วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 21:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 59 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2016, 16:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อัตตา - อนัตตา พูดถึงกันบ่อยเช่นกัน "อนตฺตา" เป็นศัพท์ปฏิเสธ อตฺต

อนัตตา = น+อตฺต น = ไม่ สนธิ กับ อตฺต แปลง น เป็น อน = อนตฺต (อนัตตา) ไม่ใช่อัตตา

อนัตตา ในคำศัพย์เหมือนกับปฏิเสธ อัตตา
โดยสภาวะแล้ว
อัตตา ก็มีลักษณะอนัตตา
แต่เมื่อพิจารณาโดย ทิฏฐิความเชื่อเดิม
อนัตตา เป็นความคิดความเห็นที่ปฏิเสธอัตตา

จะพิจารณาโดยลักษณะของสภาวะธรรม
หรือจะพิจารณาโดยหลักความคิดความเห็น
ก็สุดแท้แต่การพิจารณา

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2016, 17:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อัตตา - อนัตตา พูดถึงกันบ่อยเช่นกัน "อนตฺตา" เป็นศัพท์ปฏิเสธ อตฺต

อนัตตา = น+อตฺต น = ไม่ สนธิ กับ อตฺต แปลง น เป็น อน = อนตฺต (อนัตตา) ไม่ใช่อัตตา

อนัตตา ในคำศัพย์เหมือนกับปฏิเสธ อัตตา
โดยสภาวะแล้ว
อัตตา ก็มีลักษณะอนัตตา
แต่เมื่อพิจารณาโดย ทิฏฐิความเชื่อเดิม
อนัตตา เป็นความคิดความเห็นที่ปฏิเสธอัตตา

จะพิจารณาโดยลักษณะของสภาวะธรรม
หรือจะพิจารณาโดยหลักความคิดความเห็น
ก็สุดแท้แต่การพิจารณา



อ้างคำพูด:
อัตตา ก็มีลักษณะอนัตตา


อัตตา ตามความเข้าใจของเช่นนั้น ได้แก่อะไร

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2016, 21:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
คุณกรัชกายเข้าใจรึเปล่าว่าถ้าเอ่ยถึงคำว่าจิตเกิด-ดับหมายถึงจิตเจตสิกรูปเกิด-ดับ
แล้วสติสัมปชัญญะเนี่ยเป็นสภาพธัมมะหนึ่งที่รู้ตัวทั่วพร้อมที่ปัจจุบันขณะกำลังมี
อ่านใหม่ดูสิคะคำขยายความมีตั้งหลายคำไม่เข้าใจตรงไหนจะได้อธิบายใหม่ค่ะ
อ้างคำพูด:
สติสัมปชัญญะ(เป็นปัญญาเจตสิกเกิดร่วมกับสติ)(เป็นกุศลจิต)น๊า

สติไม่เกิดกับจิตที่เป็นอกุศลที่เรียกว่ามีอัตตาตัวตนเพราะเป็นอกุศลจิต
สติสัมปชัญญะเกิดกับจิตระดับวิปัสสนาภาวนาและเป็นอนัตตาด้วย
ไม่ต้องกำหนดไม่ต้องบังคับแค่ตามดูให้รู้ทันปัจจุบันตามปกติค่ะ
:b4: :b4:



อ้างคำพูด:
สติสัมปชัญญะ (เป็นปัญญาเจตสิกเกิดร่วมกับสติ) (เป็นกุศลจิต)น๊า


ยังไม่รู้ตัวอีก สติก็สติ สัมปชัญญะก็สัมปชัญญะ ต้องแยกกัน ไม่ใช่ไปว่า สติสัมปชัญญะเป็นปัญญาเจตสิก (เกิดร่วมกับสติ) :b1:

เพื่อไม่ให้เพ้อเจ้อมากเกินไป :b32:

คุณโรส เอาเรื่องง่ายๆ ที่พอนึกออกก่อนเถอะขอรับ คิกๆๆ

ถามนะ คุณเห็นการเกิด-ดับของรูปนามหรือยัง :b10: ไม่ต้องอธิบายมากสั้นๆ มีช้อยให้เลือก

1. เห็นแล้ว

2. ยังไม่เห็น

Kiss
รู้ความจริงแล้วว่าอะไรเกิดอะไรดับจริงๆ
เห็นแล้วว่าตัวตนไม่มีคือนามเกิดรูปดับ
ถึงว่าทำไมคุยกับข้าพเจ้าคุณไม่รู้อ่ะ
รู้คือเข้าใจความจริงตามปกติน๊า
ไม่เข้าใจพระพุทธพจน์ตามความเป็นจริง
ก็คือไม่เข้าใจคำสอนก็ไม่รู้จักพระพุทธเจ้าน๊า
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2016, 22:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:

อ้างคำพูด:
อัตตา ก็มีลักษณะอนัตตา


อัตตา ตามความเข้าใจของเช่นนั้น ได้แก่อะไร

ภาวะที่จิต ยึดถือขึ้นมาเองว่า "อัตตา" (ตน)
และการยึดถือนี้เอง จิตจึงยึดโยงเอาสิ่งหรืออารมณ์ ด้วยอาการอย่างไรอย่างหนึ่ง
คือ ยึดโยงยึดถือ ด้วยตัณหา ว่าอัตตา มีสิ่งนั้นมีอารมณ์นั้น
ยึดโยงยึดถือด้วย มานะ ว่าสิ่งนั้นๆเป็นของอัตตา
หรือยึดโยงเอาด้วย ทิฏฐิ ว่าอัตตาเป็นสิ่งนั้นๆ หรือสิ่งนั้นๆไม่ใช่เป็นอัตตา

ภาวะที่จิตก่อร่างสร้างขึ้นนั้น ก็ด้วยเหตุด้วยปัจจัย จากตัณหา มานะ ทิฏฐิ
หากเหตุปัจจัยดังกว่าวไม่ปรากฏอัตตาก็ไม่ปรากฏเช่นกัน จะสั่งให้อัตตาปรากฏขึ้นมาเมื่อไม่มีเหตุปัจจัยก็ไม่ได้
หรือจะสั่งให้อัตตาไม่ปรากฏเมื่อมีเหตุมีปัจจัยให้ปรากฏก็ไม่ได้ อัตตาจึงเป็นอนัตตาเช่นกัน

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2016, 05:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
คุณกรัชกายเข้าใจรึเปล่าว่าถ้าเอ่ยถึงคำว่าจิตเกิด-ดับหมายถึงจิตเจตสิกรูปเกิด-ดับ
แล้วสติสัมปชัญญะเนี่ยเป็นสภาพธัมมะหนึ่งที่รู้ตัวทั่วพร้อมที่ปัจจุบันขณะกำลังมี
อ่านใหม่ดูสิคะคำขยายความมีตั้งหลายคำไม่เข้าใจตรงไหนจะได้อธิบายใหม่ค่ะ
อ้างคำพูด:
สติสัมปชัญญะ(เป็นปัญญาเจตสิกเกิดร่วมกับสติ)(เป็นกุศลจิต)น๊า

สติไม่เกิดกับจิตที่เป็นอกุศลที่เรียกว่ามีอัตตาตัวตนเพราะเป็นอกุศลจิต
สติสัมปชัญญะเกิดกับจิตระดับวิปัสสนาภาวนาและเป็นอนัตตาด้วย
ไม่ต้องกำหนดไม่ต้องบังคับแค่ตามดูให้รู้ทันปัจจุบันตามปกติค่ะ
:b4: :b4:



อ้างคำพูด:
สติสัมปชัญญะ (เป็นปัญญาเจตสิกเกิดร่วมกับสติ) (เป็นกุศลจิต)น๊า


ยังไม่รู้ตัวอีก สติก็สติ สัมปชัญญะก็สัมปชัญญะ ต้องแยกกัน ไม่ใช่ไปว่า สติสัมปชัญญะเป็นปัญญาเจตสิก (เกิดร่วมกับสติ) :b1:

เพื่อไม่ให้เพ้อเจ้อมากเกินไป :b32:

คุณโรส เอาเรื่องง่ายๆ ที่พอนึกออกก่อนเถอะขอรับ คิกๆๆ

ถามนะ คุณเห็นการเกิด-ดับของรูปนามหรือยัง :b10: ไม่ต้องอธิบายมากสั้นๆ มีช้อยให้เลือก

1. เห็นแล้ว

2. ยังไม่เห็น

Kiss
รู้ความจริงแล้วว่าอะไรเกิดอะไรดับจริงๆ
เห็นแล้วว่าตัวตนไม่มีคือนามเกิดรูปดับ
ถึงว่าทำไมคุยกับข้าพเจ้าคุณไม่รู้อ่ะ
รู้คือเข้าใจความจริงตามปกติน๊า
ไม่เข้าใจพระพุทธพจน์ตามความเป็นจริง
ก็คือไม่เข้าใจคำสอนก็ไม่รู้จักพระพุทธเจ้าน๊า
:b32: :b32:


อ้างคำพูด:
ถึงว่าทำไมคุยกับข้าพเจ้าคุณไม่รู้อ่ะ


คุยกับกรัชกาย ไม่ควรคร่ำครวญรำพึงรำพันน๊า :b1: มีอะไรก็ว่ากันตรงไปตรงมาเนื้อๆ

อ้างคำพูด:
รู้ความจริงแล้วว่าอะไรเกิดอะไรดับจริงๆ

เห็นแล้วว่าตัวตนไม่มีคือนามเกิดรูปดับ


เอ้าเชื่อก็ได้ว่าคุณโรสรู้อย่างว่า

แต่ขอถามนิดหนึ่งว่า คุณโรส ทำ คือ ปฏิบัติ ยังไงแบบไหน จึงว่ารู้อย่างว่านั้น :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2016, 17:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
คุณกรัชกายเข้าใจรึเปล่าว่าถ้าเอ่ยถึงคำว่าจิตเกิด-ดับหมายถึงจิตเจตสิกรูปเกิด-ดับ
แล้วสติสัมปชัญญะเนี่ยเป็นสภาพธัมมะหนึ่งที่รู้ตัวทั่วพร้อมที่ปัจจุบันขณะกำลังมี
อ่านใหม่ดูสิคะคำขยายความมีตั้งหลายคำไม่เข้าใจตรงไหนจะได้อธิบายใหม่ค่ะ
อ้างคำพูด:
สติสัมปชัญญะ(เป็นปัญญาเจตสิกเกิดร่วมกับสติ)(เป็นกุศลจิต)น๊า

สติไม่เกิดกับจิตที่เป็นอกุศลที่เรียกว่ามีอัตตาตัวตนเพราะเป็นอกุศลจิต
สติสัมปชัญญะเกิดกับจิตระดับวิปัสสนาภาวนาและเป็นอนัตตาด้วย
ไม่ต้องกำหนดไม่ต้องบังคับแค่ตามดูให้รู้ทันปัจจุบันตามปกติค่ะ
:b4: :b4:



อ้างคำพูด:
สติสัมปชัญญะ (เป็นปัญญาเจตสิกเกิดร่วมกับสติ) (เป็นกุศลจิต)น๊า


ยังไม่รู้ตัวอีก สติก็สติ สัมปชัญญะก็สัมปชัญญะ ต้องแยกกัน ไม่ใช่ไปว่า สติสัมปชัญญะเป็นปัญญาเจตสิก (เกิดร่วมกับสติ) :b1:

เพื่อไม่ให้เพ้อเจ้อมากเกินไป :b32:

คุณโรส เอาเรื่องง่ายๆ ที่พอนึกออกก่อนเถอะขอรับ คิกๆๆ

ถามนะ คุณเห็นการเกิด-ดับของรูปนามหรือยัง :b10: ไม่ต้องอธิบายมากสั้นๆ มีช้อยให้เลือก

1. เห็นแล้ว

2. ยังไม่เห็น

Kiss
รู้ความจริงแล้วว่าอะไรเกิดอะไรดับจริงๆ
เห็นแล้วว่าตัวตนไม่มีคือนามเกิดรูปดับ
ถึงว่าทำไมคุยกับข้าพเจ้าคุณไม่รู้อ่ะ
รู้คือเข้าใจความจริงตามปกติน๊า
ไม่เข้าใจพระพุทธพจน์ตามความเป็นจริง
ก็คือไม่เข้าใจคำสอนก็ไม่รู้จักพระพุทธเจ้าน๊า
:b32: :b32:


อ้างคำพูด:
ถึงว่าทำไมคุยกับข้าพเจ้าคุณไม่รู้อ่ะ


คุยกับกรัชกาย ไม่ควรคร่ำครวญรำพึงรำพันน๊า :b1: มีอะไรก็ว่ากันตรงไปตรงมาเนื้อๆ

อ้างคำพูด:
รู้ความจริงแล้วว่าอะไรเกิดอะไรดับจริงๆ

เห็นแล้วว่าตัวตนไม่มีคือนามเกิดรูปดับ


เอ้าเชื่อก็ได้ว่าคุณโรสรู้อย่างว่า

แต่ขอถามนิดหนึ่งว่า คุณโรส ทำ คือ ปฏิบัติ ยังไงแบบไหน จึงว่ารู้อย่างว่านั้น :b10:

Kiss
:b16:
บอกไปก็ไม่รู้มีแต่ความสงสัย
เพียรรู้เพื่อละความไม่รู้น๊า
ปัญญาพึ่งพระรัตนตรัย
คิดเองก็คืออวิชชา
กิจของปัญญารู้
อวิชชาก็ไม่รู้
เป็นอนัตตา
ใครทำได้
อริยะกะ
ปุถุชน
คนละ
ฝั่งน๊า
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2016, 20:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
คุณกรัชกายเข้าใจรึเปล่าว่าถ้าเอ่ยถึงคำว่าจิตเกิด-ดับหมายถึงจิตเจตสิกรูปเกิด-ดับ
แล้วสติสัมปชัญญะเนี่ยเป็นสภาพธัมมะหนึ่งที่รู้ตัวทั่วพร้อมที่ปัจจุบันขณะกำลังมี
อ่านใหม่ดูสิคะคำขยายความมีตั้งหลายคำไม่เข้าใจตรงไหนจะได้อธิบายใหม่ค่ะ
อ้างคำพูด:
สติสัมปชัญญะ(เป็นปัญญาเจตสิกเกิดร่วมกับสติ)(เป็นกุศลจิต)น๊า

สติไม่เกิดกับจิตที่เป็นอกุศลที่เรียกว่ามีอัตตาตัวตนเพราะเป็นอกุศลจิต
สติสัมปชัญญะเกิดกับจิตระดับวิปัสสนาภาวนาและเป็นอนัตตาด้วย
ไม่ต้องกำหนดไม่ต้องบังคับแค่ตามดูให้รู้ทันปัจจุบันตามปกติค่ะ
:b4: :b4:



อ้างคำพูด:
สติสัมปชัญญะ (เป็นปัญญาเจตสิกเกิดร่วมกับสติ) (เป็นกุศลจิต)น๊า


ยังไม่รู้ตัวอีก สติก็สติ สัมปชัญญะก็สัมปชัญญะ ต้องแยกกัน ไม่ใช่ไปว่า สติสัมปชัญญะเป็นปัญญาเจตสิก (เกิดร่วมกับสติ) :b1:

เพื่อไม่ให้เพ้อเจ้อมากเกินไป :b32:

คุณโรส เอาเรื่องง่ายๆ ที่พอนึกออกก่อนเถอะขอรับ คิกๆๆ

ถามนะ คุณเห็นการเกิด-ดับของรูปนามหรือยัง :b10: ไม่ต้องอธิบายมากสั้นๆ มีช้อยให้เลือก

1. เห็นแล้ว

2. ยังไม่เห็น

Kiss
รู้ความจริงแล้วว่าอะไรเกิดอะไรดับจริงๆ
เห็นแล้วว่าตัวตนไม่มีคือนามเกิดรูปดับ
ถึงว่าทำไมคุยกับข้าพเจ้าคุณไม่รู้อ่ะ
รู้คือเข้าใจความจริงตามปกติน๊า
ไม่เข้าใจพระพุทธพจน์ตามความเป็นจริง
ก็คือไม่เข้าใจคำสอนก็ไม่รู้จักพระพุทธเจ้าน๊า
:b32: :b32:


อ้างคำพูด:
ถึงว่าทำไมคุยกับข้าพเจ้าคุณไม่รู้อ่ะ


คุยกับกรัชกาย ไม่ควรคร่ำครวญรำพึงรำพันน๊า :b1: มีอะไรก็ว่ากันตรงไปตรงมาเนื้อๆ

อ้างคำพูด:
รู้ความจริงแล้วว่าอะไรเกิดอะไรดับจริงๆ

เห็นแล้วว่าตัวตนไม่มีคือนามเกิดรูปดับ


เอ้าเชื่อก็ได้ว่าคุณโรสรู้อย่างว่า

แต่ขอถามนิดหนึ่งว่า คุณโรส ทำ คือ ปฏิบัติ ยังไงแบบไหน จึงว่ารู้อย่างว่านั้น :b10:

Kiss
:b16:
บอกไปก็ไม่รู้มีแต่ความสงสัย
เพียรรู้เพื่อละความไม่รู้น๊า
ปัญญาพึ่งพระรัตนตรัย
คิดเองก็คืออวิชชา
กิจของปัญญารู้
อวิชชาก็ไม่รู้
เป็นอนัตตา
ใครทำได้
อริยะกะ
ปุถุชน
คนละ
ฝั่งน๊า


:b32:

แต่ที่ทำเฉยเฉย ไม่เอ่ยไม่พูดอะไร
เพราะถึงยังไงโรสก็เลื่อนก็ไหลอยู่ดี

https://www.youtube.com/watch?v=sRcPQWpD6yc

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2016, 22:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูบาลีแห่งหนึ่งที่ตรัสถึงอัตตานุทิฏฐิ "โลกนี้" ในที่นี้ ได้แก่ ชีวิตนี้เอง

อ้างคำพูด:
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอจงมองดูโลกนี้โดยความเป็นของว่างเปล่า มีสติอยู่ทุกเมื่อ ถอนอัตตานุทิฏฐิ คือความยึดมั่นถือมันเรื่องตัวตนเสีย ด้วยประการฉะนี้ เธอจะเบาสบาย คลายทุกข์คลายกังวล ไม่มีความสุขใดยิ่งไปกว่าการปล่อยวาง และการสำรวมตนอยู่ในธรรม"



ต้องเจริญสติ เป็นต้น จนเห็นชีวิตนี้ตามที่มันเป็น จึงจะถอนอัตตานุทิฏฐิได้อย่างเป็นกลาง คือไม่สุดโต่ง มิใช่คิดปล่อยวางตามความอยากของตัว

ตัวอย่างหนึ่ง เมื่อเห็นนามรูปตามที่มันเป็นแล้วมันวางเอง

อ้างคำพูด:
ตอนดิฉันเดินจงกรม ช่วงนาทีที่เห็นเป็นกายมันเดินเอง ร้องให้เลย ตอนนั้นรู้สึกว่า แม้ร่างกายมันยังไม่ใช่ของเรา จะมีอะไรเป็นของเราบ้างหนอ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มิ.ย. 2016, 21:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
อ้างคำพูด:
แต่ที่ทำเฉยเฉย ไม่เอ่ยไม่พูดอะไร
เพราะถึงยังไงโรสก็เลื่อนก็ไหลอยู่ดี

คุณกรัชกายแค่อยากจะถามเพื่อลองภูมิรู้ภูมิธรรมคนอื่นแค่นั้นเอง
คำตอบของข้าพเจ้าเกิดมาจากปัญญาเข้าใจและจิตที่ฝึกไว้ดีแล้ว
ไม่ต้องไปกางตำราหรือเปิดพระไตรปิฎกให้ยุ่งยากเลยล่ะค่ะ
เพราะทุกการสะสมที่มีเกิดจากความเข้าใจความจริงจริงๆ
แล้วที่บอกว่าลื่นไหลน่ะคือคุณกรัชกายนั่นแหละ...ก็ไม่รู้
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2016, 05:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
อ้างคำพูด:
แต่ที่ทำเฉยเฉย ไม่เอ่ยไม่พูดอะไร
เพราะถึงยังไงโรสก็เลื่อนก็ไหลอยู่ดี

คุณกรัชกายแค่อยากจะถามเพื่อลองภูมิรู้ภูมิธรรมคนอื่นแค่นั้นเอง
คำตอบของข้าพเจ้าเกิดมาจากปัญญาเข้าใจและจิตที่ฝึกไว้ดีแล้ว
ไม่ต้องไปกางตำราหรือเปิดพระไตรปิฎกให้ยุ่งยากเลยล่ะค่ะ
เพราะทุกการสะสมที่มีเกิดจากความเข้าใจความจริงจริงๆ
แล้วที่บอกว่าลื่นไหลน่ะคือคุณกรัชกายนั่นแหละ...ก็ไม่รู้
:b32: :b32:



คุณโรส เป็นคน เป็นมนุษย์ หรือเป็นปุถุชน เป็นอะไรอ่ะ เอาชัดๆ :b14:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2016, 14:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
อ้างคำพูด:
แต่ที่ทำเฉยเฉย ไม่เอ่ยไม่พูดอะไร
เพราะถึงยังไงโรสก็เลื่อนก็ไหลอยู่ดี

คุณกรัชกายแค่อยากจะถามเพื่อลองภูมิรู้ภูมิธรรมคนอื่นแค่นั้นเอง
คำตอบของข้าพเจ้าเกิดมาจากปัญญาเข้าใจและจิตที่ฝึกไว้ดีแล้ว
ไม่ต้องไปกางตำราหรือเปิดพระไตรปิฎกให้ยุ่งยากเลยล่ะค่ะ
เพราะทุกการสะสมที่มีเกิดจากความเข้าใจความจริงจริงๆ
แล้วที่บอกว่าลื่นไหลน่ะคือคุณกรัชกายนั่นแหละ...ก็ไม่รู้
:b32: :b32:



คุณโรส เป็นคน เป็นมนุษย์ หรือเป็นปุถุชน เป็นอะไรอ่ะ เอาชัดๆ :b14:

:b12:
...เป็นคนมีบุญมากและมีปัญญามากขึ้น...ได้เกิดมาสะสมอริยทรัพย์เพิ่มขึ้นไง...รู้ยัง...
:b16:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2016, 15:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
อ้างคำพูด:
แต่ที่ทำเฉยเฉย ไม่เอ่ยไม่พูดอะไร
เพราะถึงยังไงโรสก็เลื่อนก็ไหลอยู่ดี

คุณกรัชกายแค่อยากจะถามเพื่อลองภูมิรู้ภูมิธรรมคนอื่นแค่นั้นเอง
คำตอบของข้าพเจ้าเกิดมาจากปัญญาเข้าใจและจิตที่ฝึกไว้ดีแล้ว
ไม่ต้องไปกางตำราหรือเปิดพระไตรปิฎกให้ยุ่งยากเลยล่ะค่ะ
เพราะทุกการสะสมที่มีเกิดจากความเข้าใจความจริงจริงๆ
แล้วที่บอกว่าลื่นไหลน่ะคือคุณกรัชกายนั่นแหละ...ก็ไม่รู้
:b32: :b32:



คุณโรส เป็นคน เป็นมนุษย์ หรือเป็นปุถุชน เป็นอะไรอ่ะ เอาชัดๆ :b14:

:b12:
...เป็นคนมีบุญมากและมีปัญญามากขึ้น...ได้เกิดมาสะสมอริยทรัพย์เพิ่มขึ้นไง...รู้ยัง...
:b16:
:b4: :b4:



ได้ใจกรัชกายไปเลยนะ คือ ตอบตรงคำถาม :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มิ.ย. 2016, 10:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
อ้างคำพูด:
แต่ที่ทำเฉยเฉย ไม่เอ่ยไม่พูดอะไร
เพราะถึงยังไงโรสก็เลื่อนก็ไหลอยู่ดี

คุณกรัชกายแค่อยากจะถามเพื่อลองภูมิรู้ภูมิธรรมคนอื่นแค่นั้นเอง
คำตอบของข้าพเจ้าเกิดมาจากปัญญาเข้าใจและจิตที่ฝึกไว้ดีแล้ว
ไม่ต้องไปกางตำราหรือเปิดพระไตรปิฎกให้ยุ่งยากเลยล่ะค่ะ
เพราะทุกการสะสมที่มีเกิดจากความเข้าใจความจริงจริงๆ
แล้วที่บอกว่าลื่นไหลน่ะคือคุณกรัชกายนั่นแหละ...ก็ไม่รู้
:b32: :b32:



คุณโรส เป็นคน เป็นมนุษย์ หรือเป็นปุถุชน เป็นอะไรอ่ะ เอาชัดๆ :b14:

:b12:
...เป็นคนมีบุญมากและมีปัญญามากขึ้น...ได้เกิดมาสะสมอริยทรัพย์เพิ่มขึ้นไง...รู้ยัง...
:b16:
:b4: :b4:



ได้ใจกรัชกายไปเลยนะ คือ ตอบตรงคำถาม :b32:

Kiss
ทุกอย่างเป็นธัมมะขึ้นอยู่กับการสะสมเหตุและปัจจัย
ผลที่เกิดในชาตินี้มาจากกรรมในอดีตที่สะสมมา
การจะถึงเฉพาะเหตุปัจจัยจริงๆเป็นปัญญา
ไม่มีใครบังคับบัญชาหรือเป็นเจ้าของ
ทุกอย่างเป็นไปเองจะรู้เมื่อฟัง
พระพุทธเจ้าสอนให้รู้ทุกสิ่ง
ว่าทั้งหมดที่มีคือขณะนี้
ที่กำลังเกิดดับมีจริงๆ
ที่เหลือคือนิมิต
เหมือนฝัน
แล้วก็ลืม
:b12:
ฟังเข้าใจสะสมปัญญาความเห็นถูกความเข้าใจถูกขณะฟังเข้าใจแล้วรู้จิตปัจจุบันของตน
ไม่ใช่ฟังแล้วรู้จิตผู้อื่นเพื่อภพชาติต่อๆไปจะเป็นเหตุปัจจัยที่พร้อมจะให้ถึงความจริงจริงๆ
ถามจริงๆเถอะฟังแล้วรู้จักกิเลสจะฟังไหม/ขณะฟังเข้าใจสะสมกุศล/ไม่เข้าใจสะสมอกุศล
เจตสิกคือกรรม/ปัญญาเจตสิกสะสมได้ทีละ1ขณะเพราะจิตเกิดดับพร้อมเจตสิกไม่ขาดกัน
https://www.youtube.com/watch?v=ZHPU226rEUA
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มิ.ย. 2016, 12:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
รู้รึเปล่าว่าการฟังนี้แหละแยกอัตตากับอนัตตาได้แต่ต้องขยันฟังทุกวันน๊า
ปัญญาเกิดจากการฟังไม่มีใครสามารถฟังแทนใครได้ต้องฟังเองเข้าใจเอง
ผู้รู้รู้ได้เฉพาะตนเมื่อปัญญาพร้อมที่จะรู้ไม่มีอะไรกั้นนอกจากอวิชชาในตนกั้น
onion onion onion


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 59 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 212 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร