ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ทรรศนะของศาสนาพุทธ ต่อพระเจ้า (ผู้สร้าง) http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=52182 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | montasavi [ 01 เม.ย. 2016, 12:15 ] |
หัวข้อกระทู้: | ทรรศนะของศาสนาพุทธ ต่อพระเจ้า (ผู้สร้าง) |
... ดูอ้างอิงข้อมูลที่ : https://docs.google.com/uc?authuser=0&i ... t=download ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 01 เม.ย. 2016, 16:20 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทรรศนะของศาสนาพุทธ ต่อพระเจ้า (ผู้สร้าง) |
ลิงค์ทีวางไว้ดูไม่ไม่ได้ ตามที่ จขกท.อ่าน แล้วเข้าใจโลกที่ว่านั่นได้แก่ อะไร ? ถึงเต็มไปด้วยกิเลส ตัณหา อุปาทาน |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 01 เม.ย. 2016, 17:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทรรศนะของศาสนาพุทธ ต่อพระเจ้า (ผู้สร้าง) |
มันเป็น pdf ไฟล์..กรัชกาย.. |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 01 เม.ย. 2016, 17:52 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทรรศนะของศาสนาพุทธ ต่อพระเจ้า (ผู้สร้าง) |
อ้อ รู้แระ ![]() ถ้าว่าโลกคือหมู่สัตว์ หรือคน (แต่ไม่ใช่คนตามความหมายโฮฮับนะ),มนุษย์ เพราะคนหรือมนุษย์ปุถุชนทุกยุคทุกสมัยมีกิเลส ตัณหา อุปาทาน ทุกคนมากบ้างน้อยบ้าง นี่หายสงสัย แค่นี้พอ พุทธพักที่คนเป็นสำคัญ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 01 เม.ย. 2016, 21:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทรรศนะของศาสนาพุทธ ต่อพระเจ้า (ผู้สร้าง) |
ความหมายวิปัสสนาสั้นๆ ที่ทำงานร่วมกับสติ แต่เบื้องต้นเรียกสัมปชัญญะ (สติ+สัมปชัญญะ) ![]() สติไม่ใช่ตัววิปัสสนา ปัญญาหรือการใช้ปัญญาต่างหาก เป็นวิปัสสนา แต่ปัญญาจะได้โอกาส และจะทำงานได้อย่างปลอดโปร่งเต็มที่ ก็ต่อเมื่อมีสติคอยช่วยกำกับหนุนอยู่ด้วย ดังนั้น การฝึกสติจึงมีความสำคัญมากในวิปัสสนา สัมปชัญญะ ก็ดี ธรรมวิจัย ก็ดี หรือปัญญาในชื่ออื่นๆก็ดี ที่ทำงานให้เกิดความเห็นแจ้ง รู้เข้าใจสิ่งทั้งหลายตรงตามสภาวะที่มันเป็น เพื่อให้จิตหลุดพ้นเป็นอิสระ นี่คือ วิปัสสนา |
เจ้าของ: | โฮฮับ [ 02 เม.ย. 2016, 09:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทรรศนะของศาสนาพุทธ ต่อพระเจ้า (ผู้สร้าง) |
กรัชกาย เขียน: ความหมายวิปัสสนาสั้นๆ ที่ทำงานร่วมกับสติ แต่เบื้องต้นเรียกสัมปชัญญะ (สติ+สัมปชัญญะ) ![]() สติไม่ใช่ตัววิปัสสนา ปัญญาหรือการใช้ปัญญาต่างหาก เป็นวิปัสสนา แต่ปัญญาจะได้โอกาส และจะทำงานได้อย่างปลอดโปร่งเต็มที่ ก็ต่อเมื่อมีสติคอยช่วยกำกับหนุนอยู่ด้วย ดังนั้น การฝึกสติจึงมีความสำคัญมากในวิปัสสนา สัมปชัญญะ ก็ดี ธรรมวิจัย ก็ดี หรือปัญญาในชื่ออื่นๆก็ดี ที่ทำงานให้เกิดความเห็นแจ้ง รู้เข้าใจสิ่งทั้งหลายตรงตามสภาวะที่มันเป็น เพื่อให้จิตหลุดพ้นเป็นอิสระ นี่คือ วิปัสสนา หลักในการวิปัสสนา ต้องประกอบด้วย องค์ธรรมในโพชฌงค์ทั้งหมด |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 02 เม.ย. 2016, 17:34 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทรรศนะของศาสนาพุทธ ต่อพระเจ้า (ผู้สร้าง) |
โฮฮับ เขียน: กรัชกาย เขียน: ความหมายวิปัสสนาสั้นๆ ที่ทำงานร่วมกับสติ แต่เบื้องต้นเรียกสัมปชัญญะ (สติ+สัมปชัญญะ) ![]() สติไม่ใช่ตัววิปัสสนา ปัญญาหรือการใช้ปัญญาต่างหาก เป็นวิปัสสนา แต่ปัญญาจะได้โอกาส และจะทำงานได้อย่างปลอดโปร่งเต็มที่ ก็ต่อเมื่อมีสติคอยช่วยกำกับหนุนอยู่ด้วย ดังนั้น การฝึกสติจึงมีความสำคัญมากในวิปัสสนา สัมปชัญญะ ก็ดี ธรรมวิจัย ก็ดี หรือปัญญาในชื่ออื่นๆก็ดี ที่ทำงานให้เกิดความเห็นแจ้ง รู้เข้าใจสิ่งทั้งหลายตรงตามสภาวะที่มันเป็น เพื่อให้จิตหลุดพ้นเป็นอิสระ นี่คือ วิปัสสนา หลักในการวิปัสสนา ต้องประกอบด้วย องค์ธรรมในโพชฌงค์ทั้งหมด ก็บอกแล้วว่าความหมายวิปัสสนาสั้นๆ เริ่มต้นปฏิบัติให้ถูก แล้วโพชฌงค์เข้าหมด อย่าว่าแต่โพชฌงค์ 10 เลย โพธิปักขิยธรรม 37 ประการก็เข้าหมด ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 02 เม.ย. 2016, 17:36 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทรรศนะของศาสนาพุทธ ต่อพระเจ้า (ผู้สร้าง) |
ยังงั้นก็เอาให้หมด สติปัฏฐาน เป็นอาหารของโพชฌงค์ ความจริงนั้น สติไม่ใช่ตัววิปัสสนา ปัญญาหรือการใช้ปัญญาต่างหาก เป็นวิปัสสนา แต่ปัญญาจะได้โอกาส และจะทำงานได้อย่างปลอดโปร่งเต็มที่ ก็ต่อเมื่อมีสติคอยช่วยกำกับหนุนอยู่ด้วยเหตุผลดังกล่าวแล้วข้างต้น การฝึกสติจึงมีความสำคัญมากในวิปัสสนา พูดอีกอย่างหนึ่งว่า การฝึกสติ ก็เพื่อใช้ปัญญาได้เต็มที่ ่ หรือเป็นการฝึกปัญญาไปด้วยนั่นเอง ในภาษาของการปฏิบัติธรรม เมื่อพูดถึงสติ ก็มักเล็งและรวมถึงสัมปชัญญะที่ควบอยู่ด้วย และสติจะมีกำลังกล้าแข็ง หรือชำนาญคล่องแคล่วขึ้นได้ ก็เพราะมีปัญญาร่วมทำงาน ปัญญาที่ทำงานร่วมอยู่กับสติในกิจทั่วๆไป มักมีลักษณะอาการที่เรียกว่าสัมปชัญญะ ในขั้นนี้ ปัญญายังดูคล้ายเป็นตัวประกอบ คอยร่วมมือและประสานงานอยู่กับสติ การพูดจากล่าวขานมักเพ่งเล็งไปที่สติ เอาสติเป็นตัวหลักหรือตัวเด่น แต่ในขั้นที่ใช้ปัญญาพินิจพิจารณาอย่างจริงจัง ความเด่นจะไปอยู่ที่ปัญญา สติจะเป็นเหมือนตัวที่คอยรับใช้ปัญญา ปัญญาที่ทำงานในระดับนี้ เช่นที่เรียกว่า ธรรมวิจัย ในโพชฌงค์ ๗ ประการ เป็นต้น ถึงตรงนี้ เห็นควรทบทวนหลักซึ่งได้แสดงไว้ตั้งแต่เริ่มมัชฌิมาปฏิปทา ที่ว่า สติปัฏฐาน ๔ เป็นอาหารหล่อเลี้ยงโพชฌงค์ ๗ และโพชฌงค์ ๗ นั้น ก็หล่อเลี้ยงวิชชาและวิมุตติ โดยยกพุทธพจน์มาย้ำ ดังนี้ "ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าววิชชาและวิมุตติว่ามีอาหาร มิใช่ไร้อาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของวิชชาและวิมุตติ พึงกล่าวว่า คือ โพชฌงค์ ๗ แม้โพชฌงค์ ๗ เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิใช่ไร้อาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของโพชฌงค์ ๗ พึงกล่าวว่า คือ สติปัฏฐาน ๔ " "สติปัฏฐาน ๔ ที่บริบูรณ์ ย่อมยังโพชฌงค์ ๗ ให้บริบูรณ์ โพชฌงค์ ๗ ที่บริบูรณ์ ย่อมยังวิชชา และวิมุตติให้บริบูรณ์ วิชชาและวิมุตตินี้ มีอาหารอย่างนี้ และบริบูรณ์อย่างนี้" ตามพุทธพจน์นี้ ชัดว่า โพชฌงค์ ๗ เป็นธรรมที่ส่งผลแก่วิชชาวิมุตติ เท่ากับเป็นตัวที่ให้สำเร็จมรรคผล ส่วนสติปัฏฐานก็ช่วยโดยหล่อเลี้ยงโพชฌงค์ ๗ นั้น พุทธพจน์นี้ ช่วยให้มองวิปัสสนาได้ชัดขึ้น ในสติปัฏฐานนั้น สติทำงานเป็นพื้นยืนโรงอยู่ ปัญญาในชื่อว่าสัมปชัญญะก็ได้โอกาสทำงานไปด้วย โดยรู้เข้าใจทุกอย่างที่สติจับดึงตรึงไว้หรือเข้าไปถึง สติจับอันใดให้สัมปชัญญะก็รู้เข้าใจอันนั้น เหมือนว่ามือจับอะไรเสนอมา ตาก็ได้ดูเห็นสิ่งนั้น ส่วนโพชฌงค์ ก็คือ บนพื้นของสติปัฏฐานนี่แหละ คราวนี้สติจับเรื่องส่งให้ปัญญา ที่ชื่อว่าธรรมวิจัย แล้วคราวนี้ปัญญาเป็นเจ้าบทบาทรับเรื่องไปวิจัย เหมือนตาได้ดูต่อเนื่องไปทั่วตลอด ตอนนี้ก็เป็นกระบวนธรรมของปัญญา ที่เรียกว่า โพชฌงค์ ซึ่งแปลว่า "องค์แห่งการตรัสรู้" สัมปชัญญะ ก็ดี ธรรมวิจัย ก็ดี หรือปัญญาในชื่ออื่นๆก็ดี ที่ทำงานให้เกิดความเห็นแจ้ง รู้เข้าใจสิ่งทั้งหลายตรงตามสภาวะที่มันเป็น เพื่อให้จิตหลุดพ้นเป็นอิสระ นี่แหละ คือ วิปัสสนา |
เจ้าของ: | โฮฮับ [ 02 เม.ย. 2016, 18:54 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทรรศนะของศาสนาพุทธ ต่อพระเจ้า (ผู้สร้าง) |
กรัชกาย เขียน: โฮฮับ เขียน: กรัชกาย เขียน: ความหมายวิปัสสนาสั้นๆ ที่ทำงานร่วมกับสติ แต่เบื้องต้นเรียกสัมปชัญญะ (สติ+สัมปชัญญะ) ![]() สติไม่ใช่ตัววิปัสสนา ปัญญาหรือการใช้ปัญญาต่างหาก เป็นวิปัสสนา แต่ปัญญาจะได้โอกาส และจะทำงานได้อย่างปลอดโปร่งเต็มที่ ก็ต่อเมื่อมีสติคอยช่วยกำกับหนุนอยู่ด้วย ดังนั้น การฝึกสติจึงมีความสำคัญมากในวิปัสสนา สัมปชัญญะ ก็ดี ธรรมวิจัย ก็ดี หรือปัญญาในชื่ออื่นๆก็ดี ที่ทำงานให้เกิดความเห็นแจ้ง รู้เข้าใจสิ่งทั้งหลายตรงตามสภาวะที่มันเป็น เพื่อให้จิตหลุดพ้นเป็นอิสระ นี่คือ วิปัสสนา หลักในการวิปัสสนา ต้องประกอบด้วย องค์ธรรมในโพชฌงค์ทั้งหมด ก็บอกแล้วว่าความหมายวิปัสสนาสั้นๆ เริ่มต้นปฏิบัติให้ถูก แล้วโพชฌงค์เข้าหมด อย่าว่าแต่โพชฌงค์ 10 เลย โพธิปักขิยธรรม 37 ประการก็เข้าหมด ![]() ก็ไอ้สั้นๆของกรัชกายมันมั่ว สติกับสัมปชัญญะ มันเป็นคนละองค์ธรรมกัน มันเป็นอนัตตาเกิดพร้อมกันไม่ได้....ดันทลึ่งบอกว่า สติ+สัมปชัญญะ ![]() |
เจ้าของ: | โฮฮับ [ 02 เม.ย. 2016, 19:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทรรศนะของศาสนาพุทธ ต่อพระเจ้า (ผู้สร้าง) |
กรัชกาย เขียน: ยังงั้นก็เอาให้หมด สติปัฏฐาน เป็นอาหารของโพชฌงค์ ความจริงนั้น สติไม่ใช่ตัววิปัสสนา ปัญญาหรือการใช้ปัญญาต่างหาก เป็นวิปัสสนา แต่ปัญญาจะได้โอกาส และจะทำงานได้อย่างปลอดโปร่งเต็มที่ ก็ต่อเมื่อมีสติคอยช่วยกำกับหนุนอยู่ด้วยเหตุผลดังกล่าวแล้วข้างต้น การฝึกสติจึงมีความสำคัญมากในวิปัสสนา เลอะเทอะ! หลักของการทำวิปัสสนาคือโพชฌงค์ และองค์มรรคแห่งโพชฌงค์ ก็คือองค์ธรรม๗นี้... สติ.......... (สติสัมโพชฌงค์) ธัมมวิจยะ... (ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์) วิริยะ........ (วิริยสัมโพชฌงค์) ปีติ.......... (ปีติสัมโพชฌงค์) ปัสสัทธิ...... (ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์) สมาธิ........ (สมาธิสัมโพชฌงค์) อุเบกขา..... (อุเบกขาสัมโพชฌงค์) การจะวิปัสสนาธรรมที่เป็นปัจจุบันธรรม ต้องอาศัยองค์ธรรมทั้ง๗ร่วมกันพิจารณาธรรม ซึ่งเรียกว่า วิปัสสนากรรมฐาน ส่วนอาหารของโพชฌงค์....... อาหารของโพชฌงค์ ๗ [๓๖๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายนี้มีอาหารเป็นที่ตั้ง ดำรงอยู่ได้เพราะอาศัยอาหาร ไม่มีอาหารดำรงอยู่ไม่ได้ แม้ฉันใด โพชฌงค์ ๗ ก็มีอาหารเป็นที่ตั้ง ดำรงอยู่ได้เพราะอาศัยอาหาร ไม่มีอาหารดำรงอยู่ไม่ได้ ฉันนั้นเหมือนกัน. [๓๖๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้สติสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายเป็นที่ตั้งแห่งสติสัม- *โพชฌงค์ มีอยู่ การกระทำให้มากซึ่งโยนิโสมนสิการในธรรมเหล่านั้น นี้เป็นอาหารให้สติสัม- *โพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์. [๓๖๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้ธรรมวิจยสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายที่เป็นกุศลและ อกุศลที่มีโทษ และไม่มีโทษ ที่เลวและประณีต ที่เป็นฝ่ายดำและฝ่ายขาว มีอยู่ การกระทำให้มาก ซึ่งโยนิโสมนสิการในธรรมเหล่านั้น นี้เป็นอาหารให้ธรรมวิจยสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์. [๓๖๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้วิริยสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความริเริ่ม ความพยายาม ความบากบั่น มีอยู่ การกระทำให้มากซึ่งโยนิโสมนสิการในสิ่งเหล่านี้ นี้เป็นอาหารให้วิริยสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์. [๓๖๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้ปีติสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายเป็นที่ตั้งแห่งปีติสัมโพชฌงค์ มีอยู่ การกระทำให้มากซึ่งโยนิโสมนสิการในธรรมเหล่านั้น นี้เป็นอาหารให้ปีติสัมโพชฌงค์ที่ยัง ไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์. [๓๖๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความสงบกาย ความสงบจิต มีอยู่ การกระทำให้มากซึ่งโยนิโสมนสิการในความสงบนั้น นี้เป็นอาหารให้ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์. [๓๗๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้สมาธิสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์? ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมาธินิมิต อัพยัคคนิมิต ๑- มีอยู่ การกระทำให้มากซึ่งโยนิโสมนสิการในนิมิตนั้น นี้เป็นอาหารให้สมาธิสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์. [๓๗๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้อุเบกขาสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายเป็นที่ตั้งแห่ง อุเบกขาสัมโพชฌงค์ มีอยู่ การกระทำให้มากซึ่งโยนิโสมนสิการในธรรมเหล่านั้น นี้เป็นอาหาร ให้อุเบกขาสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์. [๓๗๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายนี้มีอาหารเป็นที่ตั้ง ดำรงอยู่ได้เพราะอาศัยอาหาร ไม่มีอาหารดำรงอยู่ไม่ได้ แม้ฉันใด โพชฌงค์ ๗ เหล่านี้ ก็มีอาหารเป็นที่ตั้ง ดำรงอยู่ได้เพราะ อาศัยอาหาร ไม่มีอาหารดำรงอยู่ไม่ได้ ฉันนั้นเหมือนกัน. |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 02 เม.ย. 2016, 19:44 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทรรศนะของศาสนาพุทธ ต่อพระเจ้า (ผู้สร้าง) |
โฮฮับ เขียน: กรัชกาย เขียน: โฮฮับ เขียน: กรัชกาย เขียน: ความหมายวิปัสสนาสั้นๆ ที่ทำงานร่วมกับสติ แต่เบื้องต้นเรียกสัมปชัญญะ (สติ+สัมปชัญญะ) ![]() สติไม่ใช่ตัววิปัสสนา ปัญญาหรือการใช้ปัญญาต่างหาก เป็นวิปัสสนา แต่ปัญญาจะได้โอกาส และจะทำงานได้อย่างปลอดโปร่งเต็มที่ ก็ต่อเมื่อมีสติคอยช่วยกำกับหนุนอยู่ด้วย ดังนั้น การฝึกสติจึงมีความสำคัญมากในวิปัสสนา สัมปชัญญะ ก็ดี ธรรมวิจัย ก็ดี หรือปัญญาในชื่ออื่นๆก็ดี ที่ทำงานให้เกิดความเห็นแจ้ง รู้เข้าใจสิ่งทั้งหลายตรงตามสภาวะที่มันเป็น เพื่อให้จิตหลุดพ้นเป็นอิสระ นี่คือ วิปัสสนา หลักในการวิปัสสนา ต้องประกอบด้วย องค์ธรรมในโพชฌงค์ทั้งหมด ก็บอกแล้วว่าความหมายวิปัสสนาสั้นๆ เริ่มต้นปฏิบัติให้ถูก แล้วโพชฌงค์เข้าหมด อย่าว่าแต่โพชฌงค์ 10 เลย โพธิปักขิยธรรม 37 ประการก็เข้าหมด ![]() ก็ไอ้สั้นๆของกรัชกายมันมั่ว สติกับสัมปชัญญะ มันเป็นคนละองค์ธรรมกัน มันเป็นอนัตตาเกิดพร้อมกันไม่ได้....ดันทลึ่งบอกว่า สติ+สัมปชัญญะ ![]() http://f.ptcdn.info/825/040/000/o3usgsd ... YybS-o.jpg รู้จักสัมปยุตธรรมมั้ยล่ะ ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 02 เม.ย. 2016, 19:51 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทรรศนะของศาสนาพุทธ ต่อพระเจ้า (ผู้สร้าง) |
โฮฮับ เขียน: กรัชกาย เขียน: ยังงั้นก็เอาให้หมด สติปัฏฐาน เป็นอาหารของโพชฌงค์ ความจริงนั้น สติไม่ใช่ตัววิปัสสนา ปัญญาหรือการใช้ปัญญาต่างหาก เป็นวิปัสสนา แต่ปัญญาจะได้โอกาส และจะทำงานได้อย่างปลอดโปร่งเต็มที่ ก็ต่อเมื่อมีสติคอยช่วยกำกับหนุนอยู่ด้วยเหตุผลดังกล่าวแล้วข้างต้น การฝึกสติจึงมีความสำคัญมากในวิปัสสนา เลอะเทอะ! หลักของการทำวิปัสสนาคือโพชฌงค์ และองค์มรรคแห่งโพชฌงค์ ก็คือองค์ธรรม๗นี้... สติ.......... (สติสัมโพชฌงค์) ธัมมวิจยะ... (ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์) วิริยะ........ (วิริยสัมโพชฌงค์) ปีติ.......... (ปีติสัมโพชฌงค์) ปัสสัทธิ...... (ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์) สมาธิ........ (สมาธิสัมโพชฌงค์) อุเบกขา..... (อุเบกขาสัมโพชฌงค์) การจะวิปัสสนาธรรมที่เป็นปัจจุบันธรรม ต้องอาศัยองค์ธรรมทั้ง๗ร่วมกันพิจารณาธรรม ซึ่งเรียกว่า วิปัสสนากรรมฐาน ส่วนอาหารของโพชฌงค์....... อาหารของโพชฌงค์ ๗ [๓๖๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายนี้มีอาหารเป็นที่ตั้ง ดำรงอยู่ได้เพราะอาศัยอาหาร ไม่มีอาหารดำรงอยู่ไม่ได้ แม้ฉันใด โพชฌงค์ ๗ ก็มีอาหารเป็นที่ตั้ง ดำรงอยู่ได้เพราะอาศัยอาหาร ไม่มีอาหารดำรงอยู่ไม่ได้ ฉันนั้นเหมือนกัน. [๓๖๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้สติสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายเป็นที่ตั้งแห่งสติสัม- *โพชฌงค์ มีอยู่ การกระทำให้มากซึ่งโยนิโสมนสิการในธรรมเหล่านั้น นี้เป็นอาหารให้สติสัม- *โพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์. [๓๖๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้ธรรมวิจยสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายที่เป็นกุศลและ อกุศลที่มีโทษ และไม่มีโทษ ที่เลวและประณีต ที่เป็นฝ่ายดำและฝ่ายขาว มีอยู่ การกระทำให้มาก ซึ่งโยนิโสมนสิการในธรรมเหล่านั้น นี้เป็นอาหารให้ธรรมวิจยสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์. [๓๖๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้วิริยสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความริเริ่ม ความพยายาม ความบากบั่น มีอยู่ การกระทำให้มากซึ่งโยนิโสมนสิการในสิ่งเหล่านี้ นี้เป็นอาหารให้วิริยสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์. [๓๖๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้ปีติสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายเป็นที่ตั้งแห่งปีติสัมโพชฌงค์ มีอยู่ การกระทำให้มากซึ่งโยนิโสมนสิการในธรรมเหล่านั้น นี้เป็นอาหารให้ปีติสัมโพชฌงค์ที่ยัง ไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์. [๓๖๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความสงบกาย ความสงบจิต มีอยู่ การกระทำให้มากซึ่งโยนิโสมนสิการในความสงบนั้น นี้เป็นอาหารให้ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์. [๓๗๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้สมาธิสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์? ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมาธินิมิต อัพยัคคนิมิต ๑- มีอยู่ การกระทำให้มากซึ่งโยนิโสมนสิการในนิมิตนั้น นี้เป็นอาหารให้สมาธิสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์. [๓๗๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้อุเบกขาสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายเป็นที่ตั้งแห่ง อุเบกขาสัมโพชฌงค์ มีอยู่ การกระทำให้มากซึ่งโยนิโสมนสิการในธรรมเหล่านั้น นี้เป็นอาหาร ให้อุเบกขาสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์. [๓๗๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายนี้มีอาหารเป็นที่ตั้ง ดำรงอยู่ได้เพราะอาศัยอาหาร ไม่มีอาหารดำรงอยู่ไม่ได้ แม้ฉันใด โพชฌงค์ ๗ เหล่านี้ ก็มีอาหารเป็นที่ตั้ง ดำรงอยู่ได้เพราะ อาศัยอาหาร ไม่มีอาหารดำรงอยู่ไม่ได้ ฉันนั้นเหมือนกัน. ตัวหนังสือเป็นยังงั้น แต่เมื่อองค์ธรรมประกอบกับจิต (สัมปยุตธรรม) แล้ว มิได้เป็นอย่างมโนหรอกอ่ะ ![]() อ่านหนังสือจับประเด็นให้ได้ตอนหนึ่ง ขณะที่ผู้นั้นเดินจงกรมก็ดี กำหนดกัมมัฏฐานก็ดีนี่ตอนหนึ่ง |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 02 เม.ย. 2016, 20:37 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทรรศนะของศาสนาพุทธ ต่อพระเจ้า (ผู้สร้าง) |
https://www.youtube.com/watch?v=thuSgMwRhvE โฮฮับ เราแลเห็นสัมผัสได้เฉพาะสิ่งที่เป็นรูปธรรมที่มนุษย์แสดงออกทางกายทางวาจาเท่านั้น แต่นามธรรมที่ประกอบกันเกิดๆดับๆอยู่ภายในจิตใจ มองไม่เห็น หรือโฮฮับแลเห็น ถ้าเห็นไหนลองว่ามาสิมีอะไรบ้าง ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |