ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ทรรศนะของศาสนาพุทธ ต่อพระเจ้า (ผู้สร้าง)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=52182
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  montasavi [ 01 เม.ย. 2016, 12:15 ]
หัวข้อกระทู้:  ทรรศนะของศาสนาพุทธ ต่อพระเจ้า (ผู้สร้าง)

... ดูอ้างอิงข้อมูลที่ : https://docs.google.com/uc?authuser=0&i ... t=download

รูปภาพ

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 01 เม.ย. 2016, 16:20 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทรรศนะของศาสนาพุทธ ต่อพระเจ้า (ผู้สร้าง)

ลิงค์ทีวางไว้ดูไม่ไม่ได้

ตามที่ จขกท.อ่าน แล้วเข้าใจโลกที่ว่านั่นได้แก่ อะไร ? ถึงเต็มไปด้วยกิเลส ตัณหา อุปาทาน

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 01 เม.ย. 2016, 17:04 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทรรศนะของศาสนาพุทธ ต่อพระเจ้า (ผู้สร้าง)

มันเป็น pdf ไฟล์..กรัชกาย..

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 01 เม.ย. 2016, 17:52 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทรรศนะของศาสนาพุทธ ต่อพระเจ้า (ผู้สร้าง)

อ้อ รู้แระ :b1: แต่ก็ยังไม่วายสงสัย

ถ้าว่าโลกคือหมู่สัตว์ หรือคน (แต่ไม่ใช่คนตามความหมายโฮฮับนะ),มนุษย์ เพราะคนหรือมนุษย์ปุถุชนทุกยุคทุกสมัยมีกิเลส ตัณหา อุปาทาน ทุกคนมากบ้างน้อยบ้าง นี่หายสงสัย แค่นี้พอ พุทธพักที่คนเป็นสำคัญ

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 01 เม.ย. 2016, 21:14 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทรรศนะของศาสนาพุทธ ต่อพระเจ้า (ผู้สร้าง)

ความหมายวิปัสสนาสั้นๆ ที่ทำงานร่วมกับสติ แต่เบื้องต้นเรียกสัมปชัญญะ (สติ+สัมปชัญญะ)

รูปภาพ

สติไม่ใช่ตัววิปัสสนา ปัญญาหรือการใช้ปัญญาต่างหาก เป็นวิปัสสนา
แต่ปัญญาจะได้โอกาส และจะทำงานได้อย่างปลอดโปร่งเต็มที่ ก็ต่อเมื่อมีสติคอยช่วยกำกับหนุนอยู่ด้วย ดังนั้น การฝึกสติจึงมีความสำคัญมากในวิปัสสนา

สัมปชัญญะ ก็ดี ธรรมวิจัย ก็ดี หรือปัญญาในชื่ออื่นๆก็ดี ที่ทำงานให้เกิดความเห็นแจ้ง รู้เข้าใจสิ่งทั้งหลายตรงตามสภาวะที่มันเป็น เพื่อให้จิตหลุดพ้นเป็นอิสระ นี่คือ วิปัสสนา

เจ้าของ:  โฮฮับ [ 02 เม.ย. 2016, 09:23 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทรรศนะของศาสนาพุทธ ต่อพระเจ้า (ผู้สร้าง)

กรัชกาย เขียน:
ความหมายวิปัสสนาสั้นๆ ที่ทำงานร่วมกับสติ แต่เบื้องต้นเรียกสัมปชัญญะ (สติ+สัมปชัญญะ)

รูปภาพ

สติไม่ใช่ตัววิปัสสนา ปัญญาหรือการใช้ปัญญาต่างหาก เป็นวิปัสสนา
แต่ปัญญาจะได้โอกาส และจะทำงานได้อย่างปลอดโปร่งเต็มที่ ก็ต่อเมื่อมีสติคอยช่วยกำกับหนุนอยู่ด้วย ดังนั้น การฝึกสติจึงมีความสำคัญมากในวิปัสสนา

สัมปชัญญะ ก็ดี ธรรมวิจัย ก็ดี หรือปัญญาในชื่ออื่นๆก็ดี ที่ทำงานให้เกิดความเห็นแจ้ง รู้เข้าใจสิ่งทั้งหลายตรงตามสภาวะที่มันเป็น เพื่อให้จิตหลุดพ้นเป็นอิสระ นี่คือ วิปัสสนา


หลักในการวิปัสสนา ต้องประกอบด้วย องค์ธรรมในโพชฌงค์ทั้งหมด

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 02 เม.ย. 2016, 17:34 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทรรศนะของศาสนาพุทธ ต่อพระเจ้า (ผู้สร้าง)

โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ความหมายวิปัสสนาสั้นๆ ที่ทำงานร่วมกับสติ แต่เบื้องต้นเรียกสัมปชัญญะ (สติ+สัมปชัญญะ)

รูปภาพ

สติไม่ใช่ตัววิปัสสนา ปัญญาหรือการใช้ปัญญาต่างหาก เป็นวิปัสสนา
แต่ปัญญาจะได้โอกาส และจะทำงานได้อย่างปลอดโปร่งเต็มที่ ก็ต่อเมื่อมีสติคอยช่วยกำกับหนุนอยู่ด้วย ดังนั้น การฝึกสติจึงมีความสำคัญมากในวิปัสสนา

สัมปชัญญะ ก็ดี ธรรมวิจัย ก็ดี หรือปัญญาในชื่ออื่นๆก็ดี ที่ทำงานให้เกิดความเห็นแจ้ง รู้เข้าใจสิ่งทั้งหลายตรงตามสภาวะที่มันเป็น เพื่อให้จิตหลุดพ้นเป็นอิสระ นี่คือ วิปัสสนา


หลักในการวิปัสสนา ต้องประกอบด้วย องค์ธรรมในโพชฌงค์ทั้งหมด


ก็บอกแล้วว่าความหมายวิปัสสนาสั้นๆ

เริ่มต้นปฏิบัติให้ถูก แล้วโพชฌงค์เข้าหมด

อย่าว่าแต่โพชฌงค์ 10 เลย โพธิปักขิยธรรม 37 ประการก็เข้าหมด :b1:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 02 เม.ย. 2016, 17:36 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทรรศนะของศาสนาพุทธ ต่อพระเจ้า (ผู้สร้าง)

ยังงั้นก็เอาให้หมด

สติปัฏฐาน เป็นอาหารของโพชฌงค์

ความจริงนั้น สติไม่ใช่ตัววิปัสสนา ปัญญาหรือการใช้ปัญญาต่างหาก เป็นวิปัสสนา แต่ปัญญาจะได้โอกาส และจะทำงานได้อย่างปลอดโปร่งเต็มที่ ก็ต่อเมื่อมีสติคอยช่วยกำกับหนุนอยู่ด้วยเหตุผลดังกล่าวแล้วข้างต้น การฝึกสติจึงมีความสำคัญมากในวิปัสสนา


พูดอีกอย่างหนึ่งว่า การฝึกสติ ก็เพื่อใช้ปัญญาได้เต็มที่ ่ หรือเป็นการฝึกปัญญาไปด้วยนั่นเอง ในภาษาของการปฏิบัติธรรม เมื่อพูดถึงสติ ก็มักเล็งและรวมถึงสัมปชัญญะที่ควบอยู่ด้วย และสติจะมีกำลังกล้าแข็ง หรือชำนาญคล่องแคล่วขึ้นได้ ก็เพราะมีปัญญาร่วมทำงาน


ปัญญาที่ทำงานร่วมอยู่กับสติในกิจทั่วๆไป มักมีลักษณะอาการที่เรียกว่าสัมปชัญญะ ในขั้นนี้ ปัญญายังดูคล้ายเป็นตัวประกอบ คอยร่วมมือและประสานงานอยู่กับสติ การพูดจากล่าวขานมักเพ่งเล็งไปที่สติ เอาสติเป็นตัวหลักหรือตัวเด่น แต่ในขั้นที่ใช้ปัญญาพินิจพิจารณาอย่างจริงจัง ความเด่นจะไปอยู่ที่ปัญญา สติจะเป็นเหมือนตัวที่คอยรับใช้ปัญญา ปัญญาที่ทำงานในระดับนี้ เช่นที่เรียกว่า ธรรมวิจัย ในโพชฌงค์ ๗ ประการ เป็นต้น

ถึงตรงนี้ เห็นควรทบทวนหลักซึ่งได้แสดงไว้ตั้งแต่เริ่มมัชฌิมาปฏิปทา ที่ว่า สติปัฏฐาน ๔ เป็นอาหารหล่อเลี้ยงโพชฌงค์ ๗ และโพชฌงค์ ๗ นั้น ก็หล่อเลี้ยงวิชชาและวิมุตติ โดยยกพุทธพจน์มาย้ำ ดังนี้

"ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าววิชชาและวิมุตติว่ามีอาหาร มิใช่ไร้อาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของวิชชาและวิมุตติ พึงกล่าวว่า คือ โพชฌงค์ ๗ แม้โพชฌงค์ ๗ เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิใช่ไร้อาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของโพชฌงค์ ๗ พึงกล่าวว่า คือ สติปัฏฐาน ๔ "

"สติปัฏฐาน ๔ ที่บริบูรณ์ ย่อมยังโพชฌงค์ ๗ ให้บริบูรณ์ โพชฌงค์ ๗ ที่บริบูรณ์ ย่อมยังวิชชา และวิมุตติให้บริบูรณ์ วิชชาและวิมุตตินี้ มีอาหารอย่างนี้ และบริบูรณ์อย่างนี้"

ตามพุทธพจน์นี้ ชัดว่า โพชฌงค์ ๗ เป็นธรรมที่ส่งผลแก่วิชชาวิมุตติ เท่ากับเป็นตัวที่ให้สำเร็จมรรคผล ส่วนสติปัฏฐานก็ช่วยโดยหล่อเลี้ยงโพชฌงค์ ๗ นั้น

พุทธพจน์นี้ ช่วยให้มองวิปัสสนาได้ชัดขึ้น ในสติปัฏฐานนั้น สติทำงานเป็นพื้นยืนโรงอยู่ ปัญญาในชื่อว่าสัมปชัญญะก็ได้โอกาสทำงานไปด้วย โดยรู้เข้าใจทุกอย่างที่สติจับดึงตรึงไว้หรือเข้าไปถึง สติจับอันใดให้สัมปชัญญะก็รู้เข้าใจอันนั้น เหมือนว่ามือจับอะไรเสนอมา ตาก็ได้ดูเห็นสิ่งนั้น

ส่วนโพชฌงค์ ก็คือ บนพื้นของสติปัฏฐานนี่แหละ คราวนี้สติจับเรื่องส่งให้ปัญญา ที่ชื่อว่าธรรมวิจัย แล้วคราวนี้ปัญญาเป็นเจ้าบทบาทรับเรื่องไปวิจัย เหมือนตาได้ดูต่อเนื่องไปทั่วตลอด ตอนนี้ก็เป็นกระบวนธรรมของปัญญา ที่เรียกว่า โพชฌงค์ ซึ่งแปลว่า "องค์แห่งการตรัสรู้"

สัมปชัญญะ ก็ดี ธรรมวิจัย ก็ดี หรือปัญญาในชื่ออื่นๆก็ดี ที่ทำงานให้เกิดความเห็นแจ้ง รู้เข้าใจสิ่งทั้งหลายตรงตามสภาวะที่มันเป็น เพื่อให้จิตหลุดพ้นเป็นอิสระ นี่แหละ คือ วิปัสสนา

เจ้าของ:  โฮฮับ [ 02 เม.ย. 2016, 18:54 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทรรศนะของศาสนาพุทธ ต่อพระเจ้า (ผู้สร้าง)

กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ความหมายวิปัสสนาสั้นๆ ที่ทำงานร่วมกับสติ แต่เบื้องต้นเรียกสัมปชัญญะ (สติ+สัมปชัญญะ)

รูปภาพ

สติไม่ใช่ตัววิปัสสนา ปัญญาหรือการใช้ปัญญาต่างหาก เป็นวิปัสสนา
แต่ปัญญาจะได้โอกาส และจะทำงานได้อย่างปลอดโปร่งเต็มที่ ก็ต่อเมื่อมีสติคอยช่วยกำกับหนุนอยู่ด้วย ดังนั้น การฝึกสติจึงมีความสำคัญมากในวิปัสสนา

สัมปชัญญะ ก็ดี ธรรมวิจัย ก็ดี หรือปัญญาในชื่ออื่นๆก็ดี ที่ทำงานให้เกิดความเห็นแจ้ง รู้เข้าใจสิ่งทั้งหลายตรงตามสภาวะที่มันเป็น เพื่อให้จิตหลุดพ้นเป็นอิสระ นี่คือ วิปัสสนา


หลักในการวิปัสสนา ต้องประกอบด้วย องค์ธรรมในโพชฌงค์ทั้งหมด


ก็บอกแล้วว่าความหมายวิปัสสนาสั้นๆ

เริ่มต้นปฏิบัติให้ถูก แล้วโพชฌงค์เข้าหมด

อย่าว่าแต่โพชฌงค์ 10 เลย โพธิปักขิยธรรม 37 ประการก็เข้าหมด :b1:


ก็ไอ้สั้นๆของกรัชกายมันมั่ว สติกับสัมปชัญญะ มันเป็นคนละองค์ธรรมกัน
มันเป็นอนัตตาเกิดพร้อมกันไม่ได้....ดันทลึ่งบอกว่า สติ+สัมปชัญญะ :b32:

เจ้าของ:  โฮฮับ [ 02 เม.ย. 2016, 19:11 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทรรศนะของศาสนาพุทธ ต่อพระเจ้า (ผู้สร้าง)

กรัชกาย เขียน:
ยังงั้นก็เอาให้หมด

สติปัฏฐาน เป็นอาหารของโพชฌงค์

ความจริงนั้น สติไม่ใช่ตัววิปัสสนา ปัญญาหรือการใช้ปัญญาต่างหาก เป็นวิปัสสนา แต่ปัญญาจะได้โอกาส และจะทำงานได้อย่างปลอดโปร่งเต็มที่ ก็ต่อเมื่อมีสติคอยช่วยกำกับหนุนอยู่ด้วยเหตุผลดังกล่าวแล้วข้างต้น การฝึกสติจึงมีความสำคัญมากในวิปัสสนา


เลอะเทอะ! หลักของการทำวิปัสสนาคือโพชฌงค์ และองค์มรรคแห่งโพชฌงค์
ก็คือองค์ธรรม๗นี้...
สติ.......... (สติสัมโพชฌงค์)
ธัมมวิจยะ... (ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์)
วิริยะ........ (วิริยสัมโพชฌงค์)
ปีติ.......... (ปีติสัมโพชฌงค์)
ปัสสัทธิ...... (ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์)
สมาธิ........ (สมาธิสัมโพชฌงค์)
อุเบกขา..... (อุเบกขาสัมโพชฌงค์)

การจะวิปัสสนาธรรมที่เป็นปัจจุบันธรรม ต้องอาศัยองค์ธรรมทั้ง๗ร่วมกันพิจารณาธรรม
ซึ่งเรียกว่า วิปัสสนากรรมฐาน

ส่วนอาหารของโพชฌงค์.......

อาหารของโพชฌงค์ ๗
[๓๖๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายนี้มีอาหารเป็นที่ตั้ง ดำรงอยู่ได้เพราะอาศัยอาหาร
ไม่มีอาหารดำรงอยู่ไม่ได้ แม้ฉันใด โพชฌงค์ ๗ ก็มีอาหารเป็นที่ตั้ง ดำรงอยู่ได้เพราะอาศัยอาหาร
ไม่มีอาหารดำรงอยู่ไม่ได้ ฉันนั้นเหมือนกัน.
[๓๖๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้สติสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น
หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายเป็นที่ตั้งแห่งสติสัม-
*โพชฌงค์ มีอยู่ การกระทำให้มากซึ่งโยนิโสมนสิการในธรรมเหล่านั้น นี้เป็นอาหารให้สติสัม-
*โพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์.
[๓๖๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้ธรรมวิจยสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด
เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายที่เป็นกุศลและ
อกุศลที่มีโทษ และไม่มีโทษ ที่เลวและประณีต ที่เป็นฝ่ายดำและฝ่ายขาว มีอยู่ การกระทำให้มาก
ซึ่งโยนิโสมนสิการในธรรมเหล่านั้น นี้เป็นอาหารให้ธรรมวิจยสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น
หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์.
[๓๖๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้วิริยสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น
หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความริเริ่ม ความพยายาม ความบากบั่น
มีอยู่ การกระทำให้มากซึ่งโยนิโสมนสิการในสิ่งเหล่านี้ นี้เป็นอาหารให้วิริยสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด
เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์.
[๓๖๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้ปีติสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น
หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายเป็นที่ตั้งแห่งปีติสัมโพชฌงค์
มีอยู่ การกระทำให้มากซึ่งโยนิโสมนสิการในธรรมเหล่านั้น นี้เป็นอาหารให้ปีติสัมโพชฌงค์ที่ยัง
ไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์.
[๓๖๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด
เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความสงบกาย ความสงบจิต
มีอยู่ การกระทำให้มากซึ่งโยนิโสมนสิการในความสงบนั้น นี้เป็นอาหารให้ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์
ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์.
[๓๗๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้สมาธิสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด
เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์? ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมาธินิมิต อัพยัคคนิมิต ๑- มีอยู่
การกระทำให้มากซึ่งโยนิโสมนสิการในนิมิตนั้น นี้เป็นอาหารให้สมาธิสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด
เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์.
[๓๗๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้อุเบกขาสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด
เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายเป็นที่ตั้งแห่ง
อุเบกขาสัมโพชฌงค์ มีอยู่ การกระทำให้มากซึ่งโยนิโสมนสิการในธรรมเหล่านั้น นี้เป็นอาหาร
ให้อุเบกขาสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์.
[๓๗๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายนี้มีอาหารเป็นที่ตั้ง ดำรงอยู่ได้เพราะอาศัยอาหาร
ไม่มีอาหารดำรงอยู่ไม่ได้ แม้ฉันใด โพชฌงค์ ๗ เหล่านี้ ก็มีอาหารเป็นที่ตั้ง ดำรงอยู่ได้เพราะ
อาศัยอาหาร ไม่มีอาหารดำรงอยู่ไม่ได้ ฉันนั้นเหมือนกัน.

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 02 เม.ย. 2016, 19:44 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทรรศนะของศาสนาพุทธ ต่อพระเจ้า (ผู้สร้าง)

โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ความหมายวิปัสสนาสั้นๆ ที่ทำงานร่วมกับสติ แต่เบื้องต้นเรียกสัมปชัญญะ (สติ+สัมปชัญญะ)

รูปภาพ

สติไม่ใช่ตัววิปัสสนา ปัญญาหรือการใช้ปัญญาต่างหาก เป็นวิปัสสนา
แต่ปัญญาจะได้โอกาส และจะทำงานได้อย่างปลอดโปร่งเต็มที่ ก็ต่อเมื่อมีสติคอยช่วยกำกับหนุนอยู่ด้วย ดังนั้น การฝึกสติจึงมีความสำคัญมากในวิปัสสนา

สัมปชัญญะ ก็ดี ธรรมวิจัย ก็ดี หรือปัญญาในชื่ออื่นๆก็ดี ที่ทำงานให้เกิดความเห็นแจ้ง รู้เข้าใจสิ่งทั้งหลายตรงตามสภาวะที่มันเป็น เพื่อให้จิตหลุดพ้นเป็นอิสระ นี่คือ วิปัสสนา


หลักในการวิปัสสนา ต้องประกอบด้วย องค์ธรรมในโพชฌงค์ทั้งหมด


ก็บอกแล้วว่าความหมายวิปัสสนาสั้นๆ

เริ่มต้นปฏิบัติให้ถูก แล้วโพชฌงค์เข้าหมด

อย่าว่าแต่โพชฌงค์ 10 เลย โพธิปักขิยธรรม 37 ประการก็เข้าหมด :b1:


ก็ไอ้สั้นๆของกรัชกายมันมั่ว สติกับสัมปชัญญะ มันเป็นคนละองค์ธรรมกัน
มันเป็นอนัตตาเกิดพร้อมกันไม่ได้....ดันทลึ่งบอกว่า สติ+สัมปชัญญะ :b32:


http://f.ptcdn.info/825/040/000/o3usgsd ... YybS-o.jpg

รู้จักสัมปยุตธรรมมั้ยล่ะ :b1:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 02 เม.ย. 2016, 19:51 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทรรศนะของศาสนาพุทธ ต่อพระเจ้า (ผู้สร้าง)

โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ยังงั้นก็เอาให้หมด

สติปัฏฐาน เป็นอาหารของโพชฌงค์

ความจริงนั้น สติไม่ใช่ตัววิปัสสนา ปัญญาหรือการใช้ปัญญาต่างหาก เป็นวิปัสสนา แต่ปัญญาจะได้โอกาส และจะทำงานได้อย่างปลอดโปร่งเต็มที่ ก็ต่อเมื่อมีสติคอยช่วยกำกับหนุนอยู่ด้วยเหตุผลดังกล่าวแล้วข้างต้น การฝึกสติจึงมีความสำคัญมากในวิปัสสนา


เลอะเทอะ! หลักของการทำวิปัสสนาคือโพชฌงค์ และองค์มรรคแห่งโพชฌงค์
ก็คือองค์ธรรม๗นี้...
สติ.......... (สติสัมโพชฌงค์)
ธัมมวิจยะ... (ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์)
วิริยะ........ (วิริยสัมโพชฌงค์)
ปีติ.......... (ปีติสัมโพชฌงค์)
ปัสสัทธิ...... (ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์)
สมาธิ........ (สมาธิสัมโพชฌงค์)
อุเบกขา..... (อุเบกขาสัมโพชฌงค์)

การจะวิปัสสนาธรรมที่เป็นปัจจุบันธรรม ต้องอาศัยองค์ธรรมทั้ง๗ร่วมกันพิจารณาธรรม
ซึ่งเรียกว่า วิปัสสนากรรมฐาน

ส่วนอาหารของโพชฌงค์.......

อาหารของโพชฌงค์ ๗
[๓๖๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายนี้มีอาหารเป็นที่ตั้ง ดำรงอยู่ได้เพราะอาศัยอาหาร
ไม่มีอาหารดำรงอยู่ไม่ได้ แม้ฉันใด โพชฌงค์ ๗ ก็มีอาหารเป็นที่ตั้ง ดำรงอยู่ได้เพราะอาศัยอาหาร
ไม่มีอาหารดำรงอยู่ไม่ได้ ฉันนั้นเหมือนกัน.
[๓๖๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้สติสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น
หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายเป็นที่ตั้งแห่งสติสัม-
*โพชฌงค์ มีอยู่ การกระทำให้มากซึ่งโยนิโสมนสิการในธรรมเหล่านั้น นี้เป็นอาหารให้สติสัม-
*โพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์.
[๓๖๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้ธรรมวิจยสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด
เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายที่เป็นกุศลและ
อกุศลที่มีโทษ และไม่มีโทษ ที่เลวและประณีต ที่เป็นฝ่ายดำและฝ่ายขาว มีอยู่ การกระทำให้มาก
ซึ่งโยนิโสมนสิการในธรรมเหล่านั้น นี้เป็นอาหารให้ธรรมวิจยสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น
หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์.
[๓๖๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้วิริยสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น
หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความริเริ่ม ความพยายาม ความบากบั่น
มีอยู่ การกระทำให้มากซึ่งโยนิโสมนสิการในสิ่งเหล่านี้ นี้เป็นอาหารให้วิริยสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด
เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์.
[๓๖๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้ปีติสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น
หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายเป็นที่ตั้งแห่งปีติสัมโพชฌงค์
มีอยู่ การกระทำให้มากซึ่งโยนิโสมนสิการในธรรมเหล่านั้น นี้เป็นอาหารให้ปีติสัมโพชฌงค์ที่ยัง
ไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์.
[๓๖๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด
เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความสงบกาย ความสงบจิต
มีอยู่ การกระทำให้มากซึ่งโยนิโสมนสิการในความสงบนั้น นี้เป็นอาหารให้ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์
ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์.
[๓๗๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้สมาธิสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด
เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์? ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมาธินิมิต อัพยัคคนิมิต ๑- มีอยู่
การกระทำให้มากซึ่งโยนิโสมนสิการในนิมิตนั้น นี้เป็นอาหารให้สมาธิสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด
เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์.
[๓๗๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้อุเบกขาสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด
เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายเป็นที่ตั้งแห่ง
อุเบกขาสัมโพชฌงค์ มีอยู่ การกระทำให้มากซึ่งโยนิโสมนสิการในธรรมเหล่านั้น นี้เป็นอาหาร
ให้อุเบกขาสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์.
[๓๗๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายนี้มีอาหารเป็นที่ตั้ง ดำรงอยู่ได้เพราะอาศัยอาหาร
ไม่มีอาหารดำรงอยู่ไม่ได้ แม้ฉันใด โพชฌงค์ ๗ เหล่านี้ ก็มีอาหารเป็นที่ตั้ง ดำรงอยู่ได้เพราะ
อาศัยอาหาร ไม่มีอาหารดำรงอยู่ไม่ได้ ฉันนั้นเหมือนกัน.



ตัวหนังสือเป็นยังงั้น แต่เมื่อองค์ธรรมประกอบกับจิต (สัมปยุตธรรม) แล้ว มิได้เป็นอย่างมโนหรอกอ่ะ :b1:

อ่านหนังสือจับประเด็นให้ได้ตอนหนึ่ง ขณะที่ผู้นั้นเดินจงกรมก็ดี กำหนดกัมมัฏฐานก็ดีนี่ตอนหนึ่ง

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 02 เม.ย. 2016, 20:37 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทรรศนะของศาสนาพุทธ ต่อพระเจ้า (ผู้สร้าง)

https://www.youtube.com/watch?v=thuSgMwRhvE

โฮฮับ เราแลเห็นสัมผัสได้เฉพาะสิ่งที่เป็นรูปธรรมที่มนุษย์แสดงออกทางกายทางวาจาเท่านั้น

แต่นามธรรมที่ประกอบกันเกิดๆดับๆอยู่ภายในจิตใจ มองไม่เห็น หรือโฮฮับแลเห็น ถ้าเห็นไหนลองว่ามาสิมีอะไรบ้าง :b1: คลิปข้างบน

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/