วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 13:19  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2018, 05:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


"พระพุทธเจ้าท่านสั่งสอนพวกเรา ท่านสอนให้แก้ไข แต่ไม่บังคับ ท่านสอนว่า ขี้เกียจไม่มี ถ้าใครมีขี้เกียจในตัวเองไม่มีดีเลย แม้การศึกษาหาความรู้หรือการทำมาหากินการอยู่การใช้ ถ้ามีก็หมด ถ้าแก้ตัวนี้ไม่ได้ทุกอย่างล้มละลายหมด แก้ตัวเดียวตัวนี้ แก้ความขี้เกียจมักง่าย ท่านจึงให้เอาพุทโธมาซักฟอก เพราะมันฝังลึก คำว่าขี้เกียจนี้มันมืดมิดปิดหมด ม้นอวิชชานะ พระป่าแปลแบบนี้ ความขี้เกียจตัวเดียวนี่มืดมิดปิดหมด แม้แต่การดำเนินชีวิตก็ไม่เจริญรุ่งเรือง แม้เรื่องภายในจิตใจจะไหว้พระสวดมนต์ก็ป้องกันปิดบังหมด นี่ อำนาจของกิเลสความขี้เกียจปิดบัง วันนี้ก็ไม่พูดอะไรมาก ให้แก้ไขจิตดวงเดียวเท่านั้น ให้ดูเจ้าของ เอาธรรมของพระพุทธเจ้าเข้ามาซักฟอกความขี้เกียจ อย่าลืมพุทโธ ไปที่ไหนก็พุทโธ เอาพุทโธเข้ามาซอกฟอกจิต
แต่อย่าตั้งความหวัง ถ้าตั้งความหวังมันจะผิดพลาด เพราะอำนาจซักฟอกยังไม่มีกำลังก็ยังไม่สามารถซักฟอกได้ อย่าไปบังคับ อย่าไปเค้นหา เอาพุทโธเข้ามาซักฟอกทุกวัน ๆ อยู่ที่ไหนวันใดก็พุทโธ พุทโธนี้จะซักฟอก จิตนี้จะค่อย ๆ คลายออกไป เป็นหลักธรรมชาติ พอมากขึ้นปุ้บก็สว่างจ้า อย่างที่ท่านพูดในธัมมจัก อาโลโก อุทะปาทิ สว่างโร่หมดเลย ในสามแดนโลกธาตุนี้ไม่มีอะไรปิดบัง พระพุทธเจ้าเป็นผู้เลิศ เป็นผู้ประเสริฐอัศจรรย์ก็เพราะท่านชำระมลทินทั้งหลายที่หมักดองในจิตใจนี้ให้ออกไปหมด แล้วนำมาประกาศสวากขาตธรรมที่ท่านตรัสไว้ชอบแล้วทุกอย่าง
บรรดาลูกหลานที่เกิดขึ้นภายหลังก็ไม่ล้าสมัย ล้าสมัยที่สุดก็คือความขี้เกียจมักง่ายขี้โกรธขี้โลภ นี่ไม่ทำให้พวกเราเจริญรุ่งเรือง มีแต่ทำให้พวกเราเป็นมลทินเป็นโทษในจิตใจ ถ้าเราคิดใคร่ครวญสิ่งเหล่านี้ในจิตใจ เราก็จะมีวันคลายออกไป พากันจำไว้ให้ดี กรุณานำไปประพฤติปฏิบัติ จะมีความเจริญรุ่งเรือง จำไว้ให้ดี บังคับฝังใจให้ได้ อย่างน้อยทุกวัน ๆ ก่อนนอน อย่าเพิ่งนอน ให้นั่งก่อน ว่าพุทโธอย่างน้อยเท่าอายุ นอนก็เป็นมงคล ฝันก็เป็นมงคล จิตซักฟอกจนเบาหวิว มันหนักเพราะขี้เกียจ ขี้โกรธ ขี้โลภ มันหนัก
พอมันหนักก็สร้างร่างกายให้เหี่ยวแห้งเร็ว แก่เร็ว ดูนางวิสาขาอายุ 120 ปี มีลูก 20 คน หลาน 20 คนเหลน 20 คน ไม่มีแก่เลย นางวิสาขาไปกราบพระพุทธเจ้า มีบริวาร 500 คน บอกลูกน้องไม่ให้ประดับแต่งเนื้อแต่งตัวเข้าวัด ทุกคนต้องปลดเครื่องแต่งตัวที่หรูหราออกหมด แล้วฟังเทศน์พระพุทธเจ้า ภิกษุปุถุชนก็สงสัย ไปถามพระพุทธเจ้าว่านางวิสาขาคือคนไหน เพราะงามเหมือนกันหมด พระพุทธเจ้าบอกให้ภิกษุสังเกตดู นางวิสาขา อายุ 120 ปี คนไหนลุกขึ้นเอามือค้ำเข่าก็คนนั้นแหละนางวิสาขา
ใครอยากงามไม่ต้องแต่งประดับประดาอะไรมาก แต่งศีลห้าเข้าไป ศีลห้าจะสร้างทั้งจิตทั้งร่างกายให้สมบูรณ์แบบหมด นางวิสาขาสร้างศีลห้าสองอสงไขยนะ ไม่ใช่วันเดียว ปรารถนาปรนนิบัติพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ จากนี้แล้วพระศรีอริยเมตไตรยมาตรัสรู้ นางวิสาขาก็ปรนนิบัติพระศรีอริยเมตไตรยแล้วก็บรรลุพระอรหันต์ไป ถ้าสร้างฐานศีลดีแล้ว แล้วสร้างพุทโธฟอกจิตให้สะอาด ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ต้องปรับปรุงอะไรเลย แม้เงินทองกองสมบัติ การอยู่การกินการใช้สอย ตัวนี้จะเป็นทุนหนุนจิต เป็นหลักธรรมชาติ ท่านจึงกล่าวไว้ท้ายศีลว่า สีเลนะ สุคติงยันติ สีเลนะ โภคะสัมปทา เมื่อมีศีลแล้วก็มีโภคสมบัติ ใครยังไม่แก้ให้รีบแก้นะ จากนี้จะไปเป็นอะไรมองไม่เห็นกันนะ แล้วแต่กรรมของเจ้าของที่จะสร้างให้ตัวเองนะ กลับไปบอกลูกบอกหลาน ก่อนนอนอย่าลืมพุทโธ..."
โอวาทธรรมคำสอนพ่อแม่ครูบาอาจารย์หลวงปู่ทุย ฉันทกโร ณ วัดป่าอัมพโรปัญญาวนาราม
4 กุมภาพันธ์ 2561



"การเกิดขึ้นแห่งกุศลกรรม
เป็นการฉลองวันเกิด
ที่สมค่า อย่างแท้จริง"
-:- สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ -:-





พวกเราทั้งหลายไม่มีความสัตย์ความจริงต่อตัวเอง
จึงมิได้ประสบสุขอันแท้จริงเหมือนอย่างพระพุทธองค์
เราบอกกับตัวเองว่าอยากได้ความสุข
แต่เราก็โดดเข้าไปสู่กองไฟร้อนๆ เรารู้ว่าสิ่งนั้นๆ เป็นยาพิษ
แต่เราก็ดื่มมันเข้าไป นี่แหละเป็นการทรยศต่อตัวเอง
#คติธรรม
( ท่านพ่อลี ธัมมธโร )



วิธีการปิดอบาย
ถาม : ขอพระอาจารย์เมตตาครับ สืบเนื่องจากพระอาจารย์พูดเรื่องการสร้างเสนาสนะ ก็มีความเชื่อว่า สร้างเจดีย์แล้วจะได้กุศลแรง จะปิดอบายได้ ?
พระอาจารย์ : ไม่จริง คือ จะปิดอบายได้ ก็ต้องรักษาศีล ๕ ให้ได้ก่อน รักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์ก่อน ก็มีพระโสดาบันเท่านั้น ที่สามารถรักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์ตลอดเวลาได้ ก็มีตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป
ถาม : อย่างนี้ที่เขาบอกว่า ไปอินเดีย (น่าจะหมายถึงไปสังเวชนียสถาน) จะปิดอบายได้ ๑ ชาติ ก็ไม่ใช่ซิครับ ?
พระอาจารย์ : เป็นเพียงก้าวแรกของการนำไปสู่การปิดอบาย คือการทำให้เกิดความศรัทธา เชื่อว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีจริง เมื่อเชื่อแล้วก็จะเกิดศรัทธาที่จะศึกษา ที่จะปฏิบัติ พอศึกษาแล้วก็จะบรรลุเป็นพระอริยสงฆ์สาวกขึ้นมา ก็จะปิดอบายได้ ไม่ใช่ว่าเพียงแต่ไปอินเดียแล้วจะปิดได้ เหมือนมาที่นี่(ศาลาไม้บนเขาชีโอน) มาที่นี่แล้วต้องกลับไปปฏิบัติต่อ ถ้าปฏิบัติจนบรรลุเป็นพระโสดาบันก็จะปิดอบายได้
เพราะพระโสดาบันจะรักษาศีลยิ่งกว่าชีวิต ท่านไม่เสียดายชีวิต เพราะท่านเห็นว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่ตัวท่าน ร่างกายนี้จะทำบาปหรือไม่ทำบาป มันก็ต้องตายอยู่ดี แต่ผู้ที่ทำบาป คือใจต้องไปใช้กรรมในอบายต่อไป ท่านเห็นชัด เหมือนกับเราเห็นว่าถ้าทำผิดกฎหมายนี้เราก็จะต้องติดคุกแน่นอน เราก็จะไม่กล้าทำกัน แต่คนสมัยนี้เขาเก่ง เขามีวิธีที่จะไม่ติดคุกได้ เขาเลยไม่กลัวกัน เลยกล้าทำกัน อันนั้นก็ช่วยไม่ได้
แต่อบายไม่มีวิธีกั้นได้ ถ้าทำบาปแล้วต้องไปแน่ๆ เงินก็ปิดไม่ได้ มีวิธีเดียวก็คือต้องไม่ทำบาปเท่านั้นเอง ต้องรักษาศีลให้ได้ และการจะรักษาศีลได้ เราต้องรู้ว่าร่างกายนี้ เราจะรักษามันยังไงก็รักษาไว้ไม่ได้ ยังไงมันก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้น การที่จะไปทำบาป เพื่อรักษาร่างกายก็เป็นการที่จะทำให้เราไปใช้กรรมในอบาย สู้ยอมปล่อยให้ร่างกายตายไปดีกว่า แล้วเราไม่ทำบาป เราก็จะได้ไม่ต้องไปให้กรรมในอบายต่อไป
อย่างพระโสดาบัน ท่านเห็นว่าร่างกายไม่ใช่ตัวของท่าน เห็นว่ามันจะต้องตาย ท่านก็เลยไม่ต้องไปรักษามัน เวลาอดข้าว อดอยากขาดแคลน ก็ไม่ไปลักขโมย เพื่อที่จะทำบาป เพื่อที่จะหาอาหาร หายามารักษาร่างกาย ถ้าจะหาก็หาโดยไม่ทำบาป ถ้าหาไม่ได้ก็ปล่อยให้มันตายไป รักษาก็ตายอยู่ดี ไม่รักษาก็ตายอยู่ดี ช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง แต่ทำบาปแล้วต้องไปใช้กรรมในอบาย ถ้าไม่ทำบาปก็ไม่ต้องไปใช้กรรมในอบาย.
เทศนาธรรมคำสอน..
องค์ท่านพระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
- ธรรมะบนเขา วันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖



"...มนุษย์อยากสุขแต่ไม่รู้จักสุข อยากหนีทุกข์แต่ไม่รู้จักทุกข์ สุ่มสี่สุ่มห้าเดินคลำไปคลำมาในความมืด เอาความหวังในความสุขข้างหน้าเป็นที่ปลอบใจ
บางคนอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้ช่วยเนรมิตให้ความมืดกลายเป็นความสว่าง แต่พระพุทธศสนาสอนว่า โยม! มันสว่างอยู่แล้ว ไม่ต้องไปบนบานศาลกล่าวที่ไหนหรอก! ..มีสติ ลืมตา ก็จะเห็นเอง..."
โอวาทธรรมคำสอน..
องค์ท่านพระอาจารย์ชยสาโร




"...คำว่า เจริญก้าวหน้าทางธรรม มิใช่เจริญด้วยยศศักดิ์เหมือนทางโลก หากหมายถึง ใจที่นิ่ง หนักแน่นมั่นคง คลายความยึดติดในโลก หากผู้ใดยังหลงในยศศักดิ์ ก็ชื่อว่าหลงตนและหลงโลก เพราะสิ่งนั้นเป็นของประจำโลก..."
โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป




"...อย่าขึ้นทางต้น ลงทางปลาย ทำอะไรอย่ามักง่ายลัดขั้นตอน ละเลยจารีตที่ครูเคยสอนสั่ง ดังเราขึ้นต้นไม้จากโคน อย่ากระโจนลงจากยอด เพราะประมาทหลงตนเอง
เกิดเป็นคนอย่าหลงตน ไม่เสมอต้นเสมอปลาย อวดอุตริอยากเด่นดัง หรือหัวรั้นเกินครู จบไม่สวยสักราย..."
โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ




"...กระบวนการดิ้นรนให้ได้สมอยาก
เรียกว่าภพ หรือกรรมภพ
เป็นกระบวนการที่ทำให้เกิดทุกข์
ทุกข์เพราะดิ้นรนให้ได้มา
หรือทุกข์เพราะผลักไสออกไป
ระหว่างที่ยังไม่ได้มาก็มีความขัดเคืองใจ
ระหว่างที่ผลักไสออกไปยังไม่สำเร็จ ก็มีความทุกข์..."
โอวาทธรรมคำสอน..
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล




"...ถ้าเราตั้งจิตอยู่บนตัวรู้ หรืออยู่บนฐานรู้ ก็สามารถกอบกู้ใจจากอารมณ์ได้ ตัวรู้นี้ก็คือรู้กาย รู้ลมหายใจ รู้อิริยาบถเคลื่อนไหว อันนี้เป็นเครื่องอยู่ เป็นเครื่องอาศัยของจิต
รู้ลมหายใจหรือรู้อิริยาบถที่เคลื่อนไหว เป็นเครื่องมือหรือเป็นหลังพิงก็ได้ ช่วยให้จิตเราไม่แส่ส่าย ไม่ซัดเซพเนจร หรือไม่ถูกอารมณ์ความคิดต่างๆ ดึงดูดพาไป
ถ้าเราไม่มีฐานรู้ หรือไม่มีกายเป็นเครื่องอยู่ เป็นหลังพิง จิตก็จะไม่มีที่ตั้ง จะไปโน่นไปนี่ แล้วแต่อารมณ์หรือความคิดต่างๆ จะพาไป มีด้วยสองสาเหตุคือ อยากครอบครองเพราะหลงใหลเคลิบเคลิ้มกับมัน หรืออยากผลักไสไล่ส่งมัน..."
โอวาทธรรมคำสอน..
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล



"...เวลาเราปฏิบัติธรรม เราทำเพื่อปล่อย ไม่ใช่ตั้งใจปล่อย แต่มันเกิดขึ้นเองเมื่อจิตรู้ว่ากำลังปรุงแต่ง พอจิตรู้ว่าเผลอปรุงแต่งก็หยุด ไม่ปรุงแต่งต่อไป ก็เลยวาง
ปัญหาของคนเราคือเรายึดเอาไว้โดยไม่รู้ตัว จะด้วยความชอบหรือความชัง จะด้วยความติดใจหรือขัดใจก็ตาม แต่พอมีสติรู้ทัน ก็ปล่อยวางได้..."
โอวาทธรรมคำสอน..
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 115 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร