ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
สอบถามเรื่อง การฉันเนื้อสัตว์ ที่เป็นอาบัติทุกกฎ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=52429 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | นัตถิ [ 21 พ.ค. 2016, 08:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | สอบถามเรื่อง การฉันเนื้อสัตว์ ที่เป็นอาบัติทุกกฎ |
รบกวนท่านผู้แตกฉานในพระวินัย ช่วยแนะนำหน่อย เรื่องการฉันเนื้อสัตว์ กล่าวคือ วัดที่ผมอยู่ติดอ่างเก็บน้ำ ชาวบ้านประกอบอาชีพประมงเป็นอาชีพหลักและอาชีพเสริม...ในการบิณฑบาตจะได้อาหารที่มีสัตว์น้ำมาด้วยทุกวัน พระที่อาวุโสกว่าท่านบอกว่าเราไม่ควรฉันเพราะจะต้องอาบัติ เพราะเราย่อมรู้ว่าปลามาจากอ่างเก็บน้ำ แต่อีกรูปแย้งว่าถ้าวัดที่อยู่ติดทะเลชาวบ้านเป็นชาวประมงก็ฉันอาหารชาวบ้านไม่ได้สิ เพราะปลาที่ใส่บาตรต้องมาจากทะเลนี้แน่นอน......จึงอยากทราบว่าที่ถูกต้องควรปฏิบัติอย่างไรจึงถูกต้อง (ท่านอาวุโสไม่ฉันส่วนเนื้อแต่ฉันน้ำ จะเป็นเกลียดตัวกินไข่เกลียดปลาไหลกินน้ำแกงหรือเปล่าครับ) |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 21 พ.ค. 2016, 08:33 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สอบถามเรื่อง การฉันเนื้อสัตว์ ที่เป็นอาบัติ ทุกกฏ |
เราไปสั่งให้เขาจับ เขาฆ่ามาเพื่อตนหรือเปล่าล่ะ |
เจ้าของ: | นัตถิ [ 21 พ.ค. 2016, 08:44 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สอบถามเรื่อง การฉันเนื้อสัตว์ ที่เป็นอาบัติ ทุกกฏ |
ข้อนี้ได้มีการพิจารณา กันแล้วว่า เราไม่ได้ใช้ไม่ได้สั่งให้เขาจับเพื่อเรา, แต่อาวุโสแย้งว่าบ้างครั้งเราก็ได้ยิน ที่เขาชักชวน สอบถามเรื่องการจับสัตว์น้ำกัน ก็ย่อมรู้ว่าอาหารนี้มาจากการฆ่านั้น |
เจ้าของ: | วิริยะ [ 21 พ.ค. 2016, 14:39 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สอบถามเรื่อง การฉันเนื้อสัตว์ ที่เป็นอาบัติทุกกฎ |
พระพุทธเจ้าทรงห้ามภิกษุฉันเนื้อ ๑๐ อย่าง คือ ๑ เนื้อมนุษย์ ๒ เนื้อช้าง ๓ เนื้อม้า ๔ เนื้อเสือเหลือง ๕ เนื้อเสือโคร่ง ๖ เนื้อเสือดาว ๗ เนื้องู ๘ เนื้อราชสีห ๙ เนื้อหมี ๑๐ เนื้อสุนัข - ภิกษุฉันเนื้อ ๑๐ อย่างที่ทรงห้าม ผิดพระวินัยต้องอาบัติถุลลัจจัย หรือทุกกฏ - ฉันเนื้อชนิดอื่น ถ้าเขาเจาะจงฆ่ามาถวาย กล่าวคือภิกษุรู้เห็น ได้ยินหรือนึกรังเกียจว่า เขาฆ่าเพื่อตน แล้วยังฉันต้องอาบัติทุกกฏ - ภิกษุฉันเนื้อชนิดอื่น ถ้าเป็นการฉันโดยไม่พิจารณาก่อน ต้องอาบัติทุกฏ - ภิกษุฉันเนื้อชนิดอื่น เป็นเนื้อที่บริสุทธิ์โดยเงื่อนไข ๓ อย่าง คือไม่ได้เห็น ไม่ได้ยิน ไม่นึกรังเกียจและฉันโดยพิจารณาก่อน ไม่ต้องอาบัติ .. ![]() |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 21 พ.ค. 2016, 21:24 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สอบถามเรื่อง การฉันเนื้อสัตว์ ที่เป็นอาบัติทุกกฎ |
นัตถิ เขียน: รบกวนท่านผู้แตกฉานในพระวินัย ช่วยแนะนำหน่อย เรื่องการฉันเนื้อสัตว์ กล่าวคือ วัดที่ผมอยู่ติดอ่างเก็บน้ำ ชาวบ้านประกอบอาชีพประมงเป็นอาชีพหลักและอาชีพเสริม...ในการบิณฑบาตจะได้อาหารที่มีสัตว์น้ำมาด้วยทุกวัน พระที่อาวุโสกว่าท่านบอกว่าเราไม่ควรฉันเพราะจะต้องอาบัติ เพราะเราย่อมรู้ว่าปลามาจากอ่างเก็บน้ำ แต่อีกรูปแย้งว่าถ้าวัดที่อยู่ติดทะเลชาวบ้านเป็นชาวประมงก็ฉันอาหารชาวบ้านไม่ได้สิ เพราะปลาที่ใส่บาตรต้องมาจากทะเลนี้แน่นอน......จึงอยากทราบว่าที่ถูกต้องควรปฏิบัติอย่างไรจึงถูกต้อง (ท่านอาวุโสไม่ฉันส่วนเนื้อแต่ฉันน้ำ จะเป็นเกลียดตัวกินไข่เกลียดปลาไหลกินน้ำแกงหรือเปล่าครับ) ท่านอาวุโส...ทำถูกแล้ว...ไม่ฉันเพราะนึกรังเกียจ..ถ้าฝืนฉัน..จะอาบัติได้ ส่วน...ท่านที่ไม่ได้รังเกียจ..อีกทั้งไม่ได้เห็น(กับตา)..ได้ยิน(กับหู)..ว่าเขากำลังฆ่าปลาตัวนั้นๆเพื่อตน..ก็ฉันได้..ไม่อาบัติ..ครับ สรุป...ทำถูกหมดทุกท่าน..ครับ |
เจ้าของ: | โฮฮับ [ 22 พ.ค. 2016, 10:20 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สอบถามเรื่อง การฉันเนื้อสัตว์ ที่เป็นอาบัติทุกกฎ |
นัตถิ เขียน: รบกวนท่านผู้แตกฉานในพระวินัย ช่วยแนะนำหน่อย เรื่องการฉันเนื้อสัตว์ กล่าวคือ วัดที่ผมอยู่ติดอ่างเก็บน้ำ ชาวบ้านประกอบอาชีพประมงเป็นอาชีพหลักและอาชีพเสริม...ในการบิณฑบาตจะได้อาหารที่มีสัตว์น้ำมาด้วยทุกวัน พระที่อาวุโสกว่าท่านบอกว่าเราไม่ควรฉันเพราะจะต้องอาบัติ เพราะเราย่อมรู้ว่าปลามาจากอ่างเก็บน้ำ แต่อีกรูปแย้งว่าถ้าวัดที่อยู่ติดทะเลชาวบ้านเป็นชาวประมงก็ฉันอาหารชาวบ้านไม่ได้สิ เพราะปลาที่ใส่บาตรต้องมาจากทะเลนี้แน่นอน......จึงอยากทราบว่าที่ถูกต้องควรปฏิบัติอย่างไรจึงถูกต้อง (ท่านอาวุโสไม่ฉันส่วนเนื้อแต่ฉันน้ำ จะเป็นเกลียดตัวกินไข่เกลียดปลาไหลกินน้ำแกงหรือเปล่าครับ) วินัยที่ว่าด้วยการห้ามฆ่าสัตว์และการประพฤติปฏิบัติตนของภิกษุเถรวาท......มันผิดเพี้ยนและขัดแย้งกันเอง ถ้าเถรวาทจะเอาเรื่องการห้ามฆ่าสัตว์มาเป็นหลัก ตัวผู้ปฏิบัติจะต้องไม่กินเนื้อสัตว์ด้วยประการทั้งปวง ไม่ใช่มาแถว่า ตัวเองไม่ได้ฆ่าเอง....พูดจาแบบนี้มันเลอะเทอะไม่สมควรเป็นภิกษุผู้ถือสัจจะ ศาสนาพุทธเน้นเรื่องความเป็นเหตุเป็นผล อย่างเช่นภิกษุในมหายานท่านไม่ฆ่าสัตว์เหตุนี้ท่านจึงไม่กินเนื้อสัตว์ด้วย ไม่เหมือนภิกษุศรีทนนชัยแบบไทย ปากก็บอกว่าเถรวาทเคร่งกว่านิกายใดๆ แต่ล่อสเต็กเต็มปากแล้วบอกว่า อาตมาไม่ได้ฆ่าเอง โยมฆ่าแล้วแล้วโยมก็ซื้อมาถวาย......แถสุดๆ ![]() |
เจ้าของ: | นัตถิ [ 23 พ.ค. 2016, 06:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สอบถามเรื่อง การฉันเนื้อสัตว์ ที่เป็นอาบัติทุกกฎ |
คุณโฮฮับ...ภิกขุอยู่ด้วยกานอนุเคราะห์จากผู้อื่น ต้องเป็นคนเลี้ยงง่าย บิณฑบาตรขอทานเขาไปจะเลือกไม่ได้แม้เขาใส่ของโสโครกมายังต้องรับ...แต่พระองค์ให้ภิกขุพิจารณาว่าควรฉันหรือไม่ การฉันเนื้อหรือไม่ฉันเนื้อพระองค์ให้อิสระแก่สาวก แต่พระองค์ก็มีกรอบไว้ดังความเห็นก่อนหน้านี้....ถ้าคุณพอมีเวลาลองศึกษาในบทที่พระเทวทัต มาทูลขอให้พระองค์บัญญัติให้ ภิกขุอยู่ป่า,ไม่กินเนื้อสัตว์.....การทำตามพระธรรมนิวัยของตถาคตไม่ถือว่าเป็นการแถนะครับท่าน และการถกเถียงสอบถามกับเรื่องพระวินัย ก็เพื่อได้ขอยุติในธรรมเพื่อการประพฤติปฏิบัติไม่ด่างพ้อย เพื่อความเจริญในเพศพรหมจรรย์ และเพื่อมรรคผลนิพพานต่อไปครับ....ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นนะครับ |
เจ้าของ: | student [ 23 พ.ค. 2016, 07:01 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สอบถามเรื่อง การฉันเนื้อสัตว์ ที่เป็นอาบัติทุกกฎ |
นัตถิ เขียน: รบกวนท่านผู้แตกฉานในพระวินัย ช่วยแนะนำหน่อย เรื่องการฉันเนื้อสัตว์ กล่าวคือ วัดที่ผมอยู่ติดอ่างเก็บน้ำ ชาวบ้านประกอบอาชีพประมงเป็นอาชีพหลักและอาชีพเสริม...ในการบิณฑบาตจะได้อาหารที่มีสัตว์น้ำมาด้วยทุกวัน พระที่อาวุโสกว่าท่านบอกว่าเราไม่ควรฉันเพราะจะต้องอาบัติ เพราะเราย่อมรู้ว่าปลามาจากอ่างเก็บน้ำ แต่อีกรูปแย้งว่าถ้าวัดที่อยู่ติดทะเลชาวบ้านเป็นชาวประมงก็ฉันอาหารชาวบ้านไม่ได้สิ เพราะปลาที่ใส่บาตรต้องมาจากทะเลนี้แน่นอน......จึงอยากทราบว่าที่ถูกต้องควรปฏิบัติอย่างไรจึงถูกต้อง (ท่านอาวุโสไม่ฉันส่วนเนื้อแต่ฉันน้ำ จะเป็นเกลียดตัวกินไข่เกลียดปลาไหลกินน้ำแกงหรือเปล่าครับ) ที่ถูกต้องคือปฎิบัติตามพระธรรมวินัยครับ ไม่ใช่ความเห็นตนเอง คือผู้บวชไม่ต้องสงสัยหรือตั้งคำถามจนลึกซึ้งว่าปลามาจากไหน เช่น รู้ได้อย่างไรว่าปลามาจากแอ่งน้ำ หรือคิดว่าอ่างเก็บน้ำอยู่แถวนี้เลยสรุปว่าปลามาจากแอ่งเก็บน้ำ หรือเช่น ชาวบ้านถวายหมู ก็ต้องหาต้นกำเนิดที่มาของหมูด้วยใช่ไหมครับ นั่นคือ การถือศีลเรื่องการกิน ต้องตามพระธรรมวินัยเท่านั้นครับ ชาวบ้านก็รู้ว่าถวายปลาไม่ผิดศีลอยู่แล้ว จึงนำมาถวาย คืออย่าพึ่งคิดว่า ชาวบ้านจะเป็นตัวการทำให้ตนเองผิดศีล ความเห็นตนเองจะลงที่การพิจารณาการ"กิน"ครับ ว่า มาจากการกักขัง ต้องทนทุกข์ทนมานในกรงแคบๆ ถูกทำร้ายถูกฆ่าตายนำมาทำอาหาร ถือเป็นการพิจารณาเพื่อให้เกิดความปล่อยวาง ไม่ยึดถือว่า น่ากิน น่าลิ้มรส เป็นต้น |
เจ้าของ: | โฮฮับ [ 26 พ.ค. 2016, 10:22 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สอบถามเรื่อง การฉันเนื้อสัตว์ ที่เป็นอาบัติทุกกฎ |
นัตถิ เขียน: คุณโฮฮับ...ภิกขุอยู่ด้วยกานอนุเคราะห์จากผู้อื่น ต้องเป็นคนเลี้ยงง่าย บิณฑบาตรขอทานเขาไปจะเลือกไม่ได้แม้เขาใส่ของโสโครกมายังต้องรับ...แต่พระองค์ให้ภิกขุพิจารณาว่าควรฉันหรือไม่ การฉันเนื้อหรือไม่ฉันเนื้อพระองค์ให้อิสระแก่สาวก แต่พระองค์ก็มีกรอบไว้ดังความเห็นก่อนหน้านี้....ถ้าคุณพอมีเวลาลองศึกษาในบทที่พระเทวทัต มาทูลขอให้พระองค์บัญญัติให้ ภิกขุอยู่ป่า,ไม่กินเนื้อสัตว์.....การทำตามพระธรรมนิวัยของตถาคตไม่ถือว่าเป็นการแถนะครับท่าน และการถกเถียงสอบถามกับเรื่องพระวินัย ก็เพื่อได้ขอยุติในธรรมเพื่อการประพฤติปฏิบัติไม่ด่างพ้อย เพื่อความเจริญในเพศพรหมจรรย์ และเพื่อมรรคผลนิพพานต่อไปครับ....ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นนะครับ ความเห็นคุณมันก็แถซ้อนแถนั้นแหล่ะ บอกว่าภิกษุห้ามปฏิเสธ ถ้ามีโยมเอาเหล้ามาถวายจะรับหรือไม่!! หรือแม้แต่โยมเอาลูกสาวมาช่วยปัดกวาดกุฏิ จะรับมั้ย กฎเขากล่าวไว้ทนโท่ว่า "ห้ามฆ่าสัตว์และสัตว์ถูกฆ่ามาถวาย"......ยังกล้าแถ ประเด็นที่ผมกำลังเน้นสอนคุณ ก็คือพระวินัยที่คุณยึดถือเอามาเป็นหลัก สิ่งที่คุณจะต้องพิจารณาเป็นอันดับแรกก็คือ.... เป็นวินัยที่พระพุทธองค์บัญญัติขึ้นจริงหรือไม่ ...คุณต้องพิจารณาประเด็นนี้ให้แจ้งชัดเสียก่อน ไม่ใช่ใครเขาบอกว่า วินัยนี้เป็นคำสอนของพุทธองค์ คุรก็เชื่อตะพรึดตะพรือ....เชื่อทั้งๆที่คนสอนกับการปฏิบัติของเขาขัดแย้งกัน ก็บอกแล้วศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งเหตุและผล มีหลักเกณท์เชื่อถือได้ ฉะนั้นเรื่อง ห้ามฆ่าสัตว์แต่กินเนื้อสัตว์ได้นี่มันไร้เหตุผลสิ้นดี....พิจารณาให้ดีก็รู้ว่า มันเป็นการอุปโหลกวินัยข้อนี้ขึ้นมา เพื่อความขลังของลัทธิตนเองหรือเปล่า |
เจ้าของ: | โฮฮับ [ 26 พ.ค. 2016, 10:35 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สอบถามเรื่อง การฉันเนื้อสัตว์ ที่เป็นอาบัติทุกกฎ |
อยากจะสอนจขกทว่า ประเด็นหัวกระทู้ที่บอกว่า....การฉันเนื้อสัตว์ ที่เป็นอาบัติทุกกฎ แท้จริงแล้ว โดยแก่นของพระธรรมวินัยมีเช่นนี้คือ....ภิกษุรูปใดยึดมั่นเอาเรื่องการฉันเนื้อสัตว์ได้หรือไม่ได้มาเป็นอัตตา...... ถือว่าเป็นอาบัติทุกกฎ ความหมายของคำว่า"อาบัติทุกกฎฯ" นั้นก็คือภิกษุหาได้มีปัญญาเข้าใจในพระธรรมวินัยไม่ คืออาบัติเพราะไม่เข้าใจในพระธรรมวินัย เรื่องของการฉันอาหาร มันไม่เกี่ยวกับฉันเนื้อสัตว์ได้หรือไม่ พระพุทะองค์บัญญัติเรื่องอาหารไว้ว่า ควรฉันอาหารให้เป็น...กาลเทศะ ส่วนเรื่องการฆ่าสัตว์พระพุทะองคืก้ไม่ได้บัญญัติว่าห้ามฆ่าสัตว์ แต่ทรงสอนให้ภิกษุมีใจเมตตาต่อสัตว์ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |