วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 21:14  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 38 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ต.ค. 2016, 02:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b38:
มีสัญญาอะไรผุดขึ้นมาในจิต ให้นิ่งรู้นิ่งสังเกตจนมันดับไป สัญญาความจำนั้นดับไป วันข้างหน้าสัญญานั้นๆจะไม่เกิด ไม่ลุกขึ้นมากวนอีก นี่คือวิธีลบสัญญาอย่างง่ายๆ

อารมณ์ ความรู้สึกต่างๆก็เช่นกัน ใช้วิธีเดียวกัน

อนุสัยต่างๆ ก็ใช้วิธีเดียวกัน

อาสวะต่างๆ ก็ใช้วิธีเดียวกัน

โอฆะต่างๆ ก็ใช้วิธีเดียวกัน

การกระทำบ่อยๆ....ความเคยชิน....นิสัย....อุปนิสัย....
สันดาน......สัญชาตญาณ ก็ใช้วิธีเดียวกันขุดถอน

วิธีที่บอก กับวิปัสสนาภาวนาหรือการเจริญมรรค 8 เป็นอันเดียวกัน

ลองทำดู พิสูจน์ดูแล้วจะรู้เองนะกรัชกาย.....รสริน


"นิ่งรู้นิ่งสังเกตจนมันดับไป"
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ต.ค. 2016, 05:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b38:
[size=150]มีสัญญาอะไรผุดขึ้นมาในจิต ให้นิ่งรู้นิ่งสังเกตจนมันดับไป สัญญาความจำนั้นดับไป [/color]วันข้างหน้าสัญญานั้นๆจะไม่เกิด ไม่ลุกขึ้นมากวนอีก นี่คือวิธีลบสัญญาอย่างง่ายๆ

อารมณ์ ความรู้สึกต่างๆก็เช่นกัน ใช้วิธีเดียวกัน

อนุสัยต่างๆ ก็ใช้วิธีเดียวกัน

อาสวะต่างๆ ก็ใช้วิธีเดียวกัน

โอฆะต่างๆ ก็ใช้วิธีเดียวกัน

การกระทำบ่อยๆ....ความเคยชิน....นิสัย....อุปนิสัย....
สันดาน......สัญชาตญาณ ก็ใช้วิธีเดียวกันขุดถอน

วิธีที่บอก กับวิปัสสนาภาวนาหรือการเจริญมรรค 8 เป็นอันเดียวกัน

ลองทำดู พิสูจน์ดูแล้วจะรู้เองนะกรัชกาย.....รสริน

"นิ่งรู้นิ่งสังเกตจนมันดับไป"


มันจะนิ่งยังไงได้ยังไงเพราะขณะนั้นจิตมันรู้สึกจะตายอยู่แล้วนิ :b32: ตัวอย่าง


ขณะสวดมนต์แล้วได้เอนตัวลงนอนอย่างมีสติ...ได้บริกรรมพอง กับ ยุบ ไปเรื่อย ๆ ไม่ได้คิดอะไร...จนหลับไปไม่รู้ตัว...ระยะหนึ่ง...จิตได้เกิดกลางดึก คือ มีสติรู้ขึ้นมาทันทีของการพองยุบของท้อง และรู้สึกว่ามีนิ้วมือมากดที่สะดือแรงมาก เวลาที่พองออก ท้องก็จะพองออกมาก มือที่กดก็จะแรงไปตามการพองและยุบ จนรู้สึกกลัวมากเหมือนไส้จะหลุดออกมา.. แต่ผมก็พยายามดึงสติให้อยู่กับคำบริกรรมพอง ยุบอีก แต่พยายามแล้วจิตก็ทนไม่ได้ จิตสั่นไปหมดเหมือนท้องจะแตก จิตคิดตอนนั้นครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ต.ค. 2016, 07:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




1477771005854.jpg
1477771005854.jpg [ 39.41 KiB | เปิดดู 998 ครั้ง ]
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b38:
มีสัญญาอะไรผุดขึ้นมาในจิต ให้นิ่งรู้นิ่งสังเกตจนมันดับไป สัญญาความจำนั้นดับไป [/color]วันข้างหน้าสัญญานั้นๆจะไม่เกิด ไม่ลุกขึ้นมากวนอีก นี่คือวิธีลบสัญญาอย่างง่ายๆ

อารมณ์ ความรู้สึกต่างๆก็เช่นกัน ใช้วิธีเดียวกัน

อนุสัยต่างๆ ก็ใช้วิธีเดียวกัน

อาสวะต่างๆ ก็ใช้วิธีเดียวกัน

โอฆะต่างๆ ก็ใช้วิธีเดียวกัน

การกระทำบ่อยๆ....ความเคยชิน....นิสัย....อุปนิสัย....
สันดาน......สัญชาตญาณ ก็ใช้วิธีเดียวกันขุดถอน

วิธีที่บอก กับวิปัสสนาภาวนาหรือการเจริญมรรค 8 เป็นอันเดียวกัน

ลองทำดู พิสูจน์ดูแล้วจะรู้เองนะกรัชกาย.....รสริน

"นิ่งรู้นิ่งสังเกตจนมันดับไป"


มันจะนิ่งยังไงได้ยังไงเพราะขณะนั้นจิตมันรู้สึกจะตายอยู่แล้วนิ :b32: ตัวอย่าง


ขณะสวดมนต์แล้วได้เอนตัวลงนอนอย่างมีสติ...ได้บริกรรมพอง กับ ยุบ ไปเรื่อย ๆ ไม่ได้คิดอะไร...จนหลับไปไม่รู้ตัว...ระยะหนึ่ง...จิตได้เกิดกลางดึก คือ มีสติรู้ขึ้นมาทันทีของการพองยุบของท้อง และรู้สึกว่ามีนิ้วมือมากดที่สะดือแรงมาก เวลาที่พองออก ท้องก็จะพองออกมาก มือที่กดก็จะแรงไปตามการพองและยุบ จนรู้สึกกลัวมากเหมือนไส้จะหลุดออกมา.. แต่ผมก็พยายามดึงสติให้อยู่กับคำบริกรรมพอง ยุบอีก แต่พยายามแล้วจิตก็ทนไม่ได้ จิตสั่นไปหมดเหมือนท้องจะแตก จิตคิดตอนนั้นครับ


onion onion onion
นี่แหละลักษณะคนทำวิปัสสนาภาวนาไม่เป็นทั้งลูกศิษย์และครูผู้สอนที่เที่ยวเอาปัญหาไปโพสต์ถามลองภูมิผู้อื่นไปทั่ว

onion
[size=150]เจ็บ ก็รู้ว่าเจ็บ
ปวดรวดร้าว ก็รู้ว่าปวดรวดร้าว
ทุกข์ระทมตรมใจ ก็รู้ว่าทุกข์ระทมตรมใจ
ขมิบก้น ก็รู้ว่าขมิบก้น

อะไรมันจะเกิดขึ้นมาเป็นปัจจุบันอารมณ์ ก็จงนิ่งรู้นิ่งสังเกตมันจนมันดับไปหรือเปลี่ยนไปต่อหน้าต่อตา ด้วยวิริยะ ตะบะ อุตสาหะ ขันติอธิษฐานและสัจจะ ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดจะทนทานได้ต่อการพิสูจน์ของญาณวิปัสสนาภาวนา คือปัญญาที่ตามรู้เห็นความเป็นจริงอันแสดงอยู่ในกายในใจ ไม่เนิ่นช้าจนขาดใจหรอก ทุกอารมณ์ความรู้สึกก็จะต้องดับไปเปลี่ยนไปด้วยอำนาจของ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ขอแต่อย่าใส่เจตนาเข้าไปแทรกแซงยุ่งเกี่ยวคิดแก้ไขกระบวนการแห่งธรรมที่กำลังแสดงด้วยกำลังแห่งเหตุและปัจจัยไปตาม ตถตานั้นๆ

เท่านั้นเอง.....ง่ายจะตาย.....วิปัสสนาภาวนา

:b34:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ต.ค. 2016, 09:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:

มีสัญญาอะไรผุดขึ้นมาในจิต ให้นิ่งรู้นิ่งสังเกตจนมันดับไป สัญญาความจำนั้นดับไป วันข้างหน้าสัญญานั้นๆจะไม่เกิด ไม่ลุกขึ้นมากวนอีก นี่คือวิธีลบสัญญาอย่างง่ายๆ

อารมณ์ ความรู้สึกต่างๆก็เช่นกัน ใช้วิธีเดียวกัน

อนุสัยต่างๆ ก็ใช้วิธีเดียวกัน

อาสวะต่างๆ ก็ใช้วิธีเดียวกัน

โอฆะต่างๆ ก็ใช้วิธีเดียวกัน

การกระทำบ่อยๆ....ความเคยชิน....นิสัย....อุปนิสัย....
สันดาน......สัญชาตญาณ ก็ใช้วิธีเดียวกันขุดถอน

วิธีที่บอก กับวิปัสสนาภาวนาหรือการเจริญมรรค 8 เป็นอันเดียวกัน

ลองทำดู พิสูจน์ดูแล้วจะรู้เองนะกรัชกาย.....รสริน

"นิ่งรู้นิ่งสังเกตจนมันดับไป"


มันจะนิ่งยังไงได้ยังไงเพราะขณะนั้นจิตมันรู้สึกจะตายอยู่แล้วนิ :b32: ตัวอย่าง


ขณะสวดมนต์แล้วได้เอนตัวลงนอนอย่างมีสติ...ได้บริกรรมพอง กับ ยุบ ไปเรื่อย ๆ ไม่ได้คิดอะไร...จนหลับไปไม่รู้ตัว...ระยะหนึ่ง...จิตได้เกิดกลางดึก คือ มีสติรู้ขึ้นมาทันทีของการพองยุบของท้อง และรู้สึกว่ามีนิ้วมือมากดที่สะดือแรงมาก เวลาที่พองออก ท้องก็จะพองออกมาก มือที่กดก็จะแรงไปตามการพองและยุบ จนรู้สึกกลัวมากเหมือนไส้จะหลุดออกมา.. แต่ผมก็พยายามดึงสติให้อยู่กับคำบริกรรมพอง ยุบอีก แต่พยายามแล้วจิตก็ทนไม่ได้ จิตสั่นไปหมดเหมือนท้องจะแตก จิตคิดตอนนั้นครับ



นี่แหละลักษณะคนทำวิปัสสนาภาวนาไม่เป็นทั้งลูกศิษย์และครูผู้สอนที่เที่ยวเอาปัญหาไปโพสต์ถามลองภูมิผู้อื่นไปทั่ว

เจ็บ ก็รู้ว่าเจ็บ
ปวดรวดร้าว ก็รู้ว่าปวดรวดร้าว
ทุกข์ระทมตรมใจ ก็รู้ว่าทุกข์ระทมตรมใจ
ขมิบก้น ก็รู้ว่าขมิบก้น

อะไรมันจะเกิดขึ้นมาเป็นปัจจุบันอารมณ์ ก็จงนิ่งรู้นิ่งสังเกตมันจนมันดับไปหรือเปลี่ยนไปต่อหน้าต่อตา ด้วยวิริยะ ตะบะ อุตสาหะ ขันติอธิษฐานและสัจจะ ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดจะทนทานได้ต่อการพิสูจน์ของญาณวิปัสสนาภาวนา คือปัญญาที่ตามรู้เห็นความเป็นจริงอันแสดงอยู่ในกายในใจ ไม่เนิ่นช้าจนขาดใจหรอก ทุกอารมณ์ความรู้สึกก็จะต้องดับไปเปลี่ยนไปด้วยอำนาจของ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ขอแต่อย่าใส่เจตนาเข้าไปแทรกแซงยุ่งเกี่ยวคิดแก้ไขกระบวนการแห่งธรรมที่กำลังแสดงด้วยกำลังแห่งเหตุและปัจจัยไปตาม ตถตานั้นๆ[/size]

เท่านั้นเอง.....ง่ายจะตาย.....วิปัสสนาภาวนา




ว่าวิปัสสนาภาวนาง่าย :b1:

ตอบคำนะ

วิปัสสนา คือ อะไร

ภาวนา คืออะไร

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2016, 05:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




1473058893144-600x600.jpg
1473058893144-600x600.jpg [ 131.82 KiB | เปิดดู 988 ครั้ง ]
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:

มีสัญญาอะไรผุดขึ้นมาในจิต ให้นิ่งรู้นิ่งสังเกตจนมันดับไป สัญญาความจำนั้นดับไป วันข้างหน้าสัญญานั้นๆจะไม่เกิด ไม่ลุกขึ้นมากวนอีก นี่คือวิธีลบสัญญาอย่างง่ายๆ

อารมณ์ ความรู้สึกต่างๆก็เช่นกัน ใช้วิธีเดียวกัน

อนุสัยต่างๆ ก็ใช้วิธีเดียวกัน

อาสวะต่างๆ ก็ใช้วิธีเดียวกัน

โอฆะต่างๆ ก็ใช้วิธีเดียวกัน

การกระทำบ่อยๆ....ความเคยชิน....นิสัย....อุปนิสัย....
สันดาน......สัญชาตญาณ ก็ใช้วิธีเดียวกันขุดถอน

วิธีที่บอก กับวิปัสสนาภาวนาหรือการเจริญมรรค 8 เป็นอันเดียวกัน

ลองทำดู พิสูจน์ดูแล้วจะรู้เองนะกรัชกาย.....รสริน

"นิ่งรู้นิ่งสังเกตจนมันดับไป"


มันจะนิ่งยังไงได้ยังไงเพราะขณะนั้นจิตมันรู้สึกจะตายอยู่แล้วนิ :b32: ตัวอย่าง


ขณะสวดมนต์แล้วได้เอนตัวลงนอนอย่างมีสติ...ได้บริกรรมพอง กับ ยุบ ไปเรื่อย ๆ ไม่ได้คิดอะไร...จนหลับไปไม่รู้ตัว...ระยะหนึ่ง...จิตได้เกิดกลางดึก คือ มีสติรู้ขึ้นมาทันทีของการพองยุบของท้อง และรู้สึกว่ามีนิ้วมือมากดที่สะดือแรงมาก เวลาที่พองออก ท้องก็จะพองออกมาก มือที่กดก็จะแรงไปตามการพองและยุบ จนรู้สึกกลัวมากเหมือนไส้จะหลุดออกมา.. แต่ผมก็พยายามดึงสติให้อยู่กับคำบริกรรมพอง ยุบอีก แต่พยายามแล้วจิตก็ทนไม่ได้ จิตสั่นไปหมดเหมือนท้องจะแตก จิตคิดตอนนั้นครับ



นี่แหละลักษณะคนทำวิปัสสนาภาวนาไม่เป็นทั้งลูกศิษย์และครูผู้สอนที่เที่ยวเอาปัญหาไปโพสต์ถามลองภูมิผู้อื่นไปทั่ว

เจ็บ ก็รู้ว่าเจ็บ
ปวดรวดร้าว ก็รู้ว่าปวดรวดร้าว
ทุกข์ระทมตรมใจ ก็รู้ว่าทุกข์ระทมตรมใจ
ขมิบก้น ก็รู้ว่าขมิบก้น

อะไรมันจะเกิดขึ้นมาเป็นปัจจุบันอารมณ์ ก็จงนิ่งรู้นิ่งสังเกตมันจนมันดับไปหรือเปลี่ยนไปต่อหน้าต่อตา ด้วยวิริยะ ตะบะ อุตสาหะ ขันติอธิษฐานและสัจจะ ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดจะทนทานได้ต่อการพิสูจน์ของญาณวิปัสสนาภาวนา คือปัญญาที่ตามรู้เห็นความเป็นจริงอันแสดงอยู่ในกายในใจ ไม่เนิ่นช้าจนขาดใจหรอก ทุกอารมณ์ความรู้สึกก็จะต้องดับไปเปลี่ยนไปด้วยอำนาจของ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ขอแต่อย่าใส่เจตนาเข้าไปแทรกแซงยุ่งเกี่ยวคิดแก้ไขกระบวนการแห่งธรรมที่กำลังแสดงด้วยกำลังแห่งเหตุและปัจจัยไปตาม ตถตานั้นๆ[/size]

เท่านั้นเอง.....ง่ายจะตาย.....วิปัสสนาภาวนา




ว่าวิปัสสนาภาวนาง่าย :b1:

ตอบคำนะ

วิปัสสนา คือ อะไร

ภาวนา คืออะไร
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2016, 05:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:

มีสัญญาอะไรผุดขึ้นมาในจิต ให้นิ่งรู้นิ่งสังเกตจนมันดับไป สัญญาความจำนั้นดับไป วันข้างหน้าสัญญานั้นๆจะไม่เกิด ไม่ลุกขึ้นมากวนอีก นี่คือวิธีลบสัญญาอย่างง่ายๆ

อารมณ์ ความรู้สึกต่างๆก็เช่นกัน ใช้วิธีเดียวกัน

อนุสัยต่างๆ ก็ใช้วิธีเดียวกัน

อาสวะต่างๆ ก็ใช้วิธีเดียวกัน

โอฆะต่างๆ ก็ใช้วิธีเดียวกัน

การกระทำบ่อยๆ....ความเคยชิน....นิสัย....อุปนิสัย....
สันดาน......สัญชาตญาณ ก็ใช้วิธีเดียวกันขุดถอน

วิธีที่บอก กับวิปัสสนาภาวนาหรือการเจริญมรรค 8 เป็นอันเดียวกัน

ลองทำดู พิสูจน์ดูแล้วจะรู้เองนะกรัชกาย.....รสริน

"นิ่งรู้นิ่งสังเกตจนมันดับไป"


มันจะนิ่งยังไงได้ยังไงเพราะขณะนั้นจิตมันรู้สึกจะตายอยู่แล้วนิ :b32: ตัวอย่าง


ขณะสวดมนต์แล้วได้เอนตัวลงนอนอย่างมีสติ...ได้บริกรรมพอง กับ ยุบ ไปเรื่อย ๆ ไม่ได้คิดอะไร...จนหลับไปไม่รู้ตัว...ระยะหนึ่ง...จิตได้เกิดกลางดึก คือ มีสติรู้ขึ้นมาทันทีของการพองยุบของท้อง และรู้สึกว่ามีนิ้วมือมากดที่สะดือแรงมาก เวลาที่พองออก ท้องก็จะพองออกมาก มือที่กดก็จะแรงไปตามการพองและยุบ จนรู้สึกกลัวมากเหมือนไส้จะหลุดออกมา.. แต่ผมก็พยายามดึงสติให้อยู่กับคำบริกรรมพอง ยุบอีก แต่พยายามแล้วจิตก็ทนไม่ได้ จิตสั่นไปหมดเหมือนท้องจะแตก จิตคิดตอนนั้นครับ



นี่แหละลักษณะคนทำวิปัสสนาภาวนาไม่เป็นทั้งลูกศิษย์และครูผู้สอนที่เที่ยวเอาปัญหาไปโพสต์ถามลองภูมิผู้อื่นไปทั่ว

เจ็บ ก็รู้ว่าเจ็บ
ปวดรวดร้าว ก็รู้ว่าปวดรวดร้าว
ทุกข์ระทมตรมใจ ก็รู้ว่าทุกข์ระทมตรมใจ
ขมิบก้น ก็รู้ว่าขมิบก้น

อะไรมันจะเกิดขึ้นมาเป็นปัจจุบันอารมณ์ ก็จงนิ่งรู้นิ่งสังเกตมันจนมันดับไปหรือเปลี่ยนไปต่อหน้าต่อตา ด้วยวิริยะ ตะบะ อุตสาหะ ขันติอธิษฐานและสัจจะ ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดจะทนทานได้ต่อการพิสูจน์ของญาณวิปัสสนาภาวนา คือปัญญาที่ตามรู้เห็นความเป็นจริงอันแสดงอยู่ในกายในใจ ไม่เนิ่นช้าจนขาดใจหรอก ทุกอารมณ์ความรู้สึกก็จะต้องดับไปเปลี่ยนไปด้วยอำนาจของ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ขอแต่อย่าใส่เจตนาเข้าไปแทรกแซงยุ่งเกี่ยวคิดแก้ไขกระบวนการแห่งธรรมที่กำลังแสดงด้วยกำลังแห่งเหตุและปัจจัยไปตาม ตถตานั้นๆ[/size]

เท่านั้นเอง.....ง่ายจะตาย.....วิปัสสนาภาวนา




ว่าวิปัสสนาภาวนาง่าย :b1:

ตอบคำนะ

วิปัสสนา คือ อะไร

ภาวนา คืออะไร



ภาคเหนืออากาศเย็นลงแล้วรักษาสุขภาพนะขอรับ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2016, 06:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




1477868379185-240x332.jpg
1477868379185-240x332.jpg [ 30.36 KiB | เปิดดู 984 ครั้ง ]
onion
ตอบแล้วนะ ไปหาอ่านดู
:b11:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2016, 17:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
onion
ตอบแล้วนะ ไปหาอ่านดู
:b11:


ว่าวิปัสสนาภาวนาง่าย :b1:

อ้างคำพูด:
ตอบคำนะ

วิปัสสนา คือ อะไร

ภาวนา คืออะไร


ตอบที่ไหนไม่เห็น ไปเอามาสิ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2016, 22:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ท่านอโศกศึกษาพุทธศาสนาไปๆๆ กรัชกายเป็นห่วงว่า ท่านอโศกจะตัดมือ ตัดเท้าตัวเอง (เท่าที่พอตัดได้) คิกๆๆ

เอาเป็นว่า

ขอถามท่านอโศกสั้นๆว่า :b1:

สัญญาตามที่ตัวเองเข้าใจ ได้แก่ อะไร ขอรับ :b10:

:b13: :b12:
ฟังลำนำนี้ไปพลางๆก่อนนะกรัชกาย+น้องรสรินคนเก่ง

https://youtu.be/E23UuNHTt9g

จำโอวาทปาติโมกข์ 3 ข้อแรกกันได้ไหมครับ

1.ละบาป
2.ทำแต่บุญ
3.ชำระจิตของตนให้ขาวรอบ

ละบาป=ลบสัญญาที่เกี่ยวกับบาปอกุศลทิ้งให้หมดด้วย "วิปัสสนาภาวนา"

ทำบุญ=ย้ำบันทึกสัญญาที่เกี่ยวกับการเจริญบุญกิริยาวัตถุ 10 ย่างให้แน่นแฟ้นในตอนแรก จนส่งถึงการได้นั่งแท่นทางธรรม(โสดาปัตติผล) แล้วจึงลบกุศลสัญญาทั้งหลายทิ้งให้หมดด้วยวิปัสสนาภาวนา

เมื่อลบทิ้งสัญญาทั้งบาปบุญกุศล อกุศลทั้งหมดออกจากจิตใจได้แล้วด้วยวิปัสสนาภาวนาก็จักได้รับหรือเสวยผลเป็นความสะอาดบริสุทธิ์ ขาวรอบของจิต

onion

:b32: :b32: :b32: :b32: :b32:
อ้างคำพูด:
ละบาป=ลบสัญญาที่เกี่ยวกับบาปอกุศลทิ้งให้หมดด้วย "วิปัสสนาภาวนา

จิตเกิดดับสะสมไม่มีลบออกไปไหนเลย
นักธรรมประเภทเลยคำสอนนี่เก่งจริงๆ
สัญญาจำถูกว่าเป็นธัมมะคือ...กุศลจิต
สัญญาจำผิดเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นอกุศลจิต
พระพุทธเจ้าสอนให้ลบสัญญาเจตสิกงั้นหรือ
เอเห็นแต่พระองค์สอนว่าให้รู้ทุกข์ละสมุทัยน๊า
แล้วพระองค์ก็สอนว่ามีอุปาทานขันธ์5ในจิตคือมิจฉาทิฏฐิ
สัญญาเจตสิกก็คือสัญญาขันธ์ที่เกิดดับพร้อมกับจิตทุกขณะ
ใครมันเป็นบ้าไปลบสัญญาเจตสิกออกจากจิตได้หว่า55555
สัญญาขันธ์ไม่มีเหลือแค่4ขันธ์ถูกต้องไหมมันใช่เหรอท่านอโศกะ
:b12: :b13: :b32: :b32: :b32:

Kiss
วิปัสสนาภาวนาคือแยกเป็นทีละะ1ขณะจิตที่ละเอียดเป็นแต่ละขันธ์ตามพระอภิธรรมทุกขันธ์
จะขาดขันธ์ทั้ง5ไปขันธ์ใดขันหนึ่งไม่ได้เพราะแต่ละขันธ์มีหน้าที่ต่างกันและมีการทำงานร่วมกัน
เรียงขันธ์ทั้ง5ที่ทรงแสดงว่าไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนแต่ขันธ์เป็นสิ่งที่เกิดดับตามเหตุตามปัจจัย
ตามพระอภิธรรมคือจิเจรุนิ ย่อมาจาก จิตคือวิญญาณขันธ์ เป็นสภาพรู้เป็นประธานเท่านั้น
เจตสิกมี3ขันธ์คือเวทนาขันธ์/สัญญาขันธ์/สังขารขันธ์ เป็นสภาพรู้ที่เกิดดับพร้อมจิต
รูปคือรูปขันธ์ เป็นสภาพไม่รู้อะไรเลยไม่เกิดไม่ดับแต่ปรากฏว่ามีเมื่อมีจิตและเจตสิก
ดังนั้นในการเกิดดับแต่ละครั้งที่เป็นขันธ์5จึงไม่ขาดจิต+เจตสิก+รูปคือครบทั้ง5ขันธ์
รูปขันธ์...รูปคือมหาภูตรูป+อุปาทายรูปที่เกิดดับไปตามจิต...สะสมไปปรากฎเป็นนิมิตตามภพภูมิ
นามขันธ์...มี4ขันธ์คือ
1จิตเป็นวิญญาณขันธ์เป็นประธานรู้ทุกอย่างที่ปรากฏแต่ไม่ใช่เหตุให้เกิดค่ะ
2เวทนาขันธ์คือเวทนาเจตสิก1ประเภทเป็นกรรมหนึ่ง
3สัญญาขันธ์คือสัญญาเจตสิก1ประเภทเป็นกรรมหนึ่ง
4สังขารขันธ์คือเจตสิกอื่นที่ปรุงแต่งจิตมี50ประเภทค่ะ
เวทนา/สัญญา/สังขารคือขันธ์ทั้ง3นี้ที่เป็นเจตนาปรุงแต่งจิต
การทำงานของสภาพธรรมทีละ1ขณะต้องแยกแต่ละทางด้วย
ไม่ขาดทั้งรูปขันธ์และนามขันธ์เลยต้องครบ6ทางอายตนะด้วย
กุศลต้องสะสมจิตตนให้มีสติตรงทางหนึ่งทางใดโดยรู้เป็นธาตุ4ขันธ์5ผ่านอายตนะ6
แม้แต่สภาวะนิหรือนิพพานที่ยังไม่ดับขันธ์ก็ต้องรู้จริงผ่านธาตุ4ขันธ์5และอายตนะ6น๊า
:b55: :b55: :b55:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2016, 06:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




1464338127665-240x312.jpg
1464338127665-240x312.jpg [ 33.89 KiB | เปิดดู 972 ครั้ง ]
onion
อ้างคำพูด:
วิ=วิเศษ=พิเศษ......สิ่งวิเศษในกายใจคือ อนัตตาธรรมหรือเอหิปัสสิโกธรรม หรือความจริง หรือปรมัตถธรรม

ปัสสนา=ทัศนา=ดู เห็น รู้ สังเกต พิจารณา

ภาวนา=เจริญ=ทำให้มีขึ้น


วิปัสสนาภาวนา=เจริญการเฝ้า หรือ นิ่ง ดู สังเกต พิจารณา
สภาวธรรม คือปัจจุบันธรรมจนเห็น รู้ และเข้าใจความจริงตามธรรม

ความจริงของธรรม อนัตตาธรรมหรือเอหิปัสสิโกธรรมนั้นคือ

เกิด - ดับ.....หรือ เกิดขึ้น....ตั้งอยู่.....ดับไป เป็นบาลีว่า

อนิจจัง.....ทุกขัง.....อนัตตา

เพราะฉนั้นประโยคที่สรุปไว้ให้จำง่ายว่า

"นิ่งรู้ นิ่งสังเกต ปัจจุบันอารมณ์ จนมันดับไปหรือเปลี่ยนไปต่อหน้าต่อตา"

จึงเป็นคำสรุปเทคนิคหรือวิธีทำวิปัสสนาภาวนาอย่างง่าย จำได้และนำไปปฏิบัติจริงได้โดยง่าย ขอให้ทุกท่านลองนำไปใช้แล้วกลับมาคุยมาสนทนากันครับ

:b37:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2016, 13:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

วิ=วิเศษ=พิเศษ......สิ่งวิเศษในกายใจคือ อนัตตาธรรมหรือเอหิปัสสิโกธรรม หรือความจริง หรือปรมัตถธรรม

ปัสสนา=ทัศนา=ดู เห็น รู้ สังเกต พิจารณา

ภาวนา=เจริญ=ทำให้มีขึ้น


วิปัสสนาภาวนา=เจริญการเฝ้า หรือ นิ่ง ดู สังเกต พิจารณา
สภาวธรรม คือปัจจุบันธรรมจนเห็น รู้ และเข้าใจความจริงตามธรรม

ความจริงของธรรม อนัตตาธรรมหรือเอหิปัสสิโกธรรมนั้นคือ

เกิด - ดับ.....หรือ เกิดขึ้น....ตั้งอยู่.....ดับไป เป็นบาลีว่า

อนิจจัง.....ทุกขัง.....อนัตตา

เพราะฉนั้นประโยคที่สรุปไว้ให้จำง่ายว่า

"นิ่งรู้ นิ่งสังเกต ปัจจุบันอารมณ์ จนมันดับไปหรือเปลี่ยนไปต่อหน้าต่อตา"

จึงเป็นคำสรุปเทคนิคหรือวิธีทำวิปัสสนาภาวนาอย่างง่าย จำได้และนำไปปฏิบัติจริงได้โดยง่าย ขอให้ทุกท่านลองนำไปใช้แล้วกลับมาคุยมาสนทนากันครับ





บาลีเถื่อน :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2016, 14:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


onion
วิปัสสนาภาวนา

วิ ( วิเศษ , แจ้ง ฯ. ) + ปสฺสนา ( เห็น ) + ภาวนา ( การอบรม , การเจริญ )

การอบรมเพื่อความเห็นแจ้ง , การเจริญปัญญาเพื่อเห็นอย่างวิเศษ หมายถึง

การเจริญปัญญาเพื่อเห็นแจ้งสภาพธรรมตามความเป็นจริงตามลำดับขั้น จากขั้นต้น

คือ การอบรมสติปัฏฐาน เป็นการเจริญวิปัสสนาเพื่อเห็นแจ้งลักษณะของนามธรรมและ

รูปธรรม จนสติปัฏฐานถึงความสมบูรณ์ วิปัสสนาญานซึ่งเป็นปัญญาที่เกิดขึ้นพร้อม

กับมหากุศลจิตญาณสัมปยุตต์ จึงเกิดขึ้นเห็นสภาพธรรมอย่างวิเศษ คือประจักษ์แจ้ง

ไตรลักษณะของนามธรรมและรูปธรรม วิปัสสนาญาณจะเกิดขึ้นเป็นไปตามลำดับขั้น

ของปัญญาที่เจริญยิ่งขึ้น ตั้งแต่วิปัสสนาญาณที่ ๑ ( นามรูปปริจเฉทญาณ ) จนถึง

วิปัสสนาญาณที่ ๑๒ ( อนุโลมญาณ ) จะมีสังขารคือนามธรรมและรูปธรรมเป็นอารมณ์

วิปัสสนาญาณที่ ๑๓ ( โคตรภูญาณ ) วิปัสสนาญาณที่ ๑๔ ( มรรคญาณ ) วิปัสสนา

ญาณที่ ๑๕ ( ผลญาณ ) มีวิสังขารคือพระนิพพานเป็นอารมณ์ วิปัสสนาญาณที่ ๑๖

( ปัจจเวกขณญาณ ) มีมรรคจิต ผลจิต พระนิพพาน กิเลสที่ละแล้ว และกิเลสที่เหลือ

อยู่ เป็นอารมณ์

ที่มา...บ้านธัมมะ
http://www.dhammahome.com/front/webboar ... hp?id=9336
:b38:
ดูซะ กรัชกาย
:b22:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2016, 14:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
onion
วิปัสสนาภาวนา

วิ ( วิเศษ , แจ้ง ฯ. ) + ปสฺสนา ( เห็น ) + ภาวนา ( การอบรม , การเจริญ )

การอบรมเพื่อความเห็นแจ้ง , การเจริญปัญญาเพื่อเห็นอย่างวิเศษ หมายถึง

การเจริญปัญญาเพื่อเห็นแจ้งสภาพธรรมตามความเป็นจริงตามลำดับขั้น จากขั้นต้น

คือ การอบรมสติปัฏฐาน เป็นการเจริญวิปัสสนาเพื่อเห็นแจ้งลักษณะของนามธรรมและ

รูปธรรม จนสติปัฏฐานถึงความสมบูรณ์ วิปัสสนาญานซึ่งเป็นปัญญาที่เกิดขึ้นพร้อม

กับมหากุศลจิตญาณสัมปยุตต์ จึงเกิดขึ้นเห็นสภาพธรรมอย่างวิเศษ คือประจักษ์แจ้ง

ไตรลักษณะของนามธรรมและรูปธรรม วิปัสสนาญาณจะเกิดขึ้นเป็นไปตามลำดับขั้น

ของปัญญาที่เจริญยิ่งขึ้น ตั้งแต่วิปัสสนาญาณที่ ๑ ( นามรูปปริจเฉทญาณ ) จนถึง

วิปัสสนาญาณที่ ๑๒ ( อนุโลมญาณ ) จะมีสังขารคือนามธรรมและรูปธรรมเป็นอารมณ์

วิปัสสนาญาณที่ ๑๓ ( โคตรภูญาณ ) วิปัสสนาญาณที่ ๑๔ ( มรรคญาณ ) วิปัสสนา

ญาณที่ ๑๕ ( ผลญาณ ) มีวิสังขารคือพระนิพพานเป็นอารมณ์ วิปัสสนาญาณที่ ๑๖

( ปัจจเวกขณญาณ ) มีมรรคจิต ผลจิต พระนิพพาน กิเลสที่ละแล้ว และกิเลสที่เหลือ

อยู่ เป็นอารมณ์

ที่มา...บ้านธัมมะ
http://www.dhammahome.com/front/webboar ... hp?id=9336
:b38:
ดูซะ กรัชกาย



เขาเรียกว่าน้ำท่วมทุ่ง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2016, 15:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
onion
วิปัสสนาภาวนา

วิ ( วิเศษ , แจ้ง ฯ. ) + ปสฺสนา ( เห็น ) + ภาวนา ( การอบรม , การเจริญ )

การอบรมเพื่อความเห็นแจ้ง , การเจริญปัญญาเพื่อเห็นอย่างวิเศษ หมายถึง

การเจริญปัญญาเพื่อเห็นแจ้งสภาพธรรมตามความเป็นจริงตามลำดับขั้น จากขั้นต้น

คือ การอบรมสติปัฏฐาน เป็นการเจริญวิปัสสนาเพื่อเห็นแจ้งลักษณะของนามธรรมและ

รูปธรรม จนสติปัฏฐานถึงความสมบูรณ์ วิปัสสนาญานซึ่งเป็นปัญญาที่เกิดขึ้นพร้อม

กับมหากุศลจิตญาณสัมปยุตต์ จึงเกิดขึ้นเห็นสภาพธรรมอย่างวิเศษ คือประจักษ์แจ้ง

ไตรลักษณะของนามธรรมและรูปธรรม วิปัสสนาญาณจะเกิดขึ้นเป็นไปตามลำดับขั้น

ของปัญญาที่เจริญยิ่งขึ้น ตั้งแต่วิปัสสนาญาณที่ ๑ ( นามรูปปริจเฉทญาณ ) จนถึง

วิปัสสนาญาณที่ ๑๒ ( อนุโลมญาณ ) จะมีสังขารคือนามธรรมและรูปธรรมเป็นอารมณ์

วิปัสสนาญาณที่ ๑๓ ( โคตรภูญาณ ) วิปัสสนาญาณที่ ๑๔ ( มรรคญาณ ) วิปัสสนา

ญาณที่ ๑๕ ( ผลญาณ ) มีวิสังขารคือพระนิพพานเป็นอารมณ์ วิปัสสนาญาณที่ ๑๖

( ปัจจเวกขณญาณ ) มีมรรคจิต ผลจิต พระนิพพาน กิเลสที่ละแล้ว และกิเลสที่เหลือ

อยู่ เป็นอารมณ์

ที่มา...บ้านธัมมะ
http://www.dhammahome.com/front/webboar ... hp?id=9336
:b38:
ดูซะ กรัชกาย



เขาเรียกว่าน้ำท่วมทุ่ง

:b34:
อวดรู้อวดเก่งจนกล้าไปว่าความเห็นทางบ้านธรรมะเขาเป็น น้ำท่วมทุ่ง

ชักจะกร่างและอหังการไปใหญ่แล้วนะ กรัชกาย

Onion_L


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2016, 15:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
onion
วิปัสสนาภาวนา

วิ ( วิเศษ , แจ้ง ฯ. ) + ปสฺสนา ( เห็น ) + ภาวนา ( การอบรม , การเจริญ )

การอบรมเพื่อความเห็นแจ้ง , การเจริญปัญญาเพื่อเห็นอย่างวิเศษ หมายถึง

การเจริญปัญญาเพื่อเห็นแจ้งสภาพธรรมตามความเป็นจริงตามลำดับขั้น จากขั้นต้น

คือ การอบรมสติปัฏฐาน เป็นการเจริญวิปัสสนาเพื่อเห็นแจ้งลักษณะของนามธรรมและ

รูปธรรม จนสติปัฏฐานถึงความสมบูรณ์ วิปัสสนาญานซึ่งเป็นปัญญาที่เกิดขึ้นพร้อม

กับมหากุศลจิตญาณสัมปยุตต์ จึงเกิดขึ้นเห็นสภาพธรรมอย่างวิเศษ คือประจักษ์แจ้ง

ไตรลักษณะของนามธรรมและรูปธรรม วิปัสสนาญาณจะเกิดขึ้นเป็นไปตามลำดับขั้น

ของปัญญาที่เจริญยิ่งขึ้น ตั้งแต่วิปัสสนาญาณที่ ๑ ( นามรูปปริจเฉทญาณ ) จนถึง

วิปัสสนาญาณที่ ๑๒ ( อนุโลมญาณ ) จะมีสังขารคือนามธรรมและรูปธรรมเป็นอารมณ์

วิปัสสนาญาณที่ ๑๓ ( โคตรภูญาณ ) วิปัสสนาญาณที่ ๑๔ ( มรรคญาณ ) วิปัสสนา

ญาณที่ ๑๕ ( ผลญาณ ) มีวิสังขารคือพระนิพพานเป็นอารมณ์ วิปัสสนาญาณที่ ๑๖

( ปัจจเวกขณญาณ ) มีมรรคจิต ผลจิต พระนิพพาน กิเลสที่ละแล้ว และกิเลสที่เหลือ

อยู่ เป็นอารมณ์

ที่มา...บ้านธัมมะ
http://www.dhammahome.com/front/webboar ... hp?id=9336
:b38:
ดูซะ กรัชกาย



เขาเรียกว่าน้ำท่วมทุ่ง

:b34:
อวดรู้อวดเก่งจนกล้าไปว่าความเห็นทางบ้านธรรมะเขาเป็น น้ำท่วมทุ่ง

ชักจะกร่างและอหังการไปใหญ่แล้วนะ กรัชกาย

Onion_L


การตอบยังงั้นแหละเรียกว่าน้ำท่วมทุ่ง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 38 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 197 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร