรียนรู้ธรรมะแล้ว ไอ้นั่นก็ไม่ดี มันเป็นยังงี้ยังงั้น ขัดหูขัดตาไปหมด สู้อยู่แบบโลกๆไม่ได้ มีอะไรก็ว่ามันไปเรื่อยๆ |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 27 ม.ค. 2018, 22:52 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เมื่อโลกและธรรมอยู่ร่วมกัน |
แม้ความเหือดแห้งใจ..ก็เป็นทุกข์ |
เจ้าของ: | สายน้ำเมย [ 27 ม.ค. 2018, 23:01 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เมื่อโลกและธรรมอยู่ร่วมกัน |
กรัชกาย เขียน: สายน้ำเมย เขียน: ลุงหมาน เขียน: เราเข้าโลกเข้าใจธรรมเช้าใจได้ทั้งสองจะไม่อยากเลย ไม่ว่าเป็น โลภะโทสะโทสะ ที่เป็นกิเลสทั้งหลายเรารู้เราเข้าใจ จะอยู่ร่วมกันได้ไม่ยาก ที่เราอยู่ด้วยกันยากเพราะเราไม่เข้าใจต่างหาก กิเลสที่มีในเราเมื่อเขาได้ปัจจัยเขาก็ต้องเกิดทำกิจของเขา เมื่อเขากิจของเขาเราก็ดูเขาไปไม่ต้องรังเกียจหรือหักห้ามอะไรเลย แต่เรามีสติคอยรู้อยู่เท่านั้นพอ ![]() ![]() แต่อยู่ในธรรมทั้งๆที่อยู่ในโลก..เมยรู้สึกอึดอัดคะ ![]() เอ๊ะ ยังไง ถ้ายังงั้น ธรรมก็ไม่ได้ช่วยให้อยู่ในโลกอย่างมีความสุข คืออยู่อย่างรู้เท่าทันโลกน่าซี่ ![]() เคยได้ยินคนพูดเหมือนกัน พอเขาเรียนรู้ธรรมะแล้ว ไอ้นั่นก็ไม่ดี มันเป็นยังงี้ยังงั้น ขัดหูขัดตาไปหมด สู้อยู่แบบโลกๆไม่ได้ มีอะไรก็ว่ามันไปเรื่อยๆ คุณกรัชกาย..ทำตามเมยบอกนะคะ...ตามนี้ . . .ทำตัวสบายๆ หลับตา แล้วหายใจเข้าออกสักสิบคู่ . . .สงบจิตได้ยังคะ?...ถ้ายัง..ทำอีกสิบคู่นะคะ . . . จิตสงบนิ่งดีแล้วใช่ไหมคะ..คุณกรัชกาย . . . คราวนี้...กลับไปย้อนอ่านโพสเมยใหม่คะ ที่ตอบกับคุณกบนอกกะลาไว้ ก่อนหน้านี้..ก่อนที่คุณกรัชกายจะโพสนะคะ ![]() . . . นั่นคือ คำตอบของคำถามที่คุณกรัชกายสงสัย ถ้ายังไม่ได้คำตอบ หลับตาแล้วหายใจเข้าออกสักสิบคู่นะคะ จนจิตนิ่งแล้ว แล้วกลับไปอ่านสิ่งที่เมยโพสอีกครั้งคะ ทำซ้ำ..จนกว่าจะเข้าใจว่า... สิ่งที่คุณกรัชกายโพสสงสัย..มันได้คำตอบว่ายังไง ![]() |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 27 ม.ค. 2018, 23:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เมื่อโลกและธรรมอยู่ร่วมกัน |
สายน้ำเมย เขียน: กบนอกกะลา เขียน: เห็นด้วยนะครับ...อุเบกขา..นี้สำคัญนักเชียวแหละ.. โลก..กับ..ธรรมเพื่อความหลุดพ้น..มันสวนทาง..เป็นธรรมดาของมันอยู่แล้ว... ถ้าเราเข้าใจธรรมได้จริง...การสวนทางกันของมัน..ไม่ทำให้ทุกข์ได้หรอก.. ถ้า..ทุกข์..เพราะอาการสวนทางของมัน...แสดงว่า...มีความผิดปกติเกิดขึ้นที่ใจเราแล้ว...ต้องรีบกลับมาดูตัวเราก่อนเลย...ถามใจตัวเองเลยว่า..นี้เจ้ายังแคร์โลกธรรมอยู่ใช่มั้ย...แค่ชาวโลกเขาไม่ยินดีกับแนวทางของตน(ที่อ้างว่าเพื่อความหลุดพ้น)..แค่ชาวโลกเขาไม่ชื่นชมในแนวทางของตน..เจ้าก็ทุกข์เสียแล้ว...เป็นต้น..ซักไซ้ร์ไล่เรียง..ดักหน้าดักหล้ง..จะด้วยสัญญาก็ดี..ปัญญาก็แล้วแต่..ตบตีเข้ามาในร่องในรอยธรรมให้ได้..ให้มันจำนนต่อความเป็นจริง...ให้ได้... สรุป...ที่ทุกข์..เพราะ..ยังไปเอาโลกธรรม.. ทุกข์ ท่านว่า..แปลว่าทนได้ยาก.. แม้ว่าจะทุกข์ทางใจ ทุกข์ทางกาย หรือ ไม่ทุกข์ทางกายแต่ทุกข์ทางใจ หรือ ทุกข์ทางกายแต่ไม่มีผลถึงใจ...มันก็ทุกข์ทั้งนั้น ![]() . . ในความหยาบละเอียดของทุกข์นั้น มันมีความหยาบสุด จนไปถึงละเอียดสุดเสมอ แม้เราไม่ทุกข์อยู่กับทุกข์ปัจจุบัน แต่เราก็ทุกข์กับทุกข์ที่ละเอียดขึ้นไป ที่เรายังไม่สามารถผ่านไปได้... เมื่อยังหายใจทุกข์เสมอคะ...แม้เราจะไม่โดนกระทบทางจิต แต่เมื่อมันลงกาย ธาตุทำงาน ดินน้ำลมไฟทำงาน หดตัวขยายขึ้น มันเกิดขึ้นที่กาย เมื่อเรารับรู้ทางกายจากเหตุปัจจัยมากระทบ โดยเราไม่ใช้สมถะกดอาการไว้ เราย่อมรับรู้ได้จากการที่เรามีวิญญาณขันธ์... ...มันจึงเป็นเหตุว่า...เมื่อยังไม่ตาย ย่อมทุกข์เสมอคะ... . . การเห็นทุกข์แต่ไม่ทุกข์...มันเป็นการไม่รับรู้โทมนัสเวทนา... แต่ส่วนธาตุที่ทำงานในกาย มันยังรับรู้ได้อยู่..ทุกข์เวทนาทางกายจึงเกิดขึ้นได้ แม้ทุกข์ทางกายเกิดแต่ไม่เกิดทุกข์ทางจิต แต่ถือว่ามัน ก็ทุกข์อยู่ดี.. ![]() ไหนไหน..ก็ขึ้นต้นด้วยการอ้างบัญญัติ..แล้ว ก็ถือโอกาสนี้..ปรับความเข้าใจซะหน่อย..นะครับ ที่ว่า... การเห็นทุกข์แต่ไม่ทุกข์...มันเป็นการไม่รับรู้โทมนัสเวทนา. ...... การเห็นทุกข์แต่ไม่ทุกข์...ไม่ใช่การไม่รับรู้โทมนัส... แต่..โทมนัสไม่เกิดแม้มีทุกขเวทนา... |
เจ้าของ: | สายน้ำเมย [ 28 ม.ค. 2018, 00:07 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เมื่อโลกและธรรมอยู่ร่วมกัน |
กบนอกกะลา เขียน: สายน้ำเมย เขียน: กบนอกกะลา เขียน: เห็นด้วยนะครับ...อุเบกขา..นี้สำคัญนักเชียวแหละ.. โลก..กับ..ธรรมเพื่อความหลุดพ้น..มันสวนทาง..เป็นธรรมดาของมันอยู่แล้ว... ถ้าเราเข้าใจธรรมได้จริง...การสวนทางกันของมัน..ไม่ทำให้ทุกข์ได้หรอก.. ถ้า..ทุกข์..เพราะอาการสวนทางของมัน...แสดงว่า...มีความผิดปกติเกิดขึ้นที่ใจเราแล้ว...ต้องรีบกลับมาดูตัวเราก่อนเลย...ถามใจตัวเองเลยว่า..นี้เจ้ายังแคร์โลกธรรมอยู่ใช่มั้ย...แค่ชาวโลกเขาไม่ยินดีกับแนวทางของตน(ที่อ้างว่าเพื่อความหลุดพ้น)..แค่ชาวโลกเขาไม่ชื่นชมในแนวทางของตน..เจ้าก็ทุกข์เสียแล้ว...เป็นต้น..ซักไซ้ร์ไล่เรียง..ดักหน้าดักหล้ง..จะด้วยสัญญาก็ดี..ปัญญาก็แล้วแต่..ตบตีเข้ามาในร่องในรอยธรรมให้ได้..ให้มันจำนนต่อความเป็นจริง...ให้ได้... สรุป...ที่ทุกข์..เพราะ..ยังไปเอาโลกธรรม.. ทุกข์ ท่านว่า..แปลว่าทนได้ยาก.. แม้ว่าจะทุกข์ทางใจ ทุกข์ทางกาย หรือ ไม่ทุกข์ทางกายแต่ทุกข์ทางใจ หรือ ทุกข์ทางกายแต่ไม่มีผลถึงใจ...มันก็ทุกข์ทั้งนั้น ![]() . . ในความหยาบละเอียดของทุกข์นั้น มันมีความหยาบสุด จนไปถึงละเอียดสุดเสมอ แม้เราไม่ทุกข์อยู่กับทุกข์ปัจจุบัน แต่เราก็ทุกข์กับทุกข์ที่ละเอียดขึ้นไป ที่เรายังไม่สามารถผ่านไปได้... เมื่อยังหายใจทุกข์เสมอคะ...แม้เราจะไม่โดนกระทบทางจิต แต่เมื่อมันลงกาย ธาตุทำงาน ดินน้ำลมไฟทำงาน หดตัวขยายขึ้น มันเกิดขึ้นที่กาย เมื่อเรารับรู้ทางกายจากเหตุปัจจัยมากระทบ โดยเราไม่ใช้สมถะกดอาการไว้ เราย่อมรับรู้ได้จากการที่เรามีวิญญาณขันธ์... ...มันจึงเป็นเหตุว่า...เมื่อยังไม่ตาย ย่อมทุกข์เสมอคะ... . . การเห็นทุกข์แต่ไม่ทุกข์...มันเป็นการไม่รับรู้โทมนัสเวทนา... แต่ส่วนธาตุที่ทำงานในกาย มันยังรับรู้ได้อยู่..ทุกข์เวทนาทางกายจึงเกิดขึ้นได้ แม้ทุกข์ทางกายเกิดแต่ไม่เกิดทุกข์ทางจิต แต่ถือว่ามัน ก็ทุกข์อยู่ดี.. ![]() ไหนไหน..ก็ขึ้นต้นด้วยการอ้างบัญญัติ..แล้ว ก็ถือโอกาสนี้..ปรับความเข้าใจซะหน่อย..นะครับ ที่ว่า... การเห็นทุกข์แต่ไม่ทุกข์...มันเป็นการไม่รับรู้โทมนัสเวทนา. ...... การเห็นทุกข์แต่ไม่ทุกข์...ไม่ใช่การไม่รับรู้โทมนัส... แต่..โทมนัสไม่เกิดแม้มีทุกขเวทนา... ตามนั้นคะ ไม่ขัดแย้ง ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 28 ม.ค. 2018, 08:52 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เมื่อโลกและธรรมอยู่ร่วมกัน |
สายน้ำเมย เขียน: กรัชกาย เขียน: สายน้ำเมย เขียน: ลุงหมาน เขียน: เราเข้าโลกเข้าใจธรรมเช้าใจได้ทั้งสองจะไม่อยากเลย ไม่ว่าเป็น โลภะโทสะโทสะ ที่เป็นกิเลสทั้งหลายเรารู้เราเข้าใจ จะอยู่ร่วมกันได้ไม่ยาก ที่เราอยู่ด้วยกันยากเพราะเราไม่เข้าใจต่างหาก กิเลสที่มีในเราเมื่อเขาได้ปัจจัยเขาก็ต้องเกิดทำกิจของเขา เมื่อเขากิจของเขาเราก็ดูเขาไปไม่ต้องรังเกียจหรือหักห้ามอะไรเลย แต่เรามีสติคอยรู้อยู่เท่านั้นพอ ![]() ![]() แต่อยู่ในธรรมทั้งๆที่อยู่ในโลก..เมยรู้สึกอึดอัดคะ ![]() เอ๊ะ ยังไง ถ้ายังงั้น ธรรมก็ไม่ได้ช่วยให้อยู่ในโลกอย่างมีความสุข คืออยู่อย่างรู้เท่าทันโลกน่าซี่ ![]() เคยได้ยินคนพูดเหมือนกัน พอเขาเรียนรู้ธรรมะแล้ว ไอ้นั่นก็ไม่ดี มันเป็นยังงี้ยังงั้น ขัดหูขัดตาไปหมด สู้อยู่แบบโลกๆไม่ได้ มีอะไรก็ว่ามันไปเรื่อยๆ คุณกรัชกาย..ทำตามเมยบอกนะคะ...ตามนี้ . . .ทำตัวสบายๆ หลับตา แล้วหายใจเข้าออกสักสิบคู่ . . .สงบจิตได้ยังคะ?...ถ้ายัง..ทำอีกสิบคู่นะคะ . . . จิตสงบนิ่งดีแล้วใช่ไหมคะ..คุณกรัชกาย . . . คราวนี้...กลับไปย้อนอ่านโพสเมยใหม่คะ ที่ตอบกับคุณกบนอกกะลาไว้ ก่อนหน้านี้..ก่อนที่คุณกรัชกายจะโพสนะคะ ![]() . . . นั่นคือ คำตอบของคำถามที่คุณกรัชกายสงสัย ถ้ายังไม่ได้คำตอบ หลับตาแล้วหายใจเข้าออกสักสิบคู่นะคะ จนจิตนิ่งแล้ว แล้วกลับไปอ่านสิ่งที่เมยโพสอีกครั้งคะ ทำซ้ำ..จนกว่าจะเข้าใจว่า... สิ่งที่คุณกรัชกายโพสสงสัย..มันได้คำตอบว่ายังไง ![]() กรัชกายดูแค่นี้ อ้างคำพูด: สำหรับเมย...การอยู่ในโลกนั้นไม่ยากคะลุง แต่อยู่ในธรรมทั้งๆที่อยู่ในโลก..เมยรู้สึกอึดอัด เห็นข้อความมันแย้งๆกัน ![]() ![]() |
เจ้าของ: | สายน้ำเมย [ 28 ม.ค. 2018, 09:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เมื่อโลกและธรรมอยู่ร่วมกัน |
อ้างคำพูด: ก็ถือโอกาสนี้..ปรับความเข้าใจซะหน่อย..นะครับ ที่ว่า... การเห็นทุกข์แต่ไม่ทุกข์...มันเป็นการไม่รับรู้โทมนัสเวทนา. ...... การเห็นทุกข์แต่ไม่ทุกข์...ไม่ใช่การไม่รับรู้โทมนัส... แต่..โทมนัสไม่เกิดแม้มีทุกขเวทนา... เมยจะขยายให้ดูนะคะ..คุณกบนอกกะลา ![]() .....เมื่อโทมนัสไม่เกิด...ย่อมไม่มีโทมนัส...เมื่อไม่มีโทมนัส...ย่อมไม่รับรู้โทมนัส..... มันเป็นเชือกเส้นเดียวกันทั้งหมดคะ โทมนัสไม่เกิดเป็นเหตุ...อยู่ต้นสุดของปลายเชือก ไม่รับรู้โทมนัสเป็นผล...อยู่ปลายสุดอีกด้านของเชือกคะ พิมพ์มาไว้เพื่อให้พิจารณา ![]() ![]() |
เจ้าของ: | สายน้ำเมย [ 28 ม.ค. 2018, 09:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เมื่อโลกและธรรมอยู่ร่วมกัน |
อ้างคำพูด: กรัชกายดูแค่นี้ อ้างคำพูด: สำหรับเมย...การอยู่ในโลกนั้นไม่ยากคะลุง แต่อยู่ในธรรมทั้งๆที่อยู่ในโลก..เมยรู้สึกอึดอัด เห็นข้อความมันแย้งๆกัน ![]() ![]() เมื่อยังหายใจอยู่ ขันธ์ห้า ย่อมต้องทำงานตลอดเวลา... . . . ตรงที่ขีดเส้นใต้นะ...เป็นเวทนาขันธ์ที่ทำงานอยู่...โดยเราเอาวิญญาณขันธ์ ไปรับรู้ในขณะปัจจุบัน...ในขณะที่เราตอบโพส.. การตอบนั้นบอกความรู้สึกที่เกิดขึ้นจริง..จริงๆในชีวิตจริงๆ... ไม่ได้เอาบัญญัติมาตอบ..ในขณะที่เขียนโพส... . . . แต่เมื่อเวทนาทำงาน หรือ ขันธ์ตัวอื่นๆทำงานอยู่ในปัจจุบันขณะ เราจะยึดมั่นหรือไม่ยึดมั่นในขันธ์ทั้งห้า...มันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง..(ที่ไม่ได้โพสไว้) . . . และไม่ได้พูดถึง..การใช้สมถะเข้ามาบรรเทา...อาการของขันธ์ให้ที่ทำงานอยู่ ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 28 ม.ค. 2018, 09:48 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เมื่อโลกและธรรมอยู่ร่วมกัน |
สายน้ำเมย เขียน: อ้างคำพูด: กรัชกายดูแค่นี้ อ้างคำพูด: สำหรับเมย...การอยู่ในโลกนั้นไม่ยากคะลุง แต่อยู่ในธรรมทั้งๆที่อยู่ในโลก..เมยรู้สึกอึดอัด เห็นข้อความมันแย้งๆกัน ![]() ![]() เมื่อยังหายใจอยู่ ขันธ์ห้า ย่อมต้องทำงานตลอดเวลา... . . . ตรงที่ขีดเส้นใต้นะ...เป็นเวทนาขันธ์ที่ทำงานอยู่...โดยเราเอาวิญญาณขันธ์ ไปรับรู้ในขณะปัจจุบัน...ในขณะที่เราตอบโพส.. การตอบนั้นบอกความรู้สึกที่เกิดขึ้นจริง..จริงๆในชีวิตจริงๆ... ไม่ได้เอาบัญญัติมาตอบ..ในขณะที่เขียนโพส... . . . แต่เมื่อเวทนาทำงาน หรือ ขันธ์ตัวอื่นๆทำงานอยู่ในปัจจุบันขณะ เราจะยึดมั่นหรือไม่ยึดมั่นในขันธ์ทั้งห้า...มันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง..(ที่ไม่ได้โพสไว้) . . . และไม่ได้พูดถึง..การใช้สมถะเข้ามาบรรเทา...อาการของขันธ์ให้ที่ทำงานอยู่ ![]() ในเมื่อชีวิตนี้เนี่ยๆ ที่โลดแล่นอยู่บนโลกใบนี้ ทางธรรมเรียกว่าขันธ์ ๕ ภาษาชาวบ้าน เรียกว่า คน แล้วทีนี้ คุณสายน้ำ จะหนีไปไหน ผูกคอตายหรอ ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |