| ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
| โครงการบวชสามเณรภาคฤดูร้อน http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=52175 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 5 |
| เจ้าของ: | กรัชกาย [ 31 มี.ค. 2016, 20:33 ] |
| หัวข้อกระทู้: | โครงการบวชสามเณรภาคฤดูร้อน |
การเริ่มต้นที่ถูก เป็นปรโตโฆสะที่ดี ที่สร้างสัมมาทิฏฐิ ดังความในพระไตรปิฎก แสดงหลักการสร้างเสริมสัมมาทิฏฐิไว้ ดังนี้ "ภิกษุทั้งหลาย ปัจจัยเพื่อความเกิดขึ้นแห่งสัมมาทิฏฐิ มี ๒ ประการ ดังนี้ คือ ปรโตโฆสะ และโยนิโสมนสิการ ปัจจัยแห่งสัมมาทิฏฐิ ๒ อย่าง ตามพุทธพจน์ที่ตรัสไว้นี้ คือ ๑. ปรโตโฆสะ = เสียงจากผู้อื่น การกระตุ้นหรือชักจูงจากภายนอก เช่น การสั่งสอน แนะนำ การถ่ายทอด การโฆษณา คำบอกเล่า ข่าวสาร ข้อเขียน คำชี้แจง อธิบาย การเรียนรู้จากผู้อื่น ในที่นี้ หมายเอาเฉพาะส่วนที่ดีงามถูกต้อง เฉพาะอย่างยิ่งการรับฟังธรรม ความรู้ หรือคำแนะนำจากบุคคลที่เป็นกัลยาณมิตร (hearing or learning from others; inducement by others) ข้อแรกนี้ เป็นองค์ประกอบฝ่ายภายนอก ได้แก่ ปัจจัยทางสังคม อาจเรียกง่ายว่า วิธีการแห่งศรัทธา ๒. โยนิโสมนสิการ = การทำในใจโดยแยบคาย = การใช้ความคิดถูกวิธี ความรู้จักคิด คิดเป็น หรือคิดอย่างมีระเบียบ หมายถึง การรู้จักมอง รู้จักพิจารณาสิ่งทั้งหลาย โดยมองตรงตามที่สิ่งนั้นๆ มันเป็นของมัน และโดยวิธีคิดหาเหตุผล สืบค้นถึงต้นเค้า สืบสาวให้ตลอดสาย แยกแยะสิ่งนั้นๆ หรือปัญหานั้นๆ ออก ให้เห็นตามสภาวะ และตามความสัมพันธ์สืบทอดแห่งเหตุปัจจัย โดยไม่เอาความรู้สึกด้วยตัณหาอุปาทานของตนเข้าจับ (analytical reflection; reasoned or systematic attention) ข้อสองนี้ เป็นองค์ประกอบฝ่ายภายใน ได้แก่ ปัจจัยในตัวบุคคล อาจเรียกง่ายๆว่า วิธีกา |
|
| เจ้าของ: | โฮฮับ [ 01 เม.ย. 2016, 07:50 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: โครงการบวชสามเณรภาคฤดูร้อน |
กรัชกาย เขียน: การเริ่มต้นที่ถูก เป็นปรโตโฆสะที่ดี ที่สร้างสัมมาทิฏฐิ ดัง ความในพระไตรปิฎก แสดงหลักการสร้างเสริมสัมมาทิฏฐิไว้ ดังนี้ "ภิกษุทั้งหลาย ปัจจัยเพื่อความเกิดขึ้นแห่งสัมมาทิฏฐิ มี ๒ ประการ ดังนี้ คือ ปรโตโฆสะ และโยนิโสมนสิการ ปัจจัยแห่งสัมมาทิฏฐิ ๒ อย่าง ตามพุทธพจน์ที่ตรัสไว้นี้ คือ ๑. ปรโตโฆสะ = เสียงจากผู้อื่น การกระตุ้นหรือชักจูงจากภายนอก เช่น การสั่งสอน แนะนำ การถ่ายทอด การโฆษณา คำบอกเล่า ข่าวสาร ข้อเขียน คำชี้แจง อธิบาย การเรียนรู้จากผู้อื่น ในที่นี้ หมายเอาเฉพาะส่วนที่ดีงามถูกต้อง เฉพาะอย่างยิ่งการรับฟังธรรม ความรู้ หรือคำแนะนำจากบุคคลที่เป็นกัลยาณมิตร (hearing or learning from others; inducement by others) ข้อแรกนี้ เป็นองค์ประกอบฝ่ายภายนอก ได้แก่ ปัจจัยทางสังคม อาจเรียกง่ายว่า วิธีการแห่งศรัทธา ๒. โยนิโสมนสิการ = การทำในใจโดยแยบคาย = การใช้ความคิดถูกวิธี ความรู้จักคิด คิดเป็น หรือคิดอย่างมีระเบียบ หมายถึง การรู้จักมอง รู้จักพิจารณาสิ่งทั้งหลาย โดยมองตรงตามที่สิ่งนั้นๆ มันเป็นของมัน และโดยวิธีคิดหาเหตุผล สืบค้นถึงต้นเค้า สืบสาวให้ตลอดสาย แยกแยะสิ่งนั้นๆ หรือปัญหานั้นๆ ออก ให้เห็นตามสภาวะ และตามความสัมพันธ์สืบทอดแห่งเหตุปัจจัย โดยไม่เอาความรู้สึกด้วยตัณหาอุปาทานของตนเข้าจับ (analytical reflection; reasoned or systematic attention) ข้อสองนี้ เป็นองค์ประกอบฝ่ายภายใน ได้แก่ ปัจจัยในตัวบุคคล อาจเรียกง่ายๆว่า วิธีกา มั่วอีกแล้ว!!! มันตีความหมายแบบนั้นซะที่ไหนกัน ไอ้ที่กรัชกายยกมามันเป็นภาษาศาสตร์ ไม่ใช่ภาษาธรรม โดยเนื้อหาทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับธรรมโดยตรงมาจากพระสูตรบทนี้.... .......... [๓๗๑] ๑๒๕ เทฺวเม ภิกฺขเว ปจฺจยา สมฺมาทิฏฺิยา อุปฺปาทาย กตเม เทฺว ปรโต จ โฆโส โยนิโส จ มนสิกาโร อิเม โข ภิกฺขเว เทฺว ปจฺจยา สมฺมาทิฏฺิยา อุปฺปาทายาติ ฯ ............[๓๗๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปัจจัยเพื่อความเกิดขึ้นแห่งสัมมาทิฐิ ๒ อย่างนี้ ๒ อย่าง เป็นไฉน คือ การโฆษณาแต่บุคคลอื่น ๑ โยนิโสมนสิการ ๑ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปัจจัยเพื่อ ความเกิดขึ้นแห่งสัมมาทิฐิ ๒ อย่างนี้แล ฯ อธิบาย ปรโตโฆษะและโยนิโสมนสิการ ต้องเป็นปัจจัยที่อยู่ร่วมกัน จึงจะเกิดความเป็นสัมมาทิฐิ อย่างเช่น ถ้าได้ยินได้ฟังอะไรแล้ว(ปรโตโฆษะ) จะต้องเอาความเป็นโยนิโสมนสิการ(ปัญญา) มาพิจารณาสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง(ปรโตโฆษะ)ทุกครั้งไป สัมมาทิฐิจึงจะเกิดได้ |
|
| เจ้าของ: | กรัชกาย [ 01 เม.ย. 2016, 08:22 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: โครงการบวชสามเณรภาคฤดูร้อน |
เด็กและเยาวชน ต้องปลูกฝังให้เกิดศรัทธาโดยใช้ปรโตโฆสะที่ดีช่วยนำอย่างนั้น เพราะอะไร? เพราะเด็กอายุขนาดนั้นเขายังไม่รู้จักคิด ยังคิดอะไรลึกซึ้งไม่เป็น อย่าว่าแต่เด็กเลย แม้โฮฮับ คิกๆๆ
|
|
| เจ้าของ: | กรัชกาย [ 01 เม.ย. 2016, 21:40 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: โครงการบวชสามเณรภาคฤดูร้อน |
มจร ผนึกกำลังพระสงฆ์ทั่วประเทศ จัดบวชเณรและอบรมเยาวชนสร้างคนดีคนเก่งกว่า ๖๘,๔๖๒ รูป/คน ฝึกทักษะภาษาอังกฤษปลูกฝังศีล ๕ http://www.komchadluek.net/detail/20160331/225116.html โฮฮับ นี่ นี่ |
|
| เจ้าของ: | กรัชกาย [ 02 เม.ย. 2016, 17:23 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: โครงการบวชสามเณรภาคฤดูร้อน |
ตย. คนใช้โยนิโสมนสิการ (รู้จักคิด, คิดเป็น,คิดถูกวิธี,คิดมีเหตุผล,คิดปลุกเร้ากุศล) ยาวหน่อยโฮฮับดูนะ อ้างคำพูด: เริ่มจาก...ดิฉันสมัครสอบเข้าทำงานราชการในกระทรวงหนึ่ง ซึ่งมันเป็นตำแหน่งที่ดิฉันอยากสอบได้มากๆๆๆ เพราะเงินเดือนน่าพอใจ ที่สำคัญถ้าสอบได้ดิฉันจะได้ทำงานใกล้บ้าน ดิฉันก็ทำทุกวิถีทางเลยค่ะเพื่อให้สอบได้ ทั้งอ่านหนังสืออย่างเยอะ หาข้อสอบเก่าๆมาทำ นอกจากนั้นดิฉันยังคิดจะติดสินบนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าจะบนเจ้าแม่ หรือเจ้าพ่อที่ไหนดี บนด้วยอะไรดี ก็หาข้อมูลใหญ่เลยค่ะ แล้วก็มาได้ข้อสรุปว่า เอาวะ!!...บนด้วยการถือศีล 5 แล้วกัน เพราะการถือศีล 5 ได้บุญ สิ่งศักดิ์สิทธิ์อาจจะชอบบุญมากกว่าหมูเห็ดเป็ดไก่ ไข่ต้ม หรือว่าพวงมาลัย...
พอคิดได้ก็เริ่มเลยค่ะ สวดมนต์ สมาทานศีล 5 นั่งสมาธิ แผ่เมตตาทุกคืนก่อนนอน แรกๆอึดอัดมากค่ะ จะทำอะไรก็กลัวผิดศีลไปหมด แล้วก็ชอบเผลอชอบลืมอยู่บ่อยๆ กว่าจะผ่านแต่ละวันไปได้โดยไม่พูดโกหก ไม่ตบยุง 2 อย่างนี้ยากมากๆกว่าจะหมดวันๆนึง.. ดิฉันก็เลยเริ่มรู้สึกว่าถ้าเรายังรู้สึก อึดอัดแบบนี้ต่อไปเราคงถือศีลได้ไม่กี่วันแน่ๆ เราต้องศึกษาจากคนอื่นบ้างแล้วว่ามีหลักในการถือศีลอย่างไร คนที่นึกถึงตอนแรกเลยก็คือ พระค่ะ... ดิฉันจึงไปโหลดเสียงธรรมของหลวงพ่อหลายองค์มาฟังเกี่ยวกับหลักในการปฏิบัติ ศีล 5 ยอมรับค่ะว่าเรื่องการฟังเทศน์มันแล้วแต่จริตคนจริงๆ ว่าจะถูกจริตกับคำสอนของพระองค์ไหน ดิฉันฟังหลายหลวงพ่อแต่ก็ไม่รู้สึกถูกจริตเป็นพิเศษ จนได้มาฟังเสียงธรรมของหลวงพ่อองค์หนึ่งที่พอฟังปุ๊บ จิตมันหยุดนิ่งไม่อยากละจากเสียงไปไหนเลย เป็นเสียงที่ฟังง่าย คำพูดฟังง่ายๆ แต่ฟังแล้วคิดตามได้แล้วเห็นภาพ ดิฉันก็เปิดฟังเกือบทั้งวันเลยค่ะ ตั้งแต่ตื่น ระหว่างวัน จนถึงก่อนจะนอนเรียกว่าหลับไปกับเสียงธรรมของท่านเลย คำสอนของท่านก้องอยู่ในหัวตลอด ว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบอกว่า ศีลนั้นน่ะ มันอยู่ที่เจตนา...พอเริ่มฟังมากๆ ปัญญาก็เริ่มเกิดเริ่มใช้ชีวิตง่ายขึ้น ผ่านไประยะหนึ่ง... จากที่ตอนแรกดิฉันรักษาศีล ดิฉันก็ค้นพบว่าไปๆมาๆ ศีลต่างหากที่รักษาดิฉัน ชีวิตมันง่ายจังชีวิตมันดีจังที่มันใช้ชีวิต โดยมีศีลเป็นกรอบ พอมีศีลก็มีสติ เพราะต้องมีสติไว้พิจารณาว่าสิ่งที่เรากำลังคิดจะพูดจะทำนั้น มันผิดในหลักของศีลไหม ถ้าผิดเราจะไม่พูด ไม่ทำ....พอมีสติบ่อยๆ มันก็กลายเป็นมีสติรู้ตัวทั้งวัน พอรู้ตัวทั้งวันเวลาที่พูดหรือคุยกับใครมันกลายเป็นมองข้าม ผิวพรรณ หน้าตา ทรงผม ความจน ความรวยหรือแม้แต่ยศฐาบรรดาศักดิ์ของคนคนนั้นไปเลยค่ะ น่าทึ่งมาก มันเห็นเลยว่า คนที่เราพูดคุยด้วยอยู่นี้คำที่พูดออกมามีแต่วาจาน่ารักน่าฟัง หรือวาจาเต็มไปด้วยคำโม้โอ้อวด หรือวาจาเต็มไปด้วยโทสะคำหยาบๆคายๆ หรือพูดแต่เรื่องของคนอื่น ขี้นินทาอิจฉาคนอื่นไหม น่าคบหรือไม่น่าคบ... พอได้ยินคำพูด มันก็บ่งบอกจิตใจของคนพูดหรือแม้แต่บ่งบอกได้เหมือนกันว่าคนที่เราพูดคุย ด้วยอยู่นั้นมีสติไตร่ตรองในคำพูดของตัวเองแค่ไหน..สติยังทำให้ดิฉันเห็นถึง พัฒนาการของจิตตัวเองเวลาที่มันมีอะไรมากระทบ เวลามีคนมาทำให้โกรธ จะด้วยคำพูดหรือการกระทำก็ตาม ดิฉันสังเกตเห็นว่าจิตมันเฉยๆ มันไม่รู้สึกโกรธตอบ ทำไมมันเฉยอย่างนั้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนมันคงร้อนรนอยากจะเอาคืน แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับว่า ที่ดิฉันเล่ามาทั้งหมดนี้เพียงเพราะอยากบอกเล่าถึงความมหัศจรรย์ของศีล ศีลนำมาซึ่งสติ สตินำมาซึ่งความสงบสุขในชีวิตจริงๆค่ะ โดยเฉพาะในโลกที่มันวิ่งวนวุ่นวายใบนี้.. ดิฉันยังเคยนั่งนึกเลยว่าเมื่อก่อน นี้เราอยู่มาได้ยังไงนะ โดยไม่มีสติมาเป็นเครื่องนำทางในชีวิต เมื่อก่อนเวลาเราจะตัดสินใจพูดหรือทำอะไรเรายึดหลักอะไรล่ะ...คำตอบที่ได้ คือ อารมณ์ล้วนๆค่ะ เกือบทุกเรื่องดิฉันยังไม่ทันได้คิดไตร่ตรองด้วยซ้ำ อารมณ์มันพาให้พูดให้ทำไปก่อน น่ากลัวจริงๆค่ะที่เคยมีชีวิตแบบนั้น... ทั้งนี้ทั้งนั้นตอนนี้ดิฉันได้พบทาง สายเอกแล้ว ทางสายที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบ ชีวิตก็ไม่ต้องการอะไรแล้วค่ะ ทุกสิ่งล้วนต้องทิ้งไว้ในโลก แต่ก็โชคดีที่ดิฉันสอบได้งานตามที่ตั้งใจหวังไว้จริงๆ จะด้วยการบนบานนั้นสำเร็จหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ยังไงดิฉันคงขอเดินบนทางสายนี้ไปจนกว่าเวลาของดิฉันในโลกใบนี้จะหมดไป หากหมดเวลา ดิฉันขอเอาไปแค่จิตที่บริสุทธิ์ดวงเดียวก็พอ ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การบอกเล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านที่กำลัง เริ่มคิดจะถือศีล กำลังเริ่มถือศีล หรือเพียงแต่กำลังคิดจะหยุดทำผิดศีลก็ตาม อยากบอกว่าคุณเดินมาถูกทางแล้วค่ะ^^ สุดท้ายนี้...หนูต้องกราบขอบคุณพ่อแม่ ที่ทำให้หนูมีโอกาสเกิดมาพบศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กราบขอบคุณครูบาอาจารย์ที่สอนให้หนูอ่านออกเขียนได้ ทำใหัหนูได้อ่านพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์....สุดท้าย ดวงจิตดวงนี้ ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้น ที่ทรงเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยพระองค์เอง |
|
| เจ้าของ: | กรัชกาย [ 02 เม.ย. 2016, 20:02 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: โครงการบวชสามเณรภาคฤดูร้อน |
เบื้องต้นสิ่งที่ลูกๆหลานๆได้จากพระพุทธศาสนา ![]() http://f.ptcdn.info/589/040/000/o3f2lgn ... 5DjN-o.jpg เมื่อเขาเติบใหญ่ขึ้นอีกทั้งได้ศึกษาคำสอนและรู้จักคิดให้ยิ่งขึ้นไปก็เกิดมีปัญญา
|
|
| เจ้าของ: | กรัชกาย [ 03 เม.ย. 2016, 17:06 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: โครงการบวชสามเณรภาคฤดูร้อน |
บวชเณรลูกแก้ว เป็นประเพณีภาคเหนือ |
|
| เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 03 เม.ย. 2016, 21:43 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: โครงการบวชสามเณรภาคฤดูร้อน |
ต้องขอบคุณ...คณะที่ทำให้บ้านเมืองนี้สงบ..แม้ชั่วคราวก็ยังดี.. ทำให้เด็ก ๆ มีโอกาสมี ปรโตโฆสะ ที่ดีดี
|
|
| เจ้าของ: | โฮฮับ [ 04 เม.ย. 2016, 08:05 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: โครงการบวชสามเณรภาคฤดูร้อน |
กรัชกาย เขียน: มจร ผนึกกำลังพระสงฆ์ทั่วประเทศ จัดบวชเณรและอบรมเยาวชนสร้างคนดีคนเก่งกว่า ๖๘,๔๖๒ รูป/คน ฝึกทักษะภาษาอังกฤษปลูกฝังศีล ๕ http://www.komchadluek.net/detail/20160331/225116.html โฮฮับ นี่ นี่ เจ๊แอนรู้มั้ยว่า......ธรรมมันมีสองอย่างคือ สัมมาทิฐิกับมิจฉาทิฐิ และในความเป็นมิจฉาทิฐินั้นยังแบ่งเป็น อุทเฉกทิฐิและสัสสตทิฐิ สถาบันไหนสอนให้บุคคลเป็นสัสสตทิฐิ ก็นับว่าสถาบันนั้นไม่ใช่พุทธศาสนาครับ
|
|
| เจ้าของ: | กรัชกาย [ 04 เม.ย. 2016, 08:15 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: โครงการบวชสามเณรภาคฤดูร้อน |
กบนอกกะลา เขียน: ต้องขอบคุณ...คณะที่ทำให้บ้านเมืองนี้สงบ..แม้ชั่วคราวก็ยังดี.. ทำให้เด็ก ๆ มีโอกาสมี ปรโตโฆสะ ที่ดีดี ![]() นั่นเรียกกวาดขยะซุกใต้พรม คือ การใช้อาวุธกดให้เขาสงบ มิใช่ความสงบที่ยั่งยืน
|
|
| เจ้าของ: | โฮฮับ [ 04 เม.ย. 2016, 08:18 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: โครงการบวชสามเณรภาคฤดูร้อน |
จะสอนกรัชกายกับกบนอกกะลาว่า ........ทั้งกบและกรัชกายแม้จะฟังคำพูดของอีกฝายหนึ่งแล้ว ก็สามารถทำให้เกิดสัมมาทิฐิได้ มันไม่ใช่แต่จะฟังแต่สิ่งดีๆเพียงอย่างเดียว การบวชเป็นเณร แล้วบอกว่าจะได้ปรโตโฆษะที่ดี......ไม่ใช่เลย ถ้าเด็กมันไม่มีโยนิโสฯ มันก็ไม่เกิดสัมมาทิฐิ และเชื่อได้เลยว่าร้อยทั้งร้อย ไอ้เด็กพวกนี้ไม่มีและไม่รู้จักโสนิโยแน่นอน ที่มันบวชก็เพราะตามเพื่อนบ้าง ถูกพ่อแม่กล่อมหรือเอารางวัลมาล่อ......ว่างๆหัดไปแอบดูตามวัด จะเห็นไอ้เด็กพวกนี้ เหมือนลิงโมขยผ้าเหลืองพระมาห่ม มันซนยังกะทะโมน ศาสนาพุทธไร้ซึ่งดร่าม่า
|
|
| เจ้าของ: | กรัชกาย [ 04 เม.ย. 2016, 16:14 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: โครงการบวชสามเณรภาคฤดูร้อน |
โฮฮับ เขียน: จะสอนกรัชกายกับกบนอกกะลาว่า ........ทั้งกบและกรัชกายแม้จะฟังคำพูดของอีกฝายหนึ่งแล้ว ก็สามารถทำให้เกิดสัมมาทิฐิได้ มันไม่ใช่แต่จะฟังแต่สิ่งดีๆเพียงอย่างเดียว การบวชเป็นเณร แล้วบอกว่าจะได้ปรโตโฆษะที่ดี......ไม่ใช่เลย ถ้าเด็กมันไม่มีโยนิโสฯ มันก็ไม่เกิดสัมมาทิฐิ และเชื่อได้เลยว่าร้อยทั้งร้อย ไอ้เด็กพวกนี้ไม่มีและไม่รู้จักโสนิโยแน่นอน ที่มันบวชก็เพราะตามเพื่อนบ้าง ถูกพ่อแม่กล่อมหรือเอารางวัลมาล่อ......ว่างๆหัดไปแอบดูตามวัด จะเห็นไอ้เด็กพวกนี้ เหมือนลิงโมขยผ้าเหลืองพระมาห่ม มันซนยังกะทะโมน ศาสนาพุทธไร้ซึ่งดร่าม่า ![]() ตอบนะ เอาชัดๆ ช่วงปิดเทอม ให้เด็กไปร้านเกม วิ่งเล่นอยู่ตามชุมชน กับ บวชอยู่ที่วัด มีการจำกัดที่ให้อยู่ ถึงเวลานอนนอน ถึงเวลากินกิน ถึงเวลาสวดมนต์ทำวัตร ก็สวดมนต์ทำวัตร มีการสอนศีลธรรมตามตาราง โฮฮับเลือกอย่างไหน |
|
| เจ้าของ: | โฮฮับ [ 04 เม.ย. 2016, 18:09 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: โครงการบวชสามเณรภาคฤดูร้อน |
กรัชกาย เขียน: โฮฮับ เขียน: จะสอนกรัชกายกับกบนอกกะลาว่า ........ทั้งกบและกรัชกายแม้จะฟังคำพูดของอีกฝายหนึ่งแล้ว ก็สามารถทำให้เกิดสัมมาทิฐิได้ มันไม่ใช่แต่จะฟังแต่สิ่งดีๆเพียงอย่างเดียว การบวชเป็นเณร แล้วบอกว่าจะได้ปรโตโฆษะที่ดี......ไม่ใช่เลย ถ้าเด็กมันไม่มีโยนิโสฯ มันก็ไม่เกิดสัมมาทิฐิ และเชื่อได้เลยว่าร้อยทั้งร้อย ไอ้เด็กพวกนี้ไม่มีและไม่รู้จักโสนิโยแน่นอน ที่มันบวชก็เพราะตามเพื่อนบ้าง ถูกพ่อแม่กล่อมหรือเอารางวัลมาล่อ......ว่างๆหัดไปแอบดูตามวัด จะเห็นไอ้เด็กพวกนี้ เหมือนลิงโมขยผ้าเหลืองพระมาห่ม มันซนยังกะทะโมน ศาสนาพุทธไร้ซึ่งดร่าม่า ![]() ตอบนะ เอาชัดๆ ช่วงปิดเทอม ให้เด็กไปร้านเกม วิ่งเล่นอยู่ตามชุมชน กับ บวชอยู่ที่วัด มีการจำกัดที่ให้อยู่ ถึงเวลานอนนอน ถึงเวลากินกิน ถึงเวลาสวดมนต์ทำวัตร ก็สวดมนต์ทำวัตร มีการสอนศีลธรรมตามตาราง โฮฮับเลือกอย่างไหน พี่โฮเลือกให้เด็กไปเรียนพิเศษ อาจเป็น ดนตรี นาฎศิลป์หรือภาษาต่างประเทศ ถ้าจะอ้างว่า พ่อแม่ไม่มีเงินทองให้ลูกเรียนพิเศษ แล้วทำไมต้องผลัการะมาให้ทางวัด ไม่ให้ปู่ย่า ตายายดูแล วัดไม่ใช่สถานรับเลี้ยงเด็กนะเว้ยเฮ้ย! แล้วแน่ใจได้ไงว่า พวกเกย์ห่มผ้าเหลืองจะไม่ตุ๋ยเด็ก
|
|
| เจ้าของ: | กรัชกาย [ 04 เม.ย. 2016, 18:15 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: โครงการบวชสามเณรภาคฤดูร้อน |
โฮฮับ เขียน: กรัชกาย เขียน: โฮฮับ เขียน: จะสอนกรัชกายกับกบนอกกะลาว่า ........ทั้งกบและกรัชกายแม้จะฟังคำพูดของอีกฝายหนึ่งแล้ว ก็สามารถทำให้เกิดสัมมาทิฐิได้ มันไม่ใช่แต่จะฟังแต่สิ่งดีๆเพียงอย่างเดียว การบวชเป็นเณร แล้วบอกว่าจะได้ปรโตโฆษะที่ดี......ไม่ใช่เลย ถ้าเด็กมันไม่มีโยนิโสฯ มันก็ไม่เกิดสัมมาทิฐิ และเชื่อได้เลยว่าร้อยทั้งร้อย ไอ้เด็กพวกนี้ไม่มีและไม่รู้จักโสนิโยแน่นอน ที่มันบวชก็เพราะตามเพื่อนบ้าง ถูกพ่อแม่กล่อมหรือเอารางวัลมาล่อ......ว่างๆหัดไปแอบดูตามวัด จะเห็นไอ้เด็กพวกนี้ เหมือนลิงโมขยผ้าเหลืองพระมาห่ม มันซนยังกะทะโมน ศาสนาพุทธไร้ซึ่งดร่าม่า ![]() ตอบนะ เอาชัดๆ ช่วงปิดเทอม ให้เด็กไปร้านเกม วิ่งเล่นอยู่ตามชุมชน กับ บวชอยู่ที่วัด มีการจำกัดที่ให้อยู่ ถึงเวลานอนนอน ถึงเวลากินกิน ถึงเวลาสวดมนต์ทำวัตร ก็สวดมนต์ทำวัตร มีการสอนศีลธรรมตามตาราง โฮฮับเลือกอย่างไหน พี่โฮเลือกให้เด็กไปเรียนพิเศษ อาจเป็น ดนตรี นาฎศิลป์หรือภาษาต่างประเทศ ถ้าจะอ้างว่า พ่อแม่ไม่มีเงินทองให้ลูกเรียนพิเศษ แล้วทำไมต้องผลัการะมาให้ทางวัด ไม่ให้ปู่ย่า ตายายดูแล วัดไม่ใช่สถานรับเลี้ยงเด็กนะเว้ยเฮ้ย! แล้วแน่ใจได้ไงว่า พวกเกย์ห่มผ้าเหลืองจะไม่ตุ๋ยเด็ก โบร่ำโบราณ วัดเป็นแหล่งให้ความรู้ ให้การศึกษา มาระยะหลังมี รมต.บางคน แยกวัดออกจากชาวบ้าน แยกโรงเรียนออกจากวัด เพื่อเป็นการตัดตอนศาสนากับชาวบ้าน เมื่อเป็นดังนี้ พุทธศาสนิกชนที่ว่านับถือพระพุทธศาสนาจึงห่างเหินจากศีลธรรม ก็จึงเป็นที่มาของปัญหาสังคม ![]() เรื่องที่พูดดู ตย.วิถีชีวิตชาวเมียนมาร์ https://www.youtube.com/watch?v=59JMyp_gW80 |
|
| เจ้าของ: | กรัชกาย [ 04 เม.ย. 2016, 19:22 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: โครงการบวชสามเณรภาคฤดูร้อน |
(บวร = บ้าน-วัด-โรงเรียน) ![]() วัดจะดี มีหลักฐาน เพราะบ้านช่วย บ้านจะสวย เพราะมีวัด ดัดนิสัย บ้านกับวัด ผลัดกันช่วย ยิ่งอวยชัย ถ้าขัดกัน ก็บรรลัย ทั้งสองทาง เปิดดู http://f.ptcdn.info/520/041/000/o53uz31 ... d1UD-o.jpg วัดจะดีมีหลักฐานสมภารจัด พระในวัดร่วมด้วยช่วยเป็นสอง ทั้งญาติโยมร่วมกันเป็นฐานรอง แล้วทั้งสองบ้านวัดก็พัฒนา http://pantip.com/topic/34997797 |
|
| หน้า 1 จากทั้งหมด 5 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
| Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |
|