ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

วิวาทะ เรื่อง คาถาเงินล้าน
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=51035
หน้า 1 จากทั้งหมด 4

เจ้าของ:  บ้านสวนสุขใจ [ 21 ก.ย. 2015, 14:16 ]
หัวข้อกระทู้:  วิวาทะ เรื่อง คาถาเงินล้าน

ผมเห็นความคิดที่แตกต่างของสมาชิกหลาย ๆ เกี่ยวกับ การสวดท่องคาถาเงินล้าน ว่าเป็นมิจฉาทิฐิ ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ เพราะตัวเองยังด้อยปัญญาอยู่มากโข ผมคิดว่าผู้ที่สวดคาถาเงินล้านคงจะมีความปราถนาในทรัพย์ ความปราถนา ความต้องการเป็นกิเลส แต่ตราบใดที่ยังเป็นผู้เดินทางอยู่ กิเลสก็ยังคงมีอยู่ มากน้อยแตกต่างกันไป ความปรานาในทรัพย์จึงไม่ใช่เรื่องแปลก
ทรัพย์สินเงินทองไม่ใช่สิ่งกุศล หรืออกุศล ผู้ที่ใช้เงินต่างหากที่จะใช้ให้เกิดกุศล หรืออกุศล หากมีทรัพย์มาก และใช้ไปในทางกุศลด้วยจิตที่เป็นกุศล ผู้ร่วมทางบุญคงจะอนุโมทนาสาธุด้วยความยินดี ความปิติ แต่ถ้าใช้ในทางอกุศลก็ตัวใครตัวมันก็แล้วกันครับ
การเดินทางไปให้ถึงนิพพานนั้นทางมันไกลมากครับ ผมเดินมาตั้งนาน (นับชาติไม่ถูก) ยังไปไม่ถึงไหนเลย ตุนเสบียง (กุศลกรรม) ไว้มาก ๆ ก็ดีครับ ทางมันไกล

ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ทุก ๆ ท่าน

เจ้าของ:  Rosarin [ 21 ก.ย. 2015, 16:25 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: วิวาทะ เรื่อง คาถาเงินล้าน

Kiss
เงินที่หามาได้ด้วยความสุจริต
ให้ทานด้วยเงินที่หามาโดยบริสุทธิ์
ผู้ให้เจตนาให้ด้วยความบริสุทธิ์ศรัทธานำ
ผู้รับศีลบริสุทธิ์ย่อมได้กุศลทั้งผู้รับและผู้ให้ค่ะ
หาได้สุจริตไม่คดโกงขโมยมาไม่ล่วงศีล5ผิดที่ไหน
พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้บอกอยู่เฉยๆแต่ให้ขยันเลี้ยงชีพสุจริต
แม้พระภิกษุยังทรงให้อยู่เสนาสนะป่าและบิณฑบาตรใช่หรือไม่
แล้วทุกวันนี้ที่สร้างวัดหรูหราโอ่อ่าฟู่ฟ่าพระภิกษุทำแบบชาวโลกดีไหม
:b16:
:b44: :b44:

เจ้าของ:  Rosarin [ 21 ก.ย. 2015, 16:33 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: วิวาทะ เรื่อง คาถาเงินล้าน

Kiss
พระภิกษุบางรูปทำแบบนี้เจ้าค่ะ
ใส่บาตรแล้วขอเงินค่ารถเดินทางอีก
รถโดยสารเก็บค่าโดยสารกับพระภิกษุไหม
Onion_R

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 21 ก.ย. 2015, 18:43 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: วิวาทะ เรื่อง คาถาเงินล้าน

บ้านสวนสุขใจ เขียน:
ผมเห็นความคิดที่แตกต่างของสมาชิกหลาย ๆ เกี่ยวกับ การสวดท่องคาถาเงินล้าน ว่าเป็นมิจฉาทิฐิ ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ เพราะตัวเองยังด้อยปัญญาอยู่มากโข ผมคิดว่าผู้ที่สวดคาถาเงินล้านคงจะมีความปราถนาในทรัพย์ ความปราถนา ความต้องการเป็นกิเลส แต่ตราบใดที่ยังเป็นผู้เดินทางอยู่ กิเลสก็ยังคงมีอยู่ มากน้อยแตกต่างกันไป ความปรานาในทรัพย์จึงไม่ใช่เรื่องแปลก
ทรัพย์สินเงินทองไม่ใช่สิ่งกุศล หรืออกุศล ผู้ที่ใช้เงินต่างหากที่จะใช้ให้เกิดกุศล หรืออกุศล หากมีทรัพย์มาก และใช้ไปในทางกุศลด้วยจิตที่เป็นกุศล ผู้ร่วมทางบุญคงจะอนุโมทนาสาธุด้วยความยินดี ความปิติ แต่ถ้าใช้ในทางอกุศลก็ตัวใครตัวมันก็แล้วกันครับ
การเดินทางไปให้ถึงนิพพานนั้นทางมันไกลมากครับ ผมเดินมาตั้งนาน (นับชาติไม่ถูก) ยังไปไม่ถึงไหนเลย ตุนเสบียง (กุศลกรรม) ไว้มาก ๆ ก็ดีครับ ทางมันไกล

ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ทุก ๆ ท่าน

ในศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาที่สวดอ้อนวอนใดๆทั้งสิ้น ซึ่งมันจะไปขัดกับคำสอนที่ว่า
เรื่องเหตุเรื่องผล บุคคลทำกรรมอันใดไว้ผู้นั้นจะได้รับผลของกรรมอันนั้น
คาถาเงินล้านไม่มีในพระไตรปิฎก ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า

ซึ่งเป็นคำแต่งใหม่ของเกจิขึ้นมาในภายหลัง ถ้าสวดคาถาเงินล้านแล้วว่าปรากฏผลจริง
ในโลกนี้คงไม่มีคนจน เมื่อก่อนผมก็สวดวันละหลายๆจบ ก็ไม่เห็นมีหลายๆ ล้านเลยจนเหมือนเดิม
สู้เอาเวลาไปกระทำความดีทำมากินจะดีกว่า รักษาศีลฟังธรรมความสุขก็จะเกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องสงสัย

เป็นมิจฉาทิฏฐิแน่เพราะไม่ตรงกับความเป็นจริงที่พระองค์สอน เราปรารถนาทรัพย์กันทุกคน
แต่ทุกต้องประกอบอาชีพคือสัมมาชีพเท่านั้นจึงจะเป็นอาชีพที่ได้ทรัพย์มาอย่างยั่งยืน

เรื่องนิพพานไม่ใช่เรื่องไกลตัวเพียงแต่เราเจริญมรรคยังไม่ถูกต้องเท่านั้นเอง

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 21 ก.ย. 2015, 20:14 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: วิวาทะ เรื่อง คาถาเงินล้าน

บ้านสวนสุขใจ เขียน:
ผมเห็นความคิดที่แตกต่างของสมาชิกหลาย ๆ เกี่ยวกับ การสวดท่องคาถาเงินล้าน ว่าเป็นมิจฉาทิฐิ ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ เพราะตัวเองยังด้อยปัญญาอยู่มากโข ผมคิดว่าผู้ที่สวดคาถาเงินล้านคงจะมีความปราถนาในทรัพย์ ความปราถนา ความต้องการเป็นกิเลส แต่ตราบใดที่ยังเป็นผู้เดินทางอยู่ กิเลสก็ยังคงมีอยู่ มากน้อยแตกต่างกันไป ความปรานาในทรัพย์จึงไม่ใช่เรื่องแปลก
ทรัพย์สินเงินทองไม่ใช่สิ่งกุศล หรืออกุศล ผู้ที่ใช้เงินต่างหากที่จะใช้ให้เกิดกุศล หรืออกุศล หากมีทรัพย์มาก และใช้ไปในทางกุศลด้วยจิตที่เป็นกุศล ผู้ร่วมทางบุญคงจะอนุโมทนาสาธุด้วยความยินดี ความปิติ แต่ถ้าใช้ในทางอกุศลก็ตัวใครตัวมันก็แล้วกันครับ
การเดินทางไปให้ถึงนิพพานนั้นทางมันไกลมากครับ ผมเดินมาตั้งนาน (นับชาติไม่ถูก) ยังไปไม่ถึงไหนเลย ตุนเสบียง (กุศลกรรม) ไว้มาก ๆ ก็ดีครับ ทางมันไกล

ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ทุก ๆ ท่าน


บ้านสวนสุขใจ....คนที่ 1 ละ...แยก..มิจฉาทิฎฐิหรือไม่..ด้วยคาถาเงินล้าน
รวม Bigtoo กับ ศิริพงศ์..ด้วยใช่มั้ย :b32: :b32:

ลุงหมาน เขียน:
ในศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาที่สวดอ้อนวอนใดๆทั้งสิ้น ซึ่งมันจะไปขัดกับคำสอนที่ว่า
เรื่องเหตุเรื่องผล บุคคลทำกรรมอันใดไว้ผู้นั้นจะได้รับผลของกรรมอันนั้น
คาถาเงินล้านไม่มีในพระไตรปิฎก ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า

ซึ่งเป็นคำแต่งใหม่ของเกจิขึ้นมาในภายหลัง ถ้าสวดคาถาเงินล้านแล้วว่าปรากฏผลจริง
ในโลกนี้คงไม่มีคนจน เมื่อก่อนผมก็สวดวันละหลายๆจบ ก็ไม่เห็นมีหลายๆ ล้านเลยจนเหมือนเดิม
สู้เอาเวลาไปกระทำความดีทำมากินจะดีกว่า รักษาศีลฟังธรรมความสุขก็จะเกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องสงสัย

เป็นมิจฉาทิฏฐิแน่เพราะไม่ตรงกับความเป็นจริงที่พระองค์สอน เราปรารถนาทรัพย์กันทุกคน
แต่ทุกต้องประกอบอาชีพคือสัมมาชีพเท่านั้นจึงจะเป็นอาชีพที่ได้ทรัพย์มาอย่างยั่งยืน

เรื่องนิพพานไม่ใช่เรื่องไกลตัวเพียงแต่เราเจริญมรรคยังไม่ถูกต้องเท่านั้นเอง


ลุงหมาน..คนที่ 2 ..แยกมิจฉาทิฎฐิหรือไม่..ด้วยคาถาเงินล้าน

เอ้ารอดูคนอื่น ๆ ต่อไป..
:b13: :b13: :b13:

เจ้าของ:  eragon_joe [ 21 ก.ย. 2015, 20:39 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: วิวาทะ เรื่อง คาถาเงินล้าน

:b1: ...

คนกำลังเนื้อหอมนี่น๊าาาา ไม่รู้จะช่วยยังไงเลย

:b32: :b32: :b32:

เจ้าของ:  บ้านสวนสุขใจ [ 21 ก.ย. 2015, 21:14 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: วิวาทะ เรื่อง คาถาเงินล้าน

คาถาเงินล้าน เท่าที่ผมได้รับรู้มาคือ เป็นคาถาที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ (พระสุธรรมยานเถระ) ได้จากหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และได้เมตตาให้ลูกศิษย์ลูกหาได้สวดท่อง หลวงพ่อมีลูกศิษย์ลูกหามาก และเชื่อว่าท่านเป็นอริยบุคคล ประเด็นที่น่าสนใจคือ ถ้าคาถาเงินล้านเป็นมิจฉาทิฏฐิ ทำไมหลวงพ่อจึงให้ลูกศิษย์ท่อง...
ส่วนประเด็นที่ว่าสวดแล้วไม่เห็นได้เงินล้านกับเขา ผมเชื่อในเรื่องราวในพระไตรปิฎก (แม้ว่าจะไม่เห็นตามความเป็นจริง) คือ เป็นอานิสงค์ที่เกิดกับคนที่ประกอบกุศลกรรมมากในชาติก่อน ๆ ผลบุญจึงส่งมาในชาตินี้...
ขอบคุณครับสำหรับทุกความคิดเห็น

เจ้าของ:  เช่นนั้น [ 22 ก.ย. 2015, 00:04 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: วิวาทะ เรื่อง คาถาเงินล้าน

เนื้อหา คาถาเป็นอย่างไรครับ

เจ้าของ:  วิริยะ [ 22 ก.ย. 2015, 08:52 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: วิวาทะ เรื่อง คาถาเงินล้าน

ที่จริง บทสวดต่าง ๆ ที่บูรพาจารย์แต่งขึ้น จุดมุ่งหมายก็คือ ให้จิตอยู่กับบทสวด ไม่ว่าผู้สวดหรือผู้ฟัง เพื่อให้จิตสงบเป็นสมาธิ เช่น บทสวดพระปริตร บทสวดชินะบัญชร บทสวดคาถาต่าง ๆ ฯลฯ ..

อย่างคาถาเงินล้าน ก็เป็นอุบายของหลวงพ่อท่าน ไม่ใช่ว่าสวดแล้ว เงินจะหล่นตุ๊บตั๊บลงมา ท่านบอกว่า เหมาะแก่คนค้าขาย ทำสวนทำไร่ ค้าขายจะได้คล่องตัว ไม่มีอุปสรรค สวดไปจิตก็เป็นสมาธิไปด้วย

เงินจะไหลมาเทมาหรือไม่ก็ไม่เป็นปัญหา ถ้าใจสงบเป็นสมาธิแล้ว ส่วนมากก็ทิ้งสวน ทิ้งนาทิ้งเงินทอง เพื่อเอาความสงบแห่งจิตเป็นสำคัญ ทั้งนั้น ..

อย่างพุทธภาษิตที่ว่า "รสพระธรรม ชำนะรสทั้งปวง"

:b1: :b38:

เจ้าของ:  บ้านสวนสุขใจ [ 22 ก.ย. 2015, 12:29 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: วิวาทะ เรื่อง คาถาเงินล้าน

ขอบคุณท่านวิริยะมากเลยครับที่ช่วยอธิบายเพิ่มเติม เชื่อว่าสมาชิกอีกหลายท่านที่ยังคงมีความสงสัยอยู่ได้เข้าใจกระจ่างขึ้น

เจ้าของ:  student [ 22 ก.ย. 2015, 12:36 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: วิวาทะ เรื่อง คาถาเงินล้าน

ถ้าสวดสรรเสริญพระรัตนตรัยก็เป็นสิ่งที่ควรกระทำ

แต่ถ้าสวดเพื่ออ้อนวอนขอในสิ่งนั้นสิ่งนี้ โดยไม่ลงมือทำก็เป็นเรื่องเปล่าประโยชน์

มิจฉาทิฎฐิคือความเห็น เช่น ตายแล้วสูญ ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก หรือ ทำอะไรไปก็จบสิ้น ไม่ต้องไปรับผลของกรรมอะไรแบบนี้ เรียกมิจฉาทิฎฐิ

เจ้าของ:  nongkong [ 22 ก.ย. 2015, 15:43 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: วิวาทะ เรื่อง คาถาเงินล้าน

คุนน้องมีหนังสือสวดมนต์เล่มนึง หน้าปกเป็นรูปหลวงพ่อโต..หลังปกหลวงปู่ทวด..ไม่รู้ที่มาที่ไปว่าได้มาไง..น่าจะมีคนใจบุญมาบริจาคให้แม่ :b32: :b32: และก็ตกทอดเป็นของคุนน้อง :b12:

ในหนังสือก็มีคาถาเงินล้าน...ซึ่งคนที่มีสติปัญญาอันชาญฉลาดอย่างคุนน้อง พอเห็นบทสวดนี้ แว๊บแรกก..พิจารณาอยู่นานโดยญาณสมาธิ..อ๋อมันเป็นอย่างนี้นี่เอง..ก็เป็นแค่กุศโลบายที่สำหรับให้ปุถุชนได้ฝึกสมาธิในการบริกรรม คาถาเงินล้าน..และต้องสวดเช้าเย็นด้วยนะ วันละ 3-5-7-9 แล้วแต่ความขยันของใครของมัน..และไม่ใช่แค่ท่องคาถานะเจ้าค่ะ จะต้องใส่บาตรทุกวันด้วย..จะทำให้เกิดความมั่นคงทางใจดีมาก..ส่วนมิจฉาทิฏฐิ คือคนที่มโนไปเองว่า..ท่องคาถาเงินล้านแล้วเงินทองจะไหลมาเทมา...ท่านกำชับนักหนาให้ใส่บาตรทุกวัน..และท่องบทสวดทุกค่ำเช้า..ซึ่งก็จัดอยู่ในสัมมาปฏิบัตินี่ค่ะ..แล้วถ้าเราไม่รู้จักการให้ทาน มีแต่จะรวยๆๆท่องคาถาเพราะกิเลสตันหา..เงินล้านมันก็ไม่ได้ตกลงมาจากฟ้าให้นะเจ้าค่ะ
หวังว่าคงจะเข้าใจนะ..

ปล.คุนน้องจุดธูปเรียก สาวกเสาอโศก ให้มาเผยแพร่ธรรมทานในเวปนี้ แต่ยังไม่เห็นโผล่มาสักกะคน แปลกใจ ประกาศว่าตนคือพุทธแท้..แต่ยักไม่กล้ามาประกาศธรรมของพระศาสดาใน เวปธรรมมะ

เจ้าของ:  ดาวส่องแสง [ 23 ก.ย. 2015, 04:01 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: วิวาทะ เรื่อง คาถาเงินล้าน

rolleyes rolleyes rolleyes

เคยสวดอยู่สามปี อานิสงส์มากมาย สวดแบบไม่หวังผลตอบแทนแค่หางานให้จิตทำ
จะเดินจะนั่ง จะนอน ทำงานด้วย แต่จิตสวดไป ระยะแรก ข่มกิเลสได้
สวดๆไป สวดไป นอนก็สวดหลับไปกับบทสวด สวดกระหน่ำ
ปีที่สาม เงินทองไหลมาเทมา จะคิดจะพูดจะทำอะไร เงินเข้ามาตลอด
ไม่เชื่อ อย่าหลบลู่ กล้าท้าพิสูจน์

:b36: :b36: :b36: :b36:

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 23 ก.ย. 2015, 05:52 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: วิวาทะ เรื่อง คาถาเงินล้าน

ดาวส่องแสง เขียน:
rolleyes rolleyes rolleyes

เคยสวดอยู่สามปี อานิสงส์มากมาย สวดแบบไม่หวังผลตอบแทนแค่หางานให้จิตทำ
จะเดินจะนั่ง จะนอน ทำงานด้วย แต่จิตสวดไป ระยะแรก ข่มกิเลสได้
สวดๆไป สวดไป นอนก็สวดหลับไปกับบทสวด สวดกระหน่ำ
ปีที่สาม เงินทองไหลมาเทมา จะคิดจะพูดจะทำอะไร เงินเข้ามาตลอด
ไม่เชื่อ อย่าหลบลู่ กล้าท้าพิสูจน์

:b36: :b36: :b36: :b36:


พระพุทธเจ้าตรัสว่า
"อานนท์เอย ! พึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
ธรรมวินัยอันใดที่เราได้แสดงแล้ว บัญญัติแล้ว ขอให้ธรรมวินัยอันนั้น
จงเป็นศาสดาของพวกเธอแทนเราต่อไป เธอทั้งหลายจงมีธรรมวินัยเป็นที่พึ่งเถิด
อย่าได้มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งเลย"
เมื่อพระองค์ตรัสดังนี้ ก็หมายความว่าไม่ต้องไปบัญญัติไปเพิมเติมหรือตัดออกใดๆอีก

ถ้าไม่มีอยู่ในพระไตรปิฏก ถือว่าไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า
ถ้าไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ยังพอจะสยบให้คนหลงได้อยู่ในศาสนาอื่น

ในพุทธกาลพระสารีบุตรก็ได้กระทำมาแล้วดูเหมือนว่าเป็นการช่วงชิงศิษย์
ออกมาจากอาจารย์ สญชัยเวลัฏฐบุตร

เจ้าของ:  ดาวส่องแสง [ 23 ก.ย. 2015, 14:40 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: วิวาทะ เรื่อง คาถาเงินล้าน

ลุงหมาน เขียน:
ดาวส่องแสง เขียน:
rolleyes rolleyes rolleyes

เคยสวดอยู่สามปี อานิสงส์มากมาย สวดแบบไม่หวังผลตอบแทนแค่หางานให้จิตทำ
จะเดินจะนั่ง จะนอน ทำงานด้วย แต่จิตสวดไป ระยะแรก ข่มกิเลสได้
สวดๆไป สวดไป นอนก็สวดหลับไปกับบทสวด สวดกระหน่ำ
ปีที่สาม เงินทองไหลมาเทมา จะคิดจะพูดจะทำอะไร เงินเข้ามาตลอด
ไม่เชื่อ อย่าหลบลู่ กล้าท้าพิสูจน์

:b36: :b36: :b36: :b36:


พระพุทธเจ้าตรัสว่า
"อานนท์เอย ! พึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า
ธรรมวินัยอันใดที่เราได้แสดงแล้ว บัญญัติแล้ว ขอให้ธรรมวินัยอันนั้น
จงเป็นศาสดาของพวกเธอแทนเราต่อไป เธอทั้งหลายจงมีธรรมวินัยเป็นที่พึ่งเถิด
อย่าได้มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งเลย"
เมื่อพระองค์ตรัสดังนี้ ก็หมายความว่าไม่ต้องไปบัญญัติไปเพิมเติมหรือตัดออกใดๆอีก

ถ้าไม่มีอยู่ในพระไตรปิฏก ถือว่าไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า
ถ้าไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ยังพอจะสยบให้คนหลงได้อยู่ในศาสนาอื่น

ในพุทธกาลพระสารีบุตรก็ได้กระทำมาแล้วดูเหมือนว่าเป็นการช่วงชิงศิษย์
ออกมาจากอาจารย์ สญชัยเวลัฏฐบุตร


อ้าวลุงหมาน จากคำตอบลุงหมานนี้ แปลได้ว่า คาถาเงินล้านไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้างั้นรึ
มิน่ายังหลงโข่งอยู่กับใบลาน รู้จักไหม ตาเถรใบลานเปล่า

หน้า 1 จากทั้งหมด 4 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/