ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ฆราวาสธรรดาๆ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=52627 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | สุชาวดี [ 28 มิ.ย. 2016, 13:34 ] |
หัวข้อกระทู้: | ฆราวาสธรรดาๆ |
![]() ![]() ![]() ![]() ตอนนี้ ร่างกายของดิฉันรู้สึกว่าต้องการอาหารน้อยลงค่ะ คือกินข้าวเช้าจะอิ่มไปทั้งวัน(ดิฉันกิน 2 คาบต่อวัน) สิ่งที่เกิดขึ้นคือ มันย่อยช้า มีกลิ่นคล้ายอาหารที่เก่า ออกมาทางลำคอ และมีกลิ่นตามทวารต่างๆจนแทบไม่อยากอยู่ใกล้ใคร เกรงใจค่ะ หาทางแก้ปัญหาเลยลองกินอาหารครั้งเดียว เช้า กลิ่นหายไปเลยค่ะ ร่างกายเบาสบาย กระปี้กระเป่า และไม่หิว ตอนนี้มีคำถามเกิด ในใจอ่อนๆ กำลังตามหาคำตอบ คือ กิเลส ตั้งคำถามว่า เธอจะขาดอาหารมั้ย จะโทรมมั้ย จะเป็นโรคกระเพาะมั้ย ที่สุดคือกลัวไม่สวยค่ะ (ทั้งๆที่ไม่ใช่คนสวย ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 28 มิ.ย. 2016, 13:45 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ฆารวาสธรรดาๆ |
เพราะไม่ทราบว่า งานประจำวันที่ จขกท. ทำ ใช้พลังงานเท่าไหร่ ตอบเป็นกลางๆให้สังเกตเอาเอง พระภิกษุสามเณร ฉันอาหารวันละมื้อสองมือ ยังมีชีวิตอยู่่ได้ เพราะร่างกายมิได้ทำงานที่ใช้พลังงานหนักมากนัก คนยากคนจน มีกินไม่ครบสามมื้อ อดมื้อกินมื้อ ก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ แต่ร่างกายอาจโทรมหน่อย เพราะกินอาหารไม่ตรงเวลา ไม่มีจะกิน จขกท. ก็สังเกตเอาเองด้วย ตรวจสุขภาพบ้าง หมอจะบอกว่า ร่างกายเราขาดสารอะไรบ้าง ![]() |
เจ้าของ: | สุชาวดี [ 28 มิ.ย. 2016, 15:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ฆารวาสธรรดาๆ |
ขอบคุณค่ะคุณกรัชกาย ดิฉันกำลังอยู่ในช่วงสังเกตุตัวเองค่ะ กิเลสยังอยากกิน นั่น นี้ นิดหน่อย แต่ ขยาดกลิ่น ทำธุรกิจส่วนตัวไม่ได้ใช้แรง (แต่ก่อนก็หิวปกติ) ดิฉันแทบไม่ได้ไปหาหมอหลายปีแล้วแต่ก่อนบ่อยมากๆ อาจด้วยอานิสงฆ์การภาวนารึคิดไปเอง ตั้งแต่ปฏิบัติ มา ยาต่างๆ ไม่ได้กินเลย อาการป่วยเกิดจะใช้เข้าสมาธิและฝึกเพิ่งภาวนา แม้แต่หวัดกะไม่เป็นเลยแต่ก่อนเป็นบ่อยค่ะ |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 28 มิ.ย. 2016, 18:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ฆารวาสธรรดาๆ |
สุชาวดี เขียน: :b48: ![]() ![]() ![]() ตอนนี้ ร่างกายของดิฉันรู้สึกว่าต้องการอาหารน้อยลงค่ะ คือกินข้าวเช้าจะอิ่มไปทั้งวัน(ดิฉันกิน 2 คาบต่อวัน) สิ่งที่เกิดขึ้นคือ มันย่อยช้า มีกลิ่นคล้ายอาหารที่เก่า ออกมาทางลำคอ และมีกลิ่นตามทวารต่างๆจนแทบไม่อยากอยู่ใกล้ใคร เกรงใจค่ะ หาทางแก้ปัญหาเลยลอง กินอาหารครั้งเดียว เช้า กลิ่นหายไปเลยค่ะร่างกายเบาสบาย กระปี้กระเป่า และไม่่หิว ตอนนี้มีคำถามเกิด ในใจอ่อนๆ กำลังตามหาคำตอบ คือ กิเลส ตั้งคำถามว่า เธอจะขาดอาหารมั้ย จะโทรมมั้ย จะเป็นโรคกะเพาะมั้ย ที่สุดคือกลัวไม่สวยค่ะ (ทั้งๆที่ไม่ใช่คนสวย ![]() ![]() ![]() ![]() ให้พิจารณาถึง..ความตาย..คับ ตนตาย...คนรักตาย.. ถามใจ..ว่า..หากต้องตายในวันนี้...จะตายได้มั้ย.?...ทำไมถึงตายได้?...ถามย้อกย้อนใจมันไปเรื่อย.. หากใจยอมรับ..ว่า..ตายได้..จริง ความห่วงว่าจะขาดสารอาหารมั้ย์?..จะโทรมมั้ย?..ก็หมดไปเอง แต่..ใช่ว่าเราจะปล่อยปะละเลย..ไม่ดูแลตัวเองนะครับ..สังเกตุอาการร่างกายได้เป็นปกติ...ทำตามหน้าที่..มันจะไม่ห่วงรึกังวลมากไป...แค่..ทำตามหน้าที่ต่อร่างกาย.. จะกินมื้อเดียว..รึสองมื้อ...ก็ให้สังเกตอาการร่างกายให้ดี...หากมันอยู่ตัวแล้ว..ก็คงไม่มีปัณหา.. แต่ผมมีคำถาม..ว่า..อาการคอมีกลิ่น..ฯ..ไปหาหมอมาบ้างรึยังคับ? กลิ่นออกทางคอ..นี้ไม่แปลกใจ... แต่กลิ่นออกทางอื่นด้วยยนี้..งง..คับ? |
เจ้าของ: | สุชาวดี [ 28 มิ.ย. 2016, 18:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ฆารวาสธรรดาๆ |
ขอบคุณค่ะ คุณกบ ดิฉันไม่ได้ไปให้หมอตรวจเลยค่ะเพราะระบบท้องลำใส้ ไม่มีอาการผิดปกติใดๆเลยค่ะ สบายๆ เพียงแต่ รู้สึกว่ามัน ย่อยช้า กินเช้า 4 โมงเย็น ค่อยรู้สึกย่อยหมด (ในเวลานั้นกลิ่นอาหารจะออกมา คล้ายๆกลิ่นอาเจียน) พอลดอาหาร เหลือ มื้อเดียว กลิ่นหายหมดเลย ทุกที่ และหลังกินอาหารเช้า กลิ่นก็ไม่มี(มันหายไปหมดจากที่ปกติก็เคยมีกลิ่น แล้วหายไปแบบที่ดิฉันพอใจมาก เลยคิดว่า กลิ่นต่างๆ น่าจะเกิดจากอาหารที่ตกค้างทั้งในกะเพาะและลำใส้) ดิฉันเลย กินวันละครั้ง ค่ะ ตามความคิด ดิฉันคิดว่าร่างกายต้องการเหลือแค่นี้ ตอนนี้กำลังหาทางสู้กับกิเลสและ หาความพอดี ทั้งร่างกายและจิตใจ ถ้าไม่ผิดปกติจะไม่ชอบพบหมอ ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 29 มิ.ย. 2016, 19:44 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ฆารวาสธรรดาๆ |
สุชาวดี เขียน: ขอบคุณค่ะคุณกรัชกาย ดิฉันกำลังอยู่ในช่วงสังเกตุตัวเองค่ะ กิเลสยังอยากกิน นั่น นี้ นิดหน่อย แต่ ขยาดกลิ่น ทำธุรกิจส่วนตัวไม่ได้ใช้แรง (แต่ก่อนก็หิวปกติ) ดิฉันแทบไม่ได้ไปหาหมอหลายปีแล้วแต่ก่อนบ่อยมากๆ อาจด้วยอานิสงฆ์การภาวนารึคิดไปเอง ตั้งแต่ปฏิบัติ มา ยาต่างๆ ไม่ได้กินเลย อาการป่วยเกิดจะใช้เข้าสมาธิและฝึกเพิ่งภาวนา แม้แต่หวัดกะไม่เป็นเลยแต่ก่อนเป็นบ่อยค่ะ คุณสุชาวดี ปฏิบัติ (ภาวนา) แบบใดอยู่ครับ ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 29 มิ.ย. 2016, 19:47 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ฆารวาสธรรดาๆ |
อานิสงส์การเดินจงกรม ๕ อย่าง คือ ๑. เป็นผู้อดทนต่อการเดินทางไกล ๒. เป็นผู้อดทนต่อการบำเพ็ญเพียร ๓. เป็นผู้มีอาพาธน้อย ๔. อาหารที่กิน ดื่ม เคี้ยว ลิ้มแล้ว ย่อยง่าย ๕. สมาธิที่ได้เพราะการเดินจงกรม ตั้งอยู่ได้นาน พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔ อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต หน้าที่ ๒๖ เพื่อจำง่าย อาพาธน้อย ย่อยอาหาร นานในสมาธิ ดำริเพียร เซียนในการเดินทาง ![]() จงกรม เดินไปมาโดยมีสติกำกับ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 29 มิ.ย. 2016, 19:51 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ฆารวาสธรรดาๆ |
อาพาธ ความเจ็บป่วย, โรค, (ในภาษาไทย ใช้แก่ภิกษุสามเณร แต่ในภาษาบาลี ใช้ได้ทั่วไป) อาพาธต่างๆมีมากมาย เรียกตามชื่ออวัยวะที่เป็นบ้าง เรียกตามอาการบ้าง บางทีแยกตามสมุฏฐานว่า ปิตฺตสมุฏฐานา อาพาธา, เสมฺหสมุฏฐานา อาพาธา , วาตสมุฏฐานา อาพาธา, สนฺติปาติกา อาพาธา, อุตุปริณามชา อาพาธา, วิสมปริหารชา อาพาธา , โอปกฺกมิกา อาพาธา, กมฺมวิปากชา อาพาธา |
เจ้าของ: | สุชาวดี [ 02 ก.ค. 2016, 13:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ฆารวาสธรรดาๆ |
![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | สุชาวดี [ 02 ก.ค. 2016, 13:27 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ฆารวาสธรรดาๆ |
กรัชกาย เขียน: สุชาวดี เขียน: ขอบคุณค่ะคุณกรัชกาย ดิฉันกำลังอยู่ในช่วงสังเกตุตัวเองค่ะ กิเลสยังอยากกิน นั่น นี้ นิดหน่อย แต่ ขยาดกลิ่น ทำธุรกิจส่วนตัวไม่ได้ใช้แรง (แต่ก่อนก็หิวปกติ) ดิฉันแทบไม่ได้ไปหาหมอหลายปีแล้วแต่ก่อนบ่อยมากๆ อาจด้วยอานิสงฆ์การภาวนารึคิดไปเอง ตั้งแต่ปฏิบัติ มา ยาต่างๆ ไม่ได้กินเลย อาการป่วยเกิดจะใช้เข้าสมาธิและฝึกเพิ่งภาวนา แม้แต่หวัดกะไม่เป็นเลยแต่ก่อนเป็นบ่อยค่ะ คุณสุชาวดี ปฏิบัติ (ภาวนา) แบบใดอยู่ครับ ![]() ![]() ![]() การปฏิบัติ จะชอบปฏิบัติมากกว่าศึกษาค่ะ คือ นั่ง นอน เดินจงกลม ว่างเมื่อใหร่ไม่ได้จะปฏิบัติแทบจะตลอดเวลา (เพราะมีปัญหาและความทุกข์ใจแบบเต็มๆไม่ว่างเว้น) เริ่มนั่งได้ไม่ถึงเดือน ดิฉันเจอความสุขมากๆค่ะ มันวิเศษมากๆไม่เคยสัมผัส พอเวลาไม่นั่งความสุขมันก็ยังเกิดตลอดแต่ ควบคุมไม่ได้ ความสุขจะมาเองไปเอง แต่ตั้งนั้นมาถึงตอนนี้ยังเสพความสุขตลอดมา ดิฉันใช้ความสุขอันนี้ตอนเวลาทุกข์ก็หลบเข้าสมาธิค่ะ แม้แต่ตอนเจ็บป่วยเข้าสมาธิจะรู้สึกสบาย หลับในสมาธิ พอตื่นมาอาการหายเป็นปลิดทิ้ง ที่สำคัญโรคต่างๆที่เคยเป็นจะค่อยๆหายไปเอง (พูดให้ใครฟังแทบไม่มีใครเชื่อ) และที่สำคัญดิฉันภาวนาให้เกิดความคิดที่พึ่งตัวเองไม่พึ่งสิ่งอื่น และ คุณพระรัตนตรัยเท่านั้น ทุกวันนี้ความสุขมันเกิดง่ายเพียงจับลมหายใจ ครั้งเดียวก็เกิด คือคล้ายๆกับควบคุมได้ ต้องการให้เกิดได้ตลอดค่ะ (และตอนนี้พิจารนาถือศีล แปดทุกวันพระค่ะ) เรื่องความรู้แบบปริยัติ สุชาวดีไม่มีเลยค่ะ ![]() ![]() |
เจ้าของ: | student [ 02 ก.ค. 2016, 13:59 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ฆารวาสธรรดาๆ |
อนุโมทนาครับ |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 02 ก.ค. 2016, 20:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ฆราวาสธรรดาๆ |
อนุโมทนาคับ.. ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 02 ก.ค. 2016, 20:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ฆารวาสธรรดาๆ |
มีตัวอย่างให้คุณสุชาวดีดู (ตัดแต่สาระมา) ในการนั่งสมาธิครั้งนี้ ผมสามารถรับรู้ลมหายใจได้ตลอดสายเป็นเวลานาน ความรู้สึกของเราเหมือนจุ่มอยู่ในปิติ มีแต่ความสุขไปหมด จากนั้นผมก็คิดขึ้นมาว่า "มีความสุขขนาดนี้ในโลกด้วยหรือ ความสุขนี้ดีกว่าความสุขในโลกที่เราเคยพบมาทั้งหมด โอ ความสุขนี้แค่นั่งก็ได้แล้ว คนทั้งโลก มัวแต่วุ่นวายทำอะไรกันอยู่ บางคนทำทุจริตต่างๆ เพื่อหาเงินมาสนองความสุขตน ทำไปทำไมนะ มันเทียบกับความสุขที่เกิดจากความสงบนี้ไม่ได้เลย ความสุขนี้ไม่ต้องไขว่คว้ามาก อยู่กับตัวเองแท้ๆ คนในโลกกลับไม่รู้" จากนั้น ก็สังเกตลมหายใจ ก็รู้สึกว่าลมหายใจตอนนี้มันละเอียดมาก ถึงค่อยเข้าใจคำว่าลมหายใจหยาบลมหายใจละเอียดว่าเป็นยังไง ก่อนหน้านี้เข้าใจว่าคือลมหายใจแรงๆเบาๆซะอีก :) ความรู้สึกจากการเกิดสมาธิครั้งแรกนี้ มันเหมือนจุ่มค้างอยู่ปิติอยู่ แต่ไม่เห็นนิมิตอะไรทั้งสิ้น แต่รู้สึกจิตเวลานี้ไม่มีนิวรณ์เลย คือมีความรู้พร้อมอยู่ จากนั้นผมก็รู้สึกยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วคิดไปเรื่อยว่า "นี่คือปฐมฌานหรือเปล่านี่ ปฐมฌานเกิดกับเราหรือ" จนจิตเริ่มไม่เป็นสมาธิ เริ่มปั่นป่วน หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงห้องข้างๆตะโกนเสียงดัง ผมก็เลยหลุดออกมาจากสภาวะนั้น แต่หลังจากนั้นมา ผมก็ไม่สามารถเข้าถึงสภาวะดังกล่าวได้อีกเลย คือทำได้มากสุดก็แค่ทำปิติให้เกิดขึ้นแวบหนึ่งเท่านั้น (แต่ก็สามารถทำให้เกิดได้ตลอดเวลา ตามที่ต้องการทันที) แต่ไม่สามารถทำให้เกิดค้างไว้ จนรู้สึกเหมือนจุ่มลงในปิติ แล้วมีลมหายใจละเอียดแบบครั้งแรกได้ http://larndham.org/index.php?/topic/27 ... ntry393770 |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 02 ก.ค. 2016, 20:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ฆารวาสธรรดาๆ |
สุชาวดี เขียน: การภาวนาของสุชาวดี แบบสะเปะสะปะค่ะ ![]() การปฏิบัติ จะชอบปฏิบัติมากกว่าศึกษาค่ะ คือ นั่ง นอน เดินจงกรม ว่างเมื่อใหร่ไม่ได้จะปฏิบัติแทบจะตลอดเวลา (เพราะมีปัญหาและความทุกข์ใจแบบเต็มๆไม่ว่างเว้น) เริ่มนั่งได้ไม่ถึงเดือน ดิฉันเจอความ สุขมากๆค่ะ มันวิเศษมากๆไม่เคยสัมผัส พอเวลาไม่นั่งความสุขมันก็ยังเกิดตลอด แต่ควบคุมไม่ได้ ความสุขจะมาเองไปเอง แต่ตั้งนั้นมาถึงตอนนี้ยังเสพความสุขตลอดมา ดิฉันใช้ความสุขอันนี้ตอนเวลาทุกข์ก็หลบเข้าสมาธิค่ะ แม้แต่ตอนเจ็บป่วยเข้าสมาธิจะรู้สึกสบาย หลับในสมาธิ พอตื่นมาอาการหายเป็นปลิดทิ้ง ที่สำคัญโรคต่างๆที่เคยเป็นจะค่อยๆหายไปเอง (พูดให้ใครฟังแทบไม่มีใครเชื่อ) และที่สำคัญดิฉันภาวนาให้เกิดความคิดที่พึ่งตัวเองไม่พึ่งสิ่งอื่น และ คุณพระรัตนตรัยเท่านั้น ทุกวันนี้ความสุขมันเกิดง่ายเพียงจับลมหายใจ ครั้งเดียวก็เกิด คือคล้ายๆกับควบคุมได้ ต้องการให้เกิดได้ตลอดค่ะ (และตอนนี้พิจารนาถือศีล แปดทุกวันพระค่ะ) เรื่องความรู้แบบปริยัติ สุชาวดีไม่มีเลยค่ะ อ้างคำพูด: ดิฉันใช้ความสุขอันนี้ตอนเวลาทุกข์ก็หลบเข้าสมาธิค่ะ แม้แต่ตอนเจ็บป่วยเข้าสมาธิจะรู้สึกสบาย หลับในสมาธิ พอตื่นมาอาการหายเป็นปลิดทิ้ง ที่สำคัญโรคต่างๆที่เคยเป็นจะค่อยๆหายไปเอง ไม่แปลกครับ ดีกว่าทุกข์แล้วหลบเข้าบาร์เข้าคลับ ฝึกหัดพัฒนาจิตต่อไปเถอะครับ ![]() |
เจ้าของ: | สุชาวดี [ 03 ก.ค. 2016, 13:07 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ฆราวาสธรรดาๆ |
![]() ![]() ![]() เวลาทุกข์ใจ ดิฉันเรียนรู้ว่า ยิ่งไประบายกับคนอื่น ทำให้จิตยิ่งไหล ร้องให้จิตยิ่งตก ยิ่งเพิ่มทุกข์ ไม่มีประโยชน์ แต่ ในสมาธิจะสุขที่สุดค่ะ มันสว่างจิตใจขึ้นทันทีพอออกมา ทุกข์ใจกะหาย มีสติอยู่กับตัว ปัจจุบัน และส่วนใหญ่จะเกิดความรู้ในการแก้ปัญหาเลยค่ะ เวลาทุกข์จะไม่เอาทุกข์ให้คนอื่นค่ะเพราะรู้ว่าคนส่วนใหญ่รอบๆตัวเขาไม่ได้ปฏิบัติ เขามีจิตที่มีแต่ทุกข์และไม่มีสมาธิหาความสุข ดิฉันรู้สึกสงสารเขาไม่เอาความทุกข์ไปเพิ่มให้เขา เลยสำรวมทั้งกาย วาจา ใจ ไม่ทำให้เขาเป็นทุกข์ จิตที่ฝึกพึ่งตัวเองรู้สึกว่ามันจะเด็ดเดี่ยวขึ้นทุกวันๆ ปัญหาต่างๆก็ค่อยๆลดลงด้วย จิตก็ไม่สนใจมองเป็นปัญหาเหมือนก่อนๆและได้เผื่อแผ่ให้คนรอบข้างด้วยค่ะ ส่วนใหญ่คนที่มีปัญหาชีวิตเข้ามาปรึกษา ดิฉันใช้ชีวิตที่ผ่านมาที่เจอ เป็นบทเรียน เป็นสื่อ อธิบาย ให้เขา มีกำลังใจสู้กับกรรม กับปัญหา ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |