ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ปัญญาวิมุติ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=54845
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  walaiporn [ 19 พ.ย. 2017, 16:43 ]
หัวข้อกระทู้:  ปัญญาวิมุติ

ปัญญาวิมุติ

มีเกิดขึ้น ช่วงสภาวะจิตดวงสุดท้ายมีเกิดขึ้น(ลมหายใจเฮือกสุดท้าย)
เป็นสภาวะ สมถะและวิปัสสนาเคียงคู่กันไป มีเกิดขึ้นตามความเป็นจริง



ปัญญา หมายถึง การรู้ชัดในลักษณะอาการที่มีเกิดขึ้นของ
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ที่มีเกิดขึ้นตามความเป็นจริง



ปัญญาวิมุติ ในที่นี้ หมายถึง
ผู้ที่เจริญสมถะ(สัมมาสมาธิ)และวิปัสสนา ได้แก่



๑. การเจริญสมถะ มีวิปัสสนานำหน้า
วิปัสสนาเกิดก่อน สมถะเกิดที่หลัง

มีเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ได้แก่
การกำหนดรู้ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปทาน ภพ
สิ่งที่เกิดขึ้น(ผัสสะ) มีผลกระทบทางใจ ทำให้เกิดความรู้สึกนึกคิด
กระทำไว้ในใจ ไม่สร้างเหตุออกไปตามความรู้สึกนึกคิดที่มีเกิดขึ้น

ได้แก่ สภาวะศิล ที่เป็นไปเพื่อสมาธิ



๒. การเจริญวิปัสสนา มีสมถะนำหน้า
สมถะเกิดก่อน วิปัสสนาเกิดที่หลัง

มีเกิดขึ้น ขณะทำความเพียร
ได้แก่ การทำความเพียรทุกรูปแบบ เพื่อให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ
และมีความรู้สึกตัวทั่วพร้อม เกิดขึ้นร่วมด้วย
เป็นเหตุปัจจัยให้ สามารถรู้ชัดในผัสสะ ที่มีเกิดขึ้น
กล่าวคือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ



๓. เจริญสมถะและวิปัสสนาเคียงคู่กันไป
ทำความเพียรทั้งข้อ ๑ และข้อ ๒





มีเกิดขึ้นเฉพาะ

๑. ผู้ที่ไม่ได้สัมผัสวิโมกข์ ๘ ด้วยนามกาย
คือ เป็นผู้ได้ฌาน แต่ไม่ได้วิโมกข์ ๘

๒. ผู้ที่สัมผัสวิโมกข์ ๘ ด้วยนามกาย
คือ เป็นผู้ที่ได้วิโมกข์ ๘



ขณะที่เกิดสภาวะจิตดวงสุดท้าย

นิพพิทามีกำลังมาก ตัณหาที่มีอยู่ ไม่สามารถทำงานได้
กรรมต่างๆที่เคยกระทำไว้ จึงตกไป
จึงไม่มีความหวาดเสียว ความหวาดกลัว สะดุ้งเพราะอุปทาน

สิ่งแรกที่รู้ชัด ได้แก่ วิโมกข์ ๓
สภาวะใดสภาวะหนึ่ง มีเกิดขึ้นอย่างเด่นชัด
จะรู้ชัดในสภาวะที่มีลักษณะเด่นที่สุด

ตัวไหนเกิดชัด
จะรู้ชัดในลักษณะอาการที่มีเกิดขึ้นของคำเรียกนั้นๆ



ขณะที่เกิดสภาวะนี้ ภายนอกจะดับหมด
รู้ชัดแต่ภายในกายและจิต และอุปทานขันธ์ ๕ ที่มีเกิดขึ้นตามความเป็นจริง

จึงตั้งชื่อเองว่า สภาวะจิตดวงสุดท้าย
ที่หมายถึง ลมหายใจเฮือกสุดท้าย





๑. รู้ชัดในลักษณะอาการที่มีเกิดขึ้น ของอนิจจัง
ความไม่เที่ยง ความแปรปรวน การแปรเปลี่ยนตลอดเวลา ยึดมั่นถือมั่นอะไรไม่ได้
มีชื่อเรียกว่า อนิมิตตวิโมกข์



๒. รู้ชัดในลักษณะอาการที่มีเกิดขึ้น ของทุกขัง
ความทุกข์ ความบีบคั้น ความทนอยู่ได้ยาก เป็นโรค เป็นดังหัวฝี
เป็นดังลูกศร เป็นความลำบาก เป็นไข้ เป็นอื่น เป็นของทรุดโทรม
มีชื่อเรียกว่า อัปปณิหิตวิโมกข์

ลักษณะที่มีเกิดขึ้นเด่นชัด คือ ความยึดมั่นถือมั่น
ในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ที่มีเกิดขึ้นตามความเป็นจริง

เมื่อนิพพิทามีกำลังมาก ปลงตกว่า ตายก็ดีเหมือนกัน
เกิดจากความรู้สึกเบื่อหน่ายในเหตุปัจจัยที่มีอยู่(ความรู้ชัดในผัสสะด้วยตนเอง)
และรู้สึกเบื่อหน่ายในภพชาติของการเกิด
ตัณหาที่มีอยู่ จึงไม่สามารถมีเกิดขึ้นได้




๓. รู้ชัดในลักษณะอาการที่มีเกิดขึ้น ของอนัตตา
ความไม่ใช่ตัวตน บังคับบัญชาไม่ได้ เกิดเพราะเหตุ ดับเพราะเหตุ
แม้ว่าจะมีเราหรือไม่มีเรา มีเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ก็ตาม
สิ่งที่เกิดขึ้น ยังคงดำเนินไปตามเหตุและปัจจัยของสิ่งๆนั้น

มีชื่อเรียกว่า สุญญตวิโมกข์

ลักษณะที่เกิดขึ้นเด่นชัดคือ กายและจิต
กล่าวคือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
แยกขาดออกจากกัน ทำงานคนละส่วน ไม่ปะปนกัน

ลักษณะอาการที่มีเกิดขึ้น "สิ่งที่เกิดขึ้น และ ใจที่รู้อยู่"






จึงมีคำกล่าวไว้ว่า อนัตตลักขณะ
ลักษณะของคำที่เรียกว่า อนัตตา ที่มีเกิดขึ้นตามความเป็นจริง
จะมีเกิดขึ้นเแฉพาะสมัยที่มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นเท่านั้น
เพราะเป็นธรรมที่ละเอียด เป็นสิ่งที่รู้ได้ยาก


หากไม่มีพระธรรมคำสอน ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้
ไม่อาจจะรู้ได้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้น ในแต่ละขณะๆๆๆ นั้น มีชื่อเรียกว่าอะไร

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/