วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 14:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 51 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2016, 17:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บางคนอาจแปลกใจว่า ทำไมหนอนายโฮฮับถึงได้ชอบไปเอากระทู้ของเว็บอื่นมาโพส
เหตุใดถึงไม่ไปตอบคำถามในเว็บต้นตอเลย อาจจะเลยเถิดไปว่า โดนแบนมาแหง่ๆ
เขาไม่ให้เข้าไปยุ่มย่างชัวร์ เปล่าเลยครับ
ที่ผมไม่ไปที่นั้นก็เพราะในเว็บนั้นเขากำลังเอาเรื่องศาสนาไปมั่วการเมืองครับ
ผมรู้สึกรำคาญก็เลยไม่อยากไปวุ่นวายกับเขา

แต่ที่สำคัญเหนืออื่นใด ก็เพราะผมเห็นว่า สมาชิกแต่ละคนไร้สามารถที่จะตั้งกระทู้
เห็นมีแต่กระทู้ฝากของนายกรัชกาย....ผมก็ถือวิสาสะตั้งกระทู้ และที่ต้องไปอ้างอิงกระทู้คนอื่นก็เพราะ
กระผมนายโฮฮับไม่มีปัญหาทางธรรมครับ ผมมองทะลุปุโปร่งไม่ว่าจะเป็น พระวินัย พระสูตร กระทั้งพระอภิธรรม
ก็ด้วยเหตุนี้จึงได้ยกคำถามของคนอื่นมาถาม.....
เพื่อที่จะได้ชี้แนะ ไม่แน่ว่าจขกทต้นตอเขาอาจแวะเวียนมาที่เว็บลานธรรมจักร
ใครๆเขาก็รู้จักเว็บแห่งนี้ครับ เป็นเพราะผมได้ไปสร้างเกียรติประวัติ จนชื่อลานธรรมจักร
ได้ขจรไกล(ไม่ได้โม้)

ใครใคร่ตอบก็ตอบหรือใครอยากเข้ามายียวนก็เชิญครับ
นายโฮฮับรับได้ทุกรูปแบบ ขออย่างเดียวไอ้พวกที่ชอบแปะชอบก๊อปปี้
จะแปะก็ขอให้แปะที่ละบทและกรุณาวางลิ้งไว้ด้วย ใครแปะติดกันเป็นผรืดผมเวียนหัวครับ
และผมอาจจะหลงลืมตอบ....เดียวจะหาว่านายโฮฮับตอบไม่ได้เลยตีเนียนทำเป็นไม่เห็น

เขาถามไว้แบบนี้ครับ

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2016, 18:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ม.ค. 2014, 11:29
โพสต์: 64

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ร่วมตอบ แต่ตอบอันเดียวนะ

จิตพระอรหันต์ เป็นทุกข์มั้ย

พระอรหันต์ ท่านรู้ทุกข์(ทุกขอริยสัจจ์) แล้ว
และ มีอินทรีย์๕ พละ๕ บริบูรณ์ จึงละเหตุให้เกิดทุกข์ได้


กะคำถามว่า จิตพระอรหันต์ เป็นทุกข์มั้ย
ผู้ถามใช้ไม่ถูก คือ “จิต”พระอรหันต์

คำว่า เป็นทุกข์ ผู้ถามน่าจะหมายถึง เป็นทุกข์ (ร้อนใจ)
ความเป็นทุกข์(ร้อนใจ) ไม่ใช่ทุกขอริยสัจจ์
แต่เป็นทุกขสมุหทัย คือ เหตุให้เกิดทุกข์(ทุกขอริยสัจจ์)
ซึ่งเหตุให้เกิดทุกข์นี้ พระอรหันต์ท่านละได้แล้ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2016, 19:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Duangrat เขียน:
ร่วมตอบ แต่ตอบอันเดียวนะ

จิตพระอรหันต์ เป็นทุกข์มั้ย

พระอรหันต์ ท่านรู้ทุกข์(ทุกขอริยสัจจ์) แล้ว
และ มีอินทรีย์๕ พละ๕ บริบูรณ์ จึงละเหตุให้เกิดทุกข์ได้


กะคำถามว่า จิตพระอรหันต์ เป็นทุกข์มั้ย
ผู้ถามใช้ไม่ถูก คือ “จิต”พระอรหันต์

คำว่า เป็นทุกข์ ผู้ถามน่าจะหมายถึง เป็นทุกข์ (ร้อนใจ)
ความเป็นทุกข์(ร้อนใจ) ไม่ใช่ทุกขอริยสัจจ์
แต่เป็นทุกขสมุหทัย คือ เหตุให้เกิดทุกข์(ทุกขอริยสัจจ์)
ซึ่งเหตุให้เกิดทุกข์นี้ พระอรหันต์ท่านละได้แล้ว




อ้างคำพูด:
คำว่า เป็นทุกข์ ผู้ถามน่าจะหมายถึง เป็นทุกข์ (ร้อนใจ)
ความเป็นทุกข์ (ร้อนใจ) ไม่ใช่ทุกขอริยสัจจ์
แต่เป็นทุกขสมุหทัย คือ เหตุให้เกิดทุกข์(ทุกขอริยสัจจ์)


นี่อีกแล้ว มั่วอีกแล้วนะ คือ เคยแต่อ่านได้ยิน แต่ที่ท่านเรียกชื่อสั้นๆ ก็หลงเข้าใจผิด

เอ้าดูนะ

๑. ทุกข์ (เรียกเต็ม ทุกขอริยสัจจ์)

๒. สมุทัย (เรียกเต็ม ทุกขสมุทัย)

๓ นิโรธ (เรียกเต็ม ทุกขนิโรธ)

๔. มรรค (เรียกเต็ม ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา อริยสัจจ์)


ทุกข์อริยสัจเกี่ยวกับคนทั้งนั้น ดูคำสรุป "สังขิตเตน ปัญจุปาทานักขันธา ทุกขา" หาคำแปลเอาเอง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2016, 19:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b23: :b23: :b23:

:b22: :b22: :b22:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2016, 19:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
:b23: :b23: :b23:

:b22: :b22: :b22:

:b32:
จิตพระอรหันต์ไม่เป็นทุกข์ดับกิเลส
จิตพระอรหันต์เป็นวิมุติหลุดพ้นทุกข์
:b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2016, 19:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


จิต...จิต...อะไร...

จิตพระอรหันต์หรือ?..

:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2016, 00:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


จิตวิญญาณยังทุกข์อยู่เพราะเหตุปัจจัยแห่งขันธ์5 (รวมทั้งรูป)

จิตสังขารไม่ปรุงแต่งธรรมอีกต่อไปเพราะกิเลส(อวิชชา)โดนทำลาย เป็นวิมุติธรรม

จิตวิญญาณไม่เที่ยง

จิตสังขารไม่เที่ยงเพราะเหตุปัจจัยแห่งขันธ์5

แต่พระนิพานเที่ยง

จิตสังขารหรือจิตวิญญาณคือคนละสภาวะกันกับนิพพาน

เพราะนิพพานคือสภาวะธรรมหลังจากสิ้นอายุ เรียกดับขันธ์นิพพาน

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2016, 04:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
จิต...จิต...อะไร...

จิตพระอรหันต์หรือ?..

:b32: :b32:

:b17: :b17:
ส่วนไหนของจิต คือพระอรหันต์
:b9: :b9:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2016, 05:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คคห. นี้อาจไม่เข้ากับชื่อกระทู้ แต่ก็โยงถึงการเรียกชื่อหลักธรรม คือ โบราณาจารย์ ท่านเรียกชื่อสั้นๆ ฐานะคนเข้าใจพูดกัน พอมาถึงรุ่นเราๆท่านๆ เข้าใจผิดไปเลย สักตัวอย่าง เช่น ไตรสิกขา ได้แก่ อธิศีลสิกขา อธิจิตตสิกขา และอธิปัญญาสิกขา เรียกสั้นๆ ศีล สมาธิ และปัญญา

ปัจจุบัน ก็มีผู้เข้าใจ ชื่อเต็มๆ อธิศีลสิกขา อธิจิตตสิกขา อธิปัญญาสิกขา ว่าเป็นคนละอย่างกันกับ ศีล สมาธิ ปัญญา

อีกสักตัวอย่าง ผู้รู้รุ่นก่อนหน้าเรา ท่านพูดสั้นๆฐานคนเข้าใจกันว่า "นั่งสมาธิ" ปัจจุบันก็มีคนเข้าใจว่า นั่งนั่นเป็นสมาธิ ก็จึงพยายามนั่งให้นานๆ พอนั่งได้นานก็ว่ามีสมาธิ :b1:

พอนั่งแล้วจิตใจไม่สงบ ก็ว่า นั่งได้ไม่กี่นาที คือไม่มีสมาธิ :b1:

ดังนั้น เบื้องต้น คือ การศึกษาจากตำหรับตำราที่ถูกต้อง ไม่ใช่ไปจับแพะชนกับแกะ รถชนกับเรือ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2016, 07:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
จิตวิญญาณยังทุกข์อยู่เพราะเหตุปัจจัยแห่งขันธ์5 (รวมทั้งรูป)

ความหมายของคำว่า "จิต"ก็คือชื่อหรือบัญญัติที่ใช้เรียกกระบวนการในกายใจที่เรียกว่า.....ขันธ์๕
กระบวนการนี้เกิดเกิดกับบุคคลทุกระดับ .......ยกเว้นพระอรหันต์

และที่บอกว่า "รูป"นั้น พระอรหันต์ไร้ซึ่งรูปด้วยประการทั้งปวง นั้นเป็นเพาะพระอรหันต์ผ่านการเจริญ
สติปัฏฐานมาอย่างสมบูรณ์แล้วนั้นเอง ในส่วนของ"รูป" ถ้าเป็นพระอรหันต์ท่านเรียกว่า....กาย

student เขียน:
จิตสังขารไม่ปรุงแต่งธรรมอีกต่อไปเพราะกิเลส(อวิชชา)โดนทำลาย เป็นวิมุติธรรม


พูดไม่ถูกครับ จะต้องบอกว่า กายใจของพระอรหันต์ไม่ปรุงแต่งธรรม
และไม่ได้เรียกว่าจิตสังขาร แต่เรียกว่า......วิสังขาร


student เขียน:
จิตวิญญาณไม่เที่ยง


ไม่ใช่จิตวิญญานไม่เที่ยง วิญญานกับจิตเป็นคนละอย่างกัน
และสิ่งที่ไม่เที่ยงคือ...สังขารไม่ใช่จิต จิตเป็นชื่อของกระบวนการขันธ์๕


student เขียน:
จิตสังขารไม่เที่ยงเพราะเหตุปัจจัยแห่งขันธ์5


ปัจจัยแห่งขันธ์๕คือ สังขาร ไม่ใช่จิต ....จิตและสังขารเป็นคนละอย่างกัน

student เขียน:
แต่พระนิพานเที่ยง


"เที่ยง" ไม่มีจริงในโลกธรรม ในโลกธรรมล้วนไม่เที่ยง
เหตุนี้จึงต้องพูดว่า พระนิพพานคือหลุดพ้นจากโลกธรรม
พระนิพพานจึงหลุดพ้นจากความไม่เที่ยงของโลกธรรม.....พระนิพพานจึงไม่ใช่ทั้งความเที่ยงและไม่เที่ยง

student เขียน:

จิตสังขารหรือจิตวิญญาณคือคนละสภาวะกันกับนิพพาน


พระนิพพานไร้ซึ่งจิต ....เพราะกายใจของอรหันต์มีแต่อนัตตาและอสังขตลักษณะ
ไร้ซึ่งสังขาร.....เพราะสภาวธรรมของพระอรหันต์ เป็น...วิสังขาร
ไร้ซึ่งวิญญาน...เพราะกายใจอรหันต์ไร้ซึ่งอัตตา

student เขียน:
เพราะนิพพานคือสภาวะธรรมหลังจากสิ้นอายุ เรียกดับขันธ์นิพพาน


ไม่ใช่! นิพพานเป็นชื่อที่ใช่เรียกลักษณะของกายใจ
ถ้ากล่าวถึงนิพพานก็ให้เข้าใจว่้า เป็นบัญญัติที่กล่าวในเชิงของปุคคลาธิษฐานและธรรมาธิษฐาน
ความหมายโดยรวมก็คือ เป็นผู้มีชีวิตอยู่

นิพพานเป็นธรรมาธิษฐาน
พระอรหันต์เป็นปุคคลาธิษฐาน.....ยังมีชีวิต
ธรรมทั้งสองต้องอยู่คู่กัน เพราะเป็นปัจจัยแก่กัน
อย่างหนึ่งเป็นตัวบุคคลและอีกอย่างเป็นลักษณะประจำตัวครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2016, 08:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พึงเข้าใจ ด้วยอุปมา

มีบ้านหลังหนึ่ง เจ้าของไม่เคยทำความสะอาดปัดกวาดเช็ดถูเลย พื้นเรือนถูกฝุ่นละอองจับเกรอะกรัง หยักใยหยักเหยื่อระโยงระยางดูสกปรกรกรุงรัง

วันหนึ่ง เจ้าของบ้าน ได้รับคำแนะนำจากพระธุดงค์รูปหนึ่งที่ผ่านมาว่า โยมเอ๋ย อยู่กันยังไง ไม่ทำความสะอาดบ้านบ้าง ดูสินะสกปรกไปหมด กวาดถูสะนะ บ้านช่องจะได้ดูงดงามเจริญหูเจริญตา

เจ้าของบ้าน เชื่อถือพระธุดงค์รูปนั้น จึงเช็ดถูบ้านตามคำแนะนำ จนบ้านหลังนั้นสะอาดสะอ้านเหมือนบ้านใหม่ น่าอยู่น่านอน แขกไปใครมาก็ชื่นชมโสมนัส ฉันใด

ชีวิตคนเราเกิดมา ก็สกปรกด้วยละอองคือกิเลสน้อยใหญ่นานัประการ ไม่เคยกำจัดเช็ดถูเลย จนอยู่มาวันหนึ่ง เขาผู้นั้น ได้ศึกษาพุทธธรรมคำสอนของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธะ ว่า กิเลสทำให้อยู่ร้อนนอนทุกข์ เจ้าจงกำจัดมันออกสะบ้าง จะได้นอนเป็นสุข ตื่นเป็นสุข เมื่อเขาได้รับคำสอนเช่นนั้นแล้ว ก็เจริญสมถะและวิปัสสนากำจัดกิเลสเช่นว่านั้น ต่อมาจิตใจของเขาก็รู้สึกปลอดโปร่งโล่งเบาตามสมควรแก่การปฏิบัติ ฉันนั้น


ที่ข้ออุปมา บ้านก็บ้านหลังเก่าหลังเดิม เพียงแต่เช็ดถูสิ่งสกปรกออกไป จัดระเบียบสิ่งของสะใหม่

ที่ข้ออุปไมย คนๆนั้น ก็คนๆเดิม จิตใจก็ที่มากับการเกิดบนโลกนี้แหละ (คนมีชีวิตเดียว) เพียงแต่ว่า กำจัดละอองคือกิเลสออกไป

พระอรหันต์ก็พึงเข้าใจด้วยข้ออุปมาอุปไมยนั้น

อุปติสสะ คนทีเคยอยู่กับสัญชัย กับ ที่อยู่กับพระพุทธเจ้าก็คนๆเดียวกัน แต่จิตใจต่างกันที่กำจัดราคะ โทสะ โมหะหมดไป

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2016, 08:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Duangrat เขียน:
ร่วมตอบ แต่ตอบอันเดียวนะ

จิตพระอรหันต์ เป็นทุกข์มั้ย

พระอรหันต์ ท่านรู้ทุกข์(ทุกขอริยสัจจ์) แล้ว
และ มีอินทรีย์๕ พละ๕ บริบูรณ์ จึงละเหตุให้เกิดทุกข์ได้


ความเห็นของคุณนับว่าสอดคล้องกับอริยสัจจสี่ ที่คุณว่านับว่าใช้ได้
จะขยายความเพิ่มให้ครับ คำว่า "ทุกข์"ในอริยสัจจฯ มันก็คือกายหรือร่างกายของบุคคลนั้นแหล่ะครับ
พระอรหันต์ท่านก็ยังมีกายหรือร่างกายเหมือนบุคคลทั้่วไป

แท้จริงแล้วทุกข์ก็หมายถึง เกิด แก่ เจ็บ ตาย(วัฏฏสงสาร)
ตัวที่ทำหน้าที่เกิดมาแล้ว แก่ เจ็บ ตายก็คือกายหรือร่างกาย
เมื่อพระอรหันต์ยังมีกายอยู่ ท่านย่อมต้องรู้สึกและยังต้องแก่ เจ็บและตายในที่สุด
เพียงแต่ความเกิดจะไม่มีอีกต่อไปแล้ว

โดยปกติของปุถุชนหรืออริยชนบางระดับ เมื่อได้รับรู้ถึงความแก่หรือเจ็บและจะตาย
ก็จะเกิดการยึดและเกิดการปรุงแต่งไปต่างๆนานา......สิ่งนี้แหล่ะเป็นทุกขสมุทัยในอริยสัจจฯ

แต่กับพระอรหันต์เมื่อท่านได้รับรู้ถึงความรู้สึก แก่ เจ็บและจะตาย ท่านไม่ยึดแล้วปรุงแต่งแบบปุถุชน
นั้นก็เพราะท่านทรงไว้ซึ่งอินทรีย์ทั้ง๕ อันมีพละ๕เป็นองค์ประกอบ


Duangrat เขียน:

กะคำถามว่า จิตพระอรหันต์ เป็นทุกข์มั้ย
ผู้ถามใช้ไม่ถูก คือ “จิต”พระอรหันต์


ใช่ครับ! จะเอาคำว่า"จิต"มาใช้กับพระอรหันต์ไม่ได้
นั้นเพราะจิตเป็นชื่อที่ใช้เรียก กระบวนของการเกิดอัตตาและขันธ์๕

ถ้าเรายังไม่รู้เพราะภูมิยังไม่ถึง ก็ควรจะเรียกว่า ....สภาวธรรมในกายใจของพระอรหันต์
แต่สำหรับคุณDuangratคงจะรู้แล้วว่้า ท่านเรียก......วิสังขาร

Duangrat เขียน:
คำว่า เป็นทุกข์ ผู้ถามน่าจะหมายถึง เป็นทุกข์ (ร้อนใจ)
ความเป็นทุกข์(ร้อนใจ) ไม่ใช่ทุกขอริยสัจจ์
แต่เป็นทุกขสมุหทัย คือ เหตุให้เกิดทุกข์(ทุกขอริยสัจจ์)
ซึ่งเหตุให้เกิดทุกข์นี้ พระอรหันต์ท่านละได้แล้ว



แสดงให้เห็นว่าคุณDuangratแยกแยะตัวผู้รู้กับความคิดออกจากกันได้ครับ
ความร้อนใจ วุ่นวายใจ ล้วนแล้วแต่เป็นความคิด(สมอง) คิดซ้ำๆซากๆ
โดยสภาพความเป็นจริง ถ้ามโนทวารไม่รับความรู้สึก(ไม่คิด) ไม่ก็ไม่ร้อนใจหรือวุ่นวายใจ

ยกตัวอย่างให้ว่าความไม่ยึด(อัตตา)เป็นเช่นไร ถ้าเราถูกเข็มแทง๑ครั้ง
แล้วเรารู้สึกเจ็บ แต่ดันไปคิดซ้ำซากว่า เจ็บเพราะถูกเข็มแทง

อาการเจ็บก็คือตัวทุกข์ เป็นตถตาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นธรรมชาติของร่างกาย

แต่ความคิดซ้ำซากว่าถูกเข็มแทง นี่ท่านเรียกความคิดฟุ้งซ่านปรุงแต่ง
แสดงให้เห็นว่า มีการยึดแล้วก็ปรุงแต่ง......เพราะเข็มมันแทงครั้งเดียว
ตอนที่คิดมันไม่ได้มีเข็มมาแทงเราแล้ว.....ลักษณะเช่นนี้ก็คือ สมุทัยนั้นเอง

เห็นความต่างมั้ยครับ ไอ้อาการเจ็บก็เพราะมันยังเจ็บเราจึงรับรู้มันอยู่......ทุกข์
แต่ความคิดว่าถูกเข็มแทง มันไม่มีแล้วก็ยังคิดว่าถูกเข็มแทงคือร้อนในวุ่นวายใจ....สมุทัย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2016, 08:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นโฮฮับแย้งคุณstudent ขำมักๆ :b32:

ชาวพุทธควรไปศึกษาขันธ์กันใหม่ ชีวิตโด่ๆนี่แหละทางพุทธธรรมจำแนกโดยความเป็นกองเป็นหมวดแล้ว ได้ ๕ กอง ๕ หมวดด (ขันธ์ ๕)

รูป ก็ กายนั่นแหละ

บาลี จักขุ โสตะ ฆานะ ชิวหา กาย มโน แปลเป็นไทย ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

สิ่งที่เห็นด้วยจักษุ (ตา) ภาษาธรรมเรียกรูป (รูปารมณ์ = รูป+อารมณ์) ทั้งหมด :b9:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2016, 13:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เห็นโฮฮับแย้งคุณstudent ขำมักๆ :b32:

ชาวพุทธควรไปศึกษาขันธ์กันใหม่ ชีวิตโด่ๆนี่แหละทางพุทธธรรมจำแนกโดยความเป็นกองเป็นหมวดแล้ว ได้ ๕ กอง ๕ หมวดด (ขันธ์ ๕)


ท่านยกเอาขันธ์๕ขึ้นพูดก็เพื่อให้รู้ว่า อะไรคือ การปรุงแต่งที่เกิดจากอวิชชา
ไอ้ที่กรัชกายมั่วอ้างนั้นน่ะ เขาเรียก....อัตตา

กรัชกาย เขียน:
รูป ก็ กายนั่นแหละ


รูป ที่บาลีเรียก"รูปัง"นั้น ไม่ใช่กาย แต่เป็นองค์ธรรมในสังขตธรรม(รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน)
รูป เป็นเหตุให้เกิด....มหาภูติรูป๔
ส่วนกายก็คือ.....ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ

กรัชกาย เขียน:
บาลี จักขุ โสตะ ฆานะ ชิวหา กาย มโน แปลเป็นไทย ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

มหาเปรียญแปลไทยได้มั่วมาก คำว่ากาย(บาลี) ดันแปลเป็นไทยว่า กาย
แบบนี้เขาเรียกว่าแปลหรือ
คำว่ามโนก็เหมือนกัน ดันไปแปลว่าใจ....ถามหน่อยใจมันคิดได้หรือเปล่า

คำว่า "กาย"ในบาลี มันหมายถึง.... ผิวหนัง
คำว่า"มโน"ในบาลี มันหมายถึง.....สมอง
แบบนี้เขาถึงจะรู้เรื่อง


กรัชกาย เขียน:
สิ่งที่เห็นด้วยจักษุ (ตา) ภาษาธรรมเรียกรูป (รูปารมณ์ = รูป+อารมณ์) ทั้งหมด :b9:


สิ่งที่เห็นด้วยตาในทางโลกเขาเรียกว่าภาพ แสง สี

ถ้าเป็นทางธรรม ท่านว่า สิ่งที่มากระทบกับจักขุคือ....วัตถุธรรม

รูปารมณ์ = รูป+อารมณ์ ....แบบนี้ผิด เพราะรูปารมณ์ ไม่ใช่ รูป+อารมณ์

แต่รูปารมณ์หมายถึง จักขายตนะ+รูปายตนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2016, 13:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ม.ค. 2014, 11:29
โพสต์: 64

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
รูป ที่บาลีเรียก"รูปัง"นั้น ไม่ใช่กาย แต่เป็นองค์ธรรมในสังขตธรรม(รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน)
รูป เป็นเหตุให้เกิด....มหาภูติรูป๔
ส่วนกายก็คือ.....ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ



ไม่เข้าใจตรง
รูป เป็นเหตุให้เกิด....มหาภูติรูป๔

มหาภูติรูป๔ ไม่ใช่ ธรรมแท้ ที่ไม่ได้เกิดจากการปรุงแต่ง เหรอ?
ทำไมว่า ว่ามีเหตุเกิดจาก รูปล่ะ




โฮฮับ เขียน:


สิ่งที่เห็นด้วยตาในทางโลกเขาเรียกว่าภาพ แสง สี

ถ้าเป็นทางธรรม ท่านว่า สิ่งที่มากระทบกับจักขุคือ....วัตถุธรรม

รูปารมณ์ = รูป+อารมณ์ ....แบบนี้ผิด เพราะรูปารมณ์ ไม่ใช่ รูป+อารมณ์

แต่รูปารมณ์หมายถึง จักขายตนะ+รูปายตนะ



เมื่อว่า รูปารมณ์ ไม่ใช่ รูป+อารมณ์
แล้ว รูป+อารมณ์ มันมีไหม?
(ตรงนี้ ถามไปอย่างงั้น ไม่ได้สนใจนัก)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 51 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 132 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร