วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 17:05  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ย. 2017, 05:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


“รักได้ ชอบได้ อย่าไปหวังอะไร
ไปมากมายกว่านี้ มีหวังได้
แต่อย่าหวังมากมาย จนเกินไป
เพราะว่า สุดท้ายแล้ว มนุษย์
ก็ย่อมเป็นมนุษย์ วันยังค่ำยัง
มีความเห็นแก่ตัวอยู่ดี
เพราะมันคือความจริง
ความจริง ก็ยอมคือความจริง ไปวันยังค่ำ
สุดท้ายความจริง ก็ย่อมปรากฏเสมอ
ไม่วันใด หรือวันหนึ่ง”
-:- ท่านพุทธทาสภิกขุ -:-




"เมื่อโทสะเกิด
ความมืดมิดต้องเกิด
ที่ท่านกล่าวว่า โกรธจนหน้ามืด
ก็คือ โทสะนี้เองเกิด
หน้ามืด ก็คือ ตาใจมืด
ทำให้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น
ไม่เห็น ผิดชอบชั่วดี
ไม่เห็น ความควรไม่ควรทั้งหลาย
เรียกว่า เป็นความเศร้าหมองอย่างยิ่ง"
-:- สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ -:-




"...ขอให้พี่น้องทั้งหลายได้ปฏิบัติเถอะ เรื่องจิตตภาวนาสำคัญมากทีเดียว นี่ละรากแก้วพุทธศาสนาอยู่ที่จิตตภาวนา
เวลานี้พวกเราชาวพุทธได้แต่กระพี้ไม่ได้แก่น คือการให้ทาน รักษาศีล ทำความดีประเภทต่างๆ เป็น กระพี้ ทั้งนั้น เมื่อเทียบเข้าไปหลักจิตตภาวนานั้นคือ แก่นแท้..."
โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน


"...หิริ-โอตตัปปะ(ความละอายแก่ใจ-ความเกรงกลัวต่อบาป) นี้เป็นธรรมที่สำคัญ เพราะเป็นพื้นฐานของศีล เป็นต้นตอของศีล
ผู้จะมีศีลได้ ไม่ว่าจะเป็นศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ หรือศีล ๒๒๗ ก็ตาม ต้องมีหิริ และโอตตัปปะ ๒ อย่างนี้
เนื่องจากได้เห็นจิตของตน เห็นความนึกความคิดความปรุงจิตของตน แล้วก็กลัวบาป ละอายบาป จึงไม่อาจจะทำความชั่วได้ ฉะนั้น ศีลก็บริสุทธิ์เท่านั้นเอง..."
โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
วัดหินหมากเป้ง อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย




ใจถึงธรรม ใจถึงวัด
ถาม : หนูมีเรื่องทุกข์ใจมากๆ คือหนูคนเดียวต้องหาเลี้ยงคนทั้งบ้าน ที่เขาทำงานไม่ได้ถึงสี่คน บางทีหนูเหนื่อยมากๆ ค่ะ หนูอยากจะไปวัดหนูยังหาเวลาไม่ได้เลย หนูมีกรรมมากเลยใช่ไหมคะ
พระอาจารย์ : อ๋อไม่มีหรอก ความจริงหนูก็ได้ทำบุญแล้วนี่ เลี้ยงคนสี่คนนี่ก็ได้ทำบุญเลี้ยงพระสี่รูปแล้ว เลี้ยงพระอรหันต์ในบ้านก่อน แล้วค่อยไปเลี้ยงพระอรหันต์นอกบ้าน ในบ้าน เราก็มีพระอรหันต์ตั้งสองรูป คือพ่อแม่เรา ฉะนั้นการอยู่เลี้ยงดูคนอื่นนี้ก็เป็นการทำบุญไปในตัวด้วย แล้วที่หนูทรมานเพราะหนูอยากจะทิ้งเขาไป อยากจะไปทำบุญที่วัดแทน ฉะนั้นทำที่บ้านนั่นแหละ
ถ้าหนูเข้าใจว่าหนูกำลังทำบุญหนูก็จะมีความสุข หนูกำลังเสียสละแบ่งปันประโยชน์สุขของหนูให้แก่ผู้ที่เขาเดือดร้อน เขาช่วยตัวเขาเองไม่ได้ ฉะนั้นอย่าไปอยาก อย่าไปอยากจะทำในสิ่งที่เรายังทำไม่ได้ ให้เราทำในสิ่งที่เรากำลังทำได้ ทำบุญกับบุคคลที่เราอยู่ใกล้ตัวไปก่อน แล้วเราก็จะมีความสุข แล้วเวลามีเวลาว่างเราก็นั่งสมาธิได้ เดี๋ยวนี้เขามีถ่ายทอดสด นี่ก็ตอนนี้ก็เหมือนมาถึงวัดแล้วนี่ ใช่ไหม พอเปิดขึ้นมาถ่ายทอดสดก็ถึงวัดแล้ว
วัดมันไม่ได้อยู่ที่สถานที่หรอก มันอยู่ที่ใจเรา ถึงหรือเปล่า ตอนนี้ใจเรามาถึงวัดแล้ว เราได้ยินได้ฟังธรรม ได้สนทนาธรรม ได้ถามตอบปัญหากัน ดีกว่าบางทีไปที่วัดแล้วไม่มีพระให้เจอเสียด้วยซ้ำไป ไปก็ไปกราบพระพุทธรูปเฉยๆ มีปัญหาถามพระพุทธเจ้าท่านก็ตอบเราไม่ได้
ฉะนั้น ขอให้เราเข้าใจหลักธรรมว่ามันไม่ได้อยู่ที่สถานที่ มันอยู่ที่ใจ อยู่ที่การปฏิบัติของเรา อยู่ที่ไหนเราทำทานก็ถือว่าเราไปถึงวัดแล้ว อยู่ที่ไหนเรารักษาศีลก็ถือว่าเราถึงวัดแล้ว อยู่ที่ไหนเราทำใจให้สงบได้เราก็ถึงวัดแล้ว อยู่ที่ไหนเราฟังธรรมได้ก็ถือว่าถึงวัดแล้ว.
เทศนาธรรมคำสอน..
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
สนทนาธรรมบนเขา
วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๐


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 131 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร