ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
สติ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=52400 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 4 |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 15 พ.ค. 2016, 16:19 ] |
หัวข้อกระทู้: | สติ |
![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 15 พ.ค. 2016, 16:20 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สติ |
สติ ความระลึกได้, นึกได้, ความไม่เผลอ, การคุมใจไว้กับกิจ หรือกุมจิตไว้กับสิ่งที่เกี่ยวข้อง, จำการที่ทำและคำที่พูดแล้วแม้นานได้ (ข้อ ๑ ในธรรมมีอุปการะมาก ๒ ข้อ ๑ ในโพชฌงค์ ๗ ข้อ ๓ ในอินทรีย์ ๕ ข้อ ๓ ในพละ ๕ ข้อ ๖ ในสัทธรรม ๗, ข้อ ๙ ในนาถกรณะธรรม ๑๐) |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 15 พ.ค. 2016, 17:27 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สติ |
![]() การกุมจิตไว้กับสิ่งที่เกี่ยวข้อง ![]() การกุมจิตไว้กับกิจที่กำลังทำ จะซักผ้า รีดผ้า ล้างจาน กวาดพื้น เข้าห้องน้ำ แปรงฟัน ล้างหน้า แต่งตัว ออกกำลังกาย ฯลฯ เป็นลักษณะฝึกสติสัมปชัญญะทั้งสิ้น |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 16 พ.ค. 2016, 18:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สติ |
สติปัฏฐาน (สติ+ปัฏฐาน) ธรรมเป็นที่ตั้งแห่งสติ, ข้อปฏิบัติมีสติเป็นประธาน, การตั้งสติกำหนดพิจารณาสิ่งทั้งหลายให้รู้เห็นเท่าทันตามความเป็นจริง, การมีสติกำกับดูสิ่งต่างๆ และความเป็นไปทั้งหลาย โดยรู้เท่าทันตามสภาวะของมัน ไม่ถูกครอบงำด้วยความยินดียินร้าย ที่ทำให้มองเห็นเพี้ยนไปตามอำนาจกิเลส มี ๔ อย่าง คือ ๑. กายานุปัสสนา สติปัฏฐาน การตั้งสติกำหนดพิจารณากาย การมีสติกำกับดูรู้เท่าทันกาย และเรื่องทางกาย ๒. เวทนานุปัสสนา สติปัฏฐาน การตั้งสติกำหนดพิจารณาเวทนา, การมีสติกำกับดูรู้เท่าทันเวทนา ๓. จิตตานุปัสสนา สติปัฏฐาน การตั้งสติกำหนดพิจารณาจิต, การมีสติกำกับดูรู้เท่าทันจิต หรือสภาพและอาการของจิต ๔. ธัมมานุปัสสนา สติปัฏฐาน การตั้งสติกำหนดพิจารณาธรรม การมีสติกำกับดูรู้เท่าทันธรรม เรียกสั้นๆว่า กาย เวทนา จิต ธรรม |
เจ้าของ: | Rosarin [ 19 มิ.ย. 2016, 13:19 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สติ |
กรัชกาย เขียน: สติ ความระลึกได้, นึกได้, ความไม่เผลอ, การคุมใจไว้กับกิจ หรือกุมจิตไว้กับสิ่งที่เกี่ยวข้อง, จำการที่ทำและคำที่พูดแล้วแม้นานได้ (ข้อ ๑ ในธรรมมีอุปการะมาก ๒ ข้อ ๑ ในโพชฌงค์ ๗ ข้อ ๓ ในอินทรีย์ ๕ ข้อ ๓ ในพละ ๕ ข้อ ๖ ในสัทธรรม ๗, ข้อ ๙ ในนาถกรณะธรรม ๑๐) ![]() สติเป็นความรู้สึกตัวตรงต่อธัมมะ ความจริงของธัมมะที่ปรากฏค่ะ เพราะสภาพธรรมปรากฏมาก จะต้องระลึกรู้ทีละ1อย่าง ต้องเป็นผู้ตรงตรงจริงๆ ต้องตรงต่อความจริง ที่ปรากฏถ้าไม่ทัน ก็คือว่าไม่เกิดสติ เพราะต้องรู้ถูก เข้าใจถูกว่า สติรู้ตรงๆ ที่กำลังมี มีแล้ว ที่ตัว แต่ไม่เคยรู้ไม่เคยเข้าถึง ความจริงที่กำลังเกิดดับ ก็คิดค้นวิธีที่จะไปทำขึ้น เป็นการคิดที่ห่างสติแล้ว กลับมาตั้งต้นฟังให้เข้าใจ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 19 มิ.ย. 2016, 17:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สติ |
Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: สติ ความระลึกได้, นึกได้, ความไม่เผลอ, การคุมใจไว้กับกิจ หรือกุมจิตไว้กับสิ่งที่เกี่ยวข้อง, จำการที่ทำและคำที่พูดแล้วแม้นานได้ (ข้อ ๑ ในธรรมมีอุปการะมาก ๒ ข้อ ๑ ในโพชฌงค์ ๗ ข้อ ๓ ในอินทรีย์ ๕ ข้อ ๓ ในพละ ๕ ข้อ ๖ ในสัทธรรม ๗, ข้อ ๙ ในนาถกรณะธรรม ๑๐) ![]() สติเป็นความรู้สึกตัวตรงต่อธัมมะ ความจริงของธัมมะที่ปรากฏค่ะ เพราะสภาพธรรมปรากฏมาก จะต้องระลึกรู้ทีละ1อย่าง ต้องเป็นผู้ตรงตรงจริงๆ ต้องตรงต่อความจริง ที่ปรากฏถ้าไม่ทัน ก็คือว่าไม่เกิดสติ เพราะต้องรู้ถูก เข้าใจถูกว่า สติรู้ตรงๆ ที่กำลังมี มีแล้ว ที่ตัว แต่ไม่เคยรู้ไม่เคยเข้าถึง ความจริงที่กำลังเกิดดับ ก็คิดค้นวิธีที่จะไปทำขึ้น เป็นการคิดที่ห่างสติแล้ว กลับมาตั้งต้นฟังให้เข้าใจ ![]() ![]() ![]() ธรรม ธัมมะ ที่คุณโรสพร่ำบ่น ได้แก่อะไร เอาชัดๆ ![]() |
เจ้าของ: | Rosarin [ 19 มิ.ย. 2016, 21:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สติ |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: สติ ความระลึกได้, นึกได้, ความไม่เผลอ, การคุมใจไว้กับกิจ หรือกุมจิตไว้กับสิ่งที่เกี่ยวข้อง, จำการที่ทำและคำที่พูดแล้วแม้นานได้ (ข้อ ๑ ในธรรมมีอุปการะมาก ๒ ข้อ ๑ ในโพชฌงค์ ๗ ข้อ ๓ ในอินทรีย์ ๕ ข้อ ๓ ในพละ ๕ ข้อ ๖ ในสัทธรรม ๗, ข้อ ๙ ในนาถกรณะธรรม ๑๐) ![]() สติเป็นความรู้สึกตัวตรงต่อธัมมะ ความจริงของธัมมะที่ปรากฏค่ะ เพราะสภาพธรรมปรากฏมาก จะต้องระลึกรู้ทีละ1อย่าง ต้องเป็นผู้ตรงตรงจริงๆ ต้องตรงต่อความจริง ที่ปรากฏถ้าไม่ทัน ก็คือว่าไม่เกิดสติ เพราะต้องรู้ถูก เข้าใจถูกว่า สติรู้ตรงๆ ที่กำลังมี มีแล้ว ที่ตัว แต่ไม่เคยรู้ไม่เคยเข้าถึง ความจริงที่กำลังเกิดดับ ก็คิดค้นวิธีที่จะไปทำขึ้น เป็นการคิดที่ห่างสติแล้ว กลับมาตั้งต้นฟังให้เข้าใจ ![]() ![]() ![]() ธรรม ธัมมะ ที่คุณโรสพร่ำบ่น ได้แก่อะไร เอาชัดๆ ![]() สภาพธรรมเกิดดับตามเหตุปัจจัยกำลังมีเดี๋ยวนี้ผ่านอายตนะทั้ง6 สติระลึกสภาพธรรมที่กำลังปรากฏแต่ละ1คำรู้ตรงที่กายกระทบ เช่นรู้เป็นลักษณะธาตุดิน1คำว่ามีอ่อนหรือแข็งตรงที่รู้ตรงคำ คิดคำใหม่เป็นขณะใหม่แค่รู้1คำทั้ง6ทางดับหมดรู้ยังไม่ทั่ว สติทั่วตัวตามรู้สภาพธรรมที่ปรากฏให้รู้ได้ต้อง7ลักษณะ ต้องรู้ตัวตรงลักษณะสภาพธรรมทันทั้ง7ใน1เดียวค่ะ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 20 มิ.ย. 2016, 07:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สติ |
Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: สติ ความระลึกได้, นึกได้, ความไม่เผลอ, การคุมใจไว้กับกิจ หรือกุมจิตไว้กับสิ่งที่เกี่ยวข้อง, จำการที่ทำและคำที่พูดแล้วแม้นานได้ (ข้อ ๑ ในธรรมมีอุปการะมาก ๒ ข้อ ๑ ในโพชฌงค์ ๗ ข้อ ๓ ในอินทรีย์ ๕ ข้อ ๓ ในพละ ๕ ข้อ ๖ ในสัทธรรม ๗, ข้อ ๙ ในนาถกรณะธรรม ๑๐) ![]() สติเป็นความรู้สึกตัวตรงต่อธัมมะ ความจริงของธัมมะที่ปรากฏค่ะ เพราะสภาพธรรมปรากฏมาก จะต้องระลึกรู้ทีละ1อย่าง ต้องเป็นผู้ตรงตรงจริงๆ ต้องตรงต่อความจริง ที่ปรากฏถ้าไม่ทัน ก็คือว่าไม่เกิดสติ เพราะต้องรู้ถูก เข้าใจถูกว่า สติรู้ตรงๆ ที่กำลังมี มีแล้ว ที่ตัว แต่ไม่เคยรู้ไม่เคยเข้าถึง ความจริงที่กำลังเกิดดับ ก็คิดค้นวิธีที่จะไปทำขึ้น เป็นการคิดที่ห่างสติแล้ว กลับมาตั้งต้นฟังให้เข้าใจ ![]() ![]() ![]() ธรรม ธัมมะ ที่คุณโรสพร่ำบ่น ได้แก่อะไร เอาชัดๆ ![]() สภาพธรรมเกิดดับตามเหตุปัจจัยกำลังมีเดี๋ยวนี้ผ่านอายตนะทั้ง6 สติระลึกสภาพธรรมที่กำลังปรากฏแต่ละ1คำรู้ตรงที่กายกระทบ เช่นรู้เป็นลักษณะธาตุดิน1คำว่ามีอ่อนหรือแข็งตรงที่รู้ตรงคำ คิดคำใหม่เป็นขณะใหม่แค่รู้1คำทั้ง6ทางดับหมดรู้ยังไม่ทั่ว สติทั่วตัวตามรู้สภาพธรรมที่ปรากฏให้รู้ได้ต้อง7ลักษณะ ต้องรู้ตัวตรงลักษณะสภาพธรรมทันทั้ง7ใน1เดียวค่ะ คุณโรสเอาที่ไหนมาพูด แล้วที่พูดทั้งหมดนั่น คุณโรสเห็นหรือยัง ที่ว่า 7 ใน 1 เดียว อะไรที่ว่านั่น ถ้าเห็นแล้ว ทำยังไงจึงเห็น 7 ใน 1 เดียว ![]() ![]() (ทำให้นึกถึง อาเดียวขา https://www.youtube.com/watch?v=uqeUeAGXX6E) |
เจ้าของ: | Rosarin [ 20 มิ.ย. 2016, 09:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สติ |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: สติ ความระลึกได้, นึกได้, ความไม่เผลอ, การคุมใจไว้กับกิจ หรือกุมจิตไว้กับสิ่งที่เกี่ยวข้อง, จำการที่ทำและคำที่พูดแล้วแม้นานได้ (ข้อ ๑ ในธรรมมีอุปการะมาก ๒ ข้อ ๑ ในโพชฌงค์ ๗ ข้อ ๓ ในอินทรีย์ ๕ ข้อ ๓ ในพละ ๕ ข้อ ๖ ในสัทธรรม ๗, ข้อ ๙ ในนาถกรณะธรรม ๑๐) ![]() สติเป็นความรู้สึกตัวตรงต่อธัมมะ ความจริงของธัมมะที่ปรากฏค่ะ เพราะสภาพธรรมปรากฏมาก จะต้องระลึกรู้ทีละ1อย่าง ต้องเป็นผู้ตรงตรงจริงๆ ต้องตรงต่อความจริง ที่ปรากฏถ้าไม่ทัน ก็คือว่าไม่เกิดสติ เพราะต้องรู้ถูก เข้าใจถูกว่า สติรู้ตรงๆ ที่กำลังมี มีแล้ว ที่ตัว แต่ไม่เคยรู้ไม่เคยเข้าถึง ความจริงที่กำลังเกิดดับ ก็คิดค้นวิธีที่จะไปทำขึ้น เป็นการคิดที่ห่างสติแล้ว กลับมาตั้งต้นฟังให้เข้าใจ ![]() ![]() ![]() ธรรม ธัมมะ ที่คุณโรสพร่ำบ่น ได้แก่อะไร เอาชัดๆ ![]() สภาพธรรมเกิดดับตามเหตุปัจจัยกำลังมีเดี๋ยวนี้ผ่านอายตนะทั้ง6 สติระลึกสภาพธรรมที่กำลังปรากฏแต่ละ1คำรู้ตรงที่กายกระทบ เช่นรู้เป็นลักษณะธาตุดิน1คำว่ามีอ่อนหรือแข็งตรงที่รู้ตรงคำ คิดคำใหม่เป็นขณะใหม่แค่รู้1คำทั้ง6ทางดับหมดรู้ยังไม่ทั่ว สติทั่วตัวตามรู้สภาพธรรมที่ปรากฏให้รู้ได้ต้อง7ลักษณะ ต้องรู้ตัวตรงลักษณะสภาพธรรมทันทั้ง7ใน1เดียวค่ะ คุณโรสเอาที่ไหนมาพูด แล้วที่พูดทั้งหมดนั่น คุณโรสเห็นหรือยัง ที่ว่า 7 ใน 1 เดียว อะไรที่ว่านั่น ถ้าเห็นแล้ว ทำยังไงจึงเห็น 7 ใน 1 เดียว ![]() ![]() (ทำให้นึกถึง อาเดียวขา https://www.youtube.com/watch?v=uqeUeAGXX6E) ![]() ![]() ว่าแล้วต้องสงสัยถามอีกแน่นอน ความลังเลสงสัยนี่แหละที่ทำให้ ไปไหนมาไหนไม่ได้จำเป็นต้องรู้ กิเลสแปลว่าไม่รู้ทุกอย่างเลยจะรู้ ต้องเป็นปัญญารู้ถูกตรงลักษณะค่ะ ความมั่นคงตั้งมั่นในความจริงของจิต บวกสติและความจำถูกต้องตามเป็นจริง โดยความเห็นถูกและจำมั่นคงว่าไม่มีตัวตน เพราะขณะที่กำลังระลึกได้ถึงสภาพธรรม1ขณะ ตรงคำที่ระลึกได้ตรงความจริงที่กำลังปรากฏจริงๆ เป็นการเริ่มมีสติตรงปัจจุบันขณะค่ะ...ส่วนสติสัมปชัญญะ การรู้ทั่วถึงสภาพธรรมที่กำลังปรากฏทั่วตัวทั้ง6ทางเป็นกิจญาณ รู้จักจิตรึยังคะ...ไปจำคำและบัญญัติต่างๆน่ะ...ธรรมทั้งหลายดับแล้ว ทุกอย่างเป็นธัมมะ...สัญญาเจตสิกเกิดกับจิตทุกขณะแม้ไม่คิดชื่อก็จำแล้ว การฝึกสติที่ถูกต้องการรู้ตัวไม่ใช่การจำชื่อนิมิตที่ปรากฏแต่เป็นการรู้ตรงคำจริง พึ่งคำของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าตรงลักษณะในแต่ละคำตรงกับความจริงที่ตนมี สภาพธรรมที่ปรากฏในการเกิดดับปรากฏให้รู้ได้อย่างน้อย7มีลักษณะที่ไม่ปรากกฏมากถึง17 ศึกษาพระปริยัติธรรมจำเป็นต้องศึกษาจากการฟังที่ทำให้เข้าใจความจริงไปพร้อมการเข้าใจจิตตน ถึงจะเป็นปัญญารู้แจ้งตามความเป็นจริงในสิ่งที่ตนมีจริงๆไม่ใช่ปริยัติแบบจำได้ทั้งหมดแต่ไม่จำสิ่งที่ตนมี ถ้าจะให้เปรียบเทียบความรวดเร็วของการรู้ตัวทั่วพร้อมของพระอรหันต์ก็คือนั่งเครื่ิองบินเห็นรถยนต์ว่าช้าไง ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | Rosarin [ 20 มิ.ย. 2016, 09:19 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สติ |
![]() ![]() ถามวิธีอีกไหมคะแล้วสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ7ลักษณะเป็นแบบไหนบ้าง ![]() ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 20 มิ.ย. 2016, 09:20 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สติ |
Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: สติ ความระลึกได้, นึกได้, ความไม่เผลอ, การคุมใจไว้กับกิจ หรือกุมจิตไว้กับสิ่งที่เกี่ยวข้อง, จำการที่ทำและคำที่พูดแล้วแม้นานได้ (ข้อ ๑ ในธรรมมีอุปการะมาก ๒ ข้อ ๑ ในโพชฌงค์ ๗ ข้อ ๓ ในอินทรีย์ ๕ ข้อ ๓ ในพละ ๕ ข้อ ๖ ในสัทธรรม ๗, ข้อ ๙ ในนาถกรณะธรรม ๑๐) ![]() สติเป็นความรู้สึกตัวตรงต่อธัมมะ ความจริงของธัมมะที่ปรากฏค่ะ เพราะสภาพธรรมปรากฏมาก จะต้องระลึกรู้ทีละ1อย่าง ต้องเป็นผู้ตรงตรงจริงๆ ต้องตรงต่อความจริง ที่ปรากฏถ้าไม่ทัน ก็คือว่าไม่เกิดสติ เพราะต้องรู้ถูก เข้าใจถูกว่า สติรู้ตรงๆ ที่กำลังมี มีแล้ว ที่ตัว แต่ไม่เคยรู้ไม่เคยเข้าถึง ความจริงที่กำลังเกิดดับ ก็คิดค้นวิธีที่จะไปทำขึ้น เป็นการคิดที่ห่างสติแล้ว กลับมาตั้งต้นฟังให้เข้าใจ ![]() ![]() ![]() ธรรม ธัมมะ ที่คุณโรสพร่ำบ่น ได้แก่อะไร เอาชัดๆ ![]() สภาพธรรมเกิดดับตามเหตุปัจจัยกำลังมีเดี๋ยวนี้ผ่านอายตนะทั้ง6 สติระลึกสภาพธรรมที่กำลังปรากฏแต่ละ1คำรู้ตรงที่กายกระทบ เช่นรู้เป็นลักษณะธาตุดิน1คำว่ามีอ่อนหรือแข็งตรงที่รู้ตรงคำ คิดคำใหม่เป็นขณะใหม่แค่รู้1คำทั้ง6ทางดับหมดรู้ยังไม่ทั่ว สติทั่วตัวตามรู้สภาพธรรมที่ปรากฏให้รู้ได้ต้อง7ลักษณะ ต้องรู้ตัวตรงลักษณะสภาพธรรมทันทั้ง7ใน1เดียวค่ะ คุณโรสเอาที่ไหนมาพูด แล้วที่พูดทั้งหมดนั่น คุณโรสเห็นหรือยัง ที่ว่า 7 ใน 1 เดียว อะไรที่ว่านั่น ถ้าเห็นแล้ว ทำยังไงจึงเห็น 7 ใน 1 เดียว ![]() ![]() (ทำให้นึกถึง อาเดียวขา https://www.youtube.com/watch?v=uqeUeAGXX6E) ![]() ![]() ว่าแล้วต้องสงสัยถามอีกแน่นอน ความลังเลสงสัยนี่แหละที่ทำให้ ไปไหนมาไหนไม่ได้จำเป็นต้องรู้ กิเลสแปลว่าไม่รู้ทุกอย่างเลยจะรู้ ต้องเป็นปัญญารู้ถูกตรงลักษณะค่ะ ความมั่นคงตั้งมั่นในความจริงของจิต บวกสติและความจำถูกต้องตามเป็นจริง โดยความเห็นถูกและจำมั่นคงว่าไม่มีตัวตน เพราะขณะที่กำลังระลึกได้ถึงสภาพธรรม1ขณะ ตรงคำที่ระลึกได้ตรงความจริงที่กำลังปรากฏจริงๆ เป็นการเริ่มมีสติตรงปัจจุบันขณะค่ะ...ส่วนสติสัมปชัญญะ การรู้ทั่วถึงสภาพธรรมที่กำลังปรากฏทั่วตัวทั้ง6ทางเป็นกิจญาณ รู้จักจิตรึยังคะ...ไปจำคำและบัญญัติต่างๆน่ะ...ธรรมทั้งหลายดับแล้ว ทุกอย่างเป็นธัมมะ...สัญญาเจตสิกเกิดกับจิตทุกขณะแม้ไม่คิดชื่อก็จำแล้ว การฝึกสติที่ถูกต้องการรู้ตัวไม่ใช่การจำชื่อนิมิตที่ปรากฏแต่เป็นการรู้ตรงคำจริง พึ่งคำของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าตรงลักษณะในแต่ละคำตรงกับความจริงที่ตนมี สภาพธรรมที่ปรากฏในการเกิดดับปรากฏให้รู้ได้อย่างน้อย7มีลักษณะที่ไม่ปรากกฏมากถึง17 ศึกษาพระปริยัติธรรมจำเป็นต้องศึกษาจากการฟังที่ทำให้เข้าใจความจริงไปพร้อมการเข้าใจจิตตน ถึงจะเป็นปัญญารู้แจ้งตามความเป็นจริงในสิ่งที่ตนมีจริงๆไม่ใช่ปริยัติแบบจำได้ทั้งหมดแต่ไม่จำสิ่งที่ตนมี ถ้าจะให้เปรียบเทียบความรวดเร็วของการรู้ตัวทั่วพร้อมของพระอรหันต์ก็คือนั่งเครื่ิองบินเห็นรถยนต์ว่าช้าไง ไม่บอกเลยไปจำมาจากไหน ![]() |
เจ้าของ: | Rosarin [ 20 มิ.ย. 2016, 09:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สติ |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: สติ ความระลึกได้, นึกได้, ความไม่เผลอ, การคุมใจไว้กับกิจ หรือกุมจิตไว้กับสิ่งที่เกี่ยวข้อง, จำการที่ทำและคำที่พูดแล้วแม้นานได้ (ข้อ ๑ ในธรรมมีอุปการะมาก ๒ ข้อ ๑ ในโพชฌงค์ ๗ ข้อ ๓ ในอินทรีย์ ๕ ข้อ ๓ ในพละ ๕ ข้อ ๖ ในสัทธรรม ๗, ข้อ ๙ ในนาถกรณะธรรม ๑๐) ![]() สติเป็นความรู้สึกตัวตรงต่อธัมมะ ความจริงของธัมมะที่ปรากฏค่ะ เพราะสภาพธรรมปรากฏมาก จะต้องระลึกรู้ทีละ1อย่าง ต้องเป็นผู้ตรงตรงจริงๆ ต้องตรงต่อความจริง ที่ปรากฏถ้าไม่ทัน ก็คือว่าไม่เกิดสติ เพราะต้องรู้ถูก เข้าใจถูกว่า สติรู้ตรงๆ ที่กำลังมี มีแล้ว ที่ตัว แต่ไม่เคยรู้ไม่เคยเข้าถึง ความจริงที่กำลังเกิดดับ ก็คิดค้นวิธีที่จะไปทำขึ้น เป็นการคิดที่ห่างสติแล้ว กลับมาตั้งต้นฟังให้เข้าใจ ![]() ![]() ![]() ธรรม ธัมมะ ที่คุณโรสพร่ำบ่น ได้แก่อะไร เอาชัดๆ ![]() สภาพธรรมเกิดดับตามเหตุปัจจัยกำลังมีเดี๋ยวนี้ผ่านอายตนะทั้ง6 สติระลึกสภาพธรรมที่กำลังปรากฏแต่ละ1คำรู้ตรงที่กายกระทบ เช่นรู้เป็นลักษณะธาตุดิน1คำว่ามีอ่อนหรือแข็งตรงที่รู้ตรงคำ คิดคำใหม่เป็นขณะใหม่แค่รู้1คำทั้ง6ทางดับหมดรู้ยังไม่ทั่ว สติทั่วตัวตามรู้สภาพธรรมที่ปรากฏให้รู้ได้ต้อง7ลักษณะ ต้องรู้ตัวตรงลักษณะสภาพธรรมทันทั้ง7ใน1เดียวค่ะ คุณโรสเอาที่ไหนมาพูด แล้วที่พูดทั้งหมดนั่น คุณโรสเห็นหรือยัง ที่ว่า 7 ใน 1 เดียว อะไรที่ว่านั่น ถ้าเห็นแล้ว ทำยังไงจึงเห็น 7 ใน 1 เดียว ![]() ![]() (ทำให้นึกถึง อาเดียวขา https://www.youtube.com/watch?v=uqeUeAGXX6E) ![]() ![]() ว่าแล้วต้องสงสัยถามอีกแน่นอน ความลังเลสงสัยนี่แหละที่ทำให้ ไปไหนมาไหนไม่ได้จำเป็นต้องรู้ กิเลสแปลว่าไม่รู้ทุกอย่างเลยจะรู้ ต้องเป็นปัญญารู้ถูกตรงลักษณะค่ะ ความมั่นคงตั้งมั่นในความจริงของจิต บวกสติและความจำถูกต้องตามเป็นจริง โดยความเห็นถูกและจำมั่นคงว่าไม่มีตัวตน เพราะขณะที่กำลังระลึกได้ถึงสภาพธรรม1ขณะ ตรงคำที่ระลึกได้ตรงความจริงที่กำลังปรากฏจริงๆ เป็นการเริ่มมีสติตรงปัจจุบันขณะค่ะ...ส่วนสติสัมปชัญญะ การรู้ทั่วถึงสภาพธรรมที่กำลังปรากฏทั่วตัวทั้ง6ทางเป็นกิจญาณ รู้จักจิตรึยังคะ...ไปจำคำและบัญญัติต่างๆน่ะ...ธรรมทั้งหลายดับแล้ว ทุกอย่างเป็นธัมมะ...สัญญาเจตสิกเกิดกับจิตทุกขณะแม้ไม่คิดชื่อก็จำแล้ว การฝึกสติที่ถูกต้องการรู้ตัวไม่ใช่การจำชื่อนิมิตที่ปรากฏแต่เป็นการรู้ตรงคำจริง พึ่งคำของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าตรงลักษณะในแต่ละคำตรงกับความจริงที่ตนมี สภาพธรรมที่ปรากฏในการเกิดดับปรากฏให้รู้ได้อย่างน้อย7มีลักษณะที่ไม่ปรากกฏมากถึง17 ศึกษาพระปริยัติธรรมจำเป็นต้องศึกษาจากการฟังที่ทำให้เข้าใจความจริงไปพร้อมการเข้าใจจิตตน ถึงจะเป็นปัญญารู้แจ้งตามความเป็นจริงในสิ่งที่ตนมีจริงๆไม่ใช่ปริยัติแบบจำได้ทั้งหมดแต่ไม่จำสิ่งที่ตนมี ถ้าจะให้เปรียบเทียบความรวดเร็วของการรู้ตัวทั่วพร้อมของพระอรหันต์ก็คือนั่งเครื่ิองบินเห็นรถยนต์ว่าช้าไง ไม่บอกเลยไปจำมาจากไหน ![]() ![]() ความเป็นผู้มีปกติไม่ต้องกำหนดจะมีกำหนดก็ตอนเริ่มฝึกแยกแยะในการคิดรู้คำตรงความจริง ความเห็นถูกและเข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามเป็นจริงเป็นปัญญาตามลำดับขั้นน๊า ![]() ![]() |
เจ้าของ: | Rosarin [ 20 มิ.ย. 2016, 09:39 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สติ |
![]() พระพุทธเจ้าทรงจำแนกธรรมไว้แล้วโดยละเอียด ต้องพึ่งการฟังคำของพระองค์ไม่คิดเองเพราะว่า กิเลสเกิดตลอดเวลาที่ยังมีโมหะพึงรู้คิดตามคำสอน จำคำของพระองค์ที่ตรงความจริงรู้การสะสมจิตตนว่า รู้ไตร่ตรองตามคำของพระองค์ตรงที่จิตตนสะสมมากแค่ไหน ลองพิจารณาแผนผังการแจกแจงจิตเจตสิกรูปที่ลุงหมานโพสต์ไว้ค่ะ ![]() ![]() http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=46807 |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 20 มิ.ย. 2016, 09:46 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สติ |
Rosarin เขียน: Kiss พระพุทธเจ้าทรงจำแนกธรรมไว้แล้วโดยละเอียด ต้องพึ่งการฟังคำของพระองค์ไม่คิดเองเพราะว่า กิเลสเกิดตลอดเวลาที่ยังมีโมหะพึงรู้คิดตามคำสอน จำคำของพระองค์ที่ตรงความจริงรู้การสะสมจิตตนว่า รู้ไตร่ตรองตามคำของพระองค์ตรงที่จิตตนสะสมมากแค่ไหน ลองพิจารณาแผนผังการเกิดดับของจิตเจตสิกรูปที่ลุงหมานโพสต์ไว้ค่ะ ![]() ![]() http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=46807 นี่เป็นธรรม ธัมม์ มั้ย - ไม่เสพอบายมุข (ช่องทางเสื่อมเสีย หรือหายหมดไป) แห่งโภคะ ๖ ประการ คือ ๑. ติดสุรา และของมึนเมา ๒. ติดเที่ยวกลางคืน ๓. ติดเที่ยวดูการเล่น ๔. ติดการพนัน ๕. ติดคบเพื่อนชั่ว ๖. เกียจคร้านการงาน |
เจ้าของ: | Rosarin [ 20 มิ.ย. 2016, 09:52 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สติ |
![]() ทุกอย่างเป็นธัมมะไม่มีเราค่ะ ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 4 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |