ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

อานุภาพของการเทศนาพระธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=50558
หน้า 1 จากทั้งหมด 3

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 22 ก.ค. 2015, 10:54 ]
หัวข้อกระทู้:  อานุภาพของการเทศนาพระธรรมจักร

พระพุทธองค์ทรงแสดงพระธรรมจักรแก่ปัญจวัคคีในครั้งนั้น
เสียงพระธรรมจักรได้บันลือขึ้นไปยังเทวโลกและพรหมโลกนับได้ ๒๒ ภพภูมิ
ตามเครื่องหมายรูปดาวสีน้ำเงิน (ดูภาพที่แสดงไว้)

ส่วนที่เป็นเป็นสีแดงนั้น คือ ๑ รูปพรหมที่ชั้นอสัญญสัตตพหรมนั้น
ไม่สามารถที่ฟังได้เพราะเป็นพรหมที่แต่รูปไม่มีจิต ที่เราเรียกกันว่าพรหมลูกฟัก

และอรูปพรหม ๔ ก็ไม่สามารถที่จะได้ยินเสียงพระธรรมจักรนั้นได้
ก็เพราะอรูปพรหมพวกนี้ไม่มีกาย ก็คือไม่มีหูที่จะฟังนั่นเอง

อาจมีข้อสังสัยว่า อบายภูมิ ๔ ไม่ได้ยินหรือ
ขอตอบว่า เพราะเสียงพระธรรมจักรจะบันลือขึ้นไปเฉพาะข้างบน

ไฟล์แนป:
พระองค์ทรงแสดงพระธรรมจักรครั้งแรก.jpg
พระองค์ทรงแสดงพระธรรมจักรครั้งแรก.jpg [ 103.79 KiB | เปิดดู 4976 ครั้ง ]

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 22 ก.ค. 2015, 11:54 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อานุภาพของการเทศนาพระธรรมจักร

s002
อรูปพรหมไม่ได้ยินเสียงเพราะไม่มีหู...จริงรึครับ.. :b9: :b9:

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 22 ก.ค. 2015, 12:26 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อานุภาพของการเทศนาพระธรรมจักร

กบนอกกะลา เขียน:
s002
อรูปพรหมไม่ได้ยินเสียงเพราะไม่มีหู...จริงรึครับ.. :b9: :b9:

อรูปพรหมเขามีแต่จิต ไม่มีรูป ฉะนั้นหูจึงไม่มีครับ

เจ้าของ:  eragon_joe [ 22 ก.ค. 2015, 13:10 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อานุภาพของการเทศนาพระธรรมจักร

กบนอกกะลา เขียน:
s002
อรูปพรหมไม่ได้ยินเสียงเพราะไม่มีหู...จริงรึครับ.. :b9: :b9:


:b34: :b34: :b34:

:b32: :b32: :b32:

นี่ หัดทำอรูปฌานหน่อยนะ จะได้รู้ว่า หู ไปไหน

:b32: :b32: :b32:

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 22 ก.ค. 2015, 13:36 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อานุภาพของการเทศนาพระธรรมจักร

:b34: :b34: :b34:

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 22 ก.ค. 2015, 20:23 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อานุภาพของการเทศนาพระธรรมจักร

ผมมีหู...แต่ก็เคยฟังไม่รู้เรื่องมาก่อนนะซิ...

ส่วนการไม่ได้ยิน...ก็อยู่ในประเภทเดียวกัน..

เลยงง..นิดนิด..ว่าอาการไม่ได้ยิน..นี้นะ...เพราะไม่มีรูป...ไม่มีหู..หรือ?

อิอิ :b13: :b13:

:b34: :b34: :b34:
ตีให้ก่อนเลยเอ้า..

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 22 ก.ค. 2015, 20:25 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อานุภาพของการเทศนาพระธรรมจักร

มีใครเคยไปอรูปพรหม...มัยคับ?

พบพรหมที่นั้น..บางป้าว

:b22: :b22: :b22:

เจ้าของ:  eragon_joe [ 22 ก.ค. 2015, 20:46 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อานุภาพของการเทศนาพระธรรมจักร

:b1: ...

มาปูเสื่อนั่งรออ่านธรรมสบาย ๆ ดีก่า อิอิ

:b16: :b16: :b16:

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 23 ก.ค. 2015, 04:36 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อานุภาพของการเทศนาพระธรรมจักร

กบนอกกะลา เขียน:
ผมมีหู...แต่ก็เคยฟังไม่รู้เรื่องมาก่อนนะซิ...

ส่วนการไม่ได้ยิน...ก็อยู่ในประเภทเดียวกัน..

เลยงง..นิดนิด..ว่าอาการไม่ได้ยิน..นี้นะ...เพราะไม่มีรูป...ไม่มีหู..หรือ?

อิอิ :b13: :b13:

:b34: :b34: :b34:
ตีให้ก่อนเลยเอ้า..

อ้างคำพูด:
ผมมีหู...แต่ก็เคยฟังไม่รู้เรื่องมาก่อนนะซิ...

ส่วนการไม่ได้ยิน...ก็อยู่ในประเภทเดียวกัน..


ก็ งง ๆ กับคำถามนี้เหมือนกันไม่รู้ถามอะไร แต่ก็จะพยายามเข้าใจ

การมีหูแต่ฟังไม่รู้เรื่อง หมายถึง จิตเกิดที่หูไม่สมบูรณ์ (หูตึง) คือจะเกิดที่หู แต่หูไม่สมบูรณ์
เหมือนคนหูหนวกหูตึง คือหูอันเป็นที่เกิดของจิตไม่สมบูรณ์หรือพิการไม่สามารถ
ทำให้จิตอาศัยเกิดได้เพื่ออาศัยรับรู้การได้ยิน

เหมือนคนขึ้นต้นไม้ หรือปีนหน้าผาจะพยายามจะขึ้น แต่ก็หมดแรงเสียก่อน
ก็เลยขึ้นไม่สำเร็จตกลงมาอีก พยายามจะขึ้นอีกก็ตกมาอีก
หรือที่เรานอนหลับแล้วก็มีอาการที่เรามักจะเรียกว่าผีอำนั่นเอง พยายามจะทำให้สำเร็จ
แต่ก็ไม่สำเร็จ ถ้าเป็นทางธรรมเรียกว่าจิตขึ้นไม่สิ้นสุดวิถี ตกภวังคจิตไปเสียก่อน



อ้างคำพูด:
ส่วนการไม่ได้ยิน...ก็อยู่ในประเภทเดียวกัน..


ส่วนการไม่ได้ยินเกิดจาก หูไม่เกิดความใส(ปสาท)จึงทำให้จิตอาศัยเกิดขึ้นไม่ได้
หรือจิตขาดการโยนิโส (ไม่ตั้งใจฟัง) การรับรู้เสียงจึงบกพร่องไป

อ้างคำพูด:
เลยงง..นิดนิด..ว่าอาการไม่ได้ยิน..นี้นะ...เพราะไม่มีรูป...ไม่มีหู..หรือ?

อิอิ


ในอรูปพรหมเขาไม่มีมี "กาย" ก็หมายถึงรูปทั้งหมด มี ตา หู จมูก ลิ้น กาย เหล่านี้ไม่มี
เมื่อมันไม่มี มันก็ไม่มีที่ตั้งของจิตเพื่อรับรู้ สี เสียง กลิ่น รส สัมผัส จริงไม๊

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 23 ก.ค. 2015, 05:18 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อานุภาพของการเทศนาพระธรรมจักร

กบนอกกะลา เขียน:
มีใครเคยไปอรูปพรหม...มัยคับ?

พบพรหมที่นั้น..บางป้าว

:b22: :b22: :b22:

ผู้ได้อภิญญาย่อมไปได้ แต่จะไม่นิยมที่จะไปเพราะไปก็เหมือนอากาศเป็นความว่างเปล่า
แต่ถ้าถามว่าทุกคนเคยไปเกิดในอรูปพรหมไหม ตอบว่าทุกคนเคยไปเกิดมาแล้วทั้งนั้น
ในวัฏฏสงสารอันยาวนานนี้ เราเคยเกิดกันมาแล้วทั้งนั้น มีนรก เปรต อสุรกาย เดรัจฉาน เทวดา
พรหม แต่ในพรหมโลกที่เราไปเกิดนั้นจะต้องได้ฌานและอภิญญาทั้งสิ้น ก็แสดงว่าเราเคยได้ฌาน
อภิญญามาแล้วด้วยกันทุกคนในอดีต เราจำกันได้หรือไม่ว่า เราได้เกิดมากี่ครั้งในแต่ละที่
จะหมุนไปอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก และเชื่อแน่ว่าไม่มีใครจำได้

พระพุทธเจ้าตรัสว่าสงสารนี้กำหนดที่สุดและเบื้องต้นไม่ได้ เมื่อหมู่สัตว์ผู้มีอวิชชากางกั้น
มีตัณหาเป็นเครื่องประกอบไว้ท่องเที่ยวไปมาอยู่ ที่สุดและเบื้องต้นย่อมไม่ปรากฎ
พระพุทธองค์ทรงแสดงให้เราทราบว่า ทุกคนที่เกิดมานี้ล้วนแต่มีบรรพบุรุษสืบสายกันมานับไม่ถ้วน
ทั้งทางฝ่ายมารดาและบิดา

โดยทรงเปรียบเทียบกับผืนแผ่นดินใหญ่นี้ว่าถ้าเราจะเอาดินมาปั้นเป็นก้อนเล็กๆเท่าเมล็ดกระเบา
แล้วสมมุติให้ก้อนนี้เป็นมารดาของเรา ก้อนนี้เป็นมารดาของมารดาเราเป็นลำดับไป
มารดาของมารดาเราจะไม่ถึงความสิ้นสุด แต่ดินบนผืนแผ่นดินใหญ่นี้จะพึงหมดไปเสียก่อน
แม้ในฝ่ายบรรพบุรุษของบิดาก็เช่นเดียวกัน

เราได้เสวยความทุกข์เดือดร้อน ร้องไห้ คร่ำครวญกันมานานไม่น้อยเลย พระพุทธองค์
ตรัสว่า น้ำตาของเราผู้ร้องไห้อยู่ในสงสารอันยาวนานนี้ ยังมากกว่าน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ รวมกัน
เสียอีก ร่างกายของเรานั้นเล่าก็นอนทับถมพื้นดินกันมานานมิใช่น้อย จนนับประมาณมิได้

ตลอดเวลาที่เราท่องเที่ยวอยู่ในสงสารนี้ บางคราวก็จากโลกนี้ไปสู่โลกอื่น บางคราวก็จากโลก
อื่นมาสู่โลกนี้ เวียนวนไปมาอยู่อย่างนี้ โดยไม่อาจกำหนดที่สุดของการเกิดของเราได้เลย
ตราบเท่าที่ยังไม่เห็นอริยสัจ ๔
ทุกข์นั้นมีมากมาย แต่ไม่มีทุกข์อะไรที่น่ากลัวยิ่งกว่า ทุกข์ในวัฏฏะ อันมีการเวียนเกิดเวียนตาย
ที่หาจุดจบมิได้ เกิดทีไรก็เป็นทุกข์ทีนั้น การเกิดบ่อยๆ จึงเป็นทุกข์ การไม่ต้องเกิดเป็นอะไรเลยเป็นความสุข
ฉะนั้นการแสวงหาฌานแสวงหาอภิญญาล้วนแล้วยังเป็นเรื่องของการแสวงหาสังสารวัฏฏ์ที่ไม่มีสิ้นสุด

มีข้อยกเว้นในสุทธาวาสภูมิ ๕ (เครื่องหมายสีแดง)จะไม่มีใครเคยไปเกิดในที่นั้นเลย
เพราะผู้ที่จะไปเกิดได้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่ได้จตุตถฌานเป็นอย่างน้อยและจะต้องสำเร็จเป็นพระอนาคามี
เป็นอย่างต่ำ เมื่อผู้ใดไปเกิดในที่นั้นก็ย่อมดับขันธ์ปรินิพพานในที่นั้นเลย จะไม่มีโอกาสกลับมาเกิดยังโลกไหนๆอีกต่อไป

ไฟล์แนป:
1.jpg
1.jpg [ 63.87 KiB | เปิดดู 4891 ครั้ง ]

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 23 ก.ค. 2015, 05:56 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อานุภาพของการเทศนาพระธรรมจักร

:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  ปลีกวิเวก [ 23 ก.ค. 2015, 12:47 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อานุภาพของการเทศนาพระธรรมจักร

กบนอกกะลา เขียน:
มีใครเคยไปอรูปพรหม...มัยคับ?

พบพรหมที่นั้น..บางป้าว

:b22: :b22: :b22:


ถ้าบอกว่าเคยไป..จะเชื่อไหม?

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 23 ก.ค. 2015, 15:10 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อานุภาพของการเทศนาพระธรรมจักร

ในอรูปภูมิ ๔ นั้นเราไม่น่าจะต้องพลาดโอกาสที่จะต้องรู้เสียมิได้ นั่น คือ
อาจารย์ของพระพุทธเจ้า ๒ ท่าน ได้แก่ อุทกดาบส และอาฬารดาบส ผู้ที่ได้เสียชีวิตไปก่อนหน้า
ที่พระพุทธเจ้าเพียง ๗ วัน กับ ๑ วัน ท่านอุทกดาบสได้ไปเกิดในชั้นเนวสัญญานาสัญญายตนะภูมิ
ส่วน อาฬารดาบสได้ไปเกิดเสียในชั้น อากิญจัญญายตนะภูมิ

"โอหนอ น่าเสียดายอาจารย์ทั้งสอง ฉิบหายจากความดีเสียแล้ว"

อรูปพรหมมีแต่นามไม่มีรูป อายุของอรูปพรหมมีอายุ ๘๔.๐๐๐ มหากัปป์
กว่าจะจุติจากอรูปพรหมไปปฏิสนธิใหม่ พระพุทธเจ้าจะไม่พยากรณ์เลยว่าจะไปเกิดในภพใหม่อีกเมื่อใด
และประมาณว่าพระพุทธเจ้าจะมาอุบัติขึ้นในจักรวาลนี้จนนับไม่ถ้วน ท่านทั้งสองก็ยังตั้งอยู่อย่างนั้น
เหตุนี้พระพุทธองค์จึงอุทานว่า"ฉิบหายจากความดีเสียแล้ว" คือไม่สามารถที่จะบรรลุธรรมชั้นสูงได้

ไฟล์แนป:
1.jpg
1.jpg [ 18.66 KiB | เปิดดู 4852 ครั้ง ]

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 23 ก.ค. 2015, 20:54 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อานุภาพของการเทศนาพระธรรมจักร

ปลีกวิเวก เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
มีใครเคยไปอรูปพรหม...มัยคับ?

พบพรหมที่นั้น..บางป้าว

:b22: :b22: :b22:


ถ้าบอกว่าเคยไป..จะเชื่อไหม?


ก็ต้องบอกมาด้วยซิว่า...เจออรูปพรหม..อะป้าว..นะ :b12: :b12:

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 23 ก.ค. 2015, 20:57 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อานุภาพของการเทศนาพระธรรมจักร

ลุงหมาน เขียน:
ในอรูปภูมิ ๔ นั้นเราไม่น่าจะต้องพลาดโอกาสที่จะต้องรู้เสียมิได้ นั่น คือ
อาจารย์ของพระพุทธเจ้า ๒ ท่าน ได้แก่ อุทกดาบส และอาฬารดาบส ผู้ที่ได้เสียชีวิตไปก่อนหน้า
ที่พระพุทธเจ้าเพียง ๗ วัน กับ ๑ วัน ท่านอุทกดาบสได้ไปเกิดในชั้นเนวสัญญานาสัญญายตนะภูมิ
ส่วน อาฬารดาบสได้ไปเกิดเสียในชั้น อากิญจัญญายตนะภูมิ

"โอหนอ น่าเสียดายอาจารย์ทั้งสอง ฉิบหายจากความดีเสียแล้ว"

อรูปพรหมมีแต่นามไม่มีรูป อายุของอรูปพรหมมีอายุ ๘๔.๐๐๐ มหากัปป์
กว่าจะจุติจากอรูปพรหมไปปฏิสนธิใหม่ พระพุทธเจ้าจะไม่พยากรณ์เลยว่าจะไปเกิดในภพใหม่อีกเมื่อใด
และประมาณว่าพระพุทธเจ้าจะมาอุบัติขึ้นในจักรวาลนี้จนนับไม่ถ้วน ท่านทั้งสองก็ยังตั้งอยู่อย่างนั้น
เหตุนี้พระพุทธองค์จึงอุทานว่า"ฉิบหายจากความดีเสียแล้ว" คือไม่สามารถที่จะบรรลุธรรมชั้นสูงได้


น่าศึกษา..น่าศีกษา... rolleyes

หน้า 1 จากทั้งหมด 3 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/