วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 06:10  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.พ. 2016, 12:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2016, 11:37
โพสต์: 18

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เข้ามาศึกษาพระธรรมเพราะอะไร...?

ถ้าเป็นธรรมะจริงๆ คนที่เข้ามาสู่พระธรรม
ถ้าเป็นผู้ตรง เข้ามาด้วยความนอบน้อมต่อการที่จะ
ศึกษาพระธรรมเพื่อที่จะประพฤติปฏิบัติตาม

เมื่อมีความเห็นถูก มีความเข้าใจถูก ...ว่าสิ่งใดไม่ดีก็จะละเว้นสิ่งนั้น
.....สิ่งใดดีก็จะประพฤติสิ่งนั้น...เท่าที่จะประพฤติได้ สั่งสมได้

เพราะฉะนั้น ก็เป็นผู้ที่ตรงต่อธรรมะ
ไม่ได้เข้ามาโดยที่ว่า เราเรียนเก่ง เราจำเก่งเรารู้ธรรมะมาก
เราจะไปเป็นครูอาจารย์ ไปเป็นผู้นำ
หรือเราจะได้ลาภ ได้สักการะ แม้แต่เพียงการสรรเสริญ

อย่าเอาความเชื่อของเราเป็นใหญ่ เป็นที่ตั้ง
ควรตรวจสอบความเชื่อของเรากับความจริงของพระธรรม
ถ้าทิฐิของเราที่ไม่ตรงกับพระธรรมให้ละทิ้งไป เอาพระธรรมเป็นบรรทัดฐาน
อย่าไปยึดเอาหรือสะสมความเชื่อที่ผิดๆ

ถ้าชาวพุทธไม่เข้าใจพระธรรม......พระธรรมต้องสูญแน่นอน
ไม่มีการที่จะดำรงสืบต่อไป มีพระไตรปิฎกก็จริง เปิดอ่านแล้วไม่รู้เรื่อง
หรือว่ามีความเข้าใจผิด ขณะนั้นก็ไม่ใช่การสืบต่อพระศาสนา


เพราะฉะนั้น เราต้องเป็นผู้ที่ตรงจริงๆ
มีความนอบน้อมต่อพระรัตนตรัย แม้แต่พระธรรม
นอบน้อมโดยการศึกษา ด้วยการพิจารณาด้วย
ความละเอียดที่จะให้ไม่บิดเบือน ไม่เข้าใจผิดในพระธรรม
เพราะถ้าเข้าใจผิด...จะผิดไปโดยตลอด

ขอให้ท่านทั้งหลายจงเจริญในธรรมะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.พ. 2016, 15:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เข้ามาในพระธรรม..ต่างหวังจะดีทั้งน้าน..

แต่กิเลส..หาได้กลัว(ความมุ่งดี)ไม่..555...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.พ. 2016, 19:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b38:
ความเป็นผู้ตรงต่อธรรมตามคุณลักษณะของพระสงฆ์ที่ว่า

อุชุปฏิปันโน นั้นมันหมายถึงความเป็นผู้ประพฤติตามอริยสัจ 4 มรรค 8 ตรงไปสู่พระนิพพานแต่เพียงหนึ่งเดียวไม่มีเส้นทางอื่น
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.พ. 2016, 08:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


การเข้ามาศึกษาพระธรรมของแต่ละบุคคลนั้นไม่เหมือนกัน มีเหตุปัจจัยเข้ามาไม่เหมือนกัน มีหลายกรณี
ไม่ใช่จะต้องเป็นผู้ที่ตรงต่อพระธรรมเท่านั้นถึงจะเข้าถึงธรรมได้ การเป็นผู้ที่ไม่ตรงกับพระธรรมก็สามารถเข้าไปฟังธรรมแล้วเข้าใจได้ ไม่ต้องมีกุศลและความเข้าใจถูกพาไปฟัง ไม่ต้องมีความนอบน้อม ไม่ต้องมีศรัทธา ก็นำพาไปฟังธรรมได้ เป็นผู้มีโลภะ เป็นผู้มีโทสะ เป็นผู้มีโมหะ นำหน้าอย่างใดอย่างหนึ่ง อกุศลนำหน้าพาตัวไปฟัง หรือบังเอิญได้ยินเสียงสอนธรรมะ หรือได้เห็นตรงหน้า ก็สามารถเข้าใจพระธรรมและเป็นผู้มีศรัทธาเข้าใจพระธรรมถูกต้องในลำดับต่อมาก็ได้ หรือเห็นตรงหน้าก็เป็นผู้เกิดศรัทธาได้เช่น มัฏฐกุณฑลี ที่ไม่เคยเห็นพระพุทธเจ้ามาก่อน เมื่อเห็นแล้วเกิดศรัทธาทั้งๆที่ มัฏฐกุณฑลีเป็นผู้ที่ไม่เคยมีจิตเป็นกุศลต่อพระพุทธเจ้ามาก่อน http://www.84000.org/tipitaka/attha/att ... 5&i=11&p=2

เพราะอกุศลก็เป็นปัจจัยให้กุศลเกิดได้ ไม่ใช่แค่กุศลเท่านั้นจะเป็นปัจจัยให้กุศลเกิดได้ค่ะ
เป็นผู้ไม่ตรงต่อพระธรรม ไม่ศรัทธาไม่เข้าใจพระธรรม ไม่ชอบพระธรรม แต่เมื่อได้ยินเสียงแสดงธรรม มีมนสิการใส่ใจในเสียงที่ได้ยินและคิดตาม ก็สามารถเข้าใจในพระธรรม สามารถเกิดศรัทธาขึ้นมาภายหลังได้ค่ะ

ไม่จำเป็นจะต้องเป็นผู้ตรง ผู้นอบน้อมในการฟังธรรม ขอให้มีมนสิการต่อเสียงพระธรรม ก็สามารถเปลี่ยนบุคคลนั้นได้ค่ะ คนในปัจจุบันนี้จะไปฟังธรรมเพราะอยากเป็นอาจารย์ จะไปฟังธรรมเพราะอยากสอบให้ได้เกรด A ไปฟังธรรมเพราะอยากจำเก่งท่องเก่ง เป็นต้น มาเลยค่ะเอาอกุศลนำหน้ามาเลย มาฟังพระอภิธรรมกันแล้วจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรค่ะ

และมีตัวอย่างให้อ่านค่ะ ไปฟังธรรมเพราะอยากได้เงิน ดังตัวอย่างในกระทู้ที่จะเชิญเข้าไปอ่านนี้ค่ะ
เป็นผู้มีโลภะ อยากได้เงินค่าจ้าง จึงไปใส่ใจในพระธรรม

อกุศล ก็เป็นปัจจัยให้กุศลเกิดได้ค่ะ

:b8: ขอเชิญเพื่อนๆอ่านกันค่ะ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=50642

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2016, 20:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes rolleyes rolleyes


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2016, 20:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b38:
ความเป็นผู้ตรงต่อธรรมตามคุณลักษณะของพระสงฆ์ที่ว่า

อุชุปฏิปันโน นั้นมันหมายถึงความเป็นผู้ประพฤติตามอริยสัจ 4 มรรค 8 ตรงไปสู่พระนิพพานแต่เพียงหนึ่งเดียวไม่มีเส้นทางอื่น
onion

Kiss
ในความหมายของพระสุปฏิปันโณเนี่ย
มีพระเสขะกับพระอเสขะรวม8บุคคล
ที่ตรงทางสายกลางอริยสัจสี่อริยมรรคแปด
:b12:
แบ่งเป็น2กลุ่ม(7/1)
พระเสขะมี7บุคคลมี
1พระโสดาปัตติมรรค2พระโสดาปัตติผล
3พระสกิทาคามิมรรค4พระสกิทาคามิผล
5พระอนาคามิมรรค6พระอนาคามิผล
7พระอรหัตตมรรค
พระอเสขะมี1คือ
8พระอรหัตตผล
ครบ8ตามอัฏฐะปุริสะปุคคลา
มีทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิตจากทั้ง4ของพุทธบริษัทสี่
แต่ต้องเป็นบริษัทที่เข้าใจความจริงตามคำสอนด้วย
ไม่รวมพระสงฆ์ที่บวชตามประเพณีนิยมที่สละอะไรไม่ได้
:b16:
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.พ. 2016, 01:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


SOAMUSA เขียน:
การเข้ามาศึกษาพระธรรมของแต่ละบุคคลนั้นไม่เหมือนกัน มีเหตุปัจจัยเข้ามาไม่เหมือนกัน มีหลายกรณี
ไม่ใช่จะต้องเป็นผู้ที่ตรงต่อพระธรรมเท่านั้นถึงจะเข้าถึงธรรมได้ การเป็นผู้ที่ไม่ตรงกับพระธรรมก็สามารถเข้าไปฟังธรรมแล้วเข้าใจได้ ไม่ต้องมีกุศลและความเข้าใจถูกพาไปฟัง ไม่ต้องมีความนอบน้อม ไม่ต้องมีศรัทธา ก็นำพาไปฟังธรรมได้ เป็นผู้มีโลภะ เป็นผู้มีโทสะ เป็นผู้มีโมหะ นำหน้าอย่างใดอย่างหนึ่ง อกุศลนำหน้าพาตัวไปฟัง หรือบังเอิญได้ยินเสียงสอนธรรมะ หรือได้เห็นตรงหน้า ก็สามารถเข้าใจพระธรรมและเป็นผู้มีศรัทธาเข้าใจพระธรรมถูกต้องในลำดับต่อมาก็ได้ หรือเห็นตรงหน้าก็เป็นผู้เกิดศรัทธาได้เช่น มัฏฐกุณฑลี ที่ไม่เคยเห็นพระพุทธเจ้ามาก่อน เมื่อเห็นแล้วเกิดศรัทธาทั้งๆที่ มัฏฐกุณฑลีเป็นผู้ที่ไม่เคยมีจิตเป็นกุศลต่อพระพุทธเจ้ามาก่อน http://www.84000.org/tipitaka/attha/att ... 5&i=11&p=2

เพราะอกุศลก็เป็นปัจจัยให้กุศลเกิดได้ ไม่ใช่แค่กุศลเท่านั้นจะเป็นปัจจัยให้กุศลเกิดได้ค่ะ
เป็นผู้ไม่ตรงต่อพระธรรม ไม่ศรัทธาไม่เข้าใจพระธรรม ไม่ชอบพระธรรม แต่เมื่อได้ยินเสียงแสดงธรรม มีมนสิการใส่ใจในเสียงที่ได้ยินและคิดตาม ก็สามารถเข้าใจในพระธรรม สามารถเกิดศรัทธาขึ้นมาภายหลังได้ค่ะ

ไม่จำเป็นจะต้องเป็นผู้ตรง ผู้นอบน้อมในการฟังธรรม ขอให้มีมนสิการต่อเสียงพระธรรม ก็สามารถเปลี่ยนบุคคลนั้นได้ค่ะ คนในปัจจุบันนี้จะไปฟังธรรมเพราะอยากเป็นอาจารย์ จะไปฟังธรรมเพราะอยากสอบให้ได้เกรด A ไปฟังธรรมเพราะอยากจำเก่งท่องเก่ง เป็นต้น มาเลยค่ะเอาอกุศลนำหน้ามาเลย มาฟังพระอภิธรรมกันแล้วจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรค่ะ

และมีตัวอย่างให้อ่านค่ะ ไปฟังธรรมเพราะอยากได้เงิน ดังตัวอย่างในกระทู้ที่จะเชิญเข้าไปอ่านนี้ค่ะ
เป็นผู้มีโลภะ อยากได้เงินค่าจ้าง จึงไปใส่ใจในพระธรรม

อกุศล ก็เป็นปัจจัยให้กุศลเกิดได้ค่ะ

:b8: ขอเชิญเพื่อนๆอ่านกันค่ะ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=50642


อนุโมทนาครับ

จุดมุ่งหมายหลักของพุทธศาสนาคือ การนำสัตว์โลกทั้งหลายสู่การพ้นทุกข์

ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะปรินิพพาน ท่านทรงเห็นว่า ศาสนาของพระองค์พร้อมแล้วซึ่งพุทธบริษัท4

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.พ. 2016, 07:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


natipakorn เขียน:

ถ้าชาวพุทธไม่เข้าใจพระธรรม......พระธรรมต้องสูญแน่นอน
ไม่มีการที่จะดำรงสืบต่อไป มีพระไตรปิฎกก็จริง เปิดอ่านแล้วไม่รู้เรื่อง
หรือว่ามีความเข้าใจผิด ขณะนั้นก็ไม่ใช่การสืบต่อพระศาสนา



เพราะฉะนั้น เราต้องเป็นผู้ที่ตรงจริงๆ
มีความนอบน้อมต่อพระรัตนตรัย แม้แต่พระธรรม
นอบน้อมโดยการศึกษา ด้วยการพิจารณาด้วย
ความละเอียดที่จะให้ไม่บิดเบือน ไม่เข้าใจผิดในพระธรรม
เพราะถ้าเข้าใจผิด...จะผิดไปโดยตลอด

ขอให้ท่านทั้งหลายจงเจริญในธรรมะ


:b8: :b8:

การพูดทำนองว่า..หนังสือไม่สามารถสืบพระศาสนาได้...หากเจตนาให้เห็นว่าการออกมาประพฤติปฏิบัติให้สำเร็จผล...จึงจะเป็นการสืบพระศาสนา...ก็ยังพอเป็นกุศล

แต่หาก..เห็นอย่างนั้น จริง ๆ ว่า...ตัวหนังสือ..การเล่าเรียน..ท่องจำ..เขียนหนังสือ..ไม่ใช่การสืบพระศาสนาได้จริง...แล้วละก้อ...เป็นทั้งอกุศล..เป็นทั้งความหลง..

เราเป็นสาวกนี้...ต้องเริ่มที่การฟัง...

ถ้าพระพุทธเจ้ายังมีสังขารอยู่..เราก็คงได้ฟังจากพระองค์หรือฟังจากสาวกที่จำจากพระองค์มาอีกทีหนึ่ง...

แต่นี้...2559 ปีแล้ว..ที่กายสังขารของพระองค์ไม่มีแล้ว...แล้วเราจะฟังวจึสังขารได้จากไหนเล่า....เทปวีดีโอ..ซีดี..แฟลชไดรฟ์..Mp 3 4 5...Youtube..คลิ๊ปอะไรอะไร..ก็ไม่มี....

ก็มีตัวหนังสือนี้แหละ...ที่พอจะถ่ายทอดวจีสังขารให้คนรุ่นหลังๆได้ฟังกันได้...
(ดีไม่ดีก็เป็นสังขารอันเดียวที่มโนใช้สอนธรรมให้ผู้ที่มีขันธ์อยู่..เหมือนที่หลาย ๆ คนประสพกับตัว)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2016, 22:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


เข้ามาศึกษาพระธรรมเพราะไม่รู้ครับ
อยากรู้ความจริง จึงเข้ามาศึกษา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2016, 16:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
natipakorn เขียน:

ถ้าชาวพุทธไม่เข้าใจพระธรรม......พระธรรมต้องสูญแน่นอน
ไม่มีการที่จะดำรงสืบต่อไป มีพระไตรปิฎกก็จริง เปิดอ่านแล้วไม่รู้เรื่อง
หรือว่ามีความเข้าใจผิด ขณะนั้นก็ไม่ใช่การสืบต่อพระศาสนา



เพราะฉะนั้น เราต้องเป็นผู้ที่ตรงจริงๆ
มีความนอบน้อมต่อพระรัตนตรัย แม้แต่พระธรรม
นอบน้อมโดยการศึกษา ด้วยการพิจารณาด้วย
ความละเอียดที่จะให้ไม่บิดเบือน ไม่เข้าใจผิดในพระธรรม
เพราะถ้าเข้าใจผิด...จะผิดไปโดยตลอด

ขอให้ท่านทั้งหลายจงเจริญในธรรมะ


:b8: :b8:

การพูดทำนองว่า..หนังสือไม่สามารถสืบพระศาสนาได้...หากเจตนาให้เห็นว่าการออกมาประพฤติปฏิบัติให้สำเร็จผล...จึงจะเป็นการสืบพระศาสนา...ก็ยังพอเป็นกุศล

แต่หาก..เห็นอย่างนั้น จริง ๆ ว่า...ตัวหนังสือ..การเล่าเรียน..ท่องจำ..เขียนหนังสือ..ไม่ใช่การสืบพระศาสนาได้จริง...แล้วละก้อ...เป็นทั้งอกุศล..เป็นทั้งความหลง..

เราเป็นสาวกนี้...ต้องเริ่มที่การฟัง...

ถ้าพระพุทธเจ้ายังมีสังขารอยู่..เราก็คงได้ฟังจากพระองค์หรือฟังจากสาวกที่จำจากพระองค์มาอีกทีหนึ่ง...

แต่นี้...2559 ปีแล้ว..ที่กายสังขารของพระองค์ไม่มีแล้ว...แล้วเราจะฟังวจึสังขารได้จากไหนเล่า....เทปวีดีโอ..ซีดี..แฟลชไดรฟ์..Mp 3 4 5...Youtube..คลิ๊ปอะไรอะไร..ก็ไม่มี....

ก็มีตัวหนังสือนี้แหละ...ที่พอจะถ่ายทอดวจีสังขารให้คนรุ่นหลังๆได้ฟังกันได้...
(ดีไม่ดีก็เป็นสังขารอันเดียวที่มโนใช้สอนธรรมให้ผู้ที่มีขันธ์อยู่..เหมือนที่หลาย ๆ คนประสพกับตัว)

Kiss
...จะเชื่อหรือไม่ว่ามีบุคคลที่สามารถแสดงเสียงที่เมื่อตั้งใจฟังอย่างต่อเนื่อง...
...แล้วทำให้เสียงนั้นเตือนให้ระลึกถึงคำจริงที่เป็นความจริงของสิ่งที่มีจริง จริงๆ...
:b1: :b12:
https://m.youtube.com/watch?v=Tlj4Q5bDITs
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.พ. 2016, 07:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เชื่อครับ....ว่ามี


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 121 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร