วันเวลาปัจจุบัน 29 เม.ย. 2024, 06:37  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 117 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 8  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2015, 11:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


s006
อ้างคำพูด:
แล้วอนัตตาจริงๆมันเป็นอย่างไรครับท่าน

:b12:
ยากเห็นอนัตตาจริงๆหรือ

นั่งลงหลับตา ตั้งใจเอาจิตรู้มาตั้งไว้ตรงหน้า ตั้งความสังเกต
ขึ้นมาดูรู้อยู่เฉยๆเข้าไปในกายในใจ ปล่อยทุกสิ่งให้เกิดขึ้นและเป็นไปตามธรรมชาติ แล้วคอยสังเกตให้ดีว่า สัมผัส อารมณ์ความรู้สึกต่างๆที่มาเกิดขึ้นให้จิตรู้นั้นมันเกิดเองเป็นเองหรือมีใครสั่งใครบอก บังคับสั่งบอกให้มันเกิดได้ไหม ให้มันหายไปหมดไปตามใจนึกได้ไหม

ถ้าเห็นความบังคับบัญชาไม่ได้ในทุกสัมผัส อารมณ์ความรู้สึก
นั่นแหละคุณเห็นอนัตตา

ถ้าเห็นจนซาบซึ้งใจยอมรับความจริงว่าไม่มีอะไรบังคับได้เลยความเห็นผิดที่มัดใจไว้จะสลายหายไป หลังจากนั้นพฤติกรรมของชีวิตคุณจะเปลี่ยนไปโดยอัตโนมัติ


เจริญสุข เจริญธรรม
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2015, 13:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 22:19
โพสต์: 271

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
asoka เขียน:
s006
อ้างคำพูด:
แล้วอนัตตาจริงๆมันเป็นอย่างไรครับท่าน

:b12:
ยากเห็นอนัตตาจริงๆหรือ

นั่งลงหลับตา ตั้งใจเอาจิตรู้มาตั้งไว้ตรงหน้า ตั้งความสังเกต
ขึ้นมาดูรู้อยู่เฉยๆเข้าไปในกายในใจ ปล่อยทุกสิ่งให้เกิดขึ้นและเป็นไปตามธรรมชาติ แล้วคอยสังเกตให้ดีว่า สัมผัส อารมณ์ความรู้สึกต่างๆที่มาเกิดขึ้นให้จิตรู้นั้นมันเกิดเองเป็นเองหรือมีใครสั่งใครบอก บังคับสั่งบอกให้มันเกิดได้ไหม ให้มันหายไปหมดไปตามใจนึกได้ไหม

ถ้าเห็นความบังคับบัญชาไม่ได้ในทุกสัมผัส อารมณ์ความรู้สึก
นั่นแหละคุณเห็นอนัตตา

ถ้าเห็นจนซาบซึ้งใจยอมรับความจริงว่าไม่มีอะไรบังคับได้เลยความเห็นผิดที่มัดใจไว้จะสลายหายไป หลังจากนั้นพฤติกรรมของชีวิตคุณจะเปลี่ยนไปโดยอัตโนมัติ


เจริญสุข เจริญธรรม
:b8:

อ้อ!มันเป็นแบบนี้นี่เอง แล้วอัตตาล่ะ มันเป็นยังไง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2015, 14:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


มองแบบคุณอโสกะ คือมองแบบอนัตตา

มองแบบคนเรามี cell ต่างๆเล็กๆ แต่ cell เล็กๆยังเป็นของเราอยู่ เพราะอยู่ในร่างกายเรา มันก็คืออัตตา

เหมือนนักวิทยาศาสตร์แยกส่วนเล็กๆจนถึงอะตอม แต่อะตอมยังถือเป็นสถานะอยู่ มันก็คืออัตตา

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2015, 14:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 22:19
โพสต์: 271

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
มองแบบคุณอโสกะ คือมองแบบอนัตตา

มองแบบคนเรามี cell ต่างๆเล็กๆ แต่ cell เล็กๆยังเป็นของเราอยู่ เพราะอยู่ในร่างกายเรา มันก็คืออัตตา

เหมือนนักวิทยาศาสตร์แยกส่วนเล็กๆจนถึงอะตอม แต่อะตอมยังถือเป็นสถานะอยู่ มันก็คืออัตตา
นักวิทยาศาสตร์เขาแยกถึงธาตุแล้วครับไม่ใช่เซลเล็กๆแลัวคับ. เขาบอกว่ามนุษย์ที่เป็นตัวตนไม่ได้มีอยู่จริง. เป็นเพียงธาตุดั่งพระพุทธเจ้าท่ากล่าวไว้นั้นถูกต้องตลอดกาล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2015, 17:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


ศิริพงศ์ เขียน:
:b8:
asoka เขียน:
s006
อ้างคำพูด:
แล้วอนัตตาจริงๆมันเป็นอย่างไรครับท่าน

:b12:
ยากเห็นอนัตตาจริงๆหรือ

นั่งลงหลับตา ตั้งใจเอาจิตรู้มาตั้งไว้ตรงหน้า ตั้งความสังเกต
ขึ้นมาดูรู้อยู่เฉยๆเข้าไปในกายในใจ ปล่อยทุกสิ่งให้เกิดขึ้นและเป็นไปตามธรรมชาติ แล้วคอยสังเกตให้ดีว่า สัมผัส อารมณ์ความรู้สึกต่างๆที่มาเกิดขึ้นให้จิตรู้นั้นมันเกิดเองเป็นเองหรือมีใครสั่งใครบอก บังคับสั่งบอกให้มันเกิดได้ไหม ให้มันหายไปหมดไปตามใจนึกได้ไหม

ถ้าเห็นความบังคับบัญชาไม่ได้ในทุกสัมผัส อารมณ์ความรู้สึก
นั่นแหละคุณเห็นอนัตตา

ถ้าเห็นจนซาบซึ้งใจยอมรับความจริงว่าไม่มีอะไรบังคับได้เลยความเห็นผิดที่มัดใจไว้จะสลายหายไป หลังจากนั้นพฤติกรรมของชีวิตคุณจะเปลี่ยนไปโดยอัตโนมัติ


เจริญสุข เจริญธรรม
:b8:

อ้อ!มันเป็นแบบนี้นี่เอง แล้วอัตตาล่ะ มันเป็นยังไง

:b12:
ยากเห็นอัตตารึ?

ทุกการกระทบสัมผัสของตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จะมีการตอบโต้ออกมาจากภายในกายและจิต จงเพิ่มความสังเกตให้ดีๆและมีกำลังมากที่สุดจะเห็นผู้ตอบโต้เป็นความรู้สึกชนิดหนึ่งที่ดิ้นรนสั่งการอยู่ในจิต อดทนอดกลั้นไว้ให้ได้นานๆอย่ายอมทำตามผู้สั่งการในจิตจะเห็นความดิ้นรนนั้นแรงขึ้นๆจนถึงจุดวิกฤตคือ ทนไม่ได้ (ทุกขัง) ทนไม่ได้ก็จงทนให้จงได้ ทีนี้ก็จะได้เห็นสิ่งที่เรียกว่าอัตตา ถ้าสู้ได้ทนได้จนถึงที่สุดจะได้เห็นความรู้สึกเป็นอัตตานี้ถอยไปหรือดับไป ผลที่ได้รับต่อจากนั้นจะเป็นความโปร่งโล่ง เบา กลวง เย็น ไร้ผู้ตอบโต้ หรือสภาวะ อนัตตา
:b37:
ความสังเกต คือ สัมมาสังกัปปะ

ความเห็นผู้ตอบโต้ในจิต คือ สัมมาทิฏฐิ

ผู้ตอบโต้ดิ้นรนจนถึงที่สุดคือ ทุกขัง

ผู้ตอบโต้ดับไปหรือถอยไปผลที่ได้คืออนัตตาและนิโรธ

:b37:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2015, 17:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 22:19
โพสต์: 271

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
ศิริพงศ์ เขียน:
:b8:
asoka เขียน:
s006
อ้างคำพูด:
แล้วอนัตตาจริงๆมันเป็นอย่างไรครับท่าน

:b12:
ยากเห็นอนัตตาจริงๆหรือ

นั่งลงหลับตา ตั้งใจเอาจิตรู้มาตั้งไว้ตรงหน้า ตั้งความสังเกต
ขึ้นมาดูรู้อยู่เฉยๆเข้าไปในกายในใจ ปล่อยทุกสิ่งให้เกิดขึ้นและเป็นไปตามธรรมชาติ แล้วคอยสังเกตให้ดีว่า สัมผัส อารมณ์ความรู้สึกต่างๆที่มาเกิดขึ้นให้จิตรู้นั้นมันเกิดเองเป็นเองหรือมีใครสั่งใครบอก บังคับสั่งบอกให้มันเกิดได้ไหม ให้มันหายไปหมดไปตามใจนึกได้ไหม

ถ้าเห็นความบังคับบัญชาไม่ได้ในทุกสัมผัส อารมณ์ความรู้สึก
นั่นแหละคุณเห็นอนัตตา

ถ้าเห็นจนซาบซึ้งใจยอมรับความจริงว่าไม่มีอะไรบังคับได้เลยความเห็นผิดที่มัดใจไว้จะสลายหายไป หลังจากนั้นพฤติกรรมของชีวิตคุณจะเปลี่ยนไปโดยอัตโนมัติ


เจริญสุข เจริญธรรม
:b8:

อ้อ!มันเป็นแบบนี้นี่เอง แล้วอัตตาล่ะ มันเป็นยังไง

:b12:
ยากเห็นอัตตารึ?

ทุกการกระทบสัมผัสของตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จะมีการตอบโต้ออกมาจากภายในกายและจิต จงเพิ่มความสังเกตให้ดีๆและมีกำลังมากที่สุดจะเห็นผู้ตอบโต้เป็นความรู้สึกชนิดหนึ่งที่ดิ้นรนสั่งการอยู่ในจิต อดทนอดกลั้นไว้ให้ได้นานๆอย่ายอมทำตามผู้สั่งการในจิตจะเห็นความดิ้นรนนั้นแรงขึ้นๆจนถึงจุดวิกฤตคือ ทนไม่ได้ (ทุกขัง) ทนไม่ได้ก็จงทนให้จงได้ ทีนี้ก็จะได้เห็นสิ่งที่เรียกว่าอัตตา ถ้าสู้ได้ทนได้จนถึงที่สุดจะได้เห็นความรู้สึกเป็นอัตตานี้ถอยไปหรือดับไป ผลที่ได้รับต่อจากนั้นจะเป็นความโปร่งโล่ง เบา กลวง เย็น ไร้ผู้ตอบโต้ หรือสภาวะ อนัตตา
:b37:
ความสังเกต คือ สัมมาสังกัปปะ

ความเห็นผู้ตอบโต้ในจิต คือ สัมมาทิฏฐิ

ผู้ตอบโต้ดิ้นรนจนถึงที่สุดคือ ทุกขัง

ผู้ตอบโต้ดับไปหรือถอยไปผลที่ได้คืออนัตตาและนิโรธ

:b37:

ทำอย่างไรก็ไม่มีทางเห็นอัตตา. เพราะอัตตาไม่มี อัตตาเป็นเพียงการพูดขึ้นมาเพราะความไม่รู้เท่านั้น. แต่ที่จริงไม่มีใครเห็นอัตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2015, 18:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ศิริพงศ์ เขียน:
ทำอย่างไรก็ไม่มีทางเห็นอัตตา. เพราะอัตตาไม่มี อัตตาเป็นเพียงการพูดขึ้นมาเพราะความไม่รู้เท่านั้น. แต่ที่จริงไม่มีใครเห็นอัตตา

เห็นปัญญาไหม

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2015, 19:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:

อ้างคำพูด:
ทำอย่างไรก็ไม่มีทางเห็นอัตตา. เพราะอัตตาไม่มี อัตตาเป็นเพียงการพูดขึ้นมาเพราะความไม่รู้เท่านั้น. แต่ที่จริงไม่มีใครเห็นอัตตา

:b4:
อัตตาไม่มีอยู่จริงนั้นถูกต้อง :b13:

แต่ความเห็นผิดความรู้สึกผิดๆว่าเป็นอัตตามีอยู่จริง ในใจปุถุชนทุกคน สัมผัสได้ด้วยความรู้สึกตอบโต้ต่อผัสสะและอารมณ์ที่ดิ้นอยู่ในจิตใจ พิสูจน์ได้เสมอ ทุกขณะที่มีการกระทบสัมผัส
ถ้าไม่มี โสดาปัตติมรรคก็ไม่มีสักกายทิฏฐิให้ละหรือทำลาย
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2015, 20:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ศิริพงศ์เป็นอัตตาระบุตัวตนของใคร
จำเป็นไหมต้องรู้ว่าตั้งแต่เกิดมาไม่พ้น
ถ้าไม่มีอัตตาจะมีศิริพงศ์วันนี้ได้อย่างไร
:b32: :b32:
:b15:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2015, 20:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
ศิริพงศ์เป็นอัตตาระบุตัวตนของใคร
จำเป็นไหมต้องรู้ว่าตั้งแต่เกิดมาไม่พ้น
ถ้าไม่มีอัตตาจะมีศิริพงศ์วันนี้ได้อย่างไร
:b32: :b32:
:b15:

wink
เห็นอัตตารึยังแล้วเห็นอนัตตาไหม
บังคับได้ไหมว่าไม่ให้รู้ว่ามีอัตตา
จะเป็นอัตตาหิ อัตโนนาโถยังไง
ถ้าไม่มีอัตตาให้รู้ที่กายกูจิตกู
:b16:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2015, 20:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 22:19
โพสต์: 271

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b12:

อ้างคำพูด:
ทำอย่างไรก็ไม่มีทางเห็นอัตตา. เพราะอัตตาไม่มี อัตตาเป็นเพียงการพูดขึ้นมาเพราะความไม่รู้เท่านั้น. แต่ที่จริงไม่มีใครเห็นอัตตา

:b4:
อัตตาไม่มีอยู่จริงนั้นถูกต้อง :b13:

แต่ความเห็นผิดความรู้สึกผิดๆว่าเป็นอัตตามีอยู่จริง ในใจปุถุชนทุกคน สัมผัสได้ด้วยความรู้สึกตอบโต้ต่อผัสสะและอารมณ์ที่ดิ้นอยู่ในจิตใจ พิสูจน์ได้เสมอ ทุกขณะที่มีการกระทบสัมผัส
ถ้าไม่มี โสดาปัตติมรรคก็ไม่มีสักกายทิฏฐิให้ละหรือทำลาย
onion
ผู้ที่เข้าใจว่าทุกสิ่งเป็นอนัตตานั่นแหล่ะถึงจะเห็นอัตตาได้ถูก. จะมีกี่คนที่เห็นอัตตาได้จริง.ส่วนใหญคิดเอาจินตนาการเอา


แก้ไขล่าสุดโดย ศิริพงศ์ เมื่อ 13 ก.ย. 2015, 21:14, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2015, 20:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 22:19
โพสต์: 271

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ศิริพงศ์เป็นอัตตาระบุตัวตนของใคร
จำเป็นไหมต้องรู้ว่าตั้งแต่เกิดมาไม่พ้น
ถ้าไม่มีอัตตาจะมีศิริพงศ์วันนี้ได้อย่างไร
:b32: :b32:
:b15:

wink
เห็นอัตตารึยังแล้วเห็นอนัตตาไหม
บังคับได้ไหมว่าไม่ให้รู้ว่ามีอัตตา
จะเป็นอัตตาหิ อัตโนนาโถยังไง
ถ้าไม่มีอัตตาให้รู้ที่กายกูจิตกู
:b16:
:b32: :b32:
ที่ตาเห็นก็แค่เห็นสีกับสันฐานไม่เห็นอัตตาแน่นอนครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2015, 20:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ศิริพงศ์ เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ศิริพงศ์เป็นอัตตาระบุตัวตนของใคร
จำเป็นไหมต้องรู้ว่าตั้งแต่เกิดมาไม่พ้น
ถ้าไม่มีอัตตาจะมีศิริพงศ์วันนี้ได้อย่างไร
:b32: :b32:
:b15:

wink
เห็นอัตตารึยังแล้วเห็นอนัตตาไหม
บังคับได้ไหมว่าไม่ให้รู้ว่ามีอัตตา
จะเป็นอัตตาหิ อัตโนนาโถยังไง
ถ้าไม่มีอัตตาให้รู้ที่กายกูจิตกู
:b16:
:b32: :b32:
ที่ตาเห็นก็แค่เห็นสีกับสันฐานไม่เห็นอัตตาแน่นอนครับ

:b12:
รู้ว่าประโยชน์ในการนำไปใช้ในการสนทนาธรรม
ไม่ใช่รู้แล้วมีมานะถือดีที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์
ต้องรู้ทั้งอัตตาและก็รู้อนัตตาเพื่อรู้ละวางจิตตน
ถ้าเห็นงูเลื้อยมาเห็นสีใช่ไหมอย่าวิ่งหนีละกัน
ต้องเป็นผู้ตรงว่าขณะไหนรู้ขณะไหนหลง
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2015, 21:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 22:19
โพสต์: 271

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
ศิริพงศ์ เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ศิริพงศ์เป็นอัตตาระบุตัวตนของใคร
จำเป็นไหมต้องรู้ว่าตั้งแต่เกิดมาไม่พ้น
ถ้าไม่มีอัตตาจะมีศิริพงศ์วันนี้ได้อย่างไร
:b32: :b32:
:b15:

wink
เห็นอัตตารึยังแล้วเห็นอนัตตาไหม
บังคับได้ไหมว่าไม่ให้รู้ว่ามีอัตตา
จะเป็นอัตตาหิ อัตโนนาโถยังไง
ถ้าไม่มีอัตตาให้รู้ที่กายกูจิตกู
:b16:
:b32: :b32:
ที่ตาเห็นก็แค่เห็นสีกับสันฐานไม่เห็นอัตตาแน่นอนครับ

:b12:
รู้ว่าประโยชน์ในการนำไปใช้ในการสนทนาธรรม
ไม่ใช่รู้แล้วมีมานะถือดีที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์
ต้องรู้ทั้งอัตตาและก็รู้อนัตตาเพื่อรู้ละวางจิตตน
ถ้าเห็นงูเลื้อยมาเห็นสีใช่ไหมอย่าวิ่งหนีละกัน
ต้องเป็นผู้ตรงว่าขณะไหนรู้ขณะไหนหลง
:b32: :b32: :b32:
เห็นกับกลัวต่างกัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2015, 21:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ศิริพงศ์ เขียน:
student เขียน:
มองแบบคุณอโสกะ คือมองแบบอนัตตา

มองแบบคนเรามี cell ต่างๆเล็กๆ แต่ cell เล็กๆยังเป็นของเราอยู่ เพราะอยู่ในร่างกายเรา มันก็คืออัตตา

เหมือนนักวิทยาศาสตร์แยกส่วนเล็กๆจนถึงอะตอม แต่อะตอมยังถือเป็นสถานะอยู่ มันก็คืออัตตา
นักวิทยาศาสตร์เขาแยกถึงธาตุแล้วครับไม่ใช่เซลเล็กๆแลัวคับ. เขาบอกว่ามนุษย์ที่เป็นตัวตนไม่ได้มีอยู่จริง. เป็นเพียงธาตุดั่งพระพุทธเจ้าท่ากล่าวไว้นั้นถูกต้องตลอดกาล


ความหมายคือ แม้จะแยกธาตุเล็กๆแล้วก็ตามแต่ยังชี้อยู่ว่านี่ อะตอม นี่cell คือ ยังคงมีคำจำกัดความมันอยู่ โดยไม่อิงเหตุปัจจัย ก็คืออัตตา แต่หากอิงเหตุปัจจัย cell มีเหตุปัจจัยเกื้อหนุน ไม่มีเหตุก็ตั้งไม่ได้ สลายลง นี่อนัตตา

คนเราก็เหมือนกัน ต่อให้มองเป็นคนใหญ่มีแขนขาครบไม่ต้องซอยลงไป แต่มองเห็นเหตุปัจจัย เพราะเหตุแห่งการดำรงอยู่ จึงมีความเป็นขันธ์5ประชุม ก็เป็นอนัตตา

ดังนั้น ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตาอยู่แล้ว ที่ไม่เห็นเพราะมีสิ่งปิดบัง เช่น สันติ คือความสืบต่อเนื่องปิดบังอนิจจัง

อริยาบท ปิดบังทุกขัง

ความเป็นก้อนปิดบังอนัตตา

ที่ซอย cell ลงไปเล็กๆ เพื่อประโยชน์ในการศึกษา ว่าแท้จริง ไม่มีอะไร แต่ หากไม่อิงเหตุปัจจัย เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี มันก็ยากที่จะเข้าใจ เหมือนนักวิทยาศาสตร์ ซอยธาตุต่างๆลงไปเล็กๆ แต่ในที่สุด ความเป็นเล็กๆก็คือความเป็นตัวตนของธาตุนั้นๆ (อัตตา) เพราะไม่พิจารณาเหตุปัจจัยเกื้อหนุน

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 117 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 8  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 89 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร