ผมพบกับชาวนา..ตรงๆ...ก็ตรงตามนั้น

หลังการเมือง ปิดเทอมยาวๆก็เป็นโอกาสดี อดีตผู้แทนฯหันไปเป็น “เกษตรกร” เต็มตัว ลงมือลุยทำนากันจริงจัง “หมอทศ” นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตโฆษกรัฐบาล สมัย “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”และ อดีต สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย เล่าให้ฟังว่าตลอดที่ผ่านมาได้ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ ในการทำนากับพื้นที่นาของตัวเองจำนวน 5 ไร่ ที่ ห้วยขมิ้น อ.เมือง จ.แพร่ เป็น “นาข้าวเพชรชมพู ปลอดสารพิษ” โดยข้าวที่ปลูก เป็น “ข้าวเพชรชมพู”ถือเป็นข้าวลูกผสม ระหว่าง “ข้าวหอมมะลิ” กับ“ข้าวสังข์หยด” เป็นข้าวที่มีธาตุเหล็ก และวิตามิน เยอะมากๆ นะครับ...คุณหมอทศ ในฐานะ“เกษตรกรมือใหม่”ยังบอก 3 เหตุผล ในการทำนาด้วยตัวเองว่า 1.จะได้รู้ปัญหาของประชาชน ชาวนาจริงๆ จะได้แก้ปัญหาให้เขาได้ 2. ทำให้คนเห็นว่าไม่ต้องใช้สารพิษ ก็ได้ข้าวงามพอสมควร 3. เอาไว้ถวายพระบ้างให้ผู้ยากไร้บ้าง และเอาไว้กินเองบ้างครับ...และคุณหมอทศได้ลงลุยช่วยเกี่ยวข้าวด้วยตัวเอง ถึงกับบอกว่า“ทั้งร้อนทั้งคัน ก็ช่วยกันเกี่ยวกันไปจนเกี่ยวเสร็จสิ้นแล้วครับ นาข้าวเพชรชมพู”...อย่างน้อยๆได้สัมผัสชีวิตชาวนาบ้าง อนาคตหากมีโอกาสก็แก้ไขปัญหา ทำให้ราคาข้าวดีขึ้นให้ได้ ขอเอาใจช่วยนะครับ...

nn...นี่ก็เป็นอดีตผู้แทนฯที่หันไปเป็น เกษตรกรทำนา “เอกภาพ พลซื่อ” อดีต สส.ร้อยเอ็ด ได้บอกว่าตอนนี้ลงมือเกี่ยวข้าวใหม่แล้ว..แต่วันก่อนได้เอาข้าวเก่าค้างปีไปขายที่โรงสี เพื่อเตรียมยุ้งฉางเอาไว้ รองรับใส่ข้าวใหม่...“แต่เมื่อขนข้าวไปถึงโรงสี เขาก็มาเอาตัวอย่างข้าว ไปตรวจเสร็จแล้ว ก็ให้ขับรถขึ้นบนตาชั่ง แล้วเขาก็บอก ให้ราคาข้าวตันละ 6,300 บาท”...สิ้นเสียงที่ทางโรงสี บอกมาอย่างนั้นอดีต สส.เอกภาพ ยอมว่า“พี่พูดอะไรไม่ออกสงสารชาวนา และตัวเองในที่สุดพี่ตัดสินใจขับรถขนข้าวกลับบ้านไม่ขายข้าวแล้ว เก็บข้าวเอาไว้ไปเลี้ยงชาวบ้านดีกว่าครับ”...ครั้งนี้ได้เจอปัญหาจังๆกับตัวเองคงเข้าใจความรู้สึกทุกข์ชาวนาได้อย่างดี...เพราะผ่านมากี่สิบปี ราคาข้าวเปลือก ก็ยังตกต่ำ ตกลงใครเป็นคนกำหนดราคาข้าว แล้วเมื่อไหร่ชาวนาจะลืมตาอ้าปากได้ หากเมืองไทยจะเดินหน้าเพื่อให้ “ข้าวไทย”เป็น“อุตสาหกรรมหลัก”...ถ้าราคาข้าวยังเป็นแบบนี้ ข้าวไทย ชาวนาไทยจะยืนอยู่ได้อย่างไร...nn

nn...นี่ก็เป็นอดีตผู้แทนฯที่หันไปเป็น เกษตรกรทำนา “เอกภาพ พลซื่อ” อดีต สส.ร้อยเอ็ด ได้บอกว่าตอนนี้ลงมือเกี่ยวข้าวใหม่แล้ว..แต่วันก่อนได้เอาข้าวเก่าค้างปีไปขายที่โรงสี เพื่อเตรียมยุ้งฉางเอาไว้ รองรับใส่ข้าวใหม่...“แต่เมื่อขนข้าวไปถึงโรงสี เขาก็มาเอาตัวอย่างข้าว ไปตรวจเสร็จแล้ว ก็ให้ขับรถขึ้นบนตาชั่ง แล้วเขาก็บอก ให้ราคาข้าวตันละ 6,300 บาท”...สิ้นเสียงที่ทางโรงสี บอกมาอย่างนั้นอดีต สส.เอกภาพ ยอมว่า“พี่พูดอะไรไม่ออกสงสารชาวนา และตัวเองในที่สุดพี่ตัดสินใจขับรถขนข้าวกลับบ้านไม่ขายข้าวแล้ว เก็บข้าวเอาไว้ไปเลี้ยงชาวบ้านดีกว่าครับ”...ครั้งนี้ได้เจอปัญหาจังๆกับตัวเองคงเข้าใจความรู้สึกทุกข์ชาวนาได้อย่างดี...เพราะผ่านมากี่สิบปี ราคาข้าวเปลือก ก็ยังตกต่ำ ตกลงใครเป็นคนกำหนดราคาข้าว แล้วเมื่อไหร่ชาวนาจะลืมตาอ้าปากได้ หากเมืองไทยจะเดินหน้าเพื่อให้ “ข้าวไทย”เป็น“อุตสาหกรรมหลัก”...ถ้าราคาข้าวยังเป็นแบบนี้ ข้าวไทย ชาวนาไทยจะยืนอยู่ได้อย่างไร...nn

เหม็นขี้หน้ากักกาย....ชอบเล่นการเมืองไม่เลือกที่..

ยาง...ยังไม่สำนึก..หัดมีมารยาทในลานธรรม..หน่อย

แค่มารยาทเล็กๆน้อยๆ...ไม่น่าเหลือบ่ากว่าแรง...ของคนที่..ลงกระทู้เรื่อง..ศีล..โน้นนั้นนี้..ตั้งเยอะ..จะทำได้..นะ