ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
หลักภาวนาสั้นๆจำง่ายๆ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=52213 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 3 |
เจ้าของ: | asoka [ 07 เม.ย. 2016, 17:28 ] |
หัวข้อกระทู้: | หลักภาวนาสั้นๆจำง่ายๆ |
![]() ขั้นตอนที่ 1 เจริญสติอยู่กับลมหายใจ เพื่อให้เกิดสมาธิ เมื่อจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิเพียงพอแล้วก็ยกขึ้นสู่ขั้นตอนที่ 2 ขั้นตอนที่ 2 เจริญสติให้อยู่กับผู้รู้ ซึ่งจะเท่ากับการเจริญสติอยู่กับปัจจุบันอารมณ์หรือเท่ากับการเจริญสติปัฏฐาน 4 ลองทำจริงกันดูซิครับพบปัญหาอะไรระหว่างการทำจริงแล้วก็มาคุยกันในกระทู้นี้นะครับ ![]() |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 08 เม.ย. 2016, 05:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: หลักภาวนาสั้นๆจำง่ายๆ |
![]() ![]() มีสติรู้...รู้ว่าตัวเองกำลังมีอาการทีนมิถะทุกครั้งที่ฟังธรรม...ใครพูดธรรมะก็หาวไม่หยุด...ไม่เลือกเวลาสถานที่...แก้งัยละท่านอโสกะ?? ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | โฮฮับ [ 08 เม.ย. 2016, 10:29 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: หลักภาวนาสั้นๆจำง่ายๆ |
asoka เขียน: :b36: ขั้นตอนที่ 1 เจริญสติอยู่กับลมหายใจ เพื่อให้เกิดสมาธิ เมื่อจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิเพียงพอแล้วก็ยกขึ้นสู่ขั้นตอนที่ 2 ที่อโสกะพูดมามันไม่ใช่หลักการเจริญสติตามแบบวิถีพุทธ(แท้ๆ) หลักการเจริญสติ ท่านหมายถึงการภาวนาที่มีสัมปชัญญะเป็นประธานและมีสติเป็น องค์ประกอบ การใช้คำพูดที่ว่า "สติเจริญสติอยู่กับลมหายใจ" บ่งบอกให้รู้ว่า ผู้พูดไม่ได้เข้าใจหรือมีความรู้เรื่องปฏิบัติภาวนาเลยสักนิด ลักษณะสภาพธรรมที่แท้ของลมหายใจ ผู้ปฏิบัติจะต้องตามรู้ลมหายใจ(เข้าออก-สั้นยาว) การตามรู้ลมหายใจนี้เรียกว่า....สัมปชัญญะ การจะเจริญสติก็ต่อเมื่อ กายใจที่กำลังรู้ลมหายใจอยู่นั้นหลงไม่ได้อยู่กับลม(คิดฟุ้งซ่าน) เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ปฏิบัติจึงต้องใช้การระลึกรู้(สติ)เพื่อให้กายใจกลับไปรู้ลมหายใจอย่างเดิม asoka เขียน: :b36: ขั้นตอนที่ 2 เจริญสติให้อยู่กับผู้รู้ ซึ่งจะเท่ากับการเจริญสติอยู่กับปัจจุบันอารมณ์หรือเท่ากับการเจริญสติปัฏฐาน 4 ลองทำจริงกันดูซิครับพบปัญหาอะไรระหว่างการทำจริงแล้วก็มาคุยกันในกระทู้นี้นะครับ การเจริญสติไม่ใช่ให้อยู่กับผู้รู้ การเจริญสติหมายความถึง การทำให้ผู้รู้กลับมารู้ธรรมที่ผู้ปฏิบัติได้กำหนดรู้ไว้ นั้นก็คือลมหายใจนั้นเอง การเจริญสติจะใช้ก็ต่อเมื่อ กายใจหลงไปรู้อย่างอื่น ที่ไม่ใช่ธรรมที่กำหนดรู้ไว้แต่แรก การเจริญสติไม่ใช่ การเจริญสติปัฏฐานสี่ หลักของสติปัฏฐานสี่เป็นการเจริญปัญญา อโสกะก่อนที่จะมาแนะนำใครควรจะรู้ให้จริงเสียก่อน เท่าที่สังเกตุมา อโสกะยังไม่รู้ลักษณะของบัญญัติที่เอามาใช้.... พูดง่ายๆ สั้นๆ ชัดๆเลยว่า.....มั่ว ![]() |
เจ้าของ: | โฮฮับ [ 08 เม.ย. 2016, 10:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: หลักภาวนาสั้นๆจำง่ายๆ |
[quote="กบนอกกะลา"]:b32: ![]() มีสติรู้...รู้ว่าตัวเองกำลังมีอาการทีนมิถะทุกครั้งที่ฟังธรรม...ใครพูดธรรมะก็หาวไม่หยุด...ไม่เลือกเวลาสถานที่...แก้งัยละท่านอโสกะ?? ![]() |
เจ้าของ: | asoka [ 08 เม.ย. 2016, 17:37 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: หลักภาวนาสั้นๆจำง่ายๆ |
กบนอกกะลา เขียน: :b32: ![]() มีสติรู้...รู้ว่าตัวเองกำลังมีอาการทีนมิถะทุกครั้งที่ฟังธรรม...ใครพูดธรรมะก็หาวไม่หยุด...ไม่เลือกเวลาสถานที่...แก้งัยละท่านอโสกะ?? ![]() ![]() ![]() ![]() ถีนะ=เกียจคร้าน หดหู่ ห่อเหี่ยว ท้อแท้ ถดถอย มิทธะ=มัวซัว ซึมเซา ง่วงเหงา หาวนอน นิวรณ์ธรรม 2 อย่างนี้เขามักมาคู่กันเป็นเหตุปัจจัยซึ่งกันและกัน วิธีแก้ไขต้องใช้หลายๆอย่างช่วยกัน ในกรณีที่เกิดตอนฟังธรรม ถ้าเกิดอยู่บ่อยๆแสดงว่าเราไม่ตั้งใจฟังธรรม 1.มนสิการ ความตั้งใจจริง จะช่วยลดถีนะมทธะได้เกือบครึ่ง 2.โยนิโส ความฉลาดแยบคายในการฟัง คือการพิจารณาใคร่ครวญหาเหตุหาผลไปตามเนื้อธรรม อันจักทำให้เกิดความเข้าใจ เพลิดเพลินเจริญจิตเจริญใจไปตามเนื้อธรรม 3.ศรัทธาและความเคารพ ถ้าฟังธรรมด้วยศรัทธาและความเคารพจะปิดกั้นความเกียจคร้านง่วงเหงาหาวนอนไปได้เป็นครึ่ง คนที่อวดรู้อวดเก่งไปเสียหมดนี่จะฟังธรรมของใครก็ตามย่อมจะถูกถีนะมิทธะครอบงำได้ง่ายๆเสมอๆ ส่วนการจะเอาชนะถีนะมิทธะนิวรณ์นั้นต้องใช้ทั้งสมถะและวิปัสสนาช่วยกันอันหนึ่งเอาไว้เบรคสะกัดกั้น อันหนึ่งเอาไว้ขุดถอน โดยสมถะก็เช่น สติไม่ขาดจากคำบริกรรมหรือกรรมฐานที่ใช้ไม่เปิดโอกาสให้นิวรณ์ตัวใดได้เข้าแทรก โดยวิปัสสนา ก็คือการเอาสติปัญญาเข้าไปเผชิญหน้าตอนความเกียจคร้านง่วงเหงาหาวนอนมันกำลังเกิดขึ้นเป็นปัจจุบันอารมณ์ นิ่งรู้นิ่งสังเกตความเกียจคร้านหรือง่วงเหงาหาวนอนนั้นจนมันดับไปต่อหน้าต่อตา ใหม่ๆก็คงต้องผลัดกันรุกผลัดกันรับไปก่อน หากเราระดมเอาธรรมเครื่องช่วยให้หลุดพ้นทั้งหลายมาช่วยสติปัญญาต่อสู้เช่น เอาขันติ ตบะ วิริยะ สัจจะ อธิษฐานต่างๆมาช่วยกันไม่ช้าไม่นานถีนะมิทธะก็จะถูกขุดถอนและดับเย็น ![]() |
เจ้าของ: | asoka [ 08 เม.ย. 2016, 18:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: หลักภาวนาสั้นๆจำง่ายๆ |
![]() ![]() โฮฮับ เขียน: asoka เขียน: :b36: ขั้นตอนที่ 1 เจริญสติอยู่กับลมหายใจ เพื่อให้เกิดสมาธิ เมื่อจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิเพียงพอแล้วก็ยกขึ้นสู่ขั้นตอนที่ 2 ที่อโสกะพูดมามันไม่ใช่หลักการเจริญสติตามแบบวิถีพุทธ(แท้ๆ) หลักการเจริญสติ ท่านหมายถึงการภาวนาที่มีสัมปชัญญะเป็นประธานและมีสติเป็น องค์ประกอบ การใช้คำพูดที่ว่า "สติเจริญสติอยู่กับลมหายใจ" บ่งบอกให้รู้ว่า ผู้พูดไม่ได้เข้าใจหรือมีความรู้เรื่องปฏิบัติภาวนาเลยสักนิด ลักษณะสภาพธรรมที่แท้ของลมหายใจ ผู้ปฏิบัติจะต้องตามรู้ลมหายใจ(เข้าออก-สั้นยาว) การตามรู้ลมหายใจนี้เรียกว่า....สัมปชัญญะ การจะเจริญสติก็ต่อเมื่อ กายใจที่กำลังรู้ลมหายใจอยู่นั้นหลงไม่ได้อยู่กับลม(คิดฟุ้งซ่าน) เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ปฏิบัติจึงต้องใช้การระลึกรู้(สติ)เพื่อให้กายใจกลับไปรู้ลมหายใจอย่างเดิม asoka เขียน: :b36: ขั้นตอนที่ 2 เจริญสติให้อยู่กับผู้รู้ ซึ่งจะเท่ากับการเจริญสติอยู่กับปัจจุบันอารมณ์หรือเท่ากับการเจริญสติปัฏฐาน 4 ลองทำจริงกันดูซิครับพบปัญหาอะไรระหว่างการทำจริงแล้วก็มาคุยกันในกระทู้นี้นะครับ การเจริญสติไม่ใช่ให้อยู่กับผู้รู้ การเจริญสติหมายความถึง การทำให้ผู้รู้กลับมารู้ธรรมที่ผู้ปฏิบัติได้กำหนดรู้ไว้ นั้นก็คือลมหายใจนั้นเอง การเจริญสติจะใช้ก็ต่อเมื่อ กายใจหลงไปรู้อย่างอื่น ที่ไม่ใช่ธรรมที่กำหนดรู้ไว้แต่แรก การเจริญสติไม่ใช่ การเจริญสติปัฏฐานสี่ หลักของสติปัฏฐานสี่เป็นการเจริญปัญญา อโสกะก่อนที่จะมาแนะนำใครควรจะรู้ให้จริงเสียก่อน เท่าที่สังเกตุมา อโสกะยังไม่รู้ลักษณะของบัญญัติที่เอามาใช้.... พูดง่ายๆ สั้นๆ ชัดๆเลยว่า.....มั่ว ![]() ![]() ![]() คุณโฮฮับก็ยังคงยึดติดแน่นอยู่กับคำแปลที่ว่าสติแปลว่าระลึกรู้ สตินี่เวลาทำงานเขามีหน้าที่อยู่ 3 อย่างคือ 1.รู้ทัน เช่น รู้ทันปัจจุบันอารมณ์ รู้ทันการเกิด ดับของอารมณ์ และความรู้สึก 2.ระลึกได้ 3.ไม่ลืม การเจริญสติหรือกำหนดสติให้รู้อยู่กับลมหายใจเข้าออกนั้น เขาเอาสติไปรู้อยู่ที่จุดกระทบของลมหายใจเข้าออก ซึ่งโดยธรรมชาติแท้ๆนั้นจุดกระทบของลมหายใจเข้าออกนั้นอยู่ที่วงขอบของประตูจมูกทั้งสองข้าง ลองสังเกตดูจากของจริงนะโฮฮับ ถ้าสติตั้งอยู่ตรงนั้นได้ดี นิวรณ์ทั้งหลายจะดับ สมาธิจะเกิด ส่วนการตามรู้ลมเข้าออก การจับรู้อาการพองยุบของท้องเหล่านี้เป็นการเอาสติไปรู้อยู่กับสิ่งที่ไม่นิ่งสมาธิจะเกิดช้ากว่า ส่วนขั้นตอนที่ 2 การเจริญสติอยู่กับผู้รู้นั้นเป็นเรื่องของวิปัสสนาภาวนาเลยทีเดียว เพราะเมื่อไรก็ตามสติมารู้ทันผู้รู้หรือปัจจุบันอารมณ์ สติจะรู้ทัน ปัญญาจะได้เห็น การเกิดขึ้นและดับไปของอารมณ์ต่างๆจนเข้าใจซึ้งถึงความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาของผัสสะ อารมณ์และความรู้สึกต่างๆ ปัจจุบันอารมณ์ที่เกิดขึ้นกับชีวิตจริงนั้นเขาจะเกิดขึ้นและเปลี่ยนไปในฐาน ทั้ง 4 ฐานคือ กาย เวทนา จิต ธรรม อยู่ตลอดเวลาจึงได้กล่าวว่า ถ้าเจริญหรือกำหนดสติไว้กับผู้รู้ได้อย่างแนบแน่นนั่นก็คือ สติอยู่กับปัจจุบันอารมณ์ หรือกำลังเจริญสติปัฏฐาน 4 ไปโดยอัตโนมัติ ทั้งนี้เพราะ ผู้รู้ หรือจิตรู้ หรือตัวรู้นั้น เขาจะรู้อยู่ที่ปัจจุบันอารมณ์เท่านั้น ถ้าสติไปอยู่กับอนาคตเป็นคิด ถ้าไปอยู่กับอดีตเป็นนึก ให้มีความ รู้อย่างนี้ไว้ในสัญญาบ้างนะโฮฮับ จะได้ไม่หลงอธิบายถ่ายทอดธรรมผิดๆให้กับผู้คนนะครับ ![]() |
เจ้าของ: | โฮฮับ [ 09 เม.ย. 2016, 07:52 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: หลักภาวนาสั้นๆจำง่ายๆ |
asoka เขียน: : คุณโฮฮับก็ยังคงยึดติดแน่นอยู่กับคำแปลที่ว่าสติแปลว่าระลึกรู้ ผมว่าตัวอโสกะนั้นแหล่ะที่ยึดติด แล้วยึดติดอะไรก็ไอ้คำพูดแบบนี้ไง..."ก็ยังคงยึดติดแน่นอยู่กับคำแปลที่ว่า" คิดอะไรไม่ออกบอกอะไรไม่ได้ ก็ใช้ประโยคหากิน..."ก็ยังคงยึดติดแน่นอยู่กับคำแปลที่ว่า" ![]() asoka เขียน: สตินี่เวลาทำงานเขามีหน้าที่อยู่ 3 อย่างคือ 1.รู้ทัน เช่น รู้ทันปัจจุบันอารมณ์ รู้ทันการเกิด ดับของอารมณ์ และความรู้สึก 2.ระลึกได้ 3.ไม่ลืม สติของอโสกะนี่มันสารพัดประโยชน์ มั่วได้สะแด๊วแห้วจริงๆ ![]() รู้ทัน....ตัวองค์ธรรมของบัญญติตัวนี้ คือปรมัตถ์ที่เรียกว่า.....สัมปชัญญะ ระลึกได้....ตัวองค์ธรรมก็คือ สติ ไม่ลืม ตัวองค์ธรรมเป็น สัญญาขันธ์ สรุปในประเด็นนี้ว่า อโสกะไม่รู้สภาพเป็นจริงของธรรม ตัวองค์ธรรมเป็นอนัตตา เกิดแล้เวก็ดับไป ด้วยความเป็นอวิชชาของอโสกะก็เลยเอาบัญญัติมาปรุงแต่ง จนทำให้ องค์ธรรมที่เรียกว่าสติ ซึ่งต้องมีลักษณะเป็นอย่างเดียว แต่อโสกะมั่วซะเละ จนกลายเป็นหลายๆอย่าง ![]() asoka เขียน: : การเจริญสติหรือกำหนดสติให้รู้อยู่กับลมหายใจเข้าออกนั้น เขาเอาสติไปรู้อยู่ที่จุดกระทบของลมหายใจเข้าออก ซึ่งโดยธรรมชาติแท้ๆนั้นจุดกระทบของลมหายใจเข้าออกนั้นอยู่ที่วงขอบของประตูจมูกทั้งสองข้าง ลองสังเกตดูจากของจริงนะโฮฮับ ถ้าสติตั้งอยู่ตรงนั้นได้ดี นิวรณ์ทั้งหลายจะดับ สมาธิจะเกิด ส่วนการตามรู้ลมเข้าออก การจับรู้อาการพองยุบของท้องเหล่านี้เป็นการเอาสติไปรู้อยู่กับสิ่งที่ไม่นิ่งสมาธิจะเกิดช้ากว่า สั้นๆ ชัดๆเลยนะว่า อโสกะไม่รู้ความหมายของบัญญัติ(พุทธพจน์) เมื่อไม่รู้ก็เลยเอาบัญญัติมาละเลงด้วยคิดว่าจะพูดอย่างไรก็ได้ ซึ่งมันเป็นความคิดที่ผิดทำนองคลองธรรม กะอีแค่ลักษณะตามรู้(รู้ทัน) กับระลึกรู้(รู้เมื่อหลง) ยังแยกแยะไม่ได้ asoka เขียน: : ส่วนขั้นตอนที่ 2 การเจริญสติอยู่กับผู้รู้นั้นเป็นเรื่องของวิปัสสนาภาวนาเลยทีเดียว เพราะเมื่อไรก็ตามสติมารู้ทันผู้รู้หรือปัจจุบันอารมณ์ สติจะรู้ทัน ปัญญาจะได้เห็น การเกิดขึ้นและดับไปของอารมณ์ต่างๆจนเข้าใจซึ้งถึงความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาของผัสสะ อารมณ์และความรู้สึกต่างๆ มั่วไปเรื่อย! บุคคลไม่สามารถเห็นการเกิดดับของความเป็นปัจจุบันอารมณืได้ นั้นก็เพราะความเป็น สันตติของธรรม สันตติเป็นลักษณะของการเกิดดับที่ต่อเนื่องกันอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถเห็นได้ ทำได้แค่รู้ด้วยญาน asoka เขียน: : ปัจจุบันอารมณ์ที่เกิดขึ้นกับชีวิตจริงนั้นเขาจะเกิดขึ้นและเปลี่ยนไปในฐาน ทั้ง 4 ฐานคือ กาย เวทนา จิต ธรรม อยู่ตลอดเวลาจึงได้กล่าวว่า ถ้าเจริญหรือกำหนดสติไว้กับผู้รู้ได้อย่างแนบแน่นนั่นก็คือ สติอยู่กับปัจจุบันอารมณ์ หรือกำลังเจริญสติปัฏฐาน 4 ไปโดยอัตโนมัติ ทั้งนี้เพราะ ผู้รู้ หรือจิตรู้ หรือตัวรู้นั้น เขาจะรู้อยู่ที่ปัจจุบันอารมณ์เท่านั้น ถ้าสติไปอยู่กับอนาคตเป็นคิด ถ้าไปอยู่กับอดีตเป็นนึก ให้มีความ รู้อย่างนี้ไว้ในสัญญาบ้างนะโฮฮับ จะได้ไม่หลงอธิบายถ่ายทอดธรรมผิดๆให้กับผู้คนนะครับ ![]() การอยู่กับปัจจุบันอารมณ์ เป็นหลักของการเจริญสติเพื่อให้เกิดปัญญา แต่สติปัฏฐานสี่เป็นหลักในการเจริญปัญญา เพื่อปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่น เจริญสติเพื่อให้เกิดปัญญา ยังไม่มีปัญญา เจริญปัญญาเพื่อให้เกิด ญานวิมุตติ สติปัฏฐานสี่ต้องใช้หลักในการเจริญปัญญามาพิจารณา ขอร้องโสกะเลยว่า ไม่รู้จริงก็อย่ามั่ว ถึงแม้ผู้ใหญ่เขาจะไม่เชื่อถือคำพูดของคุณ แต่ก็มีเด็กบางคนอย่างเช่น คุณกบนอกกะลาหรือกรัชกายอาจหลงเชื่อคุณก็ได้ มันไม่งาม ![]() |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 09 เม.ย. 2016, 08:03 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: หลักภาวนาสั้นๆจำง่ายๆ |
โฮฮับ เขียน: กบนอกกะลา เขียน: :b32: ![]() มีสติรู้...รู้ว่าตัวเองกำลังมีอาการทีนมิถะทุกครั้งที่ฟังธรรม...ใครพูดธรรมะก็หาวไม่หยุด...ไม่เลือกเวลาสถานที่...แก้งัยละท่านอโสกะ?? ![]() แก้ง่วง..ด้วยการบ๋องหัวนี้...เด้วจัดให้ไปเป็นครูฝึกพลทหาร..ซะเลยนี้.. ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 09 เม.ย. 2016, 08:05 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: หลักภาวนาสั้นๆจำง่ายๆ |
โฮฮับ เขียน: ขอร้องโสกะเลยว่า ไม่รู้จริงก็อย่ามั่ว ถึงแม้ผู้ใหญ่เขาจะไม่เชื่อถือคำพูดของคุณ แต่ก็มีเด็กบางคนอย่างเช่น คุณกบนอกกะลาหรือกรัชกายอาจหลงเชื่อคุณก็ได้ มันไม่งาม ![]() ![]() |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 09 เม.ย. 2016, 08:15 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: หลักภาวนาสั้นๆจำง่ายๆ |
asoka เขียน: กบนอกกะลา เขียน: :b32: ![]() มีสติรู้...รู้ว่าตัวเองกำลังมีอาการทีนมิถะทุกครั้งที่ฟังธรรม...ใครพูดธรรมะก็หาวไม่หยุด...ไม่เลือกเวลาสถานที่...แก้งัยละท่านอโสกะ?? ![]() ![]() ![]() ![]() ถีนะ=เกียจคร้าน หดหู่ ห่อเหี่ยว ท้อแท้ ถดถอย มิทธะ=มัวซัว ซึมเซา ง่วงเหงา หาวนอน นิวรณ์ธรรม 2 อย่างนี้เขามักมาคู่กันเป็นเหตุปัจจัยซึ่งกันและกัน วิธีแก้ไขต้องใช้หลายๆอย่างช่วยกัน ในกรณีที่เกิดตอนฟังธรรม ถ้าเกิดอยู่บ่อยๆแสดงว่าเราไม่ตั้งใจฟังธรรม 1.มนสิการ ความตั้งใจจริง จะช่วยลดถีนะมทธะได้เกือบครึ่ง 2.โยนิโส ความฉลาดแยบคายในการฟัง คือการพิจารณาใคร่ครวญหาเหตุหาผลไปตามเนื้อธรรม อันจักทำให้เกิดความเข้าใจ เพลิดเพลินเจริญจิตเจริญใจไปตามเนื้อธรรม 3.ศรัทธาและความเคารพ ถ้าฟังธรรมด้วยศรัทธาและความเคารพจะปิดกั้นความเกียจคร้านง่วงเหงาหาวนอนไปได้เป็นครึ่ง ![]() ![]() ![]() อ้างคำพูด: คนที่อวดรู้อวดเก่งไปเสียหมดนี่จะฟังธรรมของใครก็ตามย่อมจะถูกถีนะมิทธะครอบงำได้ง่ายๆเสมอๆ ![]() ![]() ![]() อ้างคำพูด: ส่วนการจะเอาชนะถีนะมิทธะนิวรณ์นั้นต้องใช้ทั้งสมถะและวิปัสสนาช่วยกันอันหนึ่งเอาไว้เบรคสะกัดกั้น อันหนึ่งเอาไว้ขุดถอน กำลังฟังธรรมอยู่..จะให้ไปบริกรรมรึคับ?.... โดยสมถะก็เช่น สติไม่ขาดจากคำบริกรรมหรือกรรมฐานที่ใช้ไม่เปิดโอกาสให้นิวรณ์ตัวใดได้เข้าแทรก ![]() อ้างคำพูด: หากเราระดมเอาธรรมเครื่องช่วยให้หลุดพ้นทั้งหลายมาช่วยสติปัญญาต่อสู้เช่น เอาขันติ ตบะ วิริยะ สัจจะ อธิษฐานต่างๆมาช่วยกันไม่ช้าไม่นานถีนะมิทธะก็จะถูกขุดถอนและดับเย็น ![]() พอจะเห็นด้วย...ต้องใช้หลายๆอย่างประกอบกัน.. |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 09 เม.ย. 2016, 08:16 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: หลักภาวนาสั้นๆจำง่ายๆ |
โฮฮับ เขียน: ขอร้องโสกะเลยว่า ไม่รู้จริงก็อย่ามั่ว ถึงแม้ผู้ใหญ่เขาจะไม่เชื่อถือคำพูดของคุณ แต่ก็มีเด็กบางคนอย่างเช่น คุณกบนอกกะลาหรือกรัชกายอาจหลงเชื่อคุณก็ได้ มันไม่งาม เริ่มยังงี้ก่อนนะ กรัชกายว่า นกตัวนี้สีขาว กำลังคาบกล้วยอยู่ ใครค้านยกมือขึ้น ![]() ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 09 เม.ย. 2016, 08:48 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: หลักภาวนาสั้นๆจำง่ายๆ |
วงแตก คิกๆๆ ![]() ภาวนา แปลว่า การเจริญ, การทำให้มีให้เป็นขึ้นมา อะไรที่มันยังไม่มี ก็ทำให้มันมีมันเป็นขึ้นมา เช่น ไม่มีสติก็ไปภาวนาให้สติมันมีขึ้นมา นี่ความหมายภาวนา ดูคาถานี้ "ดูกรภิกษุทั้งหลาย .... สัตว์โลกเมื่อเกิดมาก็นำทุกข์ประจำสังขารติดมาด้วย ตราบใดที่เขายังไม่สลัดความพอใจในสังขารออก ความทุกข์ก็ย่อมติดตามไปเสมอ เหมือนโคที่ยังมีแอกเกวียนครอบคออยู่ ล้อเกวียน ย่อมติดตามไปทุกฝีก้าว" "ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมชาติของจิตเป็นสิ่งดิ้นรนกลับกลอกง่าย บางคราวปรากฏเหมือนช้างตกมัน ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงเอาสติเป็น ขอสำหรับเหนี่ยวรั้งช้าง คือ จิตที่ดิ้นรนนี้ให้อยู่ในอำนาจ บุคคลผู้มีอำนาจมากที่สุด และควรแก่การสรรเสริญนั้น คือ ผู้ที่สามารถเอาตนของตนเองไว้ในอำนาจได้ สามารถชนะตนเองได้ ผู้ชนะตนเองได้ชื่อว่าเป็นยอดนักรบในสงคราม เธอทั้งหลายจงเป็นยอดนักรบในสงครามเถิด อย่าเป็นผู้แพ้เลย" ต้องลงมือภาวนา คือ ทำให้สติเป็นต้นเจริญขึ้นมา นี่คือปัญหาที่ถามไถ่กันตามบอร์ด เขาเรียกบอร์ดธรรมะทั่วๆไป |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 09 เม.ย. 2016, 09:01 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: หลักภาวนาสั้นๆจำง่ายๆ |
ยังนึกภาพฝึกสติเป็นต้นไม่ออก ก็เปรียบตัวเราเหมือนลิงที่เคยกระโดดโลดเต้นอยู่ตามป่าเขา แล้ววันหนึ่งได้ถูกมนุษย์ผู้ฉลาดจับมาฝึก (สตฺถาเทวมนุสฺสานํ...) ดู https://www.youtube.com/watch?v=Z9O-Wzvijss |
เจ้าของ: | asoka [ 09 เม.ย. 2016, 09:46 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: หลักภาวนาสั้นๆจำง่ายๆ |
![]() แค่ สติ รู้ทัน กับ สัมปชัญญะ รู้ตัว (ทั่วพร้อม) โฮฮับก็ไม่เข้าใจและใช้ไม่ถูกต้องตามธรรมแล้ว ยังงี้จะปฏิบัติธรรมให้บรรลุมรรคผลนิพพานได้อย่างไร เรื่องรู้ทันและเห็นการเกิดดับนั้นมันต้องเกิดขึ้นกับผู้ปฏิบัติจริง จึงจะเกิดญาณปัญญารู้ตามความเป็นจริง โฮฮับมาบอกว่าไม่สามารถเห็นการเกิดดับได้นั้นเป็นการรู้ไม่จริงของโฮฮับอีกเช่นกัน แสดงว่าโฮฮับไม่เคยศึกษาเรื่องของญาณ 16 อย่างจริงจัง สันตติบังอนิจจัง อิริยาบถ 4 บังทุกขัง ฆนะบังอนัตตา เมื่อสติปัญญาได้รับการฝึกฝนอบรมจนคมกล้า จะรู้ทันเห็นทันสันตติ จนเห็นช่วงสืบต่อของสันตติท่านเรียกญาณปัญญาตอนนี้ว่า อุทัพยะญาณ=ปัญญาเห็นการเกิดดับ ผ่านตอนนี้ไปก็จะเกิดภังคญาณ ปัญญาเห็นแต่การดับไปๆ แต่เพียงอย่างเดียวไม่มีอื่น กบเคยรู้บ้างละยังสิ่งเหล่านี้ ![]() |
เจ้าของ: | asoka [ 09 เม.ย. 2016, 10:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: หลักภาวนาสั้นๆจำง่ายๆ |
![]() วิธีปฏิบัติ ให้ “จิตรวม” เข้าสู่ความเป็น “หนึ่ง”. กำหนด “สติ” ตั้งมั่นอยู่ใน “ลมหายใจ” “อารมณ์อื่น” เกิดขึ้นหรือผ่านมา ไม่ต้องติดตามเกี่ยวข้อง กำหนดอยู่กับ "ลมเรื่อยไป" จนลมละเอียดเข้าไป สงบลง "ดูลม" ไม่ให้ "เอาลม" ให้ "ใจ" เข้าสู่ "ดวงรู้" "จุดรู้" เข้าสู่ "จุดนั้น" น้อมเข้า น้อม ใจ เข้าสู่ "จุดรู้" เลย . ”รู้” อยู่ ใน “จุดรู้” “จุดเดียว” ให้รู้อยู่ ใน"จุดรู้" อยู่อย่างเดียว ประคองเข้าสู่ "จุดนั้น" รักษา "ความรู้สึก" ไว้ใน "จุดเดียว" ถือเอา "ความรู้สึก" นั้นให้ "ไปรวม" อยู่ในที่ "จุดเดียว" หรือมิฉะนั้นให้ กลั้นลมหายใจ มันจะ จดจ่อ เป็นที่ ตั้งของใจ เมื่อได้ที่ตั้งแล้ว ให้ "จำตรงนั้น" ประคองความรู้สึกไว้ที่ "ตรงนั้น" ให้มันอยู่ ให้ มัน "ติดตรงจุดนั้น" ให้ได้ เมื่อตั้งจนชำนิชำนาญ “จิต” มันจะติดตรงนั้น เมื่อ “ใจ” มันติดตรงจุดนั้นได้ มันก็วางข้างนอก มันไม่ไปต่อข้างนอก “มันจะต่อจุดนั้นอย่างเดียว” เมื่อมันแน่วอยู่ใน”จุดเดียว” แล้วมันเป็น “สมาธิเบื้องต้น “ “รักษาจิต”ให้อยู่ใน “จุดนั้น” มากขึ้นเท่าใด ใจก็จะ “มั่นคง”มากขึ้นเท่านั้น เป็น “เอกัคตาจิต” จิตมีอารมณ์เป็น อันเดียว อยู่ใน จุดที่ตั้ง นั้น เป็นสภาวะธรรมของ “จิตหนึ่ง” หลวงปู่ชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี สติอยู่กับลม สติอยู่กับผู้รู้ มีเพียง 2 ขั้นตอนเท่านี้ นี่คือความง่ายของการภาวนา ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 3 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |