ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
กรรมฐาน, กัมมัฏฐาน http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=53474 |
หน้า 4 จากทั้งหมด 4 |
เจ้าของ: | asoka [ 09 ม.ค. 2017, 06:33 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: กรรมฐาน, กัมมัฏฐาน |
กรัชกาย เขียน: ท่านอโศกเข้ามาตอบปัญหา คคห.บนหน่อย ให้ทิ้งหนอสะแล้ว จะเอาหนอที่ไหนเกิด-ดับอีกล่ะ หือ เอ๊ะ นี่หนอมันเกิด-ดับ หรือรูปนามเกิดดับกันนะ ฮงจุงเบย กรัชกายไม่ลงมือทำจริงแล้วสังเกตการณ์จึงมีปัญหาต้องสอบถาม ลงมือพิสูจน์ก่อนถามเสมอจำไว้ต่อไปจะได้ใกล้ธรรมจริงแล้วเก่งขึ้นนะ สังเกตให้ดีๆจากแบบฝึกหัดต่อไปนี้ หายใจเข้า กำหนดว่า พอง........ หายใจเข้าสุดท้องหยุดพอง ปิดท้ายด้วยคำว่า "หนอ" หายใจออก กำหนดว่า ยุบ.......... หายใจออกสุดท้องหยุดยุบ กำหนดด้วย หนอ สังเกตให้ดี อาการท้องพองเกิดขึ้น พอพองสุดอาการท้องพองก็ดับไป นิ่งอยูสักพัก (ตรงนี้ควรกำหนดว่ารู้หนอ) อาการท้องยุบเกิดขึ้นพอยุบสุดอาการท้องยุบก็ดับไป สังเกตให้ดี พอง - หนอ = เกิด - ดับ ยุบ - หนอ = เกิด - ดับ กำหนดหนอตามอาการเกิด - ดับของท้องพองและยุบจนชำนาญจำได้ดี สติไม่ขาดจากปัจจุบันแล้ว ลองทิ้งคำบริกรรมเอาจิต รู้ คือสติกับปัญญารู้ตรงๆอย่างเดียว จะได้เห็นการเกิดดับของลมหายใจเข้าออกตามธรรมชาติ โดยไม่ต้องมีคำบริกรรมหรือ หนอกำกับ หมดห่วงเรื่องหนอหรือไม่หนอได้แล้ว มีแต่รู้ เกิด - ดับ ของลมหายใจ อาการอื่นๆก็เช่นเดียวกัน เสียง - หนอ = เสียง เกิด - ดับ เห็น - หนอ = เห็น เกิด - ดับ คิด - หนอ = ความคิด เกิด - ดับ หนอ นี่ท่านเรียกว่าตัวตัด ถ้าฝึกจนชำนาญแล้วมันจะเป็นตัวช่วยตัดสันตติให้ขาดเป็นท่อนๆตลอดเวลา อารมณ์ความรู้สึกจึงไม่ยืดยาวต่อเนื่องเป็นเรื่องเป็นราว ถูกสติ ปัญญาไปตัดขาดเป็นท่อนๆ จนที่สุด นาม ผู้รู้ กับรูป สิ่งที่ถูกรู้ หรือแม้แต่นามเองที่ถูกรู้โดยนามก็แยกจากกัน นี่คือการเกิดขึ้นของ นาม รูปปริเฉทญาณซึ่งเป็นญาณแรกที่สำคัญ ญาณนี้ไม่เกิด วิปัสสนาภาวนาจะเกิดขึ้นไม่ได้ กรัชกายกับกบ เริ่มเห็นความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของการภาวนา หนอหรือกำหนดหนอหรือยังทีนี้ แต่คงยังหรอกถ้าคิดเอา เมื่อไหร่ลงมือพิสูจน์ความจริงก็จะซาบซึ้งเองนะครับ สำคัญต้องวางอัติมานะลงชั่วคราวไม่กี่นาทีมันจึงจะลงมือพิสูจน์ความจริงตามที่บอกได้ เจริญธรรม |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 09 ม.ค. 2017, 08:32 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: กรรมฐาน, กัมมัฏฐาน |
asoka เขียน: กรัชกาย เขียน: ท่านอโศกเข้ามาตอบปัญหา คคห.บนหน่อย ให้ทิ้งหนอสะแล้ว จะเอาหนอที่ไหนเกิด-ดับอีกล่ะ หือ เอ๊ะ นี่หนอมันเกิด-ดับ หรือรูปนามเกิดดับกันนะ ฮงจุงเบย กรัชกายไม่ลงมือทำจริงแล้วสังเกตการณ์จึงมีปัญหาต้องสอบถาม ลงมือพิสูจน์ก่อนถามเสมอจำไว้ต่อไปจะได้ใกล้ธรรมจริงแล้วเก่งขึ้นนะ สังเกตให้ดีๆจากแบบฝึกหัดต่อไปนี้ หายใจเข้า กำหนดว่า พอง........ หายใจเข้าสุดท้องหยุดพอง ปิดท้ายด้วยคำว่า "หนอ" หายใจออก กำหนดว่า ยุบ.......... หายใจออกสุดท้องหยุดยุบ กำหนดด้วย หนอ สังเกตให้ดี อาการท้องพองเกิดขึ้น พอพองสุดอาการท้องพองก็ดับไป นิ่งอยูสักพัก (ตรงนี้ควรกำหนดว่ารู้หนอ) อาการท้องยุบเกิดขึ้นพอยุบสุดอาการท้องยุบก็ดับไป สังเกตให้ดี พอง - หนอ = เกิด - ดับ ยุบ - หนอ = เกิด - ดับ กำหนดหนอตามอาการเกิด - ดับของท้องพองและยุบจนชำนาญจำได้ดี สติไม่ขาดจากปัจจุบันแล้ว ลองทิ้งคำบริกรรมเอาจิต รู้ คือสติกับปัญญารู้ตรงๆอย่างเดียว จะได้เห็นการเกิดดับของลมหายใจเข้าออกตามธรรมชาติ โดยไม่ต้องมีคำบริกรรมหรือ หนอกำกับ หมดห่วงเรื่องหนอหรือไม่หนอได้แล้ว มีแต่รู้ เกิด - ดับ ของลมหายใจ อาการอื่นๆก็เช่นเดียวกัน เสียง - หนอ = เสียง เกิด - ดับ เห็น - หนอ = เห็น เกิด - ดับ คิด - หนอ = ความคิด เกิด - ดับ หนอ นี่ท่านเรียกว่าตัวตัด ถ้าฝึกจนชำนาญแล้วมันจะเป็นตัวช่วยตัดสันตติให้ขาดเป็นท่อนๆตลอดเวลา อารมณ์ความรู้สึกจึงไม่ยืดยาวต่อเนื่องเป็นเรื่องเป็นราว ถูกสติ ปัญญาไปตัดขาดเป็นท่อนๆ จนที่สุด นาม ผู้รู้ กับรูป สิ่งที่ถูกรู้ หรือแม้แต่นามเองที่ถูกรู้โดยนามก็แยกจากกัน นี่คือการเกิดขึ้นของ นาม รูปปริเฉทญาณซึ่งเป็นญาณแรกที่สำคัญ ญาณนี้ไม่เกิด วิปัสสนาภาวนาจะเกิดขึ้นไม่ได้ กรัชกายกับกบ เริ่มเห็นความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของการภาวนา หนอหรือกำหนดหนอหรือยังทีนี้ แต่คงยังหรอกถ้าคิดเอา เมื่อไหร่ลงมือพิสูจน์ความจริงก็จะซาบซึ้งเองนะครับ สำคัญต้องวางอัติมานะลงชั่วคราวไม่กี่นาทีมันจึงจะลงมือพิสูจน์ความจริงตามที่บอกได้ เจริญธรรม อ๊ะยังไง เดี๋ยวก็บอกให้ทิ้งหนอ อย่าติดหนอ ตอนนี้มาว่าไปอีกอย่าง หลอกดาวเรื่อยเบย |
เจ้าของ: | asoka [ 09 ม.ค. 2017, 22:12 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: กรรมฐาน, กัมมัฏฐาน |
คำบริกรรม หนอ เหมือนราวบันไดขึ้นที่สูงชัน เริ่มต้นใหม่ก็ต้องใช้เครื่องช่วยในการสาวดึงตัว เมื่อขึ้นพ้นถึงหัวกระไดแล้วก็ต้องปล่อยราวบันได จึงจะเดินทางต่อไปได้ยนที่สูงนั้น เข้าใจบ่ละ กรัชกาย กับอุปมาอุปมัยนี้? |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 09 ม.ค. 2017, 22:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: กรรมฐาน, กัมมัฏฐาน |
asoka เขียน: :b38: คำบริกรรม หนอ เหมือนราวบันไดขึ้นที่สูงชัน เริ่มต้นใหม่ก็ต้องใช้เครื่องช่วยในการสาวดึงตัว เมื่อขึ้นพ้นถึงหัวกระไดแล้วก็ต้องปล่อยราวบันได จึงจะเดินทางต่อไปได้ยนที่สูงนั้น เข้าใจบ่ละ กรัชกาย กับอุปมาอุปมัยนี้? ก็ว่าหนอมันเกิดดับ ทิ้งหนอแล้วอะไรมันจะเกิดดับล่ะเออ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 09 ม.ค. 2017, 22:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: กรรมฐาน, กัมมัฏฐาน |
asoka เขียน: :b38: คำบริกรรม หนอ เหมือนราวบันไดขึ้นที่สูงชัน เริ่มต้นใหม่ก็ต้องใช้เครื่องช่วยในการสาวดึงตัว เมื่อขึ้นพ้นถึงหัวกระไดแล้วก็ต้องปล่อยราวบันได จึงจะเดินทางต่อไปได้ยนที่สูงนั้น เข้าใจบ่ละ กรัชกาย กับอุปมาอุปมัยนี้? ท่านอโศกขอรับ "หนอ" ไม่ใช่ตัวสำคัญอะไรหรอก เพียงเขาบัญญัติใช้เท่านั้น คล้ายๆพุท-โธ ไม่ใช้พุทโธ จะใช้ ธัม-โม สัง-โฆ แทนก็ได้ เออ ตัวสำคัญ ได้แก่ สภาวะที่เกิด ณ ขณะนั้นๆ เช่น รู้สึกง่วงปั๊บ ความรู้สึกง่วงนี่แหละควรกำหนดรู้ ว่าในใจ ง่วงๆๆๆๆๆๆ ง่วงหนอๆๆๆ ดังนี้เป็นตัวอย่าง เออ การกำหนดรู้ทันสภาวะทั้งหลายแหล่ที่เกิด ณ ขณะนั้นๆทันทุกขณะ รวมความคิดนึกด้วยนะ เมื่อกำหนดรู้ทันเร็ว สภาวะก็ดับเร็ว ความคิดก็ดับเร็ว กำหนดปุ๊บดับปั้บ ต่อๆไป ก็จะเห็นแต่การเกิด-ดับของความคิด ตอนนี้โยคาวจรจะไม่หวั่นไม่ไหวในทุกอารมณ์ทุกสภาวะ เมื่อก่อนเคยกลัวเป็นกลัวตาย ลมหายใจอ่อนก็กลัวตาย ประสบสภาวะแปลกๆก็กลัว ลืมตา ไม่อยากปฏิบัติ ไม่กล้าหลับตาภาวนา ถึงตอนนี้ไม่กลัวไม่หวั่นแล้วตายเป็นตาย จะกำหนดรู้อารมณ์ชัดขึ้น นี่คือการเริ่มต้นปฏิบัติถูกทาง หรือท่านอโศกจะเถียง |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 11 ม.ค. 2017, 08:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: กรรมฐาน, กัมมัฏฐาน |
ที่สุด ๒ อย่าง ข้อปฏิบัติที่ผิดพลาดไม่อาจนำไปสู่ความพ้นทุกข์ได้ ๒ อย่าง คือ ๑. การประกอบตนให้พัวพันด้วยสุขในกามทั้งหลาย เรียกว่า กามสุขัลลิกานุโยค ๒. การประกอบความเหน็ดเหนื่อยแก่ตนเปล่า หรือการทรมานตนให้ลำบากเปล่า เรียก อัตตกิลมถานุโยค ทุกรกิริยา กิริยาที่ทำได้โดยยาก, การทำความเพียรอันยากที่ใครๆจะทำได้ ได้แก่ การบำเพ็ญเพียรเพื่อบรรลุธรรมวิเศษด้วยวิธีการทรมานต่างๆ เช่น กลั้นลมอัสสาสะ ปัสสาสะ (กลั้นลมหายใจเข้า-ออก คือไม่ให้มันเข้ามันออก) และ อดอาหาร เป็นต้น ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ทรงปฏิบัติก่อนตรัสรู้ อันเป็นฝ่ายอัตตกิลมถานุโยค และได้เลิกละเสียเพราะไม่สำเร็จประโยชน์ได้จริง เขียนเต็ม ทุกกรกิริยา |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 22 ม.ค. 2017, 13:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: กรรมฐาน, กัมมัฏฐาน |
เพิ่งอดอาหาร 4 วันเพื่อภาวนา พอกลับบ้านรู้สึกแสบท้อง และปวดท้องค่ะ ควรแก้ไขอย่างไรคะ เราไปภาวนาที่วัดป่าแห่งหนึ่ง เห็นหลวงพ่อจะชอบอดอาหารหลายๆ วัน แต่ก็ยังมาคุมงานก่อสร้าง ไปเทศน์บ้าง และ เลยรู้สึกประทับใจมาก เลยทำตามบ้าง ตอนแรกว่าจะอด 3 วัน แต่มันภาวนาดีมาก กายเบา จิตเบาสงบ เป็นสมาธิง่าย ก็เลยอด 4 วัน และแม้อดอาหารก็ยังช่วยแม่ชีทำครัวด้วย เช้า เย็น เพราะสงสารแม่ชี และจะเดินจงกรมนั่งสมาธิ อยู่ในวัดไม่เป็นไร แต่พอขอกลับบ้านมาทำธุระ รู้สึกแสบท้อง และปวดท้อง 1.อยากทราบทางแก้ให้หายปวดท้อง แสบท้อง 2. ทำไมถึงแสบท้อง ปวดท้อง ทั้งที่กลับมากินปกติแล้ว 3. การอดอาหารหลายวัน หรือหลายปี จะมีโรคอะไรแทรกซ้อนตามมาไหมคะ มีวิธีป้องกันดูแลไหมคะ 4. ขอคำแนะนำอื่นๆ ค่ะ ขอบคุณค่ะ https://pantip.com/topic/36031003 อดอาหารอดข้าวอดน้ำนี่ พระพุทธเจ้าทดลองทำทำให้ดูเป็นตัวอย่างแล้ว ว่าที่สุดสองอย่างนั่นไม่ใช่ทางหลุดพ้น และพระองค์ก็เลิกหมดแล้ว คือ แรกๆพระโพธิสัตว์ก็ทำตามอย่างคนสมัยนั้นแหละ ซึ่งเขาทรมานตัวทรมานตนกันด้วยวิธีต่างๆ พระโพธิสัตว์ก็เอาบ้าง แล้วก็ทำได้สุดๆกว่าเขาอีก แต่ก็ไม่หลุดพ้นจากอาสวะกิเลส จึงเห็นว่า ไม่ใช่เรื่องไม่ใช่ทางแล้วแบบนี้ทำต่อไปตายแน่ๆ จึงหันมากิน (เสวย) อาหาร แต่พุทธสาวกปัจจุบันก็ยังนำกลับมาทำกันอีกบ้างก็กลั้นใจ บ้างก็ไม่กินข้าวกินปลา โรคกระเพาะได้ถามหาหรอก |
หน้า 4 จากทั้งหมด 4 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |