ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
การปฏิบัติธรรม http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=53491 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 4 |
เจ้าของ: | รสมน [ 21 ธ.ค. 2016, 05:31 ] |
หัวข้อกระทู้: | การปฏิบัติธรรม |
"..การปฏิบัติธรรมเป็น การปฏิบัติ ที่ตัวของเราตัวของเราประกอบด้วย รูปธรรมและนามธรรมรูปธรรมนั้น ก็คือร่างกาย นามธรรมนั้น ก็คือใจ เราปฏิบัติธรรมก็คือ ปฏิบัติกายกับใจของเรา กายของเราก็ไม่ให้ไปทำชั่วผิดศีล ใจของเราก็ไม่ต้องไปผูกพยาบาทอาฆาต จองเวรใครเมื่อทำได้อย่างนี้ ก็ถือว่า เป็นการ ปฏิบัติธรรม แล้ว.." (โอวาทธรรมหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร) "...ทั้งขันธ์หยาบ (รูปขันธ์) ทั้งขันธ์ละเอียด (นามขันธ์) สงเคราะห์ลงในความพังพินาศเสมอกัน ไม่มีใครมีอำนาจราชศักดิ์ไปยึดเอาขันธ์เหล่านี้มาเป็นขันธ์เที่ยง ขันธ์เป็นสุข ขันธ์ไม่มีทุกข์ ขันธ์เป็นอัตตา คือนึกเอาตามใจหวังได้แม้แต่รายเดียว ผู้พิจารณาหยั่งลงถึงไตรลักษณะ ด้วยไตรลักษณญาณจริง ๆ แล้วก็มีอยู่ทางเดียว คือต้องรีบออกไปให้พ้นจากป่าช้าแห่งความเกิดตายทุกประเภทเท่านั้น ไม่ต้องมาเป็นกังวลซากศพของเขาของเรา ซึ่งเป็นสภาพที่น่าทุเรศเสมอกันทั้งสัตว์ทั้งคนอีกต่อไป ฉะนั้น นักค้นคว้าทางด้านจิตใจ จึงควรคำนึงถึงฐานที่เกิดและดับของขันธ์ทั้งสองประเภทนี้ ด้วยปัญญาอันหลักแหลมว่า ขันธ์เหล่านี้เกิด-ดับ เกิด-ดับจากอะไร ฐานที่ตั้งของเขาคืออะไร นอกจากจิตดวงงมงายซึ่งกำลังเป็นเขียงเช็ดเท้าและเป็นผู้ให้กำเนิดของเขาแล้ว สมมุติเครื่องกังวลน้อยใหญ่ไม่มีทางเกิดได้ ก็จิตดวงงมงายนี้มีอะไรแทรกซึมเขา เขาจึงกลายเป็นจิตที่มีโรคเบียดเบียนเป็นประจำ ไม่มีความแยบคายพอจะถอนตัวออกจากหล่มลึก คือความเกิดตายได้ ลองใช้จอบและดาบเพชร คือ สติปัญญาขุดค้นฟาดฟันดูดวงใจนั้นด้วยความเพียร จะเห็นซากของอวิชชาทั้งเป็น เกาะกินอยู่ในจิตดวงนั้น เมื่ออวิชชาถูกจอบและดาบเพชรขุดค้นฟาดฟันอย่างหั่นแหลก ก็แตกกระเด็นออกจากใจ เสียงดังสะท้านหวั่นไหว ประหนึ่งแผ่นดินถล่มทั่วขอบเขตจักรวาล เสียงสะเทือนสะท้านทั่วทั้งไตรภพ..." เทศนาธรรมคำสอน.. องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน "...การพูดถึง ภาวนา เราก็อาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องเหลือวิสัยที่จะเข้าใจ อาจคิดไปว่าหลักของการภาวนานี้มีแต่รูปแบบการนั่ง มีแต่วัตรปฏิบัติต่างๆ สำหรับผู้ที่ไม่เคยทำอาจจะคิดกลัวไป แต่สำหรับผู้ที่เคยสัมผัสบ้าง ก็อาจจะพอใจ กระตือรือร้น เพราะว่า การเจริญภาวนานี้จะได้ผลเป็นกอบเป็นกำขึ้นมาจริงๆ มันไม่เหมือนกับเราทำนา ทำไร่ ทำสวนเราทำนา ทำไร่ ทำสวน ต้องรอเป็นครึ่งปี เป็นปีจึงจะได้ผลของสิ้งที่เราทำ แต่หลักของการภาวนานี้ไม่ต้องรอ ทำเดี๋ยวนี้ได้เดี๋ยวนี้ และก็คิดว่าเป็นวิธีที่สะดวกที่สุดของการทำคุณความดี..." โอวาทธรรมคำสอน.. องค์หลวงพ่อคำเขียน สุวัณฺโณ |
เจ้าของ: | asoka [ 21 ธ.ค. 2016, 14:20 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: การปฏิบัติธรรม |
![]() การปฏิบัติธรรมคือการตั้งใจ ตั้งสติปัญญาขึ้นมาดูและสังเกตการทำงานของรูปนามกายใจ จนได้เห็นหรือได้รู้ความจริงว่า มีแต่ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา วนเวียนไปมาไม่รู้จบ ทุกสิ่งจะหยุดสงบเมื่อมีชีวิตอยู่ด้วยอนัตตา คือปราศจากความเห็นผิดยึดผิดว่า กายใจนี้เป็นอัตตา ตัวกู ของกู ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 21 ธ.ค. 2016, 18:48 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: การปฏิบัติธรรม |
asoka เขียน: การปฏิบัติธรรมคือการตั้งใจ ตั้งสติปัญญาขึ้นมาดูและสังเกตการทำงานของรูปนามกายใจ จนได้เห็นหรือได้รู้ความจริงว่า มีแต่ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา วนเวียนไปมาไม่รู้จบ ทุกสิ่งจะหยุดสงบเมื่อมีชีวิตอยู่ด้วยอนัตตา คือปราศจากความเห็นผิดยึดผิดว่า กายใจนี้เป็นอัตตา ตัวกู ของกู ความหมายที่แท้ คำว่า “ปฏิบัติธรรม” ได้แก่การนำเอาธรรมะไปใช้ในการดำเนินชีวิต หรือการดำเนินชีวิตตามธรรม แต่ปัจจุบัน มักเข้าใจคำนี้ไปในความหมายว่า เป็นการฝึกอบรมทางจิตปัญญาขั้นหนึ่งระดับหนึ่งโดยเฉพาะ ซึ่งมีลักษณะเป็นรูปแบบ และทำไปตามแบบแผนที่ได้กำหนดวางไว้ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 21 ธ.ค. 2016, 18:51 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: การปฏิบัติธรรม |
asoka เขียน: การปฏิบัติธรรมคือการตั้งใจ ตั้งสติปัญญาขึ้นมาดูและสังเกตการทำงานของรูปนามกายใจ จนได้เห็นหรือได้รู้ความจริงว่า มีแต่ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา วนเวียนไปมาไม่รู้จบ ทุกสิ่งจะหยุดสงบเมื่อมีชีวิตอยู่ด้วยอนัตตา คือปราศจากความเห็นผิดยึดผิดว่า กายใจนี้เป็นอัตตา ตัวกู ของกู ความคิดท่านอโศกสุดโต่ง มีโทษต่อจิตใจและการดำรงชีวิตของตนเอง ปฏิบัติธรรม หลักการปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนา คือ การนำหลักธรรมที่เป็นส่วนปฏิบัติ ซึ่งเรียกว่าอริยมรรคมีองค์ ๘ มาลงมือปฏิบัติเชิงบูรณาการเป็นแนวทางดำเนินชีวิตให้บรรลุถึงจุดหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนา กระบวนการนำหลักอริยมรรคมาลงมือปฏิบัติเชิงบูรณาการตามลำดับขั้นตอนที่ชัดเจนที่สุด เรียกว่า ไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ซึ่งจัดเป็นตัวแท้ของการปฏิบัติ เป็นกระบวนการศึกษาปฏิบัติธรรมทั้งหมดในพระพุทธศาสนา โดยสามารถนำหลักอริยมรรคมีองค์ ๘ นั้นมาย่นย่อลงมือบูรณาการปฏิบัติครอบคุลมได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ในการเข้าสู่กระบวนการศึกษาปฏิบัติตามหลักไตรสิกขา ซึ่งเรียกว่า ปฏิบัติธรรม นั้น มีรูปแบบหรือลักษณะการปฏิบัติอยู่ ๒ รูปแบบด้วยกัน คือ ๑) ปฏิบัติธรรมแบบกว้างๆ (สามัญธรรมปฏิบัติ) ๒) ปฏิบัติธรรมแบบเข้มข้น (วิสามัญธรรมปฏิบัติ) การปฏิบัติธรรมทั้งสองรูปแบบนี้มีคำจำกัดความ และความมุ่งหมายที่กว้าง และแคบต่างกัน ดังนี้ ๑) ปฏิบัติธรรมแบบกว้างๆ (สามัญธรรมปฏิบัติ: General Dhamma Practice) หมายถึง การนำเอาหลักธรรมในระดับศีลธรรมหรือหลักจริยธรรมขั้นพื้นฐานที่พระพุทธเจ้าสั่งสอนไว้มาเป็นหลักหรือแนวทางในการดำเนินชีวิตประจำวัน โดยสามารถยึดเป็นหลักธรรมประจำใจ เช่น การที่คนเรามีสติสัมปชัญญะในการทำกิจการต่างๆ การมีหิริโอตตัปปะไม่กล้าทำบาปทุจริตทั้งในที่ลับและที่แจ้ง เพราะกลัวผลของบาปทุจริตที่จะได้รับในภายหลัง การมีขันติและโสรัจจะ คือ ความอดกลั้น สงบเสงี่ยมต่อสภาวะบีบคั้นกดดันต่างๆ ที่เผชิญอยู่ การมีความกตัญญูกตเวที คือ รู้คุณของผู้อื่นที่ทำแก่ตนแล้วตอบแทนคุณนั้นให้เหมาะสม หรือการรักษาศีล ๕ ศีล ๘ เป็นต้น การมีหลักธรรมประจำใจในการดำรงชีวิตประจำวันดังกล่าวมานี้ ชื่อว่าการปฏิบัติธรรมแบบกว้างๆ ในที่นี้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง บุคคลใดก็ตามที่น้อมนำหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าสอนไว้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการดำรงชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นหลักธรรมที่มีอุปการะมาก คือสติสัมปชัญญะ หลักธรรมที่คุ้มครองโลก คือหิริโอตตัปปะ หลักพรหมวิหารธรรม ๔ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา หรือหลักศีลธรรมอื่นๆ ก็ตาม บุคคลผู้นั้น ชื่อว่าปฏิบัติธรรมทั้งนั้น การปฏิบัติธรรมตามลักษณะนี้ จึงกินความกว้างมาก สุดแต่ว่าใครจะสามารถนำเอาหลักธรรมมาใช้ในการดำเนินชีวิต หรือในการทำกิจหน้าที่นั้นๆ ให้ได้ผลแค่ไหน เพียงไร ซึ่งการปฏิบัติธรรมตามรูปแบบนี้ เราชาวพุทธทั้งหลายได้ใช้อยู่ตลอดเวลา โดยเมื่อปฏิบัติกิจ หรือกระทำต่อสิ่งใดๆ อย่างถูกต้อง ก็เรียกว่า เป็นการปฏิบัติธรรม ไม่ว่าจะอยู่ในสถานภาพใด มีหน้าที่การงานอย่างไร เมื่อปฏิบัติตนหรือปฏิบัติหน้าที่ถูกต้องเหมาะสมแก่สถานภาพหรือหน้าที่การงานนั้นๆ ก็ชื่อว่าปฏิบัติธรรม เช่น ในการทำงาน เมื่อนำหลักธรรมที่อำนวยให้ประสบผลสำเร็จ คืออิทธิบาท ๔ อันได้แก่ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ และวิมังสา มาใช้ในการทำงาน ก็เป็นการปฏิบัติธรรม แม้แต่การออกไปที่ท้องถนนหรือการขับรถ ถ้าขับโดยเคารพวินัยจราจร รักษากฎจราจรอย่างเคร่งครัด เช่น เมาไม่ขับ ไม่ตัดหน้า ไม่ฝ่าไฟแดง หรือง่วงนอนหาวนอนก็ไม่ขับ ขับรถไปด้วยความเรียบร้อยดีโดยไม่ประมาท มีความสุภาพ หรือลงลึกเข้าไปแม้กระทั่งว่า ทำจิตใจให้สงบ สบาย ไม่เครียด มีความผ่องใส สบายใจ ในเวลาที่ขับรถอยู่กลางถนนนั้น ท่ามกลางรถรามากมาย เช่นนี้ ก็เป็นการปฏิบัติธรรม นอกจากนี้ บุคคลผู้เป็นข้าราชการ/เจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งมีหน้าที่ต้องปฏิบัติราชการ ถ้าปฏิบัติหน้าที่ราชการอย่างถูกต้อง ซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส เที่ยงธรรม ขยันหมั่นเพียร มุ่งผลสัมฤทธิ์ของงานการบริการที่ดี ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ให้สำเร็จผล ก่อให้เกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชน สังคม และประเทศชาติ ก็ชื่อว่าปฏิบัติธรรม หรือ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ข้าราชการผู้ใดก็ตามปฏิบัติราชการโดยนำหลักพุทธธรรมมาปรับใช้ในชีวิตราชการ เช่น นำหลักอิทธิบาท ๔ โดยมีฉันทะ ยินดีพอใจในการเป็นข้าราชการ รักอาชีพราชการ มีวิริยะ มุ่งมั่นขยันหมั่นเพียรในการปฏิบัติหน้าที่ราชการ โดยทุ่มเท สู้งาน ไม่หวั่นย่อท้อต่อปัญหาอุปสรรคของการปฏิบัติงาน มีจิตตะ เอาใจใส่สนใจรับผิดชอบต่อการปฏิบัติงานทุกขั้นตอน และมีวิมังสา คอยหมั่นไตร่ตรอง ตรวจสอบ ติดตามประเมินผลในการปฏิบัติงานเพื่อให้ได้ผลดีอยู่เสมอ เมื่อปฏิบัติเช่นนี้ จะโดยรู้ตัวว่านำหลักพุทธธรรม คือ อิทธิบาท ๔ มาใช้หรือไม่รู้ตัวก็ตาม ข้าราชการผู้นั้น ก็ชื่อว่าได้ปฏิบัติธรรม แต่เป็นการปฏิบัติธรรมแบบกว้างๆ ๒) ปฏิบัติธรรมแบบเข้มข้น (วิสามัญธรรมปฏิบัติ: Intensive Dhamma Practice) หมายถึง การเน้นนำหลักธรรมที่เป็นข้อปฏิบัติโดยตรง หรือหลักธรรมในระดับที่สูงกว่าขั้นศีลธรรมมาฝึกอบรมจิต และพัฒนาปัญญา ที่เรียกว่า ปฏิบัติธรรมด้วยวิธีภาวนา หรือบำเพ็ญกัมมัฏฐาน โดยการปลีกตัวออกไปจากสังคม หามุมสงบประคบประหงมจิต เช่น ไปปฏิบัติบำเพ็ญอยู่ที่วัด หรือสำนักปฏิบัติธรรม หรือไปหาสถานที่ที่สงบอื่นๆ เพื่อลงมือปฏิบัติฝึกหัดทดลองควบคุมจิตใจ เมื่อประสบสิ่งที่ใจไม่ปรารถนา ซึ่งวิธีที่จะควบคุมจิตใจได้ดีที่สุด ก็คือความใส่ใจใฝ่ฝึกศึกษาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาแล้วนำมาปฏิบัติโดยการฝึกสมาธิ เจริญวิปัสสนาในวัด หรือสำนักปฏิบัติธรรมต่างๆ ที่มีพระภิกษุผู้มุ่งวิปัสสนาธุระเป็นพระวิปัสสนาจารย์สอนวิชากัมมัฏฐานทั้งสายสมถะและวิปัสสนาโดยตรง ดังนั้น การปฏิบัติธรรมด้วยการปลีกตัวไปฝึกสมาธิ เจริญวิปัสสนา จึงจัดเป็นการปฏิบัติธรรมแบบเข้มข้นเน้นหรือลงลึกเฉพาะเรื่อง โดยมุ่งฝึกฝนพัฒนาจิตใจ อย่างมีระบบ กำหนดเป็นหลักสูตรเพื่อให้ได้รับปฏิเวธ คือผลจากการฝึกปฏิบัติได้อย่างแท้จริง |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 21 ธ.ค. 2016, 19:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: การปฏิบัติธรรม |
asoka เขียน: การปฏิบัติธรรมคือการตั้งใจ ตั้งสติปัญญาขึ้นมาดูและสังเกตการทำงานของรูปนามกายใจ จนได้เห็นหรือได้รู้ความจริงว่า มีแต่ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา วนเวียนไปมาไม่รู้จบ ทุกสิ่งจะหยุดสงบเมื่อมีชีวิตอยู่ด้วยอนัตตา คือปราศจากความเห็นผิดยึดผิดว่า กายใจนี้เป็นอัตตา ตัวกู ของกู ความรู้สึกนึกคิดท่านอโศกเหมือนถูกตั้งโปรแกรมเอาไว้ ![]() ![]() ![]() เขาเป็นอารัยท่านอโศก อ้างคำพูด: เดี๋ยวนี้ไม่ได้นั่งสมาธิเลยค่ะ กลัวอะไรก็บอกไม่ถูก เมื่อก่อนเวลานั่งสักพักรู้สึกเหมือนมีแมลงมาไต่อยู่ที่ขา ลูบดูก็ไม่มี
วันต่อๆ มาก็เป็นอีก จุดเดิม ที่เดิม เหมือนเดินไต่ไปเรื่อยๆ แต่รู้ว่ามันไม่มีอะไรไต่จริง แต่ก็ไม่รู้มันคืออะไรบางครั้งก็ได้ยินเสียงดัง "ปัง" ดังมากด้วย เหมือนอะไรตกบนบ้าน แต่ถามแม่ แม่กลับไม่ได้ยิน |
เจ้าของ: | asoka [ 21 ธ.ค. 2016, 21:33 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: การปฏิบัติธรรม |
![]() กรัชกายเอ๋ย....อ้อมค้อมเกินไปไม่ทันการที่ยกมาพูดเสียยาวยืด ทำยังไงให้ผู้ปฏิบัติได้เห็นความจริงในชีวิตตามอริยสัจ 4 โดยเร็วที่สุด จนขุดถอนความเห็นผิดยึดผิดออกเสียได้ นั่นเป็นสิ่งสำคัญ หลังจากนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องการปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน เพราะคนที่ถอนความเห็นผิดยึดผิดออกได้แล้ว ชีวิตประจำวันของเขาจะเป็นศีลเป็นธรรมเองโดยธรรมชาติ ไม่ต้องสั่งไม่ต้องกำหนด ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 21 ธ.ค. 2016, 21:36 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: การปฏิบัติธรรม |
asoka เขียน: กรัชกายเอ๋ย....อ้อมค้อมเกินไปไม่ทันการที่ยกมาพูดเสียยาวยืด ทำยังไงให้ผู้ปฏิบัติได้เห็นความจริงในชีวิตตามอริยสัจ 4 โดยเร็วที่สุด จนขุดถอนความเห็นผิดยึดผิดออกเสียได้ นั่นเป็นสิ่งสำคัญ หลังจากนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องการปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน เพราะคนที่ถอนความเห็นผิดยึดผิดออกได้แล้ว ชีวิตประจำวันของเขาจะเป็นศีลเป็นธรรมเองโดยธรรมชาติ ไม่ต้องสั่งไม่ต้องกำหนด ท่านอโศกขอรับ ต่อให้ด้านหนึ่งของชีวิตเป็นพระพุทธเจ้า อีกด้านหนึ่งของชีวิตก็ต้องบิณฑบาตเลี้ยงชีพ เออ จริงไม่จริง มองมาที่ชาวบ้าน ต่อให้รู้ธรรมขนาดไหน บอกว่าเป็นชาติสุดท้าย ตื่นเช้าก็ต้องไปทำงานหาเลี้ยงชีวิต คิกๆๆ |
เจ้าของ: | asoka [ 22 ธ.ค. 2016, 08:05 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: การปฏิบัติธรรม |
![]() มัวแต่ไปมองในมุมของชาวบ้าน ไม่พยายามมองเข้าในตัวเองอย่างที่ชาวธรรมควรจะทำ จึงฟุ้งซ่านไปกับความรู้วิชาการอย่างไม่รู้จบสิ้น เหนื่อยนะกรัชกาย ชาตินี้จะเกิดมาตายเสียเปล่าไม่เข้าการ ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 22 ธ.ค. 2016, 08:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: การปฏิบัติธรรม |
asoka เขียน: grin มัวแต่ไปมองในมุมของชาวบ้าน ไม่พยายามมองเข้าในตัวเองอย่างที่ชาวธรรมควรจะทำ จึงฟุ้งซ่านไปกับความรู้วิชาการอย่างไม่รู้จบสิ้น เหนื่อยนะกรัชกาย ชาตินี้จะเกิดมาตายเสียเปล่าไม่เข้าการ ![]() ที่กรัชกายพูดข้างบนนะถูกไหมล่ะ ท่านอโศกนี่ไม่เข้าใจสาธารณนาม อิอิ ชาวบ้านก็รวมหมดนั่นแหละ ทั้งอโศก ทั้งกรัชกาย นี่คือชาวบ้านทั่วๆไป จินไม่จินหือ ![]() |
เจ้าของ: | asoka [ 22 ธ.ค. 2016, 17:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: การปฏิบัติธรรม |
กรัชกาย เขียน: asoka เขียน: grin มัวแต่ไปมองในมุมของชาวบ้าน ไม่พยายามมองเข้าในตัวเองอย่างที่ชาวธรรมควรจะทำ จึงฟุ้งซ่านไปกับความรู้วิชาการอย่างไม่รู้จบสิ้น เหนื่อยนะกรัชกาย ชาตินี้จะเกิดมาตายเสียเปล่าไม่เข้าการ ![]() ที่กรัชกายพูดข้างบนนะถูกไหมล่ะ ท่านอโศกนี่ไม่เข้าใจสาธารณนาม อิอิ ชาวบ้านก็รวมหมดนั่นแหละ ทั้งอโศก ทั้งกรัชกาย นี่คือชาวบ้านทั่วๆไป จินไม่จินหือ ![]() ![]() ชาวบ้านโดยทั่วไปจะมองและดิ้นรนอยู่แต่ในเรื่อง กิน ขี้ สี่ นอน ชาวธรรมนั้นจะมองหาทางหลุดพ้นจากความเวียนว่ายตายเกิดให้ทันในชาตินี้ กรัชกายไม่เห็นความแตกต่างในเรื่องนี้หรือ อนิจจา! ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 22 ธ.ค. 2016, 18:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: การปฏิบัติธรรม |
asoka เขียน: กรัชกาย เขียน: asoka เขียน: grin มัวแต่ไปมองในมุมของชาวบ้าน ไม่พยายามมองเข้าในตัวเองอย่างที่ชาวธรรมควรจะทำ จึงฟุ้งซ่านไปกับความรู้วิชาการอย่างไม่รู้จบสิ้น เหนื่อยนะกรัชกาย ชาตินี้จะเกิดมาตายเสียเปล่าไม่เข้าการ ![]() ที่กรัชกายพูดข้างบนนะถูกไหมล่ะ ท่านอโศกนี่ไม่เข้าใจสาธารณนาม อิอิ ชาวบ้านก็รวมหมดนั่นแหละ ทั้งอโศก ทั้งกรัชกาย นี่คือชาวบ้านทั่วๆไป จินไม่จินหือ ![]() ![]() ชาวบ้านโดยทั่วไปจะมองและดิ้นรนอยู่แต่ในเรื่อง กิน ขี้ สี่ นอน ชาวธรรมนั้นจะมองหาทางหลุดพ้นจากความเวียนว่ายตายเกิดให้ทันในชาตินี้ กรัชกายไม่เห็นความแตกต่างในเรื่องนี้หรือ อนิจจา! ตราบเท่าที่ยังไม่ถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นสูงสุดอย่างถูกต้องแล้วแล้วล่ะก็ ยังต้องกิน ขี้ อี้ นอน ทั้งนั้นแหละท่านอโศก ตัวอย่าง นางวิสาขา มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง พระเจ้าพิมพิสาร เป็นต้น นี่เป็นอริยชนนะ ยังบริหารครอบครัว บริหารราชการบ้านเมืองยัง กิน ขี้ อี้ นอน จริงไม่จริง ![]() พระพุทธเจ้า พระสารีบุตร เป็นต้น ก็ยัง กิน ขี้ (เว้นสี่) นอน แต่ก็ยังทำงานพระศาสนา คือสั่งสอนประชาชนนะ ท่านอโศกว่าจริงไหม หือ หรือท่านอโศกว่าไม่กิน ไม่ขี้ ไม่นอน ![]() อ้างคำพูด: ชาวธรรมนั้นจะมองหาทางหลุดพ้นจากความเวียนว่ายตายเกิดให้ทันในชาตินี้ ไม่ทั้งหมดหรอกท่านอโศก หนทางหลุดพ้น ถ้าไม่รู้จักทาง อยากๆๆแบบท่านอโศกนี่ อยากจนขี้ไม่ออก อิอิ คืออยากจนท้องผูก ก็ไม่พ้น เพราะอะไร เพราะมีแต่ความอยาก คือตัณหาอย่างเดียว ![]() ![]() |
เจ้าของ: | asoka [ 22 ธ.ค. 2016, 20:29 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: การปฏิบัติธรรม |
![]() อโศกะทำตามหน้าที่ที่ชาวพุทธทุกคนพึงกระทำ ไม่ใช่ทำไปด้วยความทะยานอยาก อย่างที่กรัชกายเข้าใจผิดไป ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เจริญเหตุสุข ละเหตุทุกข์ ทุกวัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้และมีโอกาส นี่คืองานและหน้าที่ของชาวพุทธ ถ้าจะทำตามโอวาทปาติโมกข์ก็ ละชั่ว ทำแต่ดี เพียรชำระจิตของตนให้ขาวรอบ ชาตินี้จงเน้นหนักเรื่องการชำระจิตของตนให้ขาวรอบด้วยวิปัสสนาภาวนา ให้มากที่สุด เมื่อเหตุพอ ผลก็เกิด ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 23 ธ.ค. 2016, 09:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: การปฏิบัติธรรม |
asoka เขียน: :b12: [size=150]อโศกะทำตามหน้าที่ที่ชาวพุทธทุกคนพึงกระทำ ไม่ใช่ทำไปด้วยความทะยานอยาก อย่างที่กรัชกายเข้าใจผิดไป ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เจริญเหตุสุข ละเหตุทุกข์ ทุกวัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้และมีโอกาส นี่คืองานและหน้าที่ของชาวพุทธ ถ้าจะทำตามโอวาทปาติโมกข์ก็ ละชั่ว ทำแต่ดี เพียรชำระจิตของตนให้ขาวรอบ ชาตินี้จงเน้นหนักเรื่องการชำระจิตของตนให้ขาวรอบด้วยวิปัสสนาภาวนา ให้มากที่สุด เมื่อเหตุพอ ผลก็เกิด โหนวิปัสสนาภาวนาอีก ![]() |
เจ้าของ: | asoka [ 23 ธ.ค. 2016, 22:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: การปฏิบัติธรรม |
![]() วิปัสสนาภาวนา เป็นวิชาที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบและนำมาสอน เป็นวิธีชำระจิตของตนให้ขาวรอบ เป็นสิ่งที่ชาวพุทธทุกคนต้องรู้และปฏิบัติได้ กรัชกายจะพูดว่า โหน หรืออะไรก็ไม่มีปัญหา ขอให้ทำวิปัสสนาภาวนาให้เป็นก็แล้วกัน กรัชกายทำเป็นไหมล่ะ? ถ้าทำเป็น ลองสรุปวิธีปฏิบัติวิปัสสนาภาวนามาให้ฟังให้อ่าน ดูซิ ถ้าสรุปมาไม่ได้ ก็จงอย่ามาทำไก๋ แสดงธรรมเผยแพร่ธรรมไม่จริงในลานนี้เลย พึงพิจารณาตัวเองได้แล้ว ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 24 ธ.ค. 2016, 06:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: การปฏิบัติธรรม |
asoka เขียน: วิปัสสนาภาวนา เป็นวิชาที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบและนำมาสอน เป็นวิธีชำระจิตของตนให้ขาวรอบ เป็นสิ่งที่ชาวพุทธทุกคนต้องรู้และปฏิบัติได้ กรัชกายจะพูดว่า โหน หรืออะไรก็ไม่มีปัญหา ขอให้ทำวิปัสสนาภาวนาให้เป็นก็แล้วกัน กรัชกายทำเป็นไหมล่ะ? ถ้าทำเป็น ลองสรุปวิธีปฏิบัติวิปัสสนาภาวนามาให้ฟังให้อ่าน ดูซิ ถ้าสรุปมาไม่ได้ ก็จงอย่ามาทำไก๋ แสดงธรรมเผยแพร่ธรรมไม่จริงในลานนี้เลย พึงพิจารณาตัวเองได้แล้ว บอกหลายครั้งไม่จำมั่ง ได้หน้าลืมหลัง คิกๆๆ ย้ำให้อีกที สัมปชัญญะก็ดี ธรรมวิจัย ก็ดี หรือปัญญาในชื่ออื่นๆก็ดี ที่ทำงานให้เกิดความเห็นแจ้งรู้เข้าใจสิ่งทั้งหลายตรงตามสภาวะที่มันเป็น เพื่อให้จิตหลุดพ้นเป็นอิสระ (เป็นอิสระจากกิเลสคือเครื่องเศร้าหมองจิตใจ) นี่แหละคือวิปัสสนา "วิปัสสนาภาวนา" หมายถึง การเจริญปัญญา, การทำให้ปัญญาเกิดมีขึ้น ฯลฯ นี่คือความหมายคำว่า วิปัสสนาภาวนา จึงมีคำถามว่า ท่านอโศกเราๆท่านๆ ทำยังไงกันล่ะ ที่จะให้ปัญญามันมีมันเป็นขึ้นมา ไม่ใช่ไปโหนไปอ้างแต่ชื่อนั่นนี่ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 4 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |