ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

จะชนะความขี้เกียจภาวนา..ได้ด้วยอะไร?
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=50586
หน้า 1 จากทั้งหมด 2

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 28 ก.ค. 2015, 06:28 ]
หัวข้อกระทู้:  จะชนะความขี้เกียจภาวนา..ได้ด้วยอะไร?

เคยไม่ครับ...ปฏิบัติภาวนาอยู่ดีดี...เกิดความขี้เกียจ...ขึ้นมา...

แล้วท่านมีกลเม็ดวิธีชนะความขี้เกียจเหล่านี้..อย่างไรบ้างคับ?

:b8:

เจ้าของ:  idea [ 28 ก.ค. 2015, 06:44 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: จะชนะความขี้เกียจภาวนา..ได้ด้วยอะไร?

Kiss
:b47: :b43:

เจ้าของ:  asoka [ 28 ก.ค. 2015, 07:48 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: จะชนะความขี้เกียจภาวนา..ได้ด้วยอะไร?

:b12:
จะชนะความขี้เกียจภาวนาได้ด้วยการตั้งใจจริงเอาจริงและเห็นภัยในวัฏสงสารจริงๆ
onion
หลวงพ่อเคยเล่าสอนว่า

ถ้าโยมปฏิบัติธรรมให้เหมือนคนที่ทำลูกของตัวเองพลัดหลงหายไปในงานมหกรรมขนาดใหญ่ที่มีผู้คนคลาคล่ำมากมายมหาศาล แล้วเขาต้องหาลูกให้พบจนได้

ถ้าทำใจตั้งใจปฏิบัติธรรมอย่างคนที่พยายามค้นหาตามหาลูกที่พลัดหลงให้เจอจนได้อย่างนั้น ต้องบรรลุธรรมทันในปัจจุบันชาตินี้อย่างแน่นอน


คนที่ตามค้นหาลูกที่พลัดหลงในงานนี่จะมีขี้เกียจไหมครับคุณกบ
:b13:

เจ้าของ:  walaiporn [ 28 ก.ค. 2015, 09:33 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: จะชนะความขี้เกียจภาวนา..ได้ด้วยอะไร?

กบนอกกะลา เขียน:
เคยไม่ครับ...ปฏิบัติภาวนาอยู่ดีดี...เกิดความขี้เกียจ...ขึ้นมา...

แล้วท่านมีกลเม็ดวิธีชนะความขี้เกียจเหล่านี้..อย่างไรบ้างคับ?

:b8:






การกำหนดรู้(โยนิโสมนสิการ)

ดูกรอัคคิเวสสนะ !
เราแนะนำสาวกทั้งหลายอย่างนี้
และคำสั่งสอนของเรามีส่วนอย่างนี้
ที่เป็นไปมากในสาวกทั้งหลายว่า


รูปไม่เที่ยง
เวทนาไม่เที่ยง
สัญญาไม่เที่ยง
สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง
วิญญาณไม่เที่ยง


รูปไม่ใช่ตน
เวทนาไม่ใช่ตน
สัญญาไม่ใช่ตน
สังขารทั้งหลายไม่ใช่ตน
วิญญาณไม่ใช่ตน


สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่ใช่ตน
ธรรมทั้งหลายทั้งปวงไม่ใช่ตน ดังนี้


ดูกรอัคคิเวสสนะ !
เราแนะนำสาวกทั้งหลายอย่างนี้
และคำสั่งสอนของเรามีส่วนอย่างนี้
ที่เป็นไปมากในสาวกทั้งหลาย








เมื่อไม่กำหนดรู้(อโยนิโสมนสิการ)

[๓๕๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายนี้มีอาหารเป็นที่ตั้ง
ดำรงอยู่ได้เพราะอาศัยอาหาร
ไม่มีอาหารดำรงอยู่ไม่ได้ แม้ฉันใด

นิวรณ์ ๕ ก็มีอาหารเป็นที่ตั้ง ดำรงอยู่ได้เพราะอาศัยอาหาร
ไม่มีอาหารดำรงอยู่ไม่ได้ ฉันนั้นเหมือนกัน.

[๓๕๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหาร ให้กามฉันท์ที่ยังไม่เกิด
เกิดขึ้น หรือที่เกิดแล้วให้เจริญไพบูลย์ยิ่งขึ้น?

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ศุภนิมิตมีอยู่ การกระทำให้มากซึ่งอโยนิโสมนสิการในศุภนิมิตนั้น
นี้เป็นอาหารให้กามฉันท์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดแล้ว ให้เจริญไพบูลย์ยิ่งขึ้น.

[๓๕๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้พยาบาทที่ยังไม่เกิด
เกิดขึ้น หรือที่เกิดแล้วให้เจริญไพบูลย์ยิ่งขึ้น?

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฏิฆนิมิตมีอยู่
การกระทำให้มากซึ่งอโยนิโสมนสิการในปฏิฆนิมิตนั้น
นี้เป็นอาหารให้พยาบาทที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น
หรือที่เกิดขึ้นแล้ว ให้เจริญไพบูลย์ยิ่งขึ้น.

[๓๖๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้ถีนมิทธะที่ยังไม่เกิด
เกิดขึ้น หรือที่เกิดแล้วให้เจริญไพบูลย์ยิ่งขึ้น?

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความไม่ยินดี ความเกียจคร้าน ความบิดขี้เกียจ ความเมาอาหาร ความที่ใจหดหู่ มีอยู่
การกระทำให้มากซึ่งอโยนิโสมนสิการในสิ่งเหล่านั้น
นี้เป็นอาหารให้ถีนมิทธะที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น
หรือที่เกิดแล้วให้เจริญไพบูลย์ยิ่งขึ้น.

[๓๖๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้อุทธัจจกุกกุจจะที่ยังไม่เกิด
เกิดขึ้น หรือที่เกิดแล้วให้เจริญไพบูลย์ยิ่งขึ้น?

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความไม่สงบใจมีอยู่
การกระทำให้มากซึ่งอโยนิโสมนสิการในความไม่สงบใจนั้น
นี้เป็นอาหารให้อุทธัจจกุกกุจจะที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น
หรือที่เกิดแล้วให้เจริญไพบูลย์ยิ่งขึ้น.

[๓๖๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้วิจิกิจฉาที่ยังไม่เกิด
เกิดขึ้น หรือที่เกิดแล้วให้เจริญไพบูลย์ยิ่งขึ้น?

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายอันเป็นที่ตั้งแห่งวิจิกิจฉามีอยู่
การกระทำให้มากซึ่งอโยนิโสมนสิการในธรรมเหล่านั้น
นี้เป็นอาหารให้วิจิกิจฉาที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น
หรือที่เกิดแล้วให้เจริญไพบูลย์ยิ่งขึ้น.

[๓๖๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายนี้มีอาหารเป็นที่ตั้ง
ดำรงอยู่ได้เพราะอาศัยอาหาร ไม่มีอาหารดำรงอยู่ไม่ได้

แม้ฉันใด นิวรณ์ ๕ เหล่านี้ ก็มีอาหารเป็นที่ตั้ง
ดำรงอยู่ได้เพราะอาศัยอาหาร ไม่มีอาหารดำรงอยู่ไม่ได้ ฉันนั้นเหมือนกัน.

เจ้าของ:  student [ 28 ก.ค. 2015, 09:37 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: จะชนะความขี้เกียจภาวนา..ได้ด้วยอะไร?

ด้วยการจัดสรรเวลาให้เหมาะสม

ผมเอง สังเกตุว่า ดึกๆหลังทำงาน กลับนั่งสมาธิได้ไม่สงบ

พอหลับพักผ่อน ตื่นเช้านั่งสมรธิดีมาก สงบ จิตเป็นหนึ่งได้ง่าย

เจ้าของ:  Rosarin [ 28 ก.ค. 2015, 10:42 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: จะชนะความขี้เกียจภาวนา..ได้ด้วยอะไร?

onion onion onion
กบนอกกะลา เขียน:
เคยไม่ครับ...ปฏิบัติภาวนาอยู่ดีดี...เกิดความขี้เกียจ...ขึ้นมา...

แล้วท่านมีกลเม็ดวิธีชนะความขี้เกียจเหล่านี้..อย่างไรบ้างคับ?

:b8:

:b12:
...เราจะปฏิบัติ เราจะคิด เราจะพูด เราจะไปโน่นมานี่ ก็ล้วนทุกอย่างเป็นสภาพธรรม...
...ที่ขี้เกียจเพราะมีเราจะปฏิบัติ...สภาพธรรมเป็นไปเองในการระลึกรู้โดยไม่ต้องบังคับ...
...เพราะไม่รู้ก็คือชั่วแล้วค่ะ...พระพุทธเจ้าไม่ได้นิยามว่าทุกคนต้องละชั่ว ทุกคนต้องทำดี...
...ทุกคนต้องทำจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส...ยังจดจำชื่อคน สัตว์ สิ่งของก็คือเป็นอกุศล...
...ทรงแสดงพระธรรมที่ลึกซึ้ง ละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ โดยนัยที่เป็นกุศล...
...ถ้ายังเป็นตัวเรา สัมมาทิฐิยังไม่เกิด ละความเห็นผิดยังไม่ได้ ก็ให้รู้ว่าเป็นอกุศล...
...ปกตินั่งดูทีวีที่บ้าน หรืออยู่เฉยๆไม่ได้ด่าใคร ไม่ได้ทำร้ายใคร แต่เป็นอกุศล...
...เพราะไม่ระลึกเป็นไปในสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฎก็คือหลงทำบาปตลอดเวลา...
...สภาพธัมมะที่เป็นคำจริง จิตคือธาตุรู้ ที่ตัวและรอบๆตัวคือธาตุ4 ดิน ไฟ น้ำ ลม...
...การมีสติระลึกรู้ในสภาพธรรมแต่ละธาตุมี 8 คือ ธาตุดิน2มีอ่อน-แข็ง ธาตุไฟ2มีเย็น-ร้อน ...
...ธาตุน้ำ้2มีการไหลเอิบอาบ/ซึมซาบ-เกาะกลุ่ม...ธาตุลม2มีตึง-ไหว รวมเป็น8อย่าง...ทางตารู้แค่สี...
...มองด้วยตาเป็นแข็งและอ่อน รู้ว่าแข็งผ่านตาเพราะคิดค่ะ เห็นไฟที่รู้ว่าร้อนเพราะคิด...ฝันก็คือคิด...
...ทุกอย่างที่เกิดเป็นสภาพธัมมะด้วยความเป็นเราจึงมีสุข-ทุกข์ไปตามสิ่งที่หลงคิดว่ามีไม่หายไป...
...สุข-ทุกข์มีเพราะยึดถือเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เห็นอยู่ในสายตาและคิดว่ายังมีแต่จริงๆทุกอย่างคือเกิดดับ...
...กะพริบตา1ทีเกิด-ดับทีละ1ทีละทางทีละอย่าง นับไม่ถ้วน ระลึกอันไหนได้ก็ต้องทำไปก่อนค่ะ...
...จริงคือไม่มี แล้วจึงเกิดมี มีเพียงชั่วคราว แล้วก็หายไป เรียกว่าจิตเกิดแล้วดับทันทียังไม่เป็นสิ่งใดๆเลย...
...ทุกชาติ ทุกภาษา มีคำที่ตรงลักษณะเย็น-ร้อน อ่อน-แข็ง ตึง-ไหว ซีมซาบ-เกาะกลุ่ม สุข-ทุกข์...
...จึงสามารถพิจารณาสภาพธรรมที่กำลังปรากฎทีละ1ทีละทางกำหนดไปตามกำลังสติปัญญาของตน...
...หนทางเดียวคือรู้สิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้เอง ขี้เกียจเป็นธัมมะและให้รู้ว่าเป็นอกุศลคือชั่ว จะละไหมชั่ว...
...ถ้าเข้าใจก็จะเริ่มรู้ก่อน เห็นโทษถึงจะละสิ่งที่ไม่รู้ ก็จะขยันขึ้น ปุถชนปกติเป็นอกุศลศีลรู้เองได้...
...จากพระธรรมที่ให้มีสติสัมปชัญญะก็คือกุศลล้วนๆ...ใครคะ...ปกติเป็นกุศลศีล5...ถึงพระโสดาบันค่ะ...
:b32: :b32: :b32:
มีแถมเพื่อเพิ่มปัญญาhttps://www.youtube.com/watch?v=v7zLtQN5Ll8
:b13:

เจ้าของ:  Rosarin [ 28 ก.ค. 2015, 12:10 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: จะชนะความขี้เกียจภาวนา..ได้ด้วยอะไร?

Kiss
...เพิ่มความขยันได้อีกเยอะเลย...ฟังเรื่องรณรงค์รักษาศีล5มาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล...
https://www.youtube.com/watch?v=-IjDBnzOeVM
onion onion onion

เจ้าของ:  student [ 28 ก.ค. 2015, 14:02 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: จะชนะความขี้เกียจภาวนา..ได้ด้วยอะไร?

ยิ่งเราต้องบังคับตนเอง

นั่งสมาธิคนเดียว

ไม่ิยู่ภายใต้กฎวินัยสงฆ์

ยิ่งต้องเพิ่มความเพียร

เรียกว่าใจรักเลยครับ

เจ้าของ:  student [ 28 ก.ค. 2015, 14:12 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: จะชนะความขี้เกียจภาวนา..ได้ด้วยอะไร?

อย่างเราทำงาน

วิ่งเต้น หัวไม่วาง หางไม่เว้น

ต้องเจอเรื่องราวสังคมชนิดด่านหน้า

เมื่อเราไม่ใช่พระ คนรอบข้างจึงจัดเต็มเสมอกัน

การทำจิตใจให้ผ่องใสจะช่วยได้มากครับ

เจ้าของ:  เช่นนั้น [ 28 ก.ค. 2015, 15:06 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: จะชนะความขี้เกียจภาวนา..ได้ด้วยอะไร?

กบนอกกะลา เขียน:
เคยไม่ครับ...ปฏิบัติภาวนาอยู่ดีดี...เกิดความขี้เกียจ...ขึ้นมา...

แล้วท่านมีกลเม็ดวิธีชนะความขี้เกียจเหล่านี้..อย่างไรบ้างคับ?

:b8:

ขี้เกียจหนอ ๆๆ

ไม่ได้พูดเล่นๆ เอามันนะครับ
เรื่องจริง ^ ^

เจ้าของ:  eragon_joe [ 28 ก.ค. 2015, 19:03 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: จะชนะความขี้เกียจภาวนา..ได้ด้วยอะไร?

:b6: :b6: :b6:

ตอนนี้กำลังนึกขี้เกียจสระผมง่ะ

:b22: :b22: :b22:

:b32: :b32: :b32:

เจ้าของ:  muisun [ 28 ก.ค. 2015, 19:50 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: จะชนะความขี้เกียจภาวนา..ได้ด้วยอะไร?

ให้เจริญธัมมวิจยะสัมโพชฌงค์ ปิติสัมโพชฌงค์ วิริยสัมโพชฌงค์ คือขยันละลึกรู้ ดูต้นจิต จะขี้เกียจดับๆ แล้วจิตจะเจริญก้าวหน้า หายเกียจคร้าน สนุกสนานในการพิจารณาธรรมทั้งวันทั้งคืนไม่ว่างไม่เว้น แล้วก็จะรู้เองเห็นเองว่าการดับขี้เกียจเค้าดับกันอย่างนี้ สมดังพระพุทธพจน์ที่พระองค์ทรงตรัสว่าไม่มีโทษอะไรที่จะร้ายแรงกว่าความเกียจคร้านเป็นไม่มี ตนแลฝึกได้ยาก แต่การฝึกตนไว้ดีแล้วนำความสุขมาให้ จะขี้เกียจดับๆ
s006
จากสายสืบสั่งสอนนิสัยศาสตร์

เจ้าของ:  วิริยะ [ 28 ก.ค. 2015, 20:08 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: จะชนะความขี้เกียจภาวนา..ได้ด้วยอะไร?

eragon_joe เขียน:
:b6: :b6: :b6:

ตอนนี้กำลังนึกขี้เกียจสระผมง่ะ

:b22: :b22: :b22:

:b32: :b32: :b32:
.. อิอิ สองอาทิตย์ สระครั้งก็ได้
ไม่เหม็นดอก .. :b13: :b32:

เจ้าของ:  วิริยะ [ 28 ก.ค. 2015, 20:13 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: จะชนะความขี้เกียจภาวนา..ได้ด้วยอะไร?

กบนอกกะลา เขียน:
เคยไม่ครับ...ปฏิบัติภาวนาอยู่ดีดี...เกิดความขี้เกียจ...ขึ้นมา...

แล้วท่านมีกลเม็ดวิธีชนะความขี้เกียจเหล่านี้..อย่างไรบ้างคับ?

:b8:
ชนะด้วย "สัจจะ"

"สัจจะ" ความจริงใจ ตั้งใจจริง ไม่โลเล หนักแน่น ไม่หวั่นไหวโยกคลอน เช่น ..

"ถ้าเรายังไม่บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณตราบใด เราจักไม่ลุกขึ้นตราบนั้น
แม้ว่าเลือดและเนื้อจะเหือดแห้งไป เหลือแต่หนัง เอ็นและกระดูกก็ตามที"

นี่ เรียกว่า สัจจะบารมี

:b1: :b1:

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 28 ก.ค. 2015, 20:18 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: จะชนะความขี้เกียจภาวนา..ได้ด้วยอะไร?

:b15: :b15: :b15:

มีแต่คำแนะนำดีดี...ทั้งน่านเลยคับ... :b8:

หน้า 1 จากทั้งหมด 2 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/