ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ปัญญาอบรมสมาธิ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=51631
หน้า 1 จากทั้งหมด 2

เจ้าของ:  รสมน [ 21 ธ.ค. 2015, 15:42 ]
หัวข้อกระทู้:  ปัญญาอบรมสมาธิ

“ทางพระสอนให้ละชั่วทำความดี แต่ก็ไม่ให้ติดอยู่ในความดี ให้บำเพ็ญจิตให้ยิ่งขึ้นจนถึงไม่ติดดีติดชั่วจึงจะพ้นจากโลกนี้ไปได้ เพราะแม้คุณความดีจะส่งผลให้เป็นสุขไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ เป็นเทพ อินทร์ พรหม ก็ตาม แต่เมื่อกำลังของกุศลกรรมความดีนั้นๆ หมดลง ก็ย่อมต้อง กลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก ทางพระจึงมุ่งสอนให้มุ่งภาวนา ทำจิตให้รวม ระวังตั้งมั่น ทำจิตให้มีปัญญารู้ความเป็นจริงด้วยตนเอง จนถอดถอนอุปทานความยึดมั่นถือมั่นต่างๆ ออกเสียจึงจะเป็นไปเพื่อความสิ้นภพสิ้นชาติ หมดทุกข์หมดยากโดยแท้จริง”
--พระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร)—




"..ผู้มี "กุศลในใจ" คือ มีบุญในใจ
หนักแน่น ใครด่าว่าติเตียน
ก็ไม่เสียใจ ไม่โกรธ ไม่เกลียด
เพราะว่า ใจมีบุญเป็นเครื่องอยู่

ตรงกันข้ามกับ
"ใจ-ที่มีกิเลส" เป็นเครื่องอยู่
กิเลส อยู่ในใจใคร ก็มีแต่
ปั่นจิตใจ ให้เดือดร้อนวุ่นวาย.."

..............................
โอวาทธรรมคำสอน..
หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต ต.บ้านหม้อ
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย


หลวงพ่อเล่าให้ฟัง‬.. พิจารณาธรรมนะ..!.. ^^*~ ท่านก็เล่าไปขำไป.. คือ.. "บ้านพ่อของพระอาจารย์องค์หนึ่งที่กรุงเทพฯ ไฟไหม้.. ท่านโมโหมาก.. เพราะ บ้านไหม้หมด แต่.. ศาลพระภูมิในบริเวณบ้านกลับไม้ไหม้ไปด้วย.. จะเอาค้อนไปทุบทิ้ง.. โยมพ่อของท่านบอก.. "อุตสาห์ไหว้เช้าไหว้เย็น..หาอะไรให้กิน แต่ท่าน(พระภูมิ)ไม่รักษาเราเลย.. ปล่อยให้บ้านเราไหม้หมด.. ท่านรักษาแต่บ้านของท่านนะ..!.." ทีนี้เลยไม่เอาแล้ว ศาลไม่ช่วยอะไร ทุบทิ้งไปเลย..!..

ที่พึ่งที่เที่ยงแท้และประเสริฐสูงสุด.. คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์.. นอกจากนี้แล้ว.. จะหาเอาสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งให้เรา.. ไม่มีเลย.. ถ้ารับไตรสรณคมณ์แล้ว.. ก็อย่าไปพึ่งสิ่งอื่นนอกจากพระรัตนตรัย เดี๋ยวจะขาดจากไตรสรณคมน์ไป.. และจะกลายเป็นสีลัพตปรามาสด้วยนะ..
หลวงพ่อบุญลั่น กันโตภาโส. @วัดถ้ำอินทนิล





" อย่าไปคิดไม่ดี หรือ เพ่งโทษกับคนอื่นเขานะ
ในขณะที่จิตของเขา บางคนกำหนดสมาธิ
ทุกขณะจิต จิตมีความสงบ
หรือ สว่าง สว่างไสว..
อยู่ภายในดวงจิตขึ้นแล้ว

เราจะเป็นบาปและมีมลทิน ไม่รู้ตัว..
จงสังรวมจิตภายใน ภายนอก "
โอวาทธรรมคำสอน : พ่อแม่ครูอาจารย์
หลวงปู่สอ พันธุโล
วัดหนองแสง อ.เมือง จ.ยโสธร





“ปัญญาอบรมสมาธิ”

ถาม : ปัญญาอบรมสมาธิเป็นอย่างไรครับ เคยแต่ถูกสอนให้มีสมาธิก่อนแล้วถึงจะมีปัญญา

พระอาจารย์: ก็อย่างเวลานั่งพุทโธๆไปแล้วมันไม่ยอมพุทโธ มันจะไปคิดถึงเเฟนอย่างนี้ ห่วงแฟน กลัวแฟนจะไปมีอีหนูไปมีคนใหม่ ก็ต้องใช้ปัญญามาอบรมทำใจให้สงบ พิจารณาว่าสามีเป็นอนิจจัง ไม่เที่ยง ไม่แน่นอน เขารักเราวันนี้เขาอาจจะไม่รักเราก็ได้ เขารักเราเมื่อวานนี้ วันนี้เขาไม่รักเราแล้วก็ได้ เขาจะไปหาคนอื่นเราก็ห้ามเขาไม่ได้บังคับเขาไม่ได้ ถ้าเราอยากให้เขาอยู่กับเรา เราก็จะทุกข์ ถ้าเราปล่อยให้เขาไป เราก็จะไม่ทุกข์ พอเราพิจารณาเห็นอย่างนี้เราก็ปล่อย หยุดความอยากให้เขาอยู่กับเรา ปล่อยให้เขาอยากจะไปก็ปล่อยเขาไป เขาอยากจะอยู่ก็ปล่อยให้เขาอยู่ ไม่ไปสนใจไม่ไปกังวลกับเขา ใจก็กลับมาสู่ความสงบ แต่ไม่รวมเท่านั้น แต่สงบกลับมาเป็นปกติ ทำให้สามารถพุทโธต่อไปได้ ถ้าพุทโธต่อไปได้ เดี๋ยวไม่นานมันก็รวมเข้าสู่ความสงบอีกทีหนึ่ง นี่เรียกว่า ปัญญาอบรมสมาธิ

ธรรมะบนเขา วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๘

“การเข้าหาพระธรรมคำสอน”

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

เจ้าของ:  Hanako [ 21 ธ.ค. 2015, 16:49 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปัญญาอบรมสมาธิ

รสมน เขียน:



"..ผู้มี "กุศลในใจ" คือ มีบุญในใจ
หนักแน่น ใครด่าว่าติเตียน
ก็ไม่เสียใจ ไม่โกรธ ไม่เกลียด
เพราะว่า ใจมีบุญเป็นเครื่องอยู่

ตรงกันข้ามกับ
"ใจ-ที่มีกิเลส" เป็นเครื่องอยู่
กิเลส อยู่ในใจใคร ก็มีแต่
ปั่นจิตใจ ให้เดือดร้อนวุ่นวาย.."

..............................
โอวาทธรรมคำสอน..
หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต ต.บ้านหม้อ
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย





:b20: :b20: :b20:

สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 21 ธ.ค. 2015, 20:23 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปัญญาอบรมสมาธิ

รสมน เขียน:



“ปัญญาอบรมสมาธิ”

ถาม : ปัญญาอบรมสมาธิเป็นอย่างไรครับ เคยแต่ถูกสอนให้มีสมาธิก่อนแล้วถึงจะมีปัญญา

พระอาจารย์: ก็อย่างเวลานั่งพุทโธๆไปแล้วมันไม่ยอมพุทโธ มันจะไปคิดถึงเเฟนอย่างนี้ ห่วงแฟน กลัวแฟนจะไปมีอีหนูไปมีคนใหม่ ก็ต้องใช้ปัญญามาอบรมทำใจให้สงบ พิจารณาว่าสามีเป็นอนิจจัง ไม่เที่ยง ไม่แน่นอน เขารักเราวันนี้เขาอาจจะไม่รักเราก็ได้ เขารักเราเมื่อวานนี้ วันนี้เขาไม่รักเราแล้วก็ได้ เขาจะไปหาคนอื่นเราก็ห้ามเขาไม่ได้บังคับเขาไม่ได้ ถ้าเราอยากให้เขาอยู่กับเรา เราก็จะทุกข์ ถ้าเราปล่อยให้เขาไป เราก็จะไม่ทุกข์ พอเราพิจารณาเห็นอย่างนี้เราก็ปล่อย หยุดความอยากให้เขาอยู่กับเรา ปล่อยให้เขาอยากจะไปก็ปล่อยเขาไป เขาอยากจะอยู่ก็ปล่อยให้เขาอยู่ ไม่ไปสนใจไม่ไปกังวลกับเขา ใจก็กลับมาสู่ความสงบ แต่ไม่รวมเท่านั้น แต่สงบกลับมาเป็นปกติ ทำให้สามารถพุทโธต่อไปได้ ถ้าพุทโธต่อไปได้ เดี๋ยวไม่นานมันก็รวมเข้าสู่ความสงบอีกทีหนึ่ง นี่เรียกว่า ปัญญาอบรมสมาธิ

ธรรมะบนเขา วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๘

“การเข้าหาพระธรรมคำสอน”

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต


:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  asoka [ 22 ธ.ค. 2015, 06:25 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปัญญาอบรมสมาธิ

:b12:
ปัญญา อบรมทั้งศีลและสมาธิ

ไม่มีสุตตมยปัญญารู้ว่า ศีล คืออะไร? มีกี่ข้อ ปฏิบัติรักษาอย่างไร เท่าไหร่ให้เหมาะกับเพศ วัย ของตน

สมาธิ คืออะไร? ทำอย่างไร? มีกี่วิธี วิธีไหนจึงจะเหมาะกับจริตนิสัยของตน

แล้วจะไปเจริญศีล เจริญสมาธิได้ถูกต้องอย่างไรเล่า


ปัญญาจึงต้องนำหน้าเสมอ

ปัญญาเป็นประธาน เป็นผู้นำ ดุจพระมหากษัตริย์ มีศีล สมาธิและโพธิปักขิยะธรรมทั้ง 37 ประการ เป็นเสนา อำมาตย์ข้าราชบริพารอันมี สติ เป็นนายกรัฐมนตรีหรือมหาอำมาตย์คอยรับใช้สนองพระราชประสงค์ เรื่องนี้มีกล่าวไว้ในพระสูตร ต้องขอความกรุณานักวิชาการผู้ชำนาญด้านคัมภีร์ค้นมาเล่าสู่กันฟังนะครับ


onion

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 22 ธ.ค. 2015, 06:46 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปัญญาอบรมสมาธิ

กบนอกกะลา เขียน:
รสมน เขียน:



“ปัญญาอบรมสมาธิ”

ถาม : ปัญญาอบรมสมาธิเป็นอย่างไรครับ เคยแต่ถูกสอนให้มีสมาธิก่อนแล้วถึงจะมีปัญญา

พระอาจารย์: ก็อย่างเวลานั่งพุทโธๆไปแล้วมันไม่ยอมพุทโธ มันจะไปคิดถึงเเฟนอย่างนี้ ห่วงแฟน กลัวแฟนจะไปมีอีหนูไปมีคนใหม่ ก็ต้องใช้ปัญญามาอบรมทำใจให้สงบ พิจารณาว่าสามีเป็นอนิจจัง ไม่เที่ยง ไม่แน่นอน เขารักเราวันนี้เขาอาจจะไม่รักเราก็ได้ เขารักเราเมื่อวานนี้ วันนี้เขาไม่รักเราแล้วก็ได้ เขาจะไปหาคนอื่นเราก็ห้ามเขาไม่ได้บังคับเขาไม่ได้ ถ้าเราอยากให้เขาอยู่กับเรา เราก็จะทุกข์ ถ้าเราปล่อยให้เขาไป เราก็จะไม่ทุกข์ พอเราพิจารณาเห็นอย่างนี้เราก็ปล่อย หยุดความอยากให้เขาอยู่กับเรา ปล่อยให้เขาอยากจะไปก็ปล่อยเขาไป เขาอยากจะอยู่ก็ปล่อยให้เขาอยู่ ไม่ไปสนใจไม่ไปกังวลกับเขา ใจก็กลับมาสู่ความสงบ แต่ไม่รวมเท่านั้น แต่สงบกลับมาเป็นปกติ ทำให้สามารถพุทโธต่อไปได้ ถ้าพุทโธต่อไปได้ เดี๋ยวไม่นานมันก็รวมเข้าสู่ความสงบอีกทีหนึ่ง นี่เรียกว่า ปัญญาอบรมสมาธิ

ธรรมะบนเขา วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๘

“การเข้าหาพระธรรมคำสอน”

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต


:b8: :b8: :b8:


ต้องขออภัยนะครับถ้าสอนกันอย่างนี้จริงๆ ผมว่าย้ายวัดไปหาครูบาอาจารย์ดีกว่า....

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 22 ธ.ค. 2015, 17:06 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปัญญาอบรมสมาธิ

ลุงหมาน เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
รสมน เขียน:



“ปัญญาอบรมสมาธิ”

ถาม : ปัญญาอบรมสมาธิเป็นอย่างไรครับ เคยแต่ถูกสอนให้มีสมาธิก่อนแล้วถึงจะมีปัญญา

พระอาจารย์: ก็อย่างเวลานั่งพุทโธๆไปแล้วมันไม่ยอมพุทโธ มันจะไปคิดถึงเเฟนอย่างนี้ ห่วงแฟน กลัวแฟนจะไปมีอีหนูไปมีคนใหม่ ก็ต้องใช้ปัญญามาอบรมทำใจให้สงบ พิจารณาว่าสามีเป็นอนิจจัง ไม่เที่ยง ไม่แน่นอน เขารักเราวันนี้เขาอาจจะไม่รักเราก็ได้ เขารักเราเมื่อวานนี้ วันนี้เขาไม่รักเราแล้วก็ได้ เขาจะไปหาคนอื่นเราก็ห้ามเขาไม่ได้บังคับเขาไม่ได้ ถ้าเราอยากให้เขาอยู่กับเรา เราก็จะทุกข์ ถ้าเราปล่อยให้เขาไป เราก็จะไม่ทุกข์ พอเราพิจารณาเห็นอย่างนี้เราก็ปล่อย หยุดความอยากให้เขาอยู่กับเรา ปล่อยให้เขาอยากจะไปก็ปล่อยเขาไป เขาอยากจะอยู่ก็ปล่อยให้เขาอยู่ ไม่ไปสนใจไม่ไปกังวลกับเขา ใจก็กลับมาสู่ความสงบ แต่ไม่รวมเท่านั้น แต่สงบกลับมาเป็นปกติ ทำให้สามารถพุทโธต่อไปได้ ถ้าพุทโธต่อไปได้ เดี๋ยวไม่นานมันก็รวมเข้าสู่ความสงบอีกทีหนึ่ง นี่เรียกว่า ปัญญาอบรมสมาธิ

ธรรมะบนเขา วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๘

“การเข้าหาพระธรรมคำสอน”

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต


:b8: :b8: :b8:


ต้องขออภัยนะครับถ้าสอนกันอย่างนี้จริงๆ ผมว่าย้ายวัดไปหาครูบาอาจารย์ดีกว่า....

:b32: :b32:

แล้วลุงหมาน...คิดว่า..ปัญญา...อบรมสมาธิ..นี้มันเป็นยังงัย..ละคับ...

แล้ว..ปัญญา..ที่ไปอบรมสมาธิ..นี้...สุตต..กับ..จินต..พอจะจัดเป็นปัญญา..ได้ยัง?

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 22 ธ.ค. 2015, 19:06 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปัญญาอบรมสมาธิ

ปัญญา คือความรู้ในเหตุผลแห่งความจริงของสภาวธรรมและทำลายความเห็นผิด หรือเป็นเจตสิกที่มีความรู้เป็นใหญ่ ปกครองซึ่งสหชาตธรรมทั้งปวง มีลักขณาทิจตุกะ ดังนี้
ธมฺมสภาวปฏิเวธลกฺขณา มีความรู้แจ้งซึ่งสภาวธรรม เป็นลักษณะ
โมหนฺธการวิทฺธํสนรสา มีการกำจัดมืด เป็นกิจ
อสมฺโมหปจฺจุปฏฺฐานา มีความไม่หลงผิด หรือไม่เห็นผิด เป็นผล
สมาธิปทฏฺฐานา มีสมาธิ เป็นเหตุใกล้
ปัญญานี้ มีอรรถาธิบายอย่างกว้างขวาง และแจกแจงได้หลายนัย หลายกระบวน เป็นจำนวนมากมาย
แต่ในที่นี้จะกล่าวย่อ ๆ พอให้รู้เค้า จึงขอแจกแจงว่า ปัญญามีเพียง ๓ นัย เท่านั้น คือ
ก. กัมมสกตาปัญญา ปัญญาที่รู้ว่า กรรมเป็นสมบัติของตน
ข. วิปัสสนาปัญญา ปัญญาที่รู้ขันธ์ ๕ รูปนาม เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ค. โลกุตตรปัญญา ปัญญาที่รู้แจ้งแทงตลอดในอริยสัจจ ๔ ปัญญาที่รู้เห็นความที่สัตว์มีกรรมเป็นสมบัติของตน อันเรียกว่า
กัมมสกตาปัญญา นี้ มี ๑๐ ประการ คือ
(๑) อตฺถิทินนํ ปัญญารู้เห็นว่า ทานที่บุคคลให้แล้ว ย่อมมีผล
(๒) อตฺยิฏฐํ ปัญญารู้เห็นว่า การบูชาย่อมมีผล
(๓) อตฺถิหุตํ ปัญญารู้เห็นว่า การบวงสรวงเทวดา ย่อมมีผล
(๔) อตฺถิกมฺมานํ ผลํวิปาโก ปัญญารู้เห็นว่า ผลวิบากของกรรมดีและชั่วมีอยู่ (ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
ทั้งทางตรงและทางอ้อม)
(๕) อตฺถิอยํโลโก ปัญญารู้เห็นว่า โลกนี้มีอยู่ (ผู้จะมาเกิดนั้นมี)
(๖) อตฺถิปโรโลโก ปัญญารู้เห็นว่า โลกหน้ามีอยู่ (ผู้จะไปเกิดนั้นมี)
(๗) อตฺถิมาตา ปัญญารู้เห็นว่า มารดามีอยู่ (การทำดี ทำชั่วต่อมารดาย่อมจะได้รับผล)
(๘) อตฺถิปิตา ปัญญารู้เห็นว่า บิดามีอยู่ (การทำดี ทำชั่วต่อบิดาย่อมจะได้รับผล)
(๙) อตฺถิ สตฺตโอปปาติกา ปัญญารู้เห็นว่าโอปปาติกสัตว์นั้นมีอยู่ (สัตว์นรก เปรต อสุรกาย เทวดา พรหมนั้นมี)
(๑๐) อตฺถิ โลเกสมณพฺรหฺมณา สมฺมาปฏิปนฺนา ปัญญารู้เห็นว่าสมณพราหมณ์ ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ประกอบด้วยความรู้ยิ่ง เห็นจริงประจักษ์ซึ่งโลกนี้ และโลกหน้าด้วยตนเอง แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้นั้นมีอยู่ในโลกนี้
ปัญญาไม่มีหน้าที่ไปอบรมสมาธิ

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 22 ธ.ค. 2015, 19:31 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปัญญาอบรมสมาธิ

ลุงหมาน เขียน:

ปัญญาไม่มีหน้าที่ไปอบรมสมาธิ


:b9: :b9:

ลุงหมาน..เวลาทำสมาธินี้...ทำงัยถึงเข้าสมาธิได้ง่าย...

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 22 ธ.ค. 2015, 20:43 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปัญญาอบรมสมาธิ

กบนอกกะลา เขียน:
ลุงหมาน เขียน:

ปัญญาไม่มีหน้าที่ไปอบรมสมาธิ


:b9: :b9:

ลุงหมาน..เวลาทำสมาธินี้...ทำงัยถึงเข้าสมาธิได้ง่าย...

แนบแน่นอยู่ในอารมณ์เดียว

เจ้าของ:  asoka [ 23 ธ.ค. 2015, 05:32 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปัญญาอบรมสมาธิ

ลุงหมาน เขียน:
ปัญญา คือความรู้ในเหตุผลแห่งความจริงของสภาวธรรมและทำลายความเห็นผิด หรือเป็นเจตสิกที่มีความรู้เป็นใหญ่ ปกครองซึ่งสหชาตธรรมทั้งปวง มีลักขณาทิจตุกะ ดังนี้
ธมฺมสภาวปฏิเวธลกฺขณา มีความรู้แจ้งซึ่งสภาวธรรม เป็นลักษณะ
โมหนฺธการวิทฺธํสนรสา มีการกำจัดมืด เป็นกิจ
อสมฺโมหปจฺจุปฏฺฐานา มีความไม่หลงผิด หรือไม่เห็นผิด เป็นผล
สมาธิปทฏฺฐานา มีสมาธิ เป็นเหตุใกล้
ปัญญานี้ มีอรรถาธิบายอย่างกว้างขวาง และแจกแจงได้หลายนัย หลายกระบวน เป็นจำนวนมากมาย
แต่ในที่นี้จะกล่าวย่อ ๆ พอให้รู้เค้า จึงขอแจกแจงว่า ปัญญามีเพียง ๓ นัย เท่านั้น คือ
ก. กัมมสกตาปัญญา ปัญญาที่รู้ว่า กรรมเป็นสมบัติของตน
ข. วิปัสสนาปัญญา ปัญญาที่รู้ขันธ์ ๕ รูปนาม เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ค. โลกุตตรปัญญา ปัญญาที่รู้แจ้งแทงตลอดในอริยสัจจ ๔ ปัญญาที่รู้เห็นความที่สัตว์มีกรรมเป็นสมบัติของตน อันเรียกว่า
กัมมสกตาปัญญา นี้ มี ๑๐ ประการ คือ
(๑) อตฺถิทินนํ ปัญญารู้เห็นว่า ทานที่บุคคลให้แล้ว ย่อมมีผล
(๒) อตฺยิฏฐํ ปัญญารู้เห็นว่า การบูชาย่อมมีผล
(๓) อตฺถิหุตํ ปัญญารู้เห็นว่า การบวงสรวงเทวดา ย่อมมีผล
(๔) อตฺถิกมฺมานํ ผลํวิปาโก ปัญญารู้เห็นว่า ผลวิบากของกรรมดีและชั่วมีอยู่ (ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
ทั้งทางตรงและทางอ้อม)
(๕) อตฺถิอยํโลโก ปัญญารู้เห็นว่า โลกนี้มีอยู่ (ผู้จะมาเกิดนั้นมี)
(๖) อตฺถิปโรโลโก ปัญญารู้เห็นว่า โลกหน้ามีอยู่ (ผู้จะไปเกิดนั้นมี)
(๗) อตฺถิมาตา ปัญญารู้เห็นว่า มารดามีอยู่ (การทำดี ทำชั่วต่อมารดาย่อมจะได้รับผล)
(๘) อตฺถิปิตา ปัญญารู้เห็นว่า บิดามีอยู่ (การทำดี ทำชั่วต่อบิดาย่อมจะได้รับผล)
(๙) อตฺถิ สตฺตโอปปาติกา ปัญญารู้เห็นว่าโอปปาติกสัตว์นั้นมีอยู่ (สัตว์นรก เปรต อสุรกาย เทวดา พรหมนั้นมี)
(๑๐) อตฺถิ โลเกสมณพฺรหฺมณา สมฺมาปฏิปนฺนา ปัญญารู้เห็นว่าสมณพราหมณ์ ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ประกอบด้วยความรู้ยิ่ง เห็นจริงประจักษ์ซึ่งโลกนี้ และโลกหน้าด้วยตนเอง แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้นั้นมีอยู่ในโลกนี้
ปัญญาไม่มีหน้าที่ไปอบรมสมาธิ

s004
ขออภัยครับ

แล้วที่ลุงหมานคัดมาแปะทั้งหมดนี้เป็นอะไรหรือครับ?

เป็นศีล
เป็นสมาธิ
เป็นปัญญา
หรือเป็นอย่างอื่น

แล้วที่พระบรมศาสดากล่าวถึง

สุตตมยปัญญา
จินตมยปัญญา

ภาวนามยปัญญา

นี้ลุงหมานจะว่าอย่างไรครับ?

s006

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 23 ธ.ค. 2015, 06:09 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปัญญาอบรมสมาธิ

ลุงหมาน เขียน:
ปัญญาไม่มีหน้าที่ไปอบรมสมาธิ


กบนอกกะลา เขียน:
:b9: :b9:

ลุงหมาน..เวลาทำสมาธินี้...ทำงัยถึงเข้าสมาธิได้ง่าย...


ลุงหมาน เขียน:
แนบแน่นอยู่ในอารมณ์เดียว


แนบแน่นอยู่ในอารมณ์เดียว....นี้มันเป็นผลของสมาธิ..นะ :b9:

การจะเข้าได้ง่าย..นี้...แต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน..ก็เลยถามลุงหมานดูว่า..ลุงหมานเข้าสมาธิได้ง่าย ๆ นั้น..ลุงมีจุดเฉพาะตัวมั้ย...ทำแบบไหน

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 23 ธ.ค. 2015, 06:15 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปัญญาอบรมสมาธิ

asoka เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
ปัญญา คือความรู้ในเหตุผลแห่งความจริงของสภาวธรรมและทำลายความเห็นผิด หรือเป็นเจตสิกที่มีความรู้เป็นใหญ่ ปกครองซึ่งสหชาตธรรมทั้งปวง มีลักขณาทิจตุกะ ดังนี้
ธมฺมสภาวปฏิเวธลกฺขณา มีความรู้แจ้งซึ่งสภาวธรรม เป็นลักษณะ
โมหนฺธการวิทฺธํสนรสา มีการกำจัดมืด เป็นกิจ
อสมฺโมหปจฺจุปฏฺฐานา มีความไม่หลงผิด หรือไม่เห็นผิด เป็นผล
สมาธิปทฏฺฐานา มีสมาธิ เป็นเหตุใกล้
ปัญญานี้ มีอรรถาธิบายอย่างกว้างขวาง และแจกแจงได้หลายนัย หลายกระบวน เป็นจำนวนมากมาย
แต่ในที่นี้จะกล่าวย่อ ๆ พอให้รู้เค้า จึงขอแจกแจงว่า ปัญญามีเพียง ๓ นัย เท่านั้น คือ
ก. กัมมสกตาปัญญา ปัญญาที่รู้ว่า กรรมเป็นสมบัติของตน
ข. วิปัสสนาปัญญา ปัญญาที่รู้ขันธ์ ๕ รูปนาม เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ค. โลกุตตรปัญญา ปัญญาที่รู้แจ้งแทงตลอดในอริยสัจจ ๔ ปัญญาที่รู้เห็นความที่สัตว์มีกรรมเป็นสมบัติของตน อันเรียกว่า
กัมมสกตาปัญญา นี้ มี ๑๐ ประการ คือ
(๑) อตฺถิทินนํ ปัญญารู้เห็นว่า ทานที่บุคคลให้แล้ว ย่อมมีผล
(๒) อตฺยิฏฐํ ปัญญารู้เห็นว่า การบูชาย่อมมีผล
(๓) อตฺถิหุตํ ปัญญารู้เห็นว่า การบวงสรวงเทวดา ย่อมมีผล
(๔) อตฺถิกมฺมานํ ผลํวิปาโก ปัญญารู้เห็นว่า ผลวิบากของกรรมดีและชั่วมีอยู่ (ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
ทั้งทางตรงและทางอ้อม)
(๕) อตฺถิอยํโลโก ปัญญารู้เห็นว่า โลกนี้มีอยู่ (ผู้จะมาเกิดนั้นมี)
(๖) อตฺถิปโรโลโก ปัญญารู้เห็นว่า โลกหน้ามีอยู่ (ผู้จะไปเกิดนั้นมี)
(๗) อตฺถิมาตา ปัญญารู้เห็นว่า มารดามีอยู่ (การทำดี ทำชั่วต่อมารดาย่อมจะได้รับผล)
(๘) อตฺถิปิตา ปัญญารู้เห็นว่า บิดามีอยู่ (การทำดี ทำชั่วต่อบิดาย่อมจะได้รับผล)
(๙) อตฺถิ สตฺตโอปปาติกา ปัญญารู้เห็นว่าโอปปาติกสัตว์นั้นมีอยู่ (สัตว์นรก เปรต อสุรกาย เทวดา พรหมนั้นมี)
(๑๐) อตฺถิ โลเกสมณพฺรหฺมณา สมฺมาปฏิปนฺนา ปัญญารู้เห็นว่าสมณพราหมณ์ ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ประกอบด้วยความรู้ยิ่ง เห็นจริงประจักษ์ซึ่งโลกนี้ และโลกหน้าด้วยตนเอง แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้นั้นมีอยู่ในโลกนี้
ปัญญาไม่มีหน้าที่ไปอบรมสมาธิ

s004
ขออภัยครับ

แล้วที่ลุงหมานคัดมาแปะทั้งหมดนี้เป็นอะไรหรือครับ?

เป็นศีล
เป็นสมาธิ
เป็นปัญญา
หรือเป็นอย่างอื่น

แล้วที่พระบรมศาสดากล่าวถึง

สุตตมยปัญญา
จินตมยปัญญา

ภาวนามยปัญญา

นี้ลุงหมานจะว่าอย่างไรครับ?

s006

ที่ยกมานั้นก็เพื่อให้รู้น่าที่ของปัญญา ว่าปัญญาทำหน้าที่อะไรบ้าง
ส่วนสมาธิเขาก็มีหน้าของเขา ว่าเขามีความสามารถอะไรบ้าง

อุปมาเหมือนนายช่างผู้ชาญฉลาดเขาคิดจะสร้างเรือนขึ้นมาสักหลังหนึ่ง
เขาย่อมต้องมีอุปกรณ์ในการสร้างเรือนหลายชิ้นนหลายอันหลายอย่างจึงจะสร้างได้
แต่นายช่างจะหยิบอุปกรณ์นั้นมาใช้ แต่ก็หยิบได้เพียงหนึ่งอย่างที่จะเอาสร้างเรือนนั้น

อุปกรณ์หรือเครื่องมือช่างแต่ละชิ้นก็ทำหน้าที่ไม่เหมือนกัน เช่น เลื่อย ฆ้อน ตะปู ขวาน กบใสไม้
และอื่นๆอีกมากมาย เพียงแต่นายช่างจะหยิบอะไรขึ้นมาเขาก็ทำหน้าที่ของเขาตามกำลัง
และความสามารถของอุปกรณ์นั้นๆ แต่อุปกรณ์อันอื่นก็ใช่ว่าจะไม่สำคัญจะทิ้งเสียมิได้
แม้บ้านเรือนจะขาดอุปกรณ์เหล่านี้ไปไม่ได้เลย การสร้างเรือนก็จะไม่สำเร็จ
หรืออาจจะไม่สะดวกในการสร้างเรือน แต่จุดมุ่งหมายของอุปกรณ์ก็คือการสร้างเรือนให้สำเร็จ

ปัญญาก็เช่นเดียวกัน จะขาดสังขารธรรม ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา เอกัคคตา ฯลฯ
ที่ประกอบร่วมก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้เลย ที่กล่าวถึง ศีล สมาธิ ปัญญา นั้น พระองค์กล่าวโดยรวม
คือ องค์มรรค ๘ ที่เป็นองค์ที่สำคัญๆ ที่เป็นองค์ที่ตัดกิเลส (คงไม่ต้องอธิบายว่าองค์มรรคมีอะไรบ้าง)
ซึ่งก็ล้วนแต่สังขารธรรมที่เกิดร่วมกันทั้งสิ้นทำหน้าของตนตามความสามารถของตนๆ

ส่วน สุตตมยปัญญา จินตามยปัญญา ภาวนามยปัญญา หมายถึงแหล่งที่มาของปัญญา

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 28 ธ.ค. 2015, 21:06 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปัญญาอบรมสมาธิ

ปัญญาอบรมสมาธิ...หรือ..จะสมาธิอบรมปัญญา..นี้

คนทำเขาถึงรู้..ว่าที่พูดนั้น..หมายถึง..นัยไหน..ไม่มีใครเขาเข้าใว่าตัวปัญญาถือไม้เรียวสั่งสอนตัวสมาธิ..แน่

ไม่ว่าปัญญาที่เจ้าตัวเขาเข้าใจ..หรือจะเป็น..สัญญาที่ระลึกคำสอนตอนใดตอนหนึ่งของพระบรมศาสดา....ที่ทำให้ใจสงบลงได้ง่ายขึ้น..ใจที่สงบจากการวางโลก...ไม่เอานิวรณ์..แม้ชั่วคราวนี้แหละ..สมาธิ

คนที่เขาทำเขาจึงรู้...ว่าปัญญาหรือสัญญา...นี้แหละทำให้เขาสงบลงได้ง่าย...เขาจึงพูดว่า..ปัญญาอบรมสมาธิ...

ที่พูดว่า..ปัญญาไม่มีหน้าที่ไปอบรมสมาธิ...คงขาดความรอบคอบไป...

เจ้าของ:  student [ 29 ธ.ค. 2015, 01:24 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปัญญาอบรมสมาธิ

ปัญญา มีหน้าที่อบรมความเห็นผิดทั้งหลาย

เห็นว่าชาติหน้าไม่มี ตายแล้วสูญ ก็ต้องใช้ปัญญามาอบรมความเห็นใหม่ให้พิจารณาเหตุปัจจัย

หรือยินดีในร่างกาย เห็นว่าร่างกายเป็นของดี สวยงาม น่าใคร่ ก็ต้องใช้ปัญญาอบรมความเห็นนั้นให้ตรงตามความจริง ว่าแท้จริงแล้วก็ตกอยู่ภายใต้สามัญลักษณะด้วยกันที้งสิ้น

ความเพียรนั่นแหละอบรมสมาธิ

เจ้าของ:  วิริยะ [ 29 ธ.ค. 2015, 08:45 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปัญญาอบรมสมาธิ

.
ปัญญาอบรมสมาธิ สมาธิอบรมปัญญา ..

สมาธิ หมายถึง จิตที่สงบระงับจากนิวรณ์ ตั้งมั่นเป็นเอกัคคตารมณ์

ท่านเปรียบจิต เหมือนเด็กทั้งดื้อทั้งซน ไม่ยอมอยู่ในโอวาทหรือคำสั่ง ต้องใช้ปัญญา หาอุบายวิธีการต่าง ๆ เพื่อให้เด็กหยุดดื้อหยุดซน สงบและอยู่ในโอวาท ฉันใด

"กรรมฐานสี่สิบข้อ" ก็คืออุบาย คือปัญญาที่นำมาอบรมสั่งสอนจิต ให้สงบระงับจากนิวรณ์ห้า เพื่อเกิดเป็นสมาธิเป็นเอกัคคตารมณ์ทั้งสิ้น เรียกว่า "ปัญญาอบรมสมาธิ"

เมื่อจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ จิตก็มีกำลัง จะยกธรรมหมวดใด เช่น ยกสัจจะธรรมทั้งสี่ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ขึ้นมาพิจารณา ปัญญาก็เฉียบแหลม เกิดความรู้แจ้งเห็นจริงในสัจจะธรรมนั้น ๆ เรียกว่า "สมาธิอบรมปัญญา"

"ปัญญาอบรมสมาธิ" เรียกว่า "สามัญปัญญา" คือปัญญาทั่วไปที่เกิดจากการเรียนรู้ จากการฟังธรรม การอ่านจากบันทึกที่จารึกไว้ จากแนวทางปฏิปทาการประพฤติปฏิบัติ ของหลวงปู่ฯ หลวงตาฯ ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย

"สมาธิอบรมปัญญา" หรือปัญญาที่เกิดจากสมาธิ คือ "ภาวนามยปัญญาหรือวิปัสสนาปัญญา" ปัญญาสุดยอดของพระพุทธศาสนา "ปัญญาที่ทำให้ปุถุชนคนธรรมดากลายเป็นพระอริยะเจ้าได้" ปัญญานี่แหละที่ทุกคนปรารถนาต้องการ ..

:b1:

หน้า 1 จากทั้งหมด 2 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/